ตอนที่ ๒ ท้าวสันนุราชชุบตัว

ช้าปี่

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงพระหลวิไชยเชษฐา
เมื่อพระคาวีสิ้นชีวา ในอุราร้อนรุมดังสุมไฟ
จึงดูดอกประทุมที่เสี่ยงทาย ก็กลับกลายมัวหมองไม่ผ่องใส
พระเร่งตระหนกตกใจ เหตุไฉนฉนี้เจ้าพี่อา
ทุกข์ร้อนอย่างไรก็ไม่รู้ จำกูจะไปเที่ยวตามหา
แม้นมิพบน้องแก้วแววตา พี่ยาไม่กลับเข้ากรุงไกร

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดพลางทางสั่งมเหษี สร้อยสุดานารีศรีใส
พี่ขอลาโฉมงามทรามไวย รีบไปตามหาพระคาวี
แม้นพระบิดาบัญชาถาม จึงทูลความให้ทราบบทศรี
สั่งพลางทางเสด็จจรลี มาเข้าที่สระสรงคงคา

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ ทรงเครื่องประดับการพรายพรรณ จับพระขรรค์เยื้องย่างออกข้างน่า
ยกพระหัดถ์มัสการเทวา ทุกเหวผาท่าทางกลางดง
แม้นน้องของข้าอยู่แห่งใด ช่วยนำไปให้พบสบประสงค์
แล้วรีบออกนอกวังดังจำนง เสด็จตรงมาตามมรคา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เดชะความสัตย์ซื่อถือมั่น เทวัญช่วยพิทักษ์รักษา
บันดาลดลใจให้ไคลคลา ย่อย่นมรคาพนาลี
ทางไกลเดือนหนึ่งมาครึ่งวัน ถึงจันทบุราบุรีศรี
ไม่พบคนไปมาทั้งธานี ภูมีลดเลี้ยวเที่ยวดู
แลเห็นพระขรรค์ทันใด หยิบได้เขม้นอยู่เปนครู่
แม่นมั่นพระขรรค์ของน้องกู เหตุใดมาอยู่กลางอัคคี
ชรอยน้องรักเจ้าตักไษย ทำไฉนจะพบทรากผี
ยิ่งวิโยคโศกศัลย์พันทวี ภูมีลดเลี้ยวเที่ยวมา

ฯ ๘ คำ ฯ

โอ้ลาว

๏ เดินพลางทางคนึงถึงน้อง ครวญคร่ำร่ำร้องเรียกหา
โอ้เจ้าคาวีของพี่ยา แก้วตาจะเปนประการใด
พระขรรค์นี้ชีวิตรก็ย่อมรู้ มาทิ้งอยู่ไกลองค์น่าสงไสย
ชรอยคนฆ่าฟันเจ้าบรรไลย พี่จึงไม่ประสบพบพาน
ใครหนอสามารถอาจอง แกล้งมาจำนงจงผลาญ
ล้างชีพน้องชายกูวายปราณ ไม่นานจะได้เห็นกัน
กูจะทำทดแทนให้แสนสา แล่เนื้อเกลือทาจนอาสัญ
ร่ำพลางทางเสด็จจรจรัล ทรงธรรม์เที่ยวแสวงทุกแห่งไป

ฯ ๘ คำ ฯ เพลงเร็ว

ร่าย

๏ ถึงหาดทรายชายฝั่งชลธี เห็นคาวีน้องรักตักไษย
วิ่งเข้าสร้วมสอดกอดไว้ พระร่ำไรโศกาจาบัลย์

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่

๏ โอ้ว่าอนิจจาพระน้องแก้ว ทิ้งพี่เสียแล้วไปสู่สวรรค์
เราไร้สุริวงศพงศ์พันธุ์ ได้เห็นกันพี่น้องสองชาย
เคยร่วมโศกร่วมศุขทุกข์ยาก มาตายจากพี่ไปน่าใจหาย
ไม่รู้เหตุผลต้นปลาย เจ้าม้วยมอดวอดวายด้วยอันใด
กรรมแล้วแก้วตาของพี่เอ๋ย ใครเลยจะช่วยแก้ไข
ร่ำพลางทางทรงโศกาไลย สอื้นไห้ไม่เปนสมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ ครั้นค่อยคลายวายความโศกศัลย์ จึงพิศดูพระขรรค์ไชยศรี
เปนแต่มัวหมองต้องอัคคี เห็นทีจะไม่ม้วยมรณา
จึงตั้งความสัตย์อธิฐาน เดชะคุณอาจารย์ฌานกล้า
ขอให้องค์พระอนุชา รอดชีพชีวาคืนคง
แล้วเป่าปัดขัดสีพระขรรค์แก้ว ผ่องแผ้วสิ้นเท่าธุลีผง
จึงเอาน้ำชำระลดลง ก็กลับฟื้นคืนองค์เปนมา

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ รัว

๏ เมื่อนั้น พระคาวีลืมเนตรเห็นเชษฐา
ชื่นชมก้มกราบกับบาทา แล้วมีวาจาว่าไป
คุณของพระองค์ทรงธรรม์ พ้นที่จะพรรณาได้
น้องนี้โฉดเฉาเบาใจ หลงใหลเล่ห์กลสัตรี
จึ่งเล่าความแต่ต้นจนปลาย บรรยายให้ฟังถ้วนถี่
ครั้งนี้น้องแค้นแสนทวี จะตามตัดเกษีมันเสียบไว้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระเชษฐายิ้มแย้มแจ่มใส
จึงว่าเจ้าพลั้งพลาดประมาทใจ พระฤๅษีสอนไว้ไม่ยั้งคิด
อันเชื้อชาติช้างสารแลงูเห่า ข้าเก่าเมียรักอย่าวางจิตร
ทั้งสี่อย่างมักล้างเอาชีวิตร เจ้าไม่จำทำผิดจึงบรรไลย
น้อยฤๅอีเถ้าเจ้าเล่ห์ โว้เว้พานางไปข้างไหน
จะแก้แค้นแทนทำให้หนำใจ ตามไปฆ่าเสียให้วอดวาย
ตรัสพลางทางชวนอนุชา สองราจรจรัลผันผาย
เห็นรอยเกลื่อนกลาดที่หาดทราย สำคัญมั่นหมายตามมา

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ร่องรอยสูญหายที่ท้ายเมือง ลดเลี้ยวเที่ยวชำเลืองแลหา
เห็นแต่ทางลงในคงคา จึงตรองตรึกปฤกษาพระคาวี
ดีร้ายยายเถ้าทรชน พานางนฤมลลงเรือหนี
น้ำเชี่ยวนักหนาน่านี้ เห็นทีจะล่องลงไป
บ้านเมืองทิศนี้จะมีอยู่ จะตามดูให้สิ้นสงไสย
ว่าพลางทางพากันคลาไคล เลียบไปริมแนวนที

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ หลายวันดั้นเดินในป่าชัฏ มาถึงพัทธวิไสยกรุงศรี
จึงหยุดยั้งอยู่นอกธานี แล้วพูดจาพาทีกับน้องชาย
ครั้งนี้ตัวเราจะเข้าไป กลัวเกลือกจะไม่เหมือนหมาย
ถ้าอีเถ้าทรชนคนร้าย รู้จักทักทายจะเสียที
จะต้องทำโดยหนักหักหาญ รบราญต้านต่อไม่พอที่
จะป้องปิดกิตติศัพท์ให้ลับลี้ ให้ได้โดยดีด้วยปรีชา
พี่คิดจะจำแลงแปลงองค์ เปนดาบศธุดงค์มาแต่ป่า
จะแปลงตัวเจ้าเท่าตุ๊กกะตา อยู่ในย่ามพี่ยาจะพาไป
ว่าแล้วหลับตาตั้งสติ ตามลัทธิอาจารย์สอนให้
โอมอ่านพระเวทเรืองไชย จำแลงแปลงได้ดังจินดา

ฯ ๑๐ คำ ฯ ตระ

๏ พี่ชายกลายเพศเปนดาบศ ทรงพรตงดงามนักหนา
พระคาวีลงซ่อนกายา อยู่ในย่ามเชษฐาทันใด
ครั้นเสร็จสมคิดนิมิตรกาย ถือไม้เท้าตะพายย่ามใหญ่
พัดขนนกป้องหน้าคลาไคล เดินไปตามตรอกนอกภารา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เที่ยวสืบแสวงหวังจะฟังข่าว ประชาชาวเรือกสวนถ้วนหน้า
ไม่รู้เหตุผลคนพูดจา จึงหยุดอยู่ยังศาลาน่าเวียงไชย

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ตั้งแต่ได้จันท์สุดายาใจ มาไว้ในที่มณเฑียรทอง
สุดแสนรักใคร่ใหลหลง นางไม่ปลงประดิพัทธิ์ให้ขัดข้อง
พระครวญคร่ำดำริห์ตริตรอง ไฉนหนอนวลลอองจะเอนดู
ทำเสน่ห์เล่ห์กลก็หลายสิ่ง นางยิ่งด่าว่าน่าอดสู
สิ้นตำหรับตำราวิชาครู เพราะกายกูแก่เกินขนาดไป
จำจะหามุนีฤๅษีสิทธิ์ ที่เรืองฤทธิ์ชุบรูปเราเสียใหม่
ให้หนุ่มน้อยโสภายาใจ เห็นจะได้เชยชมสมคิด

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ ดำริห์พลางทางมีบัญชา ตรัสสั่งเสนาคนสนิท
จงตีฆ้องร้องป่าวไปทั่วทิศ หาผู้รู้วิทยาคุณ
จะให้ชุบรูปกูแก่ชรา เปนหนุ่มน้อยโสภาพึ่งแรกรุ่น
ถ้าสมคิดกัลยาการุญ จะแทนคุณแบ่งเมืองให้กึ่งกัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งขมีขมัน
ถวายบังคมลาออกมาพลัน แยกกันป่าวร้องรอบบุรี

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

สามเส้า

๏ เมื่อนั้น พระหลวิไชยฤๅษี
นั่งอยู่ในศาลาริมธานี ชักประคำทำทีเคร่งครัด
เห็นเขาป่าวร้องมาตามถนน ประหลาดอยู่ผู้คนแออัด
เงี่ยหูนิ่งฟังนั่งมัธยัต มิได้ตรัสว่าขานประการใด

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ บัดนั้น เสนีตีฆ้องร้องมาใกล้
เห็นพระผู้เปนเจ้าก็เข้าไป หยุดยั้งนั่งไหว้วันทา
แล้วปราไสไต่ถามพระดาบศ ทรงพรตงดงามเปนนักหนา
ได้เรียนร่ำบำเพ็ญภาวนา รู้วิชาชุปตัวมั่งฤๅไร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระฤๅษีได้ฟังยังสงไสย
แกล้งทำสำรวมจิตรใจ มิใคร่จะพูดจาพาที
กะทั่งไอกะแอมแย้มเยื้อนถาม เหตุผลต้นความอย่างไรนี่
จะชุบตัวใครเปนไรมี ความรู้สิ่งนี้เราเรียนไว้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อำมาตย์ผู้มีอัชฌาไศรย
ฟังพระมุนีก็ดีใจ กราบไหว้เคารพนบน้อม
จึงบอกว่าท่านท้าวเจ้าภารา ได้นางจันท์สุดาผมหอม
เกี้ยวพานพูดจาไม่ยินยอม ด้วยท้าวเธอแก่หง่อมไม่งดงาม
จึงตรัสใช้ให้พวกข้าพเจ้า เที่ยวตีฆ้องร้องเป่าไต่ถาม
จะหาพระมุนีชีพราหมณ์ ชุบรูปให้งามพึงใจ
แม้นนางโฉมยงปลงรัก ทรงศักดิ์จะแบ่งสมบัติให้
พระองค์ทรงญาณชาญไชย ชุบได้ช่วยเอ็นดูภูมี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระหลวิไชยฤๅษี
รู้ว่าจันท์สุดานารี ไม่ยินดีด้วยท้าวเจ้าภารา
นึกชมน้องสใภ้อยู่ในจิตร สุจริตรักผัวเปนนักหนา
จำกูจะแก้เผ็ดพระยา ลวงฆ่าเสียให้มันบรรไลย
คิดพลางจึงว่ากับเสนี เปนไรมีรูปพอจะรับได้
ถึงอายุแก่เถ้าสักเท่าไร จะชุบให้หนุ่มน้อยน่าเอนดู
รูปไม่พอใจดอกออกตัวตน แต่ได้มานิมนต์ก็จนอยู่
เมตตาตั้งมั่นกตัญญู จะอุปถัมภ์ค้ำชูภูมี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาเชื่อถือพระฤๅษี
จึงพาผู้เปนเจ้าเข้าบุรี ยินดีเดินด่วนรีบมา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงวังให้ยั้งหยุดอยู่ ที่ทิมริมประตูข้างน่า
เสนีนายใหญ่ก็ไคลคลา เข้ามาเฝ้าองค์พระทรงยศ
บังคมทูลแถลงแจ้งเหตุผล ตามกระแสแต่ต้นไปจนหมด
จะสมหวังดังหนึ่งมโนรถ เพราะพระดาบศองค์นี้

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเกษมศรี
มาต้อนรับขับสู้พระมุนี ให้ขึ้นนั่งยังที่แท่นรัตน์
พระเคารพนบนอบนมัสการ ประเคนพานหมากพลูเภสัช
ร้องเรียกเสนาเข้ามาพัด ปฏิบัติวัดถากพระอาจารย์

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า

๏ แล้วตรัสปราไสสนทนา ด้วยวาจาสุนทรอ่อนหวาน
ทุกวันนี้มีธุระรำคาญ เกี้ยวพานผู้หญิงเขาชิงชัง
เพราะแก่หง่อมผอมซูบรูปร่าง แก้มคางไม่ครัดเคร่งเปล่งปลั่ง
ฟันฟางห่างหกระยำมัง ถอยกำลังพลังลงมากมาย
ถ้าพระองค์ช่วยชุบให้หนุ่มได้ โภไคยไอสวรรย์จะปันถวาย
ทรัพย์สินสิ่งใดไม่เสียดาย แต่สมหมายหนุ่มงามก็ตามที
นวลนางจันท์สุดาจะการุญ ก็เพราะได้พึ่งบุญพระฤๅษี
ซึ่งจะชุบรูปโฉมโยมนี้ ต้องตั้งกิจพิธีประการใด

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น พระฤๅษีเสแสร้งแถลงไข
รูปเปนมุนีชีไพร โภไคยไอสูรย์ไม่ปูนปอง
แต่รู้ข่าวว่ามหาบพิตร มีกิจกังวลหม่นหมอง
จึงมาช่วยธุระรับรอง หวังสนองพระคุณภูวไนย
อันจะตั้งการกิจพิธี ตามคัมภีร์พรหเมศเพศไสย
เฉภาะแต่ตัวรูปกับท้าวไท ใครใครมิให้เข้ามาเล้าลุม
จงเอาม่านมาบังไว้เจ็ดชั้น ที่ในนั้นขุดลงให้เปนหลุม
แล้วเอาฟืนใส่ไฟประชุม จะอ่านเวทชุมนุมเทวา
เชิญท้าวเข้านั่งในกองไฟ สำรวมใจหลับเนตรทั้งซ้ายขวา
จึงจะชุบบพิตรด้วยวิทยา ให้โสภาหนุ่มน้อยนงเยาว์

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชคนโหดโฉดเฉา
งวยงงหลงใหลด้วยใจเบา ไม่รู้เท่าเล่ห์กลพระมุนี
จึงตรัสสั่งเสนีขมีขมัน จงเกณฑ์กันปันปักน่าที่
ขุดหลุมสุมใส่อัคคี เราจะตั้งพิธีชุบตัว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งพระอยู่หัว
รีบเร่งออกมาด้วยความกลัว บอกกันทุกทั่วพนักงาน
บ้างขุดหลุมสุมฟืนใส่ไฟ แล้วปักไม้หลักมั่นกั้นม่าน
บ้างปัดปูเสื่อสาดดาดเพดาน ทำตามภูบาลบัญชา

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเร่งหรรษา
จึงชำระสระสรงคงคา แล้วทรงผ้าพื้นขาวเขียนทอง
ทรงสพักปักตะนาวขาวสอาด เข็มขัดคาดถักสายลายสอง
ครั้นเสร็จสมคิดดังจิตรปอง ก็เยื้องย่องเข้าไปในม่านบัง

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น พระฤๅษีชื่นชมสมหวัง
จึงจูงท้าวก้าวขึ้นบนบัลลังก์ สอนให้นั่งผินหน้าเข้าหาไฟ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชร้อนเหลือจนเหงื่อไหล
ลุกทลึ่งตึงตังตกใจ แล้วว่าทนไม่ได้พระมุนี
เอออะไรให้นั่งริมกองเพลิง เนื้อหนังจะปอกเปิงเสียแล้วนี่
มันจะงามมิงามก็ตามที เช่นนี้แล้วเห็นไม่เปนการ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระดาบศยิ้มพลางทางว่าขาน
ใจคอท้อแท้ไม่ทนทาน จะทำให้เสียการเสียทั้งคราว
แต่ถูกร้อนนิดหนึ่งก็ถอยหนี นี่ฤๅยังจะมีเมียสาว
รู้กระนี้ขี้คร้านชุบท้าว เอออะไรใจราวกับปลาซิว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชฟังว่าทำหน้านิ่ว
สุดที่จะคิดบิดพลิ้ว จึงนบนิ้ววอนว่าพระมุนี
ข้าดูไฟในหลุมเหลือกำลัง ทั้งที่นั่งหมิ่นนักพระฤๅษี
ถ้าแม้นพลัดผลุงลงตรงอัคคี ราวกะตกอวิจีเปนจุณไป
อย่าเพ่อโกรธโปรดเถิดพระอาจารย์ ช่วยคิดอ่านยักหาตำราใหม่
อย่าให้ต้องกองฟืนใส่ไฟ จะไม่ได้เจียวฤๅพระสิทธา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระฤๅษีเสแสร้งแกล้งว่า
ฤๅท้าวไทไม่เชื่อวิทยา จะให้เห็นแก่ตาเสียด้วยกัน
ว่าพลางทางหยิบเอาขี้ผึ้ง มาเคล้าคลึงต่อติดประดิษฐ์ปั้น
เปนรูปคนเสร็จสรรพฉับพลัน ให้ท้าวสันนุราชทัศนา
เราจะชุบรูปนี้ด้วยเวทมนต์ ให้เปนคนน่ารักหนักหนา
ท้าวจงผินหลังนั่งหลับตา อย่าผันแปรแลมาข้างนี้
ว่าพลางทางทำเล่ห์กล ปากบ่นบริกรรมทำอู้อี้
แล้วผลักรูปปั้นนั้นทันที ตกกลางอัคคีละลายไป
จึงเอาพระคาวีออกจากย่าม จะให้เห็นสมความว่าชุบได้
นั่งแทนรูปปั้นไว้ทันใด สกิดให้พระยาลืมตาดู

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสันนุราชเขม้นอยู่เปนครู่
หมายว่ารูปปั้นไม่ทันรู้ พิศดูงามประกอบชอบอารมณ์
จึงผินมาว่ากับพระมุนี แต่อย่างนี้ก็งามเสียมิถม
จงโปรดช่วยชุบข้าด้วยอาคม ให้โสภาน่าชมเหมือนรูปนี้
โยมจะไปนั่งอยู่อย่างเก่า ถึงร้อนเร่าเท่าไรไม่ถอยหนี
แล้วลุกเข้าไปใกล้อัคคี ภูมีนั่งนิ่งพนมมือ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระดาบศเห็นท้าวเธอเชื่อถือ
แกล้งหยิบเอาพัดปัดกระพือ ให้เพลิงฮือสมหวังดังใจ
แล้วเดินเวียนวนบ่นบริกรรม งึมงำพึมพำเข้ามาใกล้
ได้ทีผลักท้าวเจ้ากรุงไกร คะมำม้วนลงไปในอัคคี

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอด

๏ เห็นม้วยมุดคุดคู้อยู่ในหลุม เอาฟืนสุมใส่เข้าเหมือนเผาผี
ทรากศพโทรมสิ้นก็ยินดี ท่อยทีสรวลสันต์สำราญใจ
จึงให้น้องแต่งองค์ทรงเครื่อง แทนท้าวเจ้าเมืองที่ม้วยไหม้
แล้วสั่งคนข้างนอกออกไป เร่งให้ประโคมขึ้นบัดนี้

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พนักงานสังคีตดีดสี
แตรสังข์กังสดาลดนตรี ประโคมขึ้นอึงมี่นี่นัน

ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี

๏ เมื่อนั้น พระฤๅษีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
จึงดำเนินเดินตามพระน้องนั้น ออกจากม่านกั้นมิทันช้า

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ขึ้นยังพระโรงรัตน์รูจี นั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างน่า
พร้อมหมู่อำมาตย์มาตยา เข้ามาเฝ้าแหนแน่นไป

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาข้าเฝ้าน้อยใหญ่
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมใจ ตลึงตไลแลดูไม่พริบตา
พิศไหนไม่เสียแต่สักสิ่ง งามจริงยิ่งมนุษย์ในใต้หล้า
ต่างบังคมชมโฉมพระราชา สำคัญว่าท่านท้าวเจ้ากรุงไกร
บ้างชมวิทยาพระอาจารย์ เชี่ยวชาญชุบแก่เปนหนุ่มได้
แซ่ซ้องร้องอำนวยอวยไชย อื้ออึงคนึงไปทุกตัวคน

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

ช้าปี่

๏ เมื่อนั้น พระคาวีนิ่งคิดขัดสน
จะทักทายเสนาสามนต์ ไม่รู้จักสักคนก็จนใจ
จำจะพูดย้อนยอกหลอกลวง มิให้คนทั้งปวงสงไสย
คิดพลางทางตรัสประภาษไป เราชุบตัวใหม่ยังไม่สบาย
ใจจิตรคิดเฟือนไม่เหมือนเก่า ลืมบรรดาข้าเฝ้าทั้งหลาย
ใครเปนที่หมื่นขุนมุลนาย จดหมายรายชื่อมาให้เรา

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ แล้วเสแสร้งแกล้งว่ากับดาบศ นิมนต์งดอยู่ก่อนผู้เปนเจ้า
สักสองวันสามวันพอบันเทา ให้ใจคอคงเก่าจึงค่อยไป
ว่าพลางทางชวนพระฤๅษี ลงจากที่แท่นทองผ่องใส
ยุรยาตรเยื้องย่างเข้าข้างใน ใส่ไคล้ให้เหมือนเจ้าธานี

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีมเหษี
มาคอยรับเสด็จพระสามี อยู่ที่ฉากกั้นชั้นใน
เห็นพระคาวีดำเนินมา สำคัญว่าท้าวผัวชุบตัวใหม่
น้อยฤๅรูปร่างช่างกะไร งามล้ำเหลือใจเจียวพ่อคุณ
หนุ่มน้อยน่ารักหนักหนาหนอ ปากคอคิ้วตาเหมือนหน้าหุ่น
ท่วงทีทอดกรอ่อนลมุน ให้ว้าวุ่นพิศวาศเพียงขาดใจ
จึงวิ่งออกไปรับถึงลับแล จะเจียมตัวว่าแก่ก็หาไม่
ชม้อยชม้ายชายดูภูวไนย ยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยลอยหน้าตา
กราบถวายบังคมชมโฉมผัว ช่างชุบตัวใหม่เหมาะเปนนักหนา
ดูไหนให้ประกอบชอบอัชฌา กัลยานิยมสมคิด
เห็นพระเฉยเชือนไม่เยื้อนทัก ความรักยื่นมือมาสกิด
แกล้งทำเลียมและกระแชะชิด สบิ้งสบัดดัดจริตกิริยา
นิจจาเอ๋ยพระทูลกระหม่อมแก้ว ลืมเมียเสียแล้วกระมังหนา
ไม่ผินภักตร์ทักทายพูดจา ฤๅเห็นแก่ชราจะหย่าร้าง
เมื่อท้าวหนุ่มข้าสาวคราวนั้น สัญญากันว่าไม่ทิ้งขว้าง
เดี๋ยวนี้มาสเทินเขินค้าง จะพูดกับเมียบ้างเปนไรมี

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีขวยเขินเมินหน้าหนี
นึกในใจพลางนางคนนี้ จะเปนมเหษีแล้วดีร้าย
ท่วงทีอีเถ้ามิใช่ชั่ว หน้าเปนเล่นตัวใจหาย
จะเสแสร้งแกล้งทำทักทาย ก็คิดอายอดสูไม่รู้ฤทธิ์
เห็นนางเข้ามาว่าจู้จี้ น่าบัดสีขี้เกียจเกลียดจริต
เมินหนีเสียมิได้เข้าใกล้ชิด แล้วสกิดดาบศให้ตอบความ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระฤๅษีเสแสร้งแกล้งร้องห้าม
สีกาอย่าด่วนลวนลาม เดินตามติดพันกระนั้นนัก
ท้าวเธอพึ่งชุบตัวใหม่ หลงใหลลูกเมียไม่รู้จัก
ชะช่างชำเลืองเยื้องยัก จะวัดถูกจมูกหักเสียสักที
ฉวยกระไรไม่รู้นะสีกา แล้วอย่าติโทษโกรธฤๅษี
บอกให้รู้ตัวแต่หัวที ถ้าแม้นมิฟังห้ามก็ตามใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางคันธมาลีหลงใหล
สาละวนแลดูภูวไนย รักใคร่รูปโฉมโนมพรรณ
ได้ยินพระสิทธาเธอร้องห้าม นางสเทินเขินขามคิดพรั่น
หยุดยั้งรั้งรอไม่จรจรัล แล้วเลี้ยวไปยืนกั้นหน้าไว้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีเคืองขัดอัชฌาไศรย
ดำเนินเดินหนีนางไป ขึ้นสู่ปราสาทไชยไพชนต์

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ นั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาลย์ สาวสนมหมอบกรานอยู่เกลื่อนกล่น
พระชายเนตรดูทั่วทุกตัวคน ใส่กลมิให้ใครกินใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น กำนัลนางต่างคนไม่สงไสย
สำคัญมั่นหมายว่าท้าวไท ชุบตัวมาใหม่เปนเที่ยงแท้
น่ารักน่าชมคมสัน สารพันดีกว่าเมื่อยังแก่
รูปร่างรัดกุมหนุ่มฟ้อแฟ้ พิศวงหลงแลไม่วางตา
นางกำนัลบรรดาที่โปรดปราน ต่างคลานเข้าไปเฝ้าจะเอาหน้า
ชม้ายชม้อยคอยรับไนยนา เสนหาทรงธรรม์พันทวี
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน เข้าไปตั้งเครื่องอานพานพระศรี
ลางนางบ้างอยู่งานพัชนี ท่วงทีทำนองในใช้ชิด

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยายเถ้าทัศประสาทประหลาดจิตร
แอบประตูดูองค์พระทรงฤทธิ์ ยิ่งพิศยิ่งเหมือนพระคาวี
เฝ้าเขม้นเห็นกูก็มึนตึง โกรธขึ้นเข่นเขี้ยวอยู่เจียวนี่
ผิดทำนองท่านท้าวเจ้าธานี ขยับหนีถอยหลังบังประตู
นี่ผัวนางจันท์สุดายาใจ จำได้ประจักษ์ทักแท้อยู่
ยิ่งแฝงยิ่งตะแคงตาดู จะเล่นกูแล้วกระมังครั้งนี้
เห็นท้าวขยับกลับพระเพลา กลัวตายยายเถ้าขยดหนี
ตกใจคิดว่าจะฆ่าตี ด้วยตัวผิดภูมีแค้นเคือง
ครั้งนี้ไม่รอดเห็นวอดวาย ถ้าแม้นมิตายก็คางเหลือง
ถึงอยู่ไปก็ไม่รุ่งเรือง จะมีแต่ได้เคืองเวทนา
ท้าวจะเฆี่ยนจะริบคงฉิบหาย จะไปโจนน้ำตายเสียดีกว่า
คิดพลางสอื้นไห้ไปมา เช็ดน้ำมูกน้ำตาฟูมฟาย

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระคาวีดาลเดือดไม่เหือดหาย
คิดแค้นอีเถ้าแสนร้าย มาดหมายจะทำให้หนำใจ
จะผูกเข้าเฆี่ยนขับนับร้อย ตบต่อยให้หนักหนาไม่ปราไส
ทั้งเจ็ดโคตรเค้ามันเท่าไร จะตัดหัวเสียไม่ไว้มัน
ครั้นจะฆ่าตีเดี๋ยวนี้เล่า พวกเสนาข้าเฝ้าจะหวาดหวั่น
จำจะงดอดไว้ให้หลายวัน ป้องกันควันความให้งามดี
คิดพลางทางสั่งเปรยไป กำนัลในใครชอบกับโฉมศรี
จงไปบอกจันท์สุดานารี เชิญนางเทวีให้ขึ้นมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ บัดนั้น กำนัลนางต่างคนจะเอาหน้า
ชิงกันรับสั่งบังคมลา รีบมาปราสาทนางโฉมยง

ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ

๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปทูล ว่าพระนเรนทร์สูรสูงส่ง
บัดนี้ฤๅษีชุบพระองค์ รูปทรงโสภาน่ารัก
ถึงแม่จะเปนมเหษี ไม่เสียทีงามสมทั้งยศศักดิ์
ภูวไนยคิดถึงคนึงนัก ให้เชิญองค์นงลักษณ์เสด็จไป

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาเคืองขัดอัชฌาไศรย
จึงขับนางกำนัลทันใด ออกไปเสียอย่ามาพาที
ให้พระอินทร์ลงมาเขียวเขียว ก็ไม่เหลียวแลดูอย่าจู้จี้
ไม่ขอพบขอเห็นเช่นนี้ จะสู้ม้วยชีวีมิขอไป
ว่าพลางนางผินผันภักตร์ คิดถึงผัวรักก็ร่ำไห้
ชลเนตรฟูมฟองนองไนย ทรามไวยข้อนทรวงเข้าโศกี

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น กำนัลในเล้าโลมนางโฉมศรี
เชิญเสด็จไปเฝ้าพระภูมี จะได้ลากขากดีนะทรามเชย
แม่อย่ารัญจวนครวญคร่ำ จงแต่งองค์สรงน้ำสว่ำเสวย
ปลอบโยนเท่าไรไม่ไปเลย ฟ้าผี่เถิดเอ๋ยน่าแค้นใจ
บรรดาฝูงกำนัลชวนกันปลอบ นางจะตอบวาจาก็หาไม่
ต่างคิดขัดสนเปนพ้นไป บังคมไหว้แล้วรีบกลับมา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงทูลพระโฉมยง ข้าไปเชิญองค์ขนิษฐา
อ้อนวอนเท่าไรไม่ไคลคลา เฝ้าโศกาครวญคร่ำร่ำไร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีฟังแจ้งแถลงไข
มิได้ว่าขานประการใด ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา
จำจะไปเล้าโลมโฉมงาม ให้รู้ว่าพี่ตามมาหา
คิดพลางทางชวนพระสิทธา ลีลามาปราสาทนางเทวี

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า

๏ ครั้นถึงจึงเห็นพระน้องรัก กรรแสงซบภักตร์อยู่ในที่
นั่งลงกับองค์พระมุนี แล้วพาทีดูทำนองลองใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

ชาตรี

๏ โฉมเอยโฉมเฉลา นี่จะเฝ้าโกรธขึ้งไปถึงไหน
พี่มาหาน้องถึงห้องใน เอออะไรไม่ผินมาพูดจา
แม้นพี่เถ้าแก่เหมือนแต่ก่อน จะเคืองขัดตัดรอนก็ไม่ว่า
บัดนี้นิมนต์พระสิทธา ช่วยชุบพี่ยาเปนหนุ่มแล้ว
รูปงามนักหนาไม่ว่าเล่น สมเปนคู่ครองกับน้องแก้ว
ยศศักดิ์ประเสริฐเพริศแพร้ว เห็นแวววนิดาจะปรานี
ถึงรูปร่างผัวเก่าที่เจ้ารัก ไม่กะไรกันนักนะโฉมศรี
จงผินผันหันหน้ามาข้างนี้ ดูพี่ให้เห็นก็เปนไร
กลัวแต่อุแม่เอ๋ยนางโฉมยง จะต้องจิตรพิศวงหลงใหล
ว่าพลางทางทำกระแอมไอ แย้มยิ้มละไมไปมา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาได้ฟังนั่งก้มหน้า
สำคัญว่าท้าวเจ้าภารา กัลยามิได้ประดิพัทธ์
ให้เคืองขุ่นหุนหันผันหลัง แค้นคั่งชังชิงสบิ้งสบัด
ขี้คร้านฟังนั่งยกก้นฟัด สองหัดถ์ปิดกรรณเสียทันใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระคาวีเห็นนางยังสงไสย
จึงเสแสร้งแกล้งพูดเปนใน หวังจะให้โฉมตรูรู้ความ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้โลม

๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ ไม่พอที่จะสเทินเขินขาม
พี่สู้แสนทรมาพยายาม เพราะนางรูปงามทรามชม
ตามใจสารพัดไม่ขัดข้อง ถนอมน้องต้องจิตรสนิทสนม
ยากที่ตรองตรึกนึกนิยม เหมือนเส้นผมบังภูเขาเลากา
น้องฤๅเสียแรงรักใคร่ ขอบใจเจ้านักขนิษฐา
ลวงถามความลับภัศดา แล้วมาย้อนยอกบอกยาย
แยบยนต์กลในมิใช่ชั่ว ฆ่าผัวเสียได้ดังใจหมาย
สมคเนนวลนางช่างอุบาย จะฟูมฟายชลนาอยู่ว่าไร

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น จันท์สุดาสาละวนร่ำไห้
ก้มหน้านิ่งอยู่ไม่ดูไป ฟังเสียงเสียวใจเหมือนผัวรัก
เรื่องราวกล่าวความก็งามสม ลิ้นลมเหน็บแนมแหลมหลัก
ผิดกับตาเถ้าเจ้าเมืองนัก นงลักษณ์นิ่งนึกประหลาดใจ
ครั้นจะว่าพระคาวีผัวแก้ว ตายแล้วจะตามมาที่ไหนได้
คิดพลางทางทรงโศกาไลย ทรามไวยข้อนอุระประปราน

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น พระมุนีมีจิตรคิดสงสาร
จึงเล้าโลมโฉมเฉลาเยาวมาลย์ จงดำริห์ตริการก่อนเปนไร
เสียงท้าวคราวแก่กับเดี๋ยวนี้ มารศรีฟังเห็นเปนไฉน
เคยได้ยินกับหูรู้กับใจ ไม่จำได้ฤๅเจ้าจึงโศกี
อย่าก้มภักตร์เศร้าสร้อยละห้อยจิตร จงดูรูปนิมิตรฤๅษี
ถึงไม่เหมือนก็แม้นพระคาวี จงแลดูภูมีให้เต็มตา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางโฉมยงสงไสยเปนนักหนา
พลางชม้ายชายดูพระราชา เหมือนองค์ภัศดาสามี
ยิ้มเยื้อนเหมือนสิ้นทุกสิ่งสรรพ์ สารพันพิศดูถ้วนถี่
มั่นคงนี่องค์พระคาวี ภูมีไม่ตายตามมา
พระดาบศองค์นี้อยู่ที่ไหน ฤๅเชษฐาภูวไนยกระมังหนา
จะถามไถ่ให้แจ้งกิจจา กัลยาประหวั่นครั่นคร้าม

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมุนีเห็นนางระคางขาม
จึงขยดเข้าไปใกล้โฉมงาม แล้วกระซิบบอกความแต่เบาเบา
นี่พระคาวีฤๅมิใช่ ยังหลงใหลจิกปีกอยู่อิกเล่า
สามีมั่นคงแล้วนงเยาว์ มิใช่อ้ายเถ้าทรลักษณ์
จึงแจ้งตามความลับแต่หลังนั้น ทุกสิ่งสรรพ์พรรณาให้พระจักษ์
เจ้าอย่าสเทินเมินภักตร์ จงทายทักพูดจากับสามี

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางจันท์สุดามารศรี
ฟังพระสิทธาพาที เทวีรู้แจ้งไม่แคลงใจ
กราบลงกับบาททั้งสององค์ โฉมยงครวญคร่ำร่ำไห้
เพียงจะพินาศขาดใจ ทูลขออไภยภัศดา

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ โอ้พระทูลกระหม่อมของเมียแก้ว เมียนี้ผิดแล้วเปนหนักหนา
ไม่รู้กลอีเถ้าเจ้ามารยา วอนว่าไต่ถามเอาความลับ
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นใจ มันไส้หนักหนาน่าเสี่ยงสับ
อกเมียดังพระเมรุเอนทับ แต่นั่งนับคืนวันจะบรรไลย
ร่ำพลางนางทรงโศกี พระคาวีโศกศัลย์ไม่กลั้นได้
เชษฐาดาบศสลดใจ พลอยร่ำไห้ไม่เปนสมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ