- คำนำ
- นิทานเรื่องไชยเชฐ เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไชยเชฐ
- นิทานเรื่องสังข์ทอง เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ทอง
- นิทานเรื่องไกรทอง เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไกรทอง
- กลอนตำนานเรื่องพระราชนิพนธ์ไกรทอง
- นิทานเรื่องมณีพิไชย เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องมณีพิไชย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอพระมณีพิไชยไปเปนทาษ
- นิทานเรื่องมณีพิไชย ตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- นิทานเรื่องคาวี (เรียกอิกอย่างหนึ่งว่าเรื่องเสือโค) เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องคาวี
- เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ศิลป์ไชย
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชยตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทึ่ทรงพระราชนิพนธ์บทลคร
ตอนที่ ๑ สังข์ศิลป์ไชยตกเหว
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ทังหกให้คิดฤษยา |
ต่างซุบซิบกันจำนรรจา | ใครมีปัญญาจงเร่งคิด |
แม้นสังข์ศิลป์ไชยได้ไปเฝ้า | เห็นเราหกคนไม่พ้นผิด |
ขนมทำมาให้ใส่ยาพิศม์ | มันไม่กินเหมือนจิตรที่คิดไว้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ศรีสันท์จึงว่าไปทันที | วันนี้สิงหราหาอยู่ไม่ |
ไปเที่ยวหาอาหารที่ในไพร | ทิ้งสังข์ศิลป์ไชยไว้พลับพลา |
จำเราจะยียวนชักชวนมัน | ไปเก็บพรรณผลไม้บนภูผา |
ผลักให้ตกเหวมรณา | จึงกลับมาพาพระอาว์ไป |
อันนางสุพรรณเทวี | จะพันมือพี่ไปที่ไหน |
ต่างเห็นชอบชวนกันดีใจ | มาหาสังข์ศิลป์ไชยฉับพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ลูบหลังลูบหน้าแล้วพาที | เรานี้จะพากันผายผัน |
เก็บผลพฤกษาที่เขานั้น | มาให้สุพรรณกับพระอาว์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ได้ฟังไม่กังขา |
รับคำทั้งหกพี่ยา | กราบบาทพระอาว์แล้วว่าไป |
ตัวหลานทั้งเจ็ดจะจรดล | ไปเก็บผลพฤกษาที่ใกล้ใกล้ |
ทั้งสององค์จงอยู่พลับพลาไชย | ประเดี๋ยวใจจะมาให้พร้อมกัน |
ว่าแล้วจัดแจงแต่งองค์ | พระหัดถ์ทรงสังข์ศรพระแสงขรรค์ |
ทั้งเจ็ดองค์ลงจากพลับพลาพลัน | เจ้าศรีสันท์นำหน้าคลาไคล |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ ชี้ชมรุกขชาติดาษเดียร | เต็งตะเคียนยางยูงสูงไสว |
มูกม่วงพวงผลแกว่งไกว | เฟื่องไฟไกรกร่างมะปรางปริง |
พระสังข์ศิลป์ไชยหาไม้ง่าม | สอยผลสุกห่ามทุกก้านกิ่ง |
ศรีสันท์ก้มเก็บก้อนดินทิ้ง | หล่นร่วงช่วงชิงกันไปมา |
บ้างชักเชือกเขาเถาวัลย์ | ขึ้นผูกพันกิ่งไทรสาขา |
ผลัดกันไกวเล่นเปนชิงช้า | สรวลสันต์หรรษาสำราญใจ |
พากันท่องเที่ยวเลี้ยวลอด | เลียบขึ้นบนยอดเขาใหญ่ |
ต่างชวนพระสังข์ศิลป์ไชย | เล่นไล่ปิดตาหากัน |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสนกลคนขยัน |
ทำมารยาว่าแก่พระสังข์พลัน | เจ้าถือศรพระขรรค์ไว้ทำไม |
เราจะวิ่งเต้นเล่นสนุก | ฉวยล้มลุกพลาดพลั้งไม่ยั้งได้ |
จะถูกเนื้อถูกตัวพี่กลัวไป | วางไว้เล่นแล้วจึงมาเอา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ศิลป์ไชยไม่รู้เท่า |
วางพระขรรค์ศรไว้ด้วยใจเบา | ที่ริมเงื้อมเขาสำคัญตา |
แล้วจึงตามพี่ศรีสันท์ | ลดเลี้ยวไล่กันบนภูผา |
หยิกหยอกหลอกล้อกันไปมา | เกษมสันต์หรรษาทั้งเจ็ดองค์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ครั้นเห็นพระสังข์หลง |
พาเที่ยวเลี้ยวเลียบเวียนวง | พบเหวดังประสงค์จำนงนึก |
หยิบศิลามาทิ้งลงไปดู | เอียงหูคอยฟังไม่ดังกึก |
ชะโงกตามลงไปใจทึกทึก | แลฦกเปนหมอกมืดมัว |
จึงร้องเรียกพระสังข์ศิลป์ไชย | มาดูเหวใหญ่มิใช่ชั่ว |
ว่าพลางพรั่งพร้อมเข้าล้อมตัว | อย่ากลัวเลยพี่อยู่นี่แล้ว |
ทำชี้โว้ชี้เว้ด้วยเล่ห์กล | ลางคนหลอกลวงว่าดวงแก้ว |
ตรงมือนั่นแน่แลแววแวว | เห็นแล้วฤๅยังถอยหลังไย |
ต่างเข้ายืนเคียงเมียงเขม้น | ครั้งเห็นงวยงงหลงใหล |
จึงผลักพระสังข์ศิลป์ไชย | ตกลอยลงไปในเหวนั้น |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอด
๏ ต่างคนชื่นชมสมคเน | หัวเราะร่าวฮาเฮเกษมสันต์ |
พากันวิ่งกลับมาฉับพลัน | หาศรพระขรรค์ที่วางไว้ |
ไม่พบเห็นเปนอัศจรรย์จิตร | ต่างคนต่างคิดสงไสย |
เถียงกันอื้ออึงคนึงไป | เมื่อที่ทางจำได้แน่นอน |
หาพลางต่างโมโหพาโลกัน | คนนี้ว่าคนนั้นลักซ่อน |
ค้นทั้งสองข้างหนทางจร | ไม่ได้ศรพระขรรค์ก็เสียใจ |
ศรีสันท์จึงว่าแก่น้องยา | เรากลับไปพระอาว์จะถามไถ่ |
ใครอย่าบอกออกความทั้งนี้ไซ้ | ซักซ้อมพร้อมใจแล้วไคลคลา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระอาว์ทำหน้าเศร้า | ก้มเกล้ากราบลงตรงหน้า |
มิได้แถลงแจ้งกิจจา | ทำก้มภักตร์โศกาสอื้นไป |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาศรีใส |
เห็นหกนัดดาโศกาไลย | หลากใจไต่ถามมิทันช้า |
เหตุผลอย่างไรไม่บอกแจ้ง | มาโศกศัลย์กรรแสงไยหนักหนา |
พระสังข์ไปไหนจึงไม่มา | จงแจ้งกิจจาอย่าโศกี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกพี่น้องทำหมองศรี |
เช็ดน้ำตาพลางทางพาที | เมื่อแต่กี้หลานพากันเที่ยวไป |
พระสังข์น้องรักเฝ้าชักชวน | รบกวนให้พาขึ้นเขาใหญ่ |
แล้ววิ่งเต้นเล่นแขงสุดใจ | ห้ามไม่ฟังเลยนะพระอาว์ |
ล้วนห้วยเหวเปลวปล่องทั้งสองข้าง | ข้าเดินนำทางไปข้างหน้า |
พระสังข์ตามหลังหลานมา | ประเดี๋ยวเหลียวหาก็หายไป |
ข้าทั้งหกคนเที่ยวค้นทั่ว | จะพบตัวน้องยาก็หาไม่ |
แม้นตกเหวเหล่านั้นเห็นบรรไลย | ฤๅจะเปนกระไรไม่แจ้งการ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาฟังว่าขาน |
ทั้งนางสุพรรณนงคราญ | ปิ้มปานชีวันจะบรรไลย |
ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหาย | ฟูมฟายชลเนตรหลั่งไหล |
จึงว่าแก่นัดดายาใจ | ไปเล่นถึงไหนอย่างอำพราง |
จงพาอาว์ไปเที่ยวค้นดู | เกลือกจะหลงอยู่ในป่ากว้าง |
แล้วลงจากพลับพลาทั้งสองนาง | ศรีสันท์นำทางจรจรัล |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกแสนกลคนขยัน |
ครั้นถึงคีรีที่สำคัญ | ทำโศกศัลย์ทูลองค์พระเจ้าอาว์ |
พระสังข์ศิลป์ไชยมาสูญหาย | ตรงทางแคบเหวรายทั้งซ้ายขวา |
หลานทั้งหกคนเที่ยวค้นคว้า | ที่เหล่านี้หนักหนาไม่พบพาน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
โอ้ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑายิ่งสงสาร |
รุ่มร้อนฤไทยดังไฟกาล | เยาวมาลย์ลดเลี้ยวเที่ยวมา |
ค่อยย่องเหยียบเลียบลัดไปนอกทาง | สองนางเรียกร้องแล้วมองหา |
ไม่ประสบพบองค์พระนัดดา | กัลยาครวญคร่ำร่ำไร |
โอ้ว่าพระสังข์ศิลป์ไชยเอ๋ย | ไม่มาหาอาว์เลยไปอยู่ไหน |
ฤๅว่าผีสางที่กลางไพร | ซ่อนพระสังข์ไว้กระมังนา |
ขอให้พบพานพระหลานรัก | จะบวงสรวงเส้นวักให้หนักหนา |
ร่ำพลางนางทรงโศกา | ปิ้มว่าโฉมฉายจะวายปราณ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | เจ้าศรีสันทาจึงว่าขาน |
จะโศกศัลย์อยู่เห็นไม่เปนการ | เราคิดอ่านแยกย้ายรายกัน |
เจ้าชาตจงไปด้วยพระอาว์ | นางสุพรรณกับข้ามาผายผัน |
เจ้าทั้งสี่นี้แยกไปทางนั้น | ช่วยกันดั้นด้นค้นคว้า |
แล้วทำชะเง้อดูเงี่ยหูฟัง | เอ๊ะเสียงพระสังข์ร้องเรียกหา |
ออกชื่อเจ้าสุพรรณกัลยา | เร็วเถิดอย่าช้ามาจะไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณยินดีจะมีไหน |
จะใคร่พบพระสังข์ศิลป์ไชย | ก็เดินตามไปไม่คิดแคลง |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ทำเที่ยวเสาะแสวง |
นำนางดำเนินเดินคว้างแคว้ง | พาลัดแลงไปให้ไกลอาว์ |
เห็นที่สุมทุมพุ่มไม้ | ก็เข้าไปนั่งลงแล้วร้องว่า |
หยุดนั่งนี่ก่อนเถิดกัลยา | จะได้ปฤกษาหารือกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณไม่รังเกียจเดียดฉัน |
คิดว่าเปนวงศ์พงศ์พันธุ์ | ก็ไปนั่งลงพลันทันที |
จึงว่าหยุดไยให้เนิ่นช้า | เหน็ดเหนื่อยหนักหนาเจียวฤๅพี่ |
รีบไปให้พบเสียเดี๋ยวนี้ | ช้านักชนนีจะคอยเรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสนกลร่ายมนต์เป่า |
ยิ้มแย้มพูดจาคิ้วตาเพรา | นี่แน่เจ้าจะว่าให้ดีเจียว |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตร | แม่อย่าคิดเคืองขุ่นฉุนเฉียว |
พี่ยังเกรงกริ่งอยู่สิ่งเดียว | จะให้เที่ยวเหนื่อยเปล่าไม่เข้ายา |
อันพระสังข์แม้นว่าข้าหาได้ | สินจ้างจะให้อะไรข้า |
ถ้าพี่ได้สมจิตรที่คิดมา | จะอุส่าห์เที่ยวค้นจนสิ้นแรง |
อันความที่พี่รักเจ้าหนักยิ่ง | จริงจริงนะน้องอย่ากินแหนง |
เรามานี่ที่ทางก็ลับแลง | พอเปนพักเปนแรงจึงค่อยไป |
พลางขยดเข้าชิดสกิดหลัง | จะปรานีพี่มั่งฤๅหาไม่ |
ทำและเลียมถูกต้องลองใจ | เจ้าถอยหนีพี่ไยกัลยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณเคืองแค้นเปนหนักหนา |
ลุกยืนขึ้นเสียมิได้ช้า | แล้วว่าดูดู๋พี่เช่นนี้เจียว |
ว่าจะพาเที่ยวหาสังข์ศิลป์ไชย | ลวงให้ตามมาถึงป่าเปลี่ยว |
ช่างสับปลับอย่างนี้ทีเดียว | ด้านหน้ามาเกี้ยวไม่อายใจ |
พาซื่อถือจิตรคิดว่าพี่ | ธรรมเนียมมันมีอยู่ที่ไหน |
ได้เห็นกันสินะไม่ละใคร | กลับไปจะทูลพระมารดา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ น้องเอยน้องรัก | สุดที่พี่จะหักเสนหา |
เมื่อมาแต่หนุ่มสาวสองรา | ในกลางป่าค่าไม้เช่นนี้ |
ถ้าเจ้ามิหย่อนผ่อนปรน | ใช่ว่านฤมลจะพ้นพี่ |
จงคิดชั่งใจดูให้ดี | ไม่พอที่จะโกรธขึ้งตึงตัง |
ถึงเจ้าจะว่าให้อาว์รู้ | จะโบยตีพี่สู้เสียหลัง |
ตายไหนตายไปคงไม่ฟัง | เอนดูพี่มั่งเถิดแก้วตา |
อันพี่น้องครองกันแลยั่งยืน | ไม่เสียเรือนผู้อื่นดีหนักหนา |
ว่าพลางเข้าใกล้ไขว่คว้า | อุ่ยหน้าอย่าหยิกจะป่วยไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ น้อยเอยน้อยจิตร | คิดนิดหนึ่งว่าเปนผู้ใหญ่ |
มาทำข่มเหงไม่เกรงใจ | จะแกล้งให้อัปรยศอดอาย |
เอออะไรที่ไหนช่างด้านดื้อ | เช่นนี้แล้วฤๅอย่าพักหมาย |
ถึงสิ้นฤทธิ์ผิดชอบก็สู้ตาย | สัญชาติชายบัดซบไม่คบค้า |
นางเมินเดินหนีจะกลับไป | นี่อะไรดูเถิดมาขวางหน้า |
ตะโกนก้องร้องเรียกพระมารดา | ศรีสันท์มันจะฆ่าลูกเสียแล้ว |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ แสนเอยแสนแขนง | อย่าพักก่นกรรแสงเสียงแจ้ว |
อันเจ้าจะพ้นมือพี่ไม่มีแวว | แม้นคลาศแคล้วไปได้มิใช่มือ |
พี่ง้องอนวอนว่าแต่โดยดี | ไม่พอที่โกรธขึ้งอึงอื้อ |
เพราะรักเจ้าหนักหนาจึงคร่ายื้อ | ควรฤๅแก้วตาไม่ปรานี |
จะมิให้ยึดไว้อย่างไรเล่า | เมื่อเจ้าคอยแต่จะวิ่งหนี |
น่าชังดูเอาเฝ้าหยิกตี | จะถูกนิดก็มีแต่ฮึดฮัด |
เปนไรเปนไปไม่ฟังกัน | จะประชันเรี่ยวแรงที่แขงขัด |
ว่าพลางสร้วมสอดกอดรัด | นางสบัดหนีได้ไล่ตามมา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาจึงร้องว่า |
เปนไรเจ้าสุพรรณกัลยา | จึงร้องอึงมาด้วยอันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณทูลแจ้งแถลงไข |
อ้ายศรีสันท์มันพาข้าไป | ถึงพุ่มไม้ที่เปลี่ยวก็เกี้ยวพาน |
ลูกแค้นขัดใจจะกลับมา | มันกั้นหน้าคร่ายื้อหักหาญ |
ข้าสบัดวิ่งหนีตะลีตะลาน | อ้ายหน้าด้านจรรไรมันไล่มา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ขึ้นเสียงเถียงต่อหน้า |
ดูเถิดเจ้าสุพรรณช่างพูดจา | แกล้งพาโลข้าว่าคร่ายื้อ |
เมื่อไรข้าได้ทำเช่นนั้น | มาล้วงตะกั่วกันเดี๋ยวนี้ฤๅ |
เจ้าสิสันทัดได้หัดปรือ | ข้าคนซื่อเช่นนี้ยังมิเคย |
ไม่ได้เกี้ยวสักคำทำสักนิด | พาลผิดเปล่าเปล่าแม่เจ้าเอ๋ย |
รู้กระนี้ไม่ไปด้วยใครเลย | จะนั่งเฉยอยู่นี่มิดีเจียว |
ว่าข้าไล่มาใครอย่าเชื่อ | เพราะเห็นเสือตกใจวิ่งไม่เหลียว |
เอออะไรช่างปดลดเลี้ยว | อย่าเชื่อนางข้างเดียวพระเจ้าอาว์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณตอบพลางทางชี้หน้า |
ชะเจ้าคนดีศรีสันทา | ยังว่าไม่รับสับปลับจริง |
พูดเลียบเปรียบเปรยถึงลูกผัว | ด่านหน้าแก้ตัวไปทุกสิ่ง |
แต่แรกเจ้าง้องอนวอนวิง | อ้อยอิ่งเซ้าซี้พิรี้พิไร |
ไม่คิดอายผีสางที่กลางดง | แทบจะก้มหัวลงกราบไหว้ |
ครั้นเขาไม่ลุ่มหลงปลงใจ | เข้าไล่ฉวยฉุดยุดยื้อ |
จะหยิกข่วนเท่าไรก็ไม่เจ็บ | นั่นมิใช่รอยเล็บของกูฤๅ |
ดูเถิดที่ต้นคอกับข้อมือ | ยังจะดื้อเถียงได้ไม่อายเลย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าศรีสันทาทำหน้าเฉย |
เมียงเมินหัวเราะเยาะเย้ย | เจ้าข้าเอ๋ยนางนี้ขี้พาโล |
ค้าคารมลมเติบสุดใจ | เห็นเขาเกรงผู้ใหญ่ไม่ตอบโต้ |
ครั้นว่าบ้างขัดใจร้องไห้โฮ | มีแต่โมโหไปข้างเดียว |
เมื่อข้าสาละวนจะด้นป่า | ค้นคว้าหาน้องท่องเที่ยว |
อุส่าห์บุกเข้าไปในรกเรี้ยว | หนามเกี่ยวเปนแผลไปทั้งตัว |
ชะช่างว่าข่วนล้วนรอยเล็บ | เลือกเก็บเอามาว่าพอหน้าชั่ว |
แต่เช่นเจ้ากระนี้มิอยากกลัว | ถ้าตัวต่อตัวมิพ้นไป |
ยังกลับมาประกวดอวดแรง | ว่าข้าฉุดยุดแย่งเจ้าไม่ไหว |
มาลองดูเดี๋ยวนี้ก็เปนไร | ใครจะแรงกว่าใครให้อาว์ดู |
จะถุ้งเถียงกันไปไม่ได้ข้อ | เขาจะหัวร่อน่าอดสู |
คำบุราณท่านว่าไว้เปนครู | ใครไขหูอดได้ก็ได้บุญ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาก็เคืองขุ่น |
จึงว่าอ้ายเจ้าเล่ห์เนรคุณ | ทุจริตคิดวุ่นไปโดยพาล |
มิใช่ว่ากูไม่รู้เท่า | พูดแก้เปล่าเปล่าอ้ายหน้าด้าน |
มึงเถียงได้ด้วยไม่มีพยาน | ทำหักหาญเห็นว่าข้ากลัวเกรง |
เหตุเพราะนัดดากูสูญหาย | จึงจ้วงจาบหยาบคายข่มเหง |
ชวนเทลาะเกาะแกะครื้นเครง | ฝากไว้เถิดเองเปนไรมี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์บ่นเถียงเสียงอู้อี้ |
ส่วนนางสุพรรณกระนั้นดี | คนอื่นแล้วมีแต่ไม่จริง |
เอออะไรนี่พอที่ฤๅ | เปนเคราะห์เพราะซื่อต่อผู้หญิง |
ท่านลงโทษโกรธขึ้งชังชิง | ถ้าเปนจริงเหมือนว่าน่าเกิดความ |
แม้นสังข์ศิลป์ไชยไม่สูญหาย | เห็นจะขายเราแน่ไม่พักถาม |
แกล้งพูดเปรยเย้ยเยาะลวนลาม | บ่นบ้าไปตามอำเภอใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าทั้งห้าคนคิดแก้ไข |
กราบบาทพระอาว์แล้วว่าไป | พี่ศรีสันท์นี้ใจมุทลุ |
เปนคนมักได้ใคร่มี | หนายช้าพาทีดึงดุ |
เสียจริตกิริยาเปนบ้ายุ | พูดกุกะไปไม่เกรงกลัว |
อันใจข้าห้าคนนี้ซื่อแท้ | รักอาว์เหมือนแม่บังเกิดหัว |
เจ้าสุพรรณนั้นนึกว่าน้องตัว | ศรีสันท์ทำชั่วไม่ชอบใจ |
พระองค์จงอดโทษสักครั้งหนึ่ง | เรารีบไปให้ถึงกรุงใหญ่ |
จะรัญจวนครวญคร่ำอยู่ทำไม | อันสังข์ศิลป์ไชยเห็นไม่มา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ธรณีร้องไห้
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาละห้อยหา |
จึงปฤกษาสุพรรณกัลยา | อยู่ช้าก็สำหรับจะอับอาย |
สไบแม่กับช้องของโฉมยง | จะทำธงสำคัญมั่นหมาย |
แม้นสังข์ศิลป์ไชยยังไม่ตาย | กลับมาดีร้ายจะพบพาน |
แล้วหยิบช้องกับผ้ามาทำธง | ปักลงตั้งจิตรพิศฐาน |
ขอเทวาอารักษ์ทั้งจักรวาฬ | ช่วยบันดาลให้แจ้งกิจจา |
แม้นว่าพระสังข์ยังอยู่ | จงมีผู้เอาของไปให้ข้า |
ถ้าเจ้ามอดม้วยมรณา | ช้องกับภูษาจงสูญไป |
สิ้นคำที่ร่ำพิศฐาน | เยาวมาลย์เศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
คิดถึงนัดดายิ่งอาไลย | ครวญคร่ำร่ำไรโศกา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกศัลย์ | ก็ชวนกันลงจากภูผา |
ศรีสันท์นั้นนำมรคา | ดั้นดัดลัดมาในดงดาน |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายเจ้าสิงหรากล้าหาญ |
เที่ยวไล่สัตว์สิงห์วิ่งทยาน | เปนลางบันดาลบอกเหตุไภย |
ให้มึนตึงกายาตาเขม่น | จิตรใจเยือกเย็นดังเปนไข้ |
คิดถึงพระสังข์ศิลป์ไชย | ก็แผลงฤทธิ์ฤทธิไกรกลับมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงเชิงเขาลำเนาเพลิน | จึงลงเดินลดเลี้ยวเที่ยวหา |
ไม่เห็นที่ประทับพลับพลา | ทั้งพระอาว์น้องชายก็หายไป |
นิ่งนึกตรึกไตรให้รำคาญ | จะเกิดเหตุเภทพาลเปนไฉน |
ฤๅจะพากันรีบไปเวียงไชย | ที่จะหนีพี่ไปก็ใช่เชิง |
คิดพลางทางเที่ยวสัญจรหา | บุกป่ากู่ก้องร้องเปิ่ง |
แล้วขึ้นเขาเข้าค้นในวุ้งเวิ้ง | ทุกซุ้มเซิงรกเรี้ยวเที่ยวมองดู |
เทวัญบันดาลให้ผายผัน | มาเห็นศรพระขรรค์ที่วางอยู่ |
เอ๊ะเกิดเหตุแท้แล้วอกกู | จะมีผู้ทำร้ายแก่น้องยา |
เปนตายอย่างไรไม่แจ้งจิตร | สุดคิดที่จะเที่ยวแสวงหา |
ยิ่งคิดสร้อยเศร้าเปล่าอุรา | ก็โศกาครวญคร่ำร่ำไร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ แล้วฝืนจิตรดำริห์ตริตรองดู | จะนิ่งอยู่กระนี้ก็มิได้ |
เมื่อไม่พบน้องน้อยกลอยใจ | จำจะไปทูลสองพระมารดร |
คิดพลางทางทำอานุภาพ | ปากคาบพระขรรค์กับสังข์ศร |
เผ่นโผนโจนเหาะขึ้นอัมพร | ตรงไปนครบรรพต |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากอากาศ | ขึ้นปราสาทแก้วมรกฎ |
กราบบาทสองนางพลางรันทด | พิไรร่ำกำสรดโศกี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | องค์พระมารดาทั้งสองศรี |
เห็นลูกมาร้องไห้ไม่สมประดี | เทวีคิดอัศจรรย์ใจ |
ปลอบพลางทางถามมิทันช้า | เปนไรมาโศกศัลย์กรรแสงไห้ |
มีเหตุเภทพาลประการใด | น้องรักอยู่ไหนจึงไม่มา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สิงหราโศกศัลย์เปนหนักหนา |
จึงเล่าความตามเรื่องไปรับอาว์ | แต่ต้นมาจนถึงกลางไพร |
ทั้งหกเชษฐากับน้องรัก | ชวนกันหยุดพักในป่าใหญ่ |
ลูกนี้โฉดเขลาเบาใจ | ลาสังข์ศิลป์ไชยไปหากิน |
ครั้นกลับมาไม่เห็นพระน้องชาย | พากันสูญหายไปหมดสิ้น |
ข้าค้นบนเขาเขินเนินดิน | พบแต่สังข์ศิลป์พระขรรค์ไชย |
สุดที่จะคิดติดตามหา | ไม่รู้ว่าเกิดเข็ญเปนไฉน |
จึงรีบมาทูลแถลงให้แจ้งใจ | อันโทษตัวลูกไซ้ผิดนัก |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองนางพ่างเพียงอกหัก |
ชลเนตรฟูมฟองนองภักตร์ | นงลักษณ์ครวญคร่ำร่ำไร |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าลูกรักของแม่เอ๋ย | แม่เคยเชยชิดพิศมัย |
ฤๅมาพลัดพรากจากไป | เพราะเชื่อไอ้กระยาจกทั้งหกคน |
อันความคิดของมันแม่รู้เท่า | ได้ห้ามปรามเจ้าเปนหลายหน |
ช่างไว้เนื้อเชื่อใจไอ้แสนกล | มันคนฤษยาอาธรรม์ |
เห็นว่ารับอาว์มาได้แล้ว | จึงคิดฆ่าลูกแก้วให้อาสัญ |
จะได้หน้าได้ตาแต่พวกมัน | ควรฤๅจอมขวัญไปหลงรัก |
อนิจาลูกน้อยมาสูญหาย | จะเปนตายฉันใดไม่ประจักษ์ |
สองกรข้อนทรวงเข้าฮักฮัก | ซบภักตร์กรรแสงโศกี |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกศัลย์ | จึงปฤกษากันทั้งสองศรี |
อันปราสาทราชฐานของเรานี้ | บังเกิดมีเพราะบุญพระโอรส |
แม้นว่าขวัญเข้าเจ้าม้วยมรณ์ | เห็นบ้านเมืองสังข์ศรจะสูญหมด |
ต่อจะยังไม่ทิวงคต | ก็ค่อยคลายกำสรดโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
ลำจีน
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงจีนนายสำเภาล้าต้า |
ใช้ใบจากกวางตุ้งมุ่งมา | จะเข้าเมืองปัญจาล์เวียงไชย |
ต้นหนวางเข็มไม่สันทัด | ตกคุ้งลมขัดไม่ออกได้ |
น้ำท่ากินกินก็สิ้นไป | จึงให้ทอดสมอรอรั้ง |
ลูกเรือขันฉ้อสำปั้นลง | โล้ฝืนคลื่นตรงเข้าถึงฝั่ง |
ต่างขึ้นบกไปมิได้ยั้ง | เอาถังตักน้ำแล้วแบกมา |
บ้างพากันเที่ยวไปในดง | เห็นธงปักอยู่บนภูผา |
ชรอยว่าใครเสียนาวา | จึงขึ้นปลดเอาผ้ากับช้อง |
แล้วแยกย้ายรายค้นจนทั่ว | มิได้พบตัวคนเจ้าของ |
ต่างกลับลงมาสัดจอง | โล้ล่องออกไปเภตราพลัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้งถึงจึงขึ้นบนสำเภา | ตรงเข้าบาหลีขมีขมัน |
เอาผ้ากับช้องของสำคัญ | ส่งให้นายนั้นทันใด |
ต่างคนบนบานอยู่เซงแซ่ | ที่ลมขัดพัดแปรมาให้ |
คนงานกว้านสมอฉ้อใบ | แล่นไปในทเลสดวกดี |
ฯ ๔ คำ ฯ โล้
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายท้าวเสนากุฏเรืองศรี |
สถิตแท่นไสยาในราตรี | ภูมีเร่าร้อนอาวรณ์ใจ |
คิดถึงลูกรักทั้งหกองค์ | จะเดินดงยากเย็นเปนไฉน |
นับได้หลายเดือนแต่จากไป | ฤๅจะไม่พบอาว์จึงช้าวัน |
คิดคนึงถึงลูกยิ่งละห้อย | เคลื้มม่อยหลับไปเมื่อไก่ขัน |
ทรงสุบินนิมิตอัศจรรย์ | พอรุ่งสุริย์ฉันก็ฟื้นองค์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลุกจากแท่นที่ตะลีตะลาน | ภูบาลชำระสระสรง |
ทรงเครื่องกกุธะภัณฑ์บรรจง | เสด็จตรงออกพระโรงรจนา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
สิงโต
๏ นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | พรั่งพร้อมเสนีทั้งซ้ายขวา |
จึงตรัสเรียกโหรเถ้าเข้ามา | แล้วบัญชาแจ้งความตามนิมิตร |
คืนนี้เราฝันปลาดนัก | ว่าแก้วของเรารักดังดวงจิตร |
มีผู้เดชาศักดาฤทธิ์ | มาปลดปลิดชิงเอาของเราไป |
นานมามีชายหนึ่งแปลกหน้า | ไปนำดวงจินดามาคืนให้ |
กลับได้หลายดวงล้วนชอบใจ | จงทายไปให้รู้ว่าร้ายดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | ขุนโหรรับสั่งใส่เกษี |
ดูตามตำราในคัมภีร์ | เห็นว่าดีมั่นคงไม่สงกา |
จึงประนตบทมาลย์แล้วทูลพลัน | ซึ่งทรงสุบินนั้นดีหนักหนา |
ทั้งหกพระโอรสจะกลับมา | เห็นได้ดังจินดาอาสาไป |
แต่ฝันวันอังคารนี้พานร้าย | ตำราทายว่ามักให้หม่นไหม้ |
จะเกิดเหตุสักอย่างในกลางไพร | เพียงแต่ตกใจไม่อันตราย |
คงจะได้มาสองเสียหนึ่ง | อิกเจ็ดวันจะถึงพระฤๅสาย |
แม้นผิดจากถ้อยคำที่ทำนาย | ขอถวายชีวิตรแก่ภูมี |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเกษมศรี |
จึงตรัสสั่งทั้งสองเสนี | จงจัดแจงแต่งที่ปราสาทไชย |
มโหรีปี่พาทย์ฆ้องกลอง | ทั้งบายศรีทองที่ทำใหม่ |
งิ้วหุ่นโขนหนังจงสั่งไป | เตรียมไว้ให้เสร็จในเจ็ดวัน |
แม้ว่าพระน้องกับลูกยา | มาถึงภาราจะทำขวัญ |
ให้เล่นการมโหรศพครบครัน | แต่ในวันนั้นเปนฤกษ์ดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาประนตบทศรี |
มาบัตร์หมายบอกกันทันที | ตามมีพระราชบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายหกกุมารโอรสา |
พาอาว์มาในอรัญวา | แรมค้างกลางป่าหลายราตรี |
ศรีสันท์นั้นเฝ้าแต่เลียมและ | เห็นอาว์เมินเดินแซะเสียดสี |
ทำเลียบเคียงพูดจาพาที | เสชมโน่นนี่มาตามทาง |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นสุริยาเย็นลงรอนรอน | ชวนกันหยุดนอนในป่ากว้าง |
สีไฟก่อกองให้สองนาง | คอยระวังเสือสางที่กลางไพร |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาศรีใส |
ปัดกวาดผงไผ่ใต้ต้นไทร | แล้วหักใบไม้มารองนอน |
สองนางเอนองค์ลงนิทรา | กลัวไภยภาวนาไม่หยุดหย่อน |
คิดถึงนัดดายิ่งอาวรณ์ | เจ้าเคยแผลงศรเปนพลับพลา |
สิ้นบุญหลานน้อยกลอยใจ | ได้ลำบากอยากไร้หนักหนา |
คิดพลางนางทรงโศกา | จนนิทราเคลิ้มหลับกับสุพรรณ |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
ลีลากระทุ่ม
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสนกลคนขยัน |
นั่งคิดนอนคิดทุกคืนวัน | จะเข้าหาสุพรรณกัลยา |
ยังหวาดหวั่นพรั่นจิตรอิดเอื้อน | ความรักตักเตือนให้ใจกล้า |
ชะเง้อดูสุพรรณกับพระอาว์ | เห็นนิทราหลับใหลได้ท่วงที |
จึงกระซิบบอกใบ้ให้น้องรู้ | จงหลับนอนนิ่งอยู่อย่าอึงมี่ |
จะย่องเบาเข้าหานางเทวี | วันนี้คงสมคเนนึก |
ว่าแล้วค่อยย่องมองหมอบ | เสียงใบไม้กรอบกลัวรู้สึก |
หยุดยืนแอบรกอกเต้นทึก | แล้วสอึกแฝงเงาเข้าไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
ร่าย
๏ นั่งลงเคียงข้างนางสุพรรณ | จะถูกถือมือสั่นไม่ต้องได้ |
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มใจ | ค่อยชักสายสไบเทวี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณรู้สึกนึกว่าผี |
ตกใจลืมเนตรขึ้นทันที | เห็นอ้ายอัปรีศรีสันทา |
นางเคืองขัดวัดเหวี่ยงเอาล้มหงาย | ลุกขึ้นถ่มน้ำลายแล้วบ่นด่า |
อันคนสัญชาติมันชั่วช้า | สุดแต่ว่าเอาด้านเข้าเปนพื้น |
เห็นเขาหลับใหลแล้วได้ที | กล้าดีมึงมาเมื่อตื่นตื่น |
จะทำให้สาใจที่ไม่ลื้น | อย่าพักหนีไปยืนแอบไม้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาศรีใส |
ผวาตื่นตระหนกตกใจ | จึงถามไถ่สุพรรณทันที |
ครั้นรู้ว่าศรีสันท์มันลอบมา | นางโกรธาด่าทออึงมี่ |
ทำลอบลักหักหาญถึงเพียงนี้ | อ้ายโจรป่ากล้าดีแล้วหนีไย |
มึงช่างตั้งใจแต่ข่มเหง | จะคิดเกรงน้ำหน้าก็หาไม่ |
เพี้ยงเอ๋ยผีสางที่กลางไพร | จงหักคอมันให้ขาดใจตาย |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ถุ้งเถียงเบี่ยงบ่าย |
พระอาว์อย่าเคืองขุ่นวุ่นวาย | มาลงร้ายเอาข้าร่ำด่ายับ |
หลานนอนอยู่ถึงโน่นทั้งหกคน | ประมาทลืมสวดมนต์ม่อยหลับ |
ปีศาจมากวนปล้ำอำทับ | ให้ตะคล้ายตะคลับยังหลับดี |
ผีสางกลางป่านี้ร้ายจริง | มันอุ้มข้ามาทิ้งเสียถึงนี่ |
พึ่งรู้สึกตื่นขึ้นประเดี๋ยวนี้ | ไม่แกล้งว่าฟ้าผี่เถิดพระอาว์ |
นางสุพรรณนั้นละเมอว่าคนหยอก | เนื้อแท้ผีมันหลอกเหมือนเช่นข้า |
จงนิ่งนอนสวดมนต์ภาวนา | อย่าโกรธาด่าทออื้ออึง |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑายิ่งโกรธขึ้ง |
จึงว่าอย่าเศกสรรดันดึง | ไม่เชื่อน้ำหน้ามึงอ้ายสันทา |
ดีแต่แก้ตัวไปทุกอย่าง | ใส่โทษผีสางช่างมุสา |
เมื่อเขาเห็นมึงแน่อยู่แก่ตา | ยังด้านหน้าถุ้งเถียงขึ้นเสียงดัง |
จะสู้อดไปกว่าจะสิ้นเคราะห์ | กูขี้คร้านเทลาะกับบ้าหลัง |
แล้วนางตั้งใจระไวระวัง | ผลัดกันนอนกันนั่งกับธิดา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ไม่สมปราถนา |
เดินยิ้มแก้เก้อเร่อมา | ปดน้องทั้งห้าเปนคลอกไป |
เมื่อกี้พี่เข้าหานางสุพรรณ | ได้พูดจากันเปนไหนไหน |
นางว่ารักพี่นี้สุดใจ | แต่ทรามไวยหากกลัวพระชนนี |
ยังกำลังชุลมุนมุ่นหมก | พออาว์ตกใจตื่นขึ้นเห็นพี่ |
ฉวยข้อมือได้หาไม้ตี | เราเป่ามนต์สองทีลงง่วงงุย |
แต่เงื้อเงื้อขยับแล้วกลับหยุด | พี่สบัดมือหลุดออกวิ่งฉุย |
กลิ่นสุพรรณนั้นยังติดหอมกรุย | ฮุ่ยหุยเจียวเจ้าอย่าบอกใคร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งห้ากลั้นยิ้มมิใคร่ได้ |
หัวเราะพลางทางว่าอย่าปดไป | ข้ายังไม่หลับม่อยนั่งคอยฟัง |
สารพัดได้ยินสิ้นสุด | จนนางด่าพึ่งหยุดเพราะมนต์ขลัง |
ที่ว่าได้แอบอิงนั้นจริงจัง | ฤๅปดดอกกระมังพี่สันทา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์พูดแชแก้หน้า |
นางว่าให้มั่งชั่งเถิดหนา | ธรรมดาผู้หญิงกับผู้ชาย |
ชวนหัวเราะคิกคักชักพูดอื่น | ไม่หลับนอนดึกดื่นจะตื่นสาย |
ว่าพลางทางชวนกันเอนกาย | ศรีสันท์เล่านิยายจนหลับไป |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เสียงดุเหว่าเร่าร้องก้องป่า | สุริยาเลี้ยวเยี่ยมเหลี่ยมไศล |
ต่างตื่นฟื้นกายสบายใจ | พาอาว์ดั้นไพรไปธานี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ รอนแรมมาได้หลายทิวา | ก็ลุถึงปัญจาล์กรุงศรี |
พบพวกพหลมนตรี | ทั้งกำนัลขันทีมาคอยรับ |
แต่บรรดาข้าหลวงแลขอเฝ้า | ก้มเกล้าอภิวันท์เปนอันดับ |
ชายหญิงแน่นนั่งคั่งคับ | เห็นเจ้ากลับมาได้ก็ยินดี |
แล้วทูลเชิญทั้งสองกัลยา | ขึ้นทรงวอช่อฟ้าหลังคาสี |
ทั้งหกองค์ทรงม้าพาชี | เสนีแห่แหนเข้าภารา |
ฯ ๖ คำ ฯ กลอนโยน
๏ บัดนั้น | พนักงานการเล่นทุกภาษา |
ต่างโห่ฉาวกราวเชิดเปนโกลา | ออกเต้นรำทำท่าทุกโรงงาน |
ประชาชนภารามาเกลื่อนกล่น | นั่งแน่นริมถนนอลหม่าน |
อวไชยให้พรพระกุมาร | ชมบุญสมภารออกแซ่ซ้อง |
บ้างชะแง้แลดูวอสุพรรณ | เห็นม่านกั้นกำบังมาทั้งสอง |
ต่างคิดสงไสยตั้งใจมอง | องค์หน้านั้นน้องเจ้าธานี |
อันองค์นี้นี่เราไม่รู้จัก | ผิวภักตร์นวลลอองผ่องศรี |
ต่อจะเปนพระราชบุตรี | ชาวบุรีอวยพรกระฉ่อนไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกโอรสาศรีใส |
แลดูเต้นรำสำราญใจ | ขับอาชาไนยไปตามทาง |
ถึงประตูหูช้างข้างน่า | ลงจากอาชาแล้วเยื้องย่าง |
ชาวประโคมก็ประโคมดุริยางค์ | ประทับวอสองนางกับเกยลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตร์ขัณฑ์หรรษา |
ลุกจากแท่นสุวรรณมิทันช้า | ไปรับองค์ขนิษฐายาใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ จูงกรมานั่งยังแท่นทอง | สร้วมกอดพระน้องเข้าร้องไห้ |
ฝูงนางสาวสรรค์กำนัลใน | ต่างซบภักตร์พิไรโศกี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นรู้สึกสมประดีกาย | ค่อยคลายเศร้าหมองทั้งสองศรี |
จึงปราไสน้องรักร่วมชีวี | เปนบุญเราครั้งนี้ได้พบกัน |
แต่วันยักษ์มันมาพาเจ้าไป | พี่เศร้าใจคิดว่าจะอาสัญ |
แสนโศกโศกาไม่ราวัน | ทั้งพงศ์พันธุ์เงียบเหงาเศร้าใจ |
อยู่จำเนียรกาลนานมา | พี่ฝันว่าน้องรักไม่ตักไษย |
มันเลี้ยงเปนมเหษีอยู่ในไพร | แม้นมีผู้ตามไปจะได้มา |
พี่คิดจะติดตามนางโฉมยง | ทั้งหกองค์โอรสรับอาสา |
ด้วยหลานของน้องรักทรงศักดา | จึงรับอาว์มาได้ถึงบุรี |
ความพี่มีจิตรเกษมสานต์ | ดังได้ผ่านเมืองฟ้าราษี |
เจ้าจากไปได้ถึงสิบแปดปี | นิจาพี่เพียงแปลกภักตรา |
จนเปนสาวเทื้อเนื้อหนังเหนียว | อยู่ไพรสณฑ์คนเดียวอนาถา |
ยังค่อยผาศุกทุกทิวา | ฤๅโรคายายีพระน้องรัก |
อันนางนฤมลคนนั้น | เปนพงศ์พันธุ์ของใครไม่รู้จัก |
รูปร่างละม้ายคล้ายเจ้านัก | นงลักษณ์จงเล่าให้เข้าใจ |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ชิงทูลแถลงไข |
นั่นชื่อสุพรรณทรามไวย | อรไทยเปนลูกพระเจ้าอาว์ |
บิตุเรศไปเล่นสกาพนัน | กับภุชงค์เดิมพันตามปราถนา |
พระยายักษ์นั้นกลับอัปรา | จึงยอมยกธิดาให้นาคี |
อันองค์พระอาว์กับขุนมาร | อยู่ถึงหิมพานต์เปนถิ่นที่ |
เนาในปราสาทรัตน์รูจี | อสุรีเรืองอิทธิฤทธา |
ได้รบกันกับลูกทั้งหกคน | มันยกรี้กรีพลมาหนักหนา |
ข้าแผลงศรตายกลาดดาษดา | ทั้งกุมภัณฑ์ผัวอาว์ก็วอดวาย |
แล้วลูกลงไปเมืองนาคี | จะรับศรีสุพรรณผันผาย |
ต้องรบกันกับนาคอิกมากมาย | ภุชงค์แพ้พ่ายถวายนาง |
จึงได้องค์พระอาว์กับสุพรรณ | พากันเดินมาในป่ากว้าง |
เหลือกำลังดังชีวิตรจะวายวาง | ทูลพลางทางดูพระเจ้าอาว์ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระบิตุเรศได้ฟังไม่กังขา |
สั่นหัวกลัวฤทธิ์พระลูกยา | จึงว่ามิเสียแรงที่พ่อรัก |
ทุกวันนี้บิดาก็แก่เถ้า | จะเศกเจ้าให้ครองอาณาจักร |
ว่าพลางทางเยื้อนเบือนภักตร์ | ตรัสทักหลานน้อยกลอยใจ |
มาหาลุงถึงนี่ศรีสุพรรณ | อย่ารังเกียจเดียดฉันหาควรไม่ |
ลุงพึ่งรู้จักอรไทย | อายุเจ้าเท่าใดนะหลานรัก |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณนารีมีศักดิ์ |
จึงคลานขึ้นไปด้วยใจภักดิ์ | นงลักษณ์ก้มกราบกับบาทา |
แค้นด้วยศรีสันท์มันชิงทูล | ปดเปนเค้ามูลได้ต่อหน้า |
จะเถียงมั่งยังเกรงบิตุลา | นั่งก้มภักตราไม่พาที |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเรืองศรี |
ลูบหลังพระนัดดานารี | ภูมีพิศโฉมประโลมใจ |
ผิวพรรณนรลักษณ์ภักตรา | เหมือนพระมารดาดังเถือใส่ |
จึงว่าชรอยกรรมได้ทำไว้ | แต่เกิดมาก็ไม่เห็นพงศ์พันธุ์ |
แล้วผินหน้ามาตรัสแก่พระน้อง | พี่จัดแจงเข้าของไว้ทำขวัญ |
เราได้พานพบประสบกัน | ในวันนี้ไซ้เปนฤกษ์ดี |
เจ้าจงพาบุตรีกับหลานชาย | ไปชำระกายให้ผ่องศรี |
แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองรูจี | จะสมโภชเดี๋ยวนี้ทั้งแปดองค์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑานวลหง |
ให้ขัดเคืองหฤไทยนางโฉมยง | ด้วยศรีสันท์มันทนงไม่เกรงใจ |
ชิงพูดชิงจาน่าแค้นเหลือ | พระเชษฐาช่างเชื่อหลงใหล |
ครั้นจะบอกออกความบัดนี้ไซ้ | พระพี่ที่ไหนจะเห็นจริง |
มันจะรุมกันเถียงเทลาะเล่น | จะกลับเปนพูดเท็จไปทุกสิ่ง |
ความไกลไม่มีที่อ้างอิง | นางนั่งนิ่งถอนใจไม่ไคลคลา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศเชษฐา |
ซ้ำตรัสเตือนองค์พระน้องยา | ปลอบโยนหนักหนาก็ไม่ไป |
พระนั่งนิ่งนึกตรึกคนึง | เปนไรจึงเคืองขัดอัชฌาไศรย |
เห็นทีจะละห้อยน้อยใจ | ด้วยทรามไวยยังรักยักษ์สามี |
ต่อนานไปให้ลืมเสียสักหน่อย | จึงจะค่อยเล้าโลมนางโฉมศรี |
จะทำมิ่งสิ่งขวัญเสียวันนี้ | ให้ทันฤกษ์ดีดังใจปอง |
คิดพลางทางมีบัญชาสั่ง | เสนากรมวังทั้งสอง |
เร่งยกบายศรีแก้วบายศรีทอง | มาสมโภชพระน้องกับลูกรัก |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนีมีศักดิ์ |
รับสั่งภูวไนยด้วยใจภักดิ์ | ต่างวิ่งคึกคักออกมาพลัน |
พนักงานของใครก็จัดแจง | ยกมาตั้งแต่งเปนลดหลั่น |
มโหรีปี่พาทย์ครบครัน | เสร็จพร้อมสารพันดังบัญชา |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ราชครูผู้มียศถา |
ครั้นได้ฤกษ์ยามตามตำรา | ก็เข้ามาจุดเทียนแล้วกราบกราน |
จึงส่งแว่นเวียนขวามาซ้าย | เจ้าขรัวนายคอยรับอยู่ริมม่าน |
ให้ประโคมแตรสังข์กังสดาล | เสียงโห่สท้านทั้งวังใน |
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี
๏ ครบเจ็ดรอบคแนนแว่นเวียน | เอาใบพลูดับเทียนโบกควันให้ |
แล้วจุณเจิมเฉลิมขวัญเปนหลั่นไป | ต่างอำนวยอวยไชยด้วยปรีดา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายนายสำเภาที่ได้ผ้า |
ใช้ใบมาถึงเมืองปัญจาล์ | ก็ทอดท่าท้ายคูพระบูรี |
เห็นนาวาขึ้นล่องออกเซ่งแซ่ | จึงถามเหล่าชาวแพเจ้าภาษี |
รู้ว่าพระองค์ทรงธรณี | ภูมีสมโภชพระน้องยา |
พาณิชคิดจะถวายของ | จึงเปิดหีบหยิบช้องกับภูษา |
จัดสรรทุกสิ่งสินค้า | แต่บรรดาเข้าของที่ต้องการ |
ขนลงสำปั้นน้อยค่อยพายไป | ขึ้นแพใหญ่กรมท่าน่าบ้าน |
มอบของให้เจ้าพนักงาน | พากันลนลานเข้าวังใน |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงยกขึ้นไปพลัน | ตั้งไว้เรียงรันแล้วกราบไหว้ |
พนักงานทูลถวายทันใด | ตามในจดหมายรายของนั้น |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกแสนกลคนขยัน |
เห็นผ้ากับช้องของสำคัญ | อ้ายนี่มันจะก่อให้เกิดความ |
จึงวิ่งไปชิงช้องกับภูษา | ซ่อนใส่ในผ้าแล้วซักถาม |
มึงเอาของจรรไรไม่งดงาม | มาถวายแต่ตามอำเภอใจ |
จะเสียฤกษ์เสียพากูน่าถอง | อ้ายจองหองชั่วชาติอุบาทว์ใหญ่ |
ชอบแต่ฆ่าฟันให้บรรไลย | ไสหัวออกไปเสียให้พ้น |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระบิดาหลากจิตรคิดฉงน |
จึงว่าแก่โอรสทั้งหกคน | เอาของเขาซ่อนซนเสียทำไม |
ถึงมิงดงามก็ตามที | เขาจงรักภักดีเอามาให้ |
เปนเงินฤๅทองของอะไร | อยู่ไหนเอามาพ่อจะดู |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกอิดเอื้อนเยื้อนอยู่ |
จึงว่าของจรรไรอะไรมิรู้ | พระบิดาอย่าดูให้เสียตา |
ไม่เคยพบเคยเห็นเช่นนี้ | ผ้าผีผมพรายตายห่า |
ชอบแต่ทิ้งเสียที่ป่าช้า | แล้วเฆี่ยนผู้เอามาให้สาใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระบิตุรงค์ยิ่งสงไสย |
ตรัสว่าเขามาแต่เมืองไกล | เคยให้ของเข้าเราทุกปี |
ย่อมจะเห็นงามตามใจรัก | ผิดนักเจ้าว่าเปนผ้าผี |
ไปด่าทอเขานั้นมันไม่ดี | เอาผมผ้ามานี่นะลูกยา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกบิดพลิ้วนิ่วหน้า |
จะขัดขืนกลัวพระจะโกรธา | ทั้งจริตกิริยาวุ่นวาย |
ครั้นบิดรเตือนซ้ำต้องจำใจ | เอาช้องกับสไบเข้าไปถวาย |
แล้วว่าของชั่วชาติอุบาทว์ร้าย | จงคืนให้ไปขายเสียเมืองไกล |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฎเปนใหญ่ |
เห็นผ้ากับช้องต้องฤไทย | ภูวไนยแลเล็งเพ่งพิศ |
สีสดงดงามหนักหนา | ใครเห็นเปนน่าเจริญจิตร |
เนื้อหนังดังหนึ่งจะกำมิด | งามผิดผ้ามนุษย์ในแดนไตร |
กระนี้แล้วลูกยายังว่าชั่ว | บุญตัวได้เห็นเปนลาภใหญ่ |
ดูผ้าต้นผ้าทรงเราเสียไป | ราคาได้สักแสนตำลึงทอง |
ประเสริฐกว่าเพชรนิลจินดา | จะทำขวัญกัลยาทั้งสอง |
ว่าพลางส่งสไบให้พระน้อง | ยื่นช้องให้นัดดายาใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองนางต่างจำของตัวได้ |
เห็นพระสังข์จะยังไม่บรรไลย | ช้องกับสไบจึงได้มา |
นางเกสรสุมณฑายิ่งละห้อย | คิดถึงหลานน้อยเสนหา |
ชลไนยซึมซาบอาบภักตรา | ต่างทรงโศกาไม่สมประดี |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาธิราชเรืองศรี |
ปลอบพลางทางถามนางเทวี | เจ้ากรรแสงโศกีด้วยอันใด |
พี่ให้ของสองสิ่งนี้ดีแท้ | ไม่ชอบใจฤๅแม่จึงร้องไห้ |
เจ้าอย่าเศร้าสร้อยน้อยฤไทย | จะประสงค์สิ่งไรจงบอกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาเสนหา |
จึงทูลคดีพระพี่ยา | ใช่จะน้อยใจข้าด้วยผ้านี้ |
อันสุพรรณกับน้องร่ำร้องไห้ | เพราะคิดถึงสังข์ศิลป์ไชยเรืองศรี |
อุส่าห์ไปรับข้ากับบุตรี | ได้รบอสุรีแลนาคา |
ครั้นเสร็จแล้วพากันคลาไคล | บุกป่ามาในแดนยักษา |
ท่านท้าววัณณุราชอสุรา | ช่วยพาเหาะข้ามชลาไลย |
พบทั้งหกนี้ที่ฝั่งน้ำ | เขาทำซื่อตรงให้หลงใหล |
ชักชวนพระสังข์ศิลป์ไชย | เที่ยวเก็บผลไม้ในแดนดง |
แล้วกลับมาว่าเจ้าสังข์นั้นสูญหาย | ไม่รู้ว่าจะตายฤๅจะหลง |
จึงเอาของสองสิ่งนี้ทำธง | ข้าจำนงเสี่ยงทายเปนเค้ามูล |
เขาได้ผ้ากับช้องของน้องมา | เห็นแท้ว่าพระสังข์ยังไม่สูญ |
จึงกรรแสงโศกาอาดูร | น้องทูลทั้งนี้เปนสัจจา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | ออกชื่อพระสังข์ให้กังขา |
จึงว่าปลาดแล้วนะแก้วตา | เมื่อทั้งหกลูกยาอาสาไป |
ใครเล่าเจ้าว่ายั่งยืน | อันคนอื่นนอกนี้หามิได้ |
จะหาผู้เรืองอิทธิ์ฤทธิไกร | เหมือนเขาเหล่านี้ไซ้ไม่มีแล้ว |
จึงผินหน้ามาถามทั้งหกพลัน | ผู้ใดนั่นที่อาว์ว่ากล้าแกล้ว |
พ่อฟังมืดไปไม่ว่องแวว | ใครไปด้วยลูกแก้วจงบอกมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์แสร้งทำเปนเมินหน้า |
หัวเราะพลางทางทูลพระบิดา | นี่แลลูกยาเปนจนใจ |
ท่านว่าแล้วมิเชื่อก็จำเชื่อ | คือใครนั่นตัวเนื้ออยู่ที่ไหน |
วาศนาอาภัพจึงลับไป | อย่าถามไถ่ข้าเลยพระบิดา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ลูกเอยลูกแก้ว | พ่อลงเนื้อเห็นแล้วที่เจ้าว่า |
อันคนอื่นหมื่นแสนในโลกา | จะแกล้วกล้าเหมือนเจ้านั้นไม่มี |
แล้วตรัสแก่ขนิษฐายาใจ | เจ้าลืมหลานไปฤๅเมื่อกี้ |
จึงแชเชือนเลื่อนไหลพาที | ทำให้พี่ลังเลสนเท่ห์ใจ |
อันเจ้าว่าไม่น่าจะเชื่อฟัง | พระศิลป์พระสังข์อยู่ที่ไหน |
หลานทั้งหกนี้แลที่ไป | รับเจ้ามาได้ถึงวังเวียง |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาก็ทูลเถียง |
เออช่างกระไรไม่ไล่เลียง | เมื่อความจริงแท้เที่ยงอยู่เช่นนี้ |
น้องจะขอถามเนื้อความหลัง | แต่ข้ายังไปอยู่ด้วยยักษี |
ที่ชื่อนางประทุมนารี | กับไกรสรเทวีทั้งสองนั้น |
พระพี่รู้จักนางบ้างฤๅไม่ | เขาว่าอรไทยอยู่ไพรสัณฑ์ |
อันลูกนางประทุมแจ่มจันทร์ | นามนั้นชื่อว่าสังข์ศิลป์ไชย |
อิกเจ้าสิงหราลูกไกรสร | ทั้งสองทรงฤทธิรอนจะหาไหน |
บอกว่าบิดาบัญชาใช้ | ให้ไปรับข้ามาธานี |
เจ้าชักวงศ์พงศ์พันธุ์ให้รู้จัก | จึงแจ้งว่าหลานรักทั้งสองศรี |
อันโอรสหมดแล้วฤๅยังมี | พระพี่จงรำฦกตรึกตรา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังความ | เอ๊ะงามจะจริงเหมือนเจ้าว่า |
อันประทุมนั้นเมียของพี่ยา | อยู่ด้วยกันมาจนมีครรภ์ |
ลูกคลอดผิดคนทั้งแผ่นดิน | มือถือสังข์ศิลป์แลพระขรรค์ |
อีจรรไรไกรสรทาษีนั้น | ลูกมันชั่วจริงเปนสิงหรา |
โหรเถ้าเขาว่าอุบาทว์เมือง | พี่แค้นเคืองขับไล่ไปเสียป่า |
อ่ออ้ายลูกอีประทุมา | มันไปรับขนิษฐาไม่รู้เลย |
แล้วถามโอรสเล่าตามเค้าเงื่อน | จริงเหมือนอาว์ว่าฤๅลูกเอ๋ย |
พ่อหลับตาว่าเจ้าเฝ้าชมเชย | ไม่บอกให้รู้เลยแต่เดิมที |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันท์ขึ้นเสียงออกอึงมี่ |
พระอาว์มาเปนได้เช่นนี้ | พานรีพานขวางทุกอย่างไป |
เมื่อเดินป่าอาว์ถามถึงความหลัง | ลูกเล่าให้ฟังจนสิ้นไส้ |
จึงรู้จักชื่อเสียงสังข์ศิลป์ไชย | ช่างเอามาว่าได้เปนเนื้อตัว |
แกล้งพูดเลี้ยวลดจะทดแทน | ที่เคืองแค้นลูกยาว่าฆ่าผัว |
เอออะไรบาปกรรมก็ไม่กลัว | จะให้โทษแก่ตัวนี้ไม่แคล้ว |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ จอมเอยจอมขวัญ | อ่อกระนั้นดอกฤๅนะลูกแก้ว |
ได้รู้เพราะเจ้าเล่าจริงแล้ว | จึงชักเรื่องชักแถวเอาถูกความ |
แล้วพระยิ้มเยื้อนเบือนภักตร์ | มาตรัสแก่น้องรักซักถาม |
ศรีสันท์มันว่าพี่เห็นงาม | เขาบอกความฤๅเจ้าจึงได้รู้ |
อ้ายคนชั่วชาติอุบาทว์บ้าน | มานับเปนลูกหลานรำคาญหู |
พี่ขอเสียเถิดอย่าเชิดชู | ชาวเมืองเลื่องรู้จะเย้ยเยาะ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าแค้นเหลือ | เอออะไรช่างเชื่อเปนมั่นเหมาะ |
เลื่อนไหลไปด้วยอ้ายพูดเพราะ | นี่เนื้อเคราะห์เนื้อกรรมได้ทำไว้ |
แน่เจ้าคนดีศรีสันทา | ช่างด้านหน้าขึ้นเสียงเถียงได้ |
มึงเล่าให้กูฟังเมื่อครั้งไร | ยังกลับว่าผู้ใหญ่นี้พูดโกง |
อวดกล้าว่าได้ไปรบยักษ์ | เองอย่างพักมาดหมายคงตายโหง |
กลัวแต่จะชิงวิ่งตะโกรง | โป้งโหยงพาทีไม่มีจริง |
พวกมึงพึ่งบุญสังข์ศิลป์ไชย | พลอยไปซ่อนตัวอยู่หัวตลิ่ง |
เห็นยักษ์มาผ้าผ่อนลงกองทิ้ง | พากันมุดหัววิ่งเข้าซุ้มรก |
แล้วซ้ำคิดอ่านฆ่าหลานกู | เล่ห์กลก็รู้อยู่เต็มอก |
กลับมาพูดอวดพ่อยอยก | พวกอ้ายโกหกเขาเห็นตัว |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังอาว์ว่า | เจ้าศรีสันทาทำยิ้มหัว |
มาใส่ถ้อยร้อยความเอาพันพัว | ออกเห็นตัวเห็นตนว่าคนเท็จ |
เออมิใช่ฝีมือฤๅวันนั้น | จนกุมภัณฑ์ผัวหัวขาดเด็ด |
ลงนั่งกอดยักษาน้ำตาเล็ด | ออกขามเข็ดฤทธิ์ข้าจึงมาตาม |
ลูกหลานที่ไหนเล่าเอามาว่า | พระบิดาฟังได้ไม่ซักถาม |
สับปะติดสับปะต่อแต่พองาม | เปนความแต้มแต่งจะแกล้งพาล |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เจ็บเอยเจ็บจิตร | กูไม่คิดแล้วว่ามึงเปนหลาน |
ลมลิ้นหยาบช้าสามาญ | จะร้าวฉานพงศ์พันธุ์เพราะมันนี้ |
จะตบมึงให้ได้อ้ายสุงสิง | แม้นฤทธิ์เดชดีจริงอย่าวิ่งหนี |
ว่าพลางนางลุกขึ้นทันที | เข้าไล่ตบตีพัลวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ แค้นด้วยพระพี่นี้สุดใจ | เอออะไรมาขวางกางกั้น |
หลับตางมเงาเข้าด้วยมัน | ตัดญาติขาดกันแต่วันนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาเล้าโลมนางโฉมศรี |
เท็จจริงจำว่าแต่โดยดี | มาด่วนทุบด่วนตีกันวุ่นวาย |
ข้างโน้นอย่ามุทลุกุกะ | พ่อจะเกลี่ยไกล่เสียให้หาย |
ข้างนี้เปนผู้ใหญ่อย่าใจร้าย | ไม่สงสารหลานชายเลยน้องรัก |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกมเหษีมีศักดิ์ |
ให้วิตกอกใจทึกทัก | กลัวว่าลูกรักจะแพ้อาว์ |
ค่อยกระซิบพาทีกันที่นั่น | จำจะทูลแก้กันโอรสา |
จะให้ท้าวเธอถามขุนโหรา | เขาจะได้ช่วยว่าให้เกลื่อนไป |
แล้วหกนางต่างทูลพระสามี | น้องนี้หลากจิตรคิดสงไสย |
กัลยามาเปนเช่นนี้ไซ้ | อย่าไว้ใจจงถามโหราดู |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสามีตรัสตอบว่าชอบอยู่ |
เห็นเถียงกันฟั่นเฝือเปนเหลือรู้ | ว่าความมาหลายคู่ไม่เช่นนี้ |
แล้วมีสิงหนาทบัญชา | ตรัสเรียกโหราเข้ามานี่ |
ท่านช่วยพิเคราะห์ดูให้เต็มที | เรานี้ยังพะวงสงกา |
องค์พระน้องยาแต่มาถึง | ให้โกรธขึ้งหลานรักหนักหนา |
ดูจริงเห็นผิดกิริยา | จะถูกต้องผีป่าฤๅอย่างไร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | โหรเฒ่าบังคมประนมไหว้ |
จึงดูยามตามเคราะห์อรไทย | ไม่มีเหตุเภทไภยสักสิ่งอัน |
ครั้งจะทูลไปตามสัจจา | เห็นหกโอรสาจะอาสัญ |
เราได้สินบนเขาคราวนั้น | จำจะช่วยผ่อนผันให้ชอบกล |
คิดแล้วนบนิ้วประนมทูล | ข้าวางลักษณ์หักคูณดูหลายหน |
อันพระน้องนารีนีรมล | เปนพิกลจริตติดคลั่งไคล้ |
เหตุเพราะยักษ์ร้ายที่วายปราณ | ประจำองค์นงคราญให้หลงใหล |
จงหาหมอหลวงทั้งปวงไซ้ | มาดูแลแก้ไขให้หลายตา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนัคเรศเชษฐา |
จึงตรัสว่าจริงแล้วนะโหรา | เราเห็นกิริยานั้นผิดที |
ว่าพลางทางสั่งเสนาใน | หมอโรงเราเท่าไรเรียกมานี่ |
แล้วแยกไปให้ทั่วทั้งธานี | หาคนทรงลงผีนั้นเข้ามา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกษา |
บ้างไปเรียกหมอนวดหมอยา | บ้างก็พายายเถ้าเข้าไปพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านนัคเรศเขตรขัณฑ์ |
จึงตรัสสั่งหมอหลวงทั้งปวงนั้น | จงช่วยกันแก้น้องกูลองดู |
จะเปนโรคอย่างไรไม่ประจักษ์ | เห็นละล่ำละลักปลาดอยู่ |
ให้ชิงชังทั้งหกลูกกู | ไม่แลดูหน้าตาเฝ้าด่าทอ |
แม้นใครแก้หายคลายคลุ้มคลั่ง | กูจะตั้งให้เปนกรมหมอ |
เร่งทำตามวิชาอย่ารั้งรอ | ตั้งใจตั้งคอให้จงดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หมอยาใคร่ครวญถ้วนถี่ |
จึงกราบทูลพลันทันที | ไข้นี้มีพิศม์ติดจะร้าย |
ชื่อสันนิบาตเลือดให้เดือดดุ | ถ้าถวายยารุเห็นจะหาย |
ลมกระทบหฤไทยไม่สบาย | จึงกระวนกระวายข้างภายใน |
หมอนวดต้องลงตรงบาทา | แล้วว่าเส้นปัตคาดพอแก้ไข |
จะต้องห่อใบส้มต้มกับไพล | ประคบให้เส้นสายกระจายดี |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏเจ้ากรุงศรี |
จึงตรัสสั่งยายท้าวทันที | จงเร่งลงผีไปตามเคย |
ถ้าเองแก้น้องของกูหาย | จะให้ลาภมากมายแล้วยายเอ๋ย |
จะเปนอย่างไรอยู่ไม่รู้เลย | นี่แน่เหวยอีมดอย่าปดกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางท้าวไหว้ผีขมีขมัน |
ประนมมือถือเทียนงกงัน | ทำตัวสั่นเทาเทาหาวเรอ |
ฯ ๒ คำ ฯ กราวรำ
๏ ฉวยขวดดื่มเหล้าจนเมามึน | ลุกขึ้นเต้นรำผย่ำเผยอ |
ทำหน้าตาเบี้ยวบูดพูดเพ้อ | อ่อกุมภัณฑ์เกลอของกูมา |
เองอย่าอยู่ไม่ได้เร่งไปเสีย | มาโกรธขึ้งหลานเมียไยหนักหนา |
เอาเป็ดไก่ไปกินเถิดเกลออา | แกล้งผูกพันมุสาใส่ไคล้ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาให้มันไส้ |
ร้องด่าว่าเหวยอีจรรไร | ผีสางที่ไหนมาเข้ากู |
มึงโกหกเห็นตัวหัวประสม | น้อยฤๅลิ้นลมมาลบหลู่ |
ว่าพลางนางฉวยลิ่มประตู | ไล่ต่อยหัวหูระยำไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระเชษฐาร้อนรนหม่นไหม้ |
จึงปลอบโยนโอนอ่อนเอาใจ | จูงกรอรไทยมาแท่นทอง |
ไม่รักพี่แล้วฤๅแก้วตา | เฝ้าโกรธาว้าวุ่นขุ่นหมอง |
มาหลงใหลไม่ควรเลยนวลน้อง | พี่พิเคราะห์สอดส่องเห็นถ่องแท้ |
เมื่อทั้งหกหลานรักผู้ศักดา | ไปรับมาจริงเจียวทีเดียวแม่ |
กลับเคืองข้องสองตาก็ไม่แล | สุดที่พี่จะแก้ที่คลุ้มใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาแถลงไข |
ถึงพระจะโกรธก็โกรธไป | เมื่อความจริงใจไม่เชื่อกัน |
แม้นมิพบพระสังข์เหมือนดังคิด | เห็นชีวิตรน้องยาจะอาสัญ |
อันอ้ายทั้งหกไม่นับมัน | พงศ์พันธุ์อะไรจะคอยล้าง |
ครั้นว่าไปก็เครื่องจะเคืองข้อง | มันข่มเหงน้องนี้ทุกอย่าง |
เฝ้าเกี้ยวพานหลานสาวมากลางทาง | ทั้งพูดจาถากถางให้ได้อาย |
สุพรรณมันด่าก็ไม่เจ็บ | ดูเถิดรอยเล็บยังไม่หาย |
นี่ฤๅจะให้นับเปนหลานชาย | สู้ตายไม่ขอเห็นหน้าตา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้อยเอยน้อยฤๅ | พี่หลงเชื่อถือมันหนักหนา |
ช่างไม่ยำเกรงข่มเหงอาว์ | หยาบช้าเช่นนี้ทีเดียว |
แล้วด่าลูกหกคนป่นปี้ | มึงนี้ดีแต่จะแก้เกี้ยว |
ขัดเขมรหมุนมาคว้าไม้เรียว | กระทืบบาทกราดเกรี้ยวจะทุบตี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกตกใจขยับหนี |
ศรีสันท์ร้องทูลไปทันที | ซึ่งอาว์ว่าทั้งนี้ไม่มีจริง |
แต่แรกเถียงที่ข้อลูกไปรับ | ประเดี๋ยวใจไพล่กลับเปนสุงสิง |
แกล้งปรักปรำซ้ำเติมด้วยชังชิง | ถ้าเปนจริงเหมือนว่าจงฆ่าฟัน |
เมื่อครั้งเดินทางมากลางป่า | ข้ากลัวอาว์จะรังเกียจเดียดฉัน |
มิได้ใกล้เคียงเจ้าสุพรรณ | ลูกรักษาตัวมั่นถึงขั้นนี้ |
น้อยจิตรคิดคิดแล้วน่าสรวล | มาว่าข้าลามลวนไม่ควรที่ |
อันชู้เมียลูกไม่พอใจมี | จะบวชเสียมิดีฤๅบิดา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ลูกเอยลูกรัก | พ่อไม่แจ้งประจักษ์จึงด่าว่า |
เจ้าคนตรงคนซื่ออย่าถืออาว์ | จงง้องอนพูดจาแต่โดยดี |
แล้วตรัสแก่เยาวมาลย์หลานน้อย | เจ้าอย่าพลอยถือโทษโกรธพี่ |
จงรักกันฉันญาตินะเทวี | บุญคุณเขามีแก่หลานรัก |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสุพรรณนารีมีศักดิ์ |
ได้ฟังคั่งแค้นฤไทยนัก | นงลักษณ์จึงทูลไปทันที |
อันสัญชาติทั้งหกเชษฐา | ข้าไม่ปราถนานับว่าพี่ |
อะไรช่างมุสาทั้งตาปี | เคยดื้อเถียงเช่นนี้นี่หลายครา |
แต่วันเมื่อพระสังข์ศิลป์ไชยหาย | ต่างแยกย้ายรายค้นบนภูผา |
ตัวหลานกับพี่ศรีสันทา | ไปเที่ยวหาสุมทุมพุ่มไม้ |
พอถึงที่เปลี่ยวก็เกี้ยวพาน | ทำหักหาญฉุดคร่าคว้าไขว่ |
ข้าหยิกข่วนหนักหนาไม่สาใจ | ยังวิ่งไล่มาจนชนนี |
ครั้นพระมารดาข้าถาม | กลับพูดจาหยาบหยามเสียดสี |
ข้านอนค้างกลางป่าพนาลี | ศรีสันท์นั้นมีแต่นึกร้าย |
ลอบย่องเข้าหาข้าถีบเอา | ถูกเข้าที่อกหกล้มหงาย |
ยังกลับขึ้นเสียงเถียงมากมาย | เห็นไม่มีชาติอายเท่าปลายเล็บ |
สันดานด้านดื้อนี้สุดใจ | จะว่าอย่างไรก็ไม่เจ็บ |
ทำไขหูสู้เถียงจนตาเย็บ | เติมแต้มแนมเหน็บไปทุกคราว |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ศรีสันทาว่าชะนางน้องสาว |
ช่างประดิษฐ์ติดต่อเปนเรื่องราว | ว่ากล่าวสมอ้างไปข้างเดียว |
สบประมาทกันเล่นเช่นนี้ | เออนี่เมื่อไรข้าได้เกี้ยว |
เขาว่าใจผู้หญิงนี้จริงเจียว | ออกเปนเขี้ยวเปนเล็บไล่เก็บความ |
ที่ว่าข้าย่องเบาเข้าไป | เจ้าจับได้ฤๅหนอจะขอถาม |
เมื่อผีหลอกวันนั้นเจ้าครั่นคร้าม | ลุกวิ่งบุ่มบ่ามมาหาเรา |
ยังอ้อยอิ่งวิงวอนให้นอนเพื่อน | ข้าบิดเบือนอยู่จริงฤๅไม่เล่า |
ช่างกะไรว่าได้ก็ว่าเอา | คิดดูสิเจ้าอย่าเอนเอียง |
เท็จจริงตามแต่ตระลาการ | เหนื่อยปากรำคาญขี้คร้านเถียง |
ขอพระบิตุรงค์จงไล่เลียง | ถ้าใครเพลี่ยงอย่าได้ไว้ชีวิตร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏรำคาญจิตร |
กอดเข่าตระลึงคนึงคิด | ยิ่งฟังยิ่งผิดสังเกตนัก |
ให้ฉงนสนเท่ห์โลเลใจ | จะจริงจังข้างไหนไม่ประจักษ์ |
สุดปัญญาพาทีที่จะซัก | จำจะชักเกลี่ยไกล่ให้ดีกัน |
คิดพลางทางตรัสแก่น้องยา | จงฟังคำพี่ว่าอย่าเดียดฉัน |
จะตัดสินให้เปนกลางทางธรรม์ | คำของเจ้านั้นยังเลื่อนลอย |
ข้างเขาว่าได้ไปรับมา | เห็นยืนยันหนักหนาไม่ราถอย |
ดูถ้อยคำสำนวนก็เรียบร้อย | ทั้งพี่ได้ใช้สอยให้เขาไป |
ฝ่ายพระน้องยาว่าคนอื่น | หามีตัวยั่งยืนเข้ามาไม่ |
เถียงกันเปล่าเปล่าเอาอะไร | ข้างเจ้าเปนผู้ใหญ่ควรอดออม |
จงหลับนอนให้สบายหายเจ็บหลัง | อย่างคลุ้มคลั่งฤไทยจะไผ่ผอม |
อันอ้ายยักษ์คนโซโตเท่าพ้อม | จะทุกข์ตรอมถึงมันไปทำไม |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาน้ำตาไหล |
กล่าวถ้อยตอบตัดด้วยขัดใจ | เถิดคะอย่าได้พูดจากัน |
อกเอ๋ยเอออะไรช่างหลับตา | พิพากษาชี้แจงแบ่งบั่น |
กระนี้แหละควรเห็นว่าเปนธรรม์ | เข้ากันนี่กะไรจนไม่คิด |
สิ้นบุญวาศนาสิ้นอาไลย | จะอยู่ไยให้ระกำช้ำจิตร |
เปนตายไม่เสียดายแก่ชีวิตร | จะสู้ติดตามองค์พระหลานชาย |
ว่าพลางนางลุกจากแท่นที่ | ฉวยฉุดบุตรีมาผันผาย |
ไหนไหนก็ในจะวอดวาย | อย่าอยู่ให้ได้อายเลยลูกยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวเสนากุฏยุดหัดถา |
จึงว่าพี่ไม่ให้เจ้าไคลคลา | อย่าโกรธาฮึดฮัดสบัดมือ |
แต่แม่ลูกสองคนจะด้นไป | ยังเห็นงามแก่ใจอยู่แล้วฤๅ |
จะทำให้ชาวเมืองเขาเลื่องฦๅ | ไม่ควรถือโกรธพี่เช่นนี้เลย |
ซึ่งตัดสินนั้นผิดพึ่งคิดได้ | ขออภัยเสียเถิดนะน้องเอ๋ย |
แล้วว่าหลานสาวผู้ทรามเชย | ไม่ห้ามมารดาเลยนี่อย่างไร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเกสรสุมณฑาแถลงไข |
อย่าห้ามน้องเลยคะคงจะไป | เห็นใจเสียแล้วที่ว่ารัก |
จะเอาไว้ทำไมกับใบ้บ้า | ให้อับอายขายหน้าพระทรงศักดิ์ |
ข้าคนเมามัวมันชั่วนัก | พระอย่าพักทำปลอบให้ชอบใจ |
ถ้าแม้นมิพบพานพระหลานขวัญ | จะด้นดั้นไปกว่าจะตักไษย |
มายื้อยุดฉุดคร่าข้าไว้ไย | อรไทยเคืองขัดสบัดมือ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ น้องเอยน้องแก้ว | จะไปให้ได้แล้วจริงเจียวฤๅ |
จงหยุดยั้งปฤกษาหารือ | อย่าอึงอื้อหุนหันฟั่นเฟือน |
ต่อย่ำรุ่งพรุ่งนี้จึงคลาไคล | พี่จะตามทรามไวยไปเปนเพื่อน |
แล้วร้องสั่งทั้งทหารพลเรือน | เร่งเตรียมไพร่ในเดือนประเดี๋ยวนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกอัคเรศมเหษี |
จึงทูลทัดภัศดาสามี | จงคิดดูให้ดีที่จะไป |
เมียเห็นกัลยายังคลุ้มคลั่ง | พระจะพลอยตึงตังไปข้างไหน |
จะพากันบุกป่าเที่ยวหาใคร | เมื่อมิใช่ลูกหลานว่านเครือ |
อันเขตรแคว้นไพรระหงดงดาน | ล้วนยักษ์มารผีสางช้างเสือ |
มันจะมาจับกินสิ้นเลือดเนื้อ | เห็นไพร่พลไม่เหลือมานคร |
พระมิห้ามปรามจะตามใจ | เหมือนรบไปชมสวนเมื่อคราวก่อน |
จนยักษ์มาพาไปได้ทุกข์ร้อน | ครั้งนี้ที่จะจรเมียหนักใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ปลื้มเอยปลื้มจิตร | จริงแล้วพี่คิดขึ้นมาได้ |
หาไม่ที่ไหนนั่นคงบรรไลย | อันบุญคุณเจ้าไซ้ไม่ลืมเลย |
แล้วตรัสแก่ขนิษฐานารี | ตัวพี่ไม่ไปแล้วน้องเอ๋ย |
พระอายใจผินหลังสั่งเปรย | อย่าเตรียมพลเลยนะเสนา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัวร่อ | เช่นนี้ดอกหนอพระเชษฐา |
อย่างไรอยู่ดูผิดแต่ก่อนมา | ทั้งหลับตาแล้วซ้ำฟังคำเมีย |
ช่างไม่อัปรยศอดสู | แต่เขาขู่สำทับก็กลับเสีย |
ต่อจะถูกกระทำยำเยีย | จีงเอียงเงี่ยไปข้างคนพูดเท็จ |
เห็นสมเปนกระษัตริย์สุริวงศ์ | เคยณรงค์สงครามไม่ขามเข็ด |
พระไทยกะไรกล้าดังเหล็กเพ็ชร | ไม่เสด็จแล้วน้องจะขอลา |
ลูกเอ๋ยอย่าช้ามาจะไป | ผิดชอบบรรไลยเสียในป่า |
มายุดไว้ไยเล่าพระพี่ยา | ข่มเหงจริงยิ่งกว่าเจ้าหัวใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ขวัญเอยขวัญเข้า | ที่พี่จะทิ้งเจ้าอย่าสงไสย |
ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรไลย | คงจะไปเปนเพื่อนนางเทวี |
แล้วมีสิงหนาทบัญชา | เหวยเหวยเสนาทั้งสี่ |
เร่งตรวจเตรียมรี้พลมนตรี | ครั้งนี้กูจะไปจริงจริงแล้ว |
พระเหลียวสั่งมเหษีโสภา | กับหกโอรสากล้าแกล้ว |
อย่าตามบิตุราชคลาศแคล้ว | อยู่รักษากรุงแก้วเถิดลูกรัก |
ว่าพลางทางเสด็จเข้าที่สรง | แต่องค์อึกกะทึกกึกกัก |
คาดตะกรุดลงยันต์ไปกันยักษ์ | เอาแหวนถักพิรอดสอดนิ้วชี้ |
จับพระแสงคู่มือถือเงื้อง่า | ถึงยักษ์มาเท่าไรก็ไม่หนี |
แล้วชวนสองกัลยานารี | จรลีลงจากปราสาทไชย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
๏ ขึ้นบนเกยรัตน์ชัชวาลย์ | ทวยหาญประนมบังคมไหว้ |
เสด็จทรงคชสารมารประไลย | ทั้งสองอรไทยนั้นทรงรถ |
โขลนจ่าเถ้าแก่แลงานกลาง | กำนัลสองข้างในไปเกือบหมด |
ช้างประเทียบเรียบรันเปนหลั่นลด | ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เทพเจ้าดลใจไพร่พล | ทั้งช่วยย่อย่นหนทางให้ |
แต่ปัญจาล์มาเมืองสังข์ศิลป์ไชย | ทางไกลสามวันเปนวันเดียว |
กองหลวงล่วงลุมรคา | แดนบรรพตภาราป่าเปลี่ยว |
สุริยาเย็นพยับลับเลี้ยว | คิดเกลียวกลัวไภยในไพรวัน |
สั่งให้หยุดโยธีรี้พล | เร่งแบ่งคนตัดไม้ตั้งค่ายมั่น |
ปลูกพลับพลาติดต่อให้พอกัน | น่าที่ใครไม่ทันโทษถึงตาย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาอภิวันท์แล้วผันผาย |
เกณฑ์กันวุ่นไปทั้งไพร่นาย | บ้างตั้งค่ายบ้างจับทำพลับพลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระปิ่นปักนัคเรศเชษฐา |
จึงชวนสองแจ่มจันทร์กัลยา | ขึ้นสู่พลับพลาพนาดร |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ แล้วกำชับกำชาข้าเฝ้า | พลเราล้าเลื่อยเหนื่อยอ่อน |
เกลือกจะมีไภยพาลมาราญรอน | อย่าเห็นแก่หลับนอนจงตรวจตรา |
ครั้นล่วงเข้าปฐมยามก็ไสยาศน์ | ด้วยน้องนาฏนัดดาเสนหา |
พระตั้งใจสวดมนต์ภาวนา | จนนิทราหลับใหลในราตรี |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ