- คำนำ
- นิทานเรื่องไชยเชฐ เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไชยเชฐ
- นิทานเรื่องสังข์ทอง เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ทอง
- นิทานเรื่องไกรทอง เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไกรทอง
- กลอนตำนานเรื่องพระราชนิพนธ์ไกรทอง
- นิทานเรื่องมณีพิไชย เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องมณีพิไชย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอพระมณีพิไชยไปเปนทาษ
- นิทานเรื่องมณีพิไชย ตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- นิทานเรื่องคาวี (เรียกอิกอย่างหนึ่งว่าเรื่องเสือโค) เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องคาวี
- เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ศิลป์ไชย
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชยตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทึ่ทรงพระราชนิพนธ์บทลคร
ตอนที่ ๑ นางวิมาลาตามไกรทองมาจากถ้ำ
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | โฉมเจ้าไกรทองพงศา |
สมสู่อยู่ด้วยวิมาลา | ศุขา[1]สำราญบานใจ |
ลืมสังเกตเวทมนต์ที่ร่ำเรียน | แต่เวียนนอนนั่งเจ็บหลังไหล่ |
ลืมสองภรรยาแลข้าไท | อิ่มไปด้วยทิพโอชา |
ร่วมภิรมย์ชมรศสาวศรี | กุมภีล์ผิดอย่างต่างภาษา |
อยู่เย็นเปนศุขทุกเวลา | ถึงได้เปนเจ้าพระยาก็ไม่ปาน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ วันเอยวันหนึ่ง | ให้คิดคำนึงถึงบ้าน |
แต่กูมาอยู่ก็ช้านาน | สักกี่วันวารไม่แจ้งใจ |
ด้วยคุหาสว่างอยู่อย่างนั้น | จะสำคัญวันคืนก็ไม่ได้ |
แต่คิดคเนนึกตรึกไตร | เห็นจะได้สักเจ็ดวันมา |
ปานนี้น้องสองคนจะบ่นถึง | วันนี้จึงสำลักนักหนา |
ตัวกูหลงอยู่ด้วยกุมภา | จะเสื่อมเสียวิชาที่เรียนรู้ |
อย่าเลยจะชวนนางขึ้นไป | เลี้ยงเปนเมียไว้จะดีอยู่ |
ให้คืนฦๅชื่อเราว่าเจ้าชู้ | จะมีผู้สรรเสริญสืบไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางเรียกวิมาลา | เข้ามาแล้วแจ้งเถลงไข |
พี่รักนางพ่างเพียงจะกลืนไว้ | หมายจะไม่จากกันคุ้งวันตาย |
แต่จนใจที่จะอยู่ในคูหา | เวทมนต์เรียนมาจะเสื่อมหาย |
จำเปนจำไปใจเสียดาย | ไม่เคยขาดคลาศคลายสักเวลา |
ขอเชิญดวงใจไปด้วยพี่ | เปนที่สนิทเสนหา |
พี่จะเลี้ยงเจ้าเปนภรรยา | แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | วิมาลานารีศรีใส |
ได้ฟังคั่งแค้นขัดใจ | จึงตอบคำไปด้วยโกรธา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แต่เอยแต่เดิม | ช่างแต้มเติมต่อติดประดิษฐว่า |
ล้วนจะรักจะใคร่ให้สัญญา | มิสับปลับกับข้าฤๅหม่อมไกร |
สารพัดพูดคล่องเหมือนล่องน้ำ | จะมีจริงสักคำก็หาไม่ |
ลืมแล้วฤๅขาที่ว่าไว้ | จะอยู่ด้วยน้องได้ในถ้ำทอง |
ถ้อยยำคำมั่นเจ้าพาที | มิให้อายกุมภีล์สิ้นทั้งผอง |
ครั้นสมใจได้ชิมลิ้มลอง | จะทิ้งน้องเสียได้ไม่เอ็นดู |
มิหนำซ้ำจะพาเอาขึ้นไป | จะให้อัปยศอดสู |
จะมาล่อลวงเล่นเหมือนเช่นชู้ | สุดรู้ที่น้องจะตามไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | ไม่พอที่จะพะวงสงไสย |
ใช่จะกล่าวแกล้งแสร้งใส่ใคล้ | สิ่งไรมิจริงไม่เจรจา |
พี่เปนมนุษย์สุดวิไสย | จะอยู่ในนทีคูหา |
นี่มาได้ด้วยฤทธิวิทยา | แม้นประมาทไม่ช้าจะบรรไลย |
ถ้าอยู่ได้ไม่ร้างห่างห้อง | จริงจริงนะน้องอย่าสงไสย |
จะลดเลี้ยวเบี้ยวบิดตะกูดไป | เหมือนเจ้าไม่เมตตาปรานี |
น้อยฤๅรักเจ้าสักเท่าพ้อม | ยังไม่ยอมพร้อมใจไปด้วยพี่ |
จะเฝ้าวอนงอนง้อไปไยมี | ค่อยอยู่จงดีพี่ขอลา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ สุดเอยสุดใจ | น้องไม่เบี่ยงบิดประดิษฐ์ว่า |
เจ้าอย่าพะวงสงกา | ตัวข้าได้บอกแต่เดิมที |
ว่าฝูงกุมภาสิ้นทั้งผอง | อยู่ในถ้ำทองเกษมศรี |
เดชะด้วยฤทธิ์แก้วมณี | กุมภีล์จึงเปนมนุษย์ไป |
มีธุระจะออกไปนอกถ้ำ | ถึงน้ำกลับเพศตามวิไสย |
นี่และเปนความจนใจ | ไปได้ฤๅจะไม่ไปตาม |
ข้าก็ได้บอกแล้วแต่หนหลัง | เจ้าก็ไม่หยุดยั้งฟังห้าม |
ก่นแต่เฝ้าเย้ายวนลวนลาม | มันเปนความงามหน้าแล้วครานี้ |
เมื่อผิดอย่างต่างชาติต่างวิไสย | จะอยู่ด้วยกันได้ก็ใช่ที่ |
ไม่ช้าไม่พลันกี่วันมี | จะมาหนีน้องไปให้ได้อาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
โอ้โลมนอก
๏ น้องเอยน้องรัก | เจ้าอย่าพักก้าวเฉียงเบี่ยงบ่าย |
เห็นแล้วว่าสมัครรักพี่ชาย | จึงอุบายบิดเบือนเชือนแช |
น้อยฤๅนั่นชั้นเชิงมิดชิด | ป้องปิดมิดเม้นไม่เห็นแผล |
แสนงอนอ่อนคอทำท้อแท้ | เรรวนปรวนแปรไม่ปรองดอง |
ถ้าเจ้าจะเอออวยไปด้วยพี่ | จะเสียทีไม่ถนัดขัดข้อง |
เสมือนหนึ่งรักพี่เสียดายน้อง | ถ้ำทองเปนศุขสนุกสบาย |
ด้วยกุมภีล์หนุ่มหนุ่มประชุมพร้อม | บริวารแวดล้อมเหลือหลาย |
แต่ล้วนรูปนิมิตรบิดเบือนกาย | จึงเสียดายเต็มทีอยู่มิไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้ำเอยน้ำคำ | เจ็บอกปิ้มป้ำน้ำตาไหล |
แม้นมิว่าบ้างเลยจะเคยใจ | นางจึงตอบคำไปด้วยโกรธา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าไกรทอง | ขอโทษเถิดใช่น้องจะแกล้งว่า |
เจ้าอุส่าห์ประดาน้ำดำลงมา | ค้นคว้าหาน้องที่ห้องใน |
เจ้าก็จุดธูปเทียนเวียนส่องทั่ว | หม่อมผัวจะงมมาก็หาไม่ |
ก็ย่อมเห็นย่อมรู้อยู่แก่ใจ | ที่ในชั่วดีวิมาลา |
ไม่เห็นฤๅหนุ่มหนุ่มในห้องน้อง | มันออกซ้องเสียนักอย่าพักว่า |
ชั่วจริงเจ้าเอ๋ยชาติกุมภา | ใครเข้ามาก็พลอยพุดสะรุด |
ถึงเจ้าก็เปนคนไม่พ้นชั่ว | มาเกลือกกลั้วสัตรีไม่บริสุทธิ์ |
เสียชาติญาติวงศ์พงศ์มนุษย์ | เปนบุรุษโหดไร้น้ำใจพาล |
มางงงวยด้วยหญิงแพศยา | จนหน้าตาหมองคล้ำดำด้าน |
เจ้าเปนคนมนต์เวทเชี่ยวชาญ | วิชาการมิเสื่อมก็จำคลาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าคารม | ปากคอพอสมกับเปนหม้าย |
แสนรู้ร้อยอย่างช่างอุบาย | ยักย้ายหลายทำนองว่องไว |
มิเสียทีที่เปนเมียชาลวัน | น้อยฤๅนั่นบุญหนักศักดิ์ใหญ่ |
น่าหัวผัวตายประเดี๋ยวใจ | ไม่ทันไรฤๅมาเปนเช่นนี้ |
หญิงร้ายแพศยาสามาญ | เขาขี้คร้านคบหาให้เสียศรี |
เจ้าเอ๋ยแพศยากุมภามี | อย่างนี้เจียวสิหว่าจะตราไว้ |
ถ้ารู้เหตุผลแต่ต้นมา | ที่จะไว้ชีวาอย่าสงไสย |
อันน้ำใจสัตรีนี้ไซ้ | ยากที่จะหยั่งได้ดังจินดา |
พระมหาสมุทสุดฦกซึ้ง | ถ้าจะหยั่งให้ถึงก็ง่ายกว่า |
หญิงสามร้อยกลมารยา | สุดที่จะศึกษาให้แจ้งใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ น่าเอยน่าหัว | จริงแล้วคะข้าชั่วหาเถียงไม่ |
อายแก่ผีสางบ้างเปนไร | นี่ใครใช้ให้เจ้ามาคบค้า |
ข้าเจียมตัวกลัวความหนามเสี้ยน | มุดเมี้ยนอยู่หานี่ประสีประสา |
เมื่อเจ้าซานซนงมงายมา | มิลืมตาขึ้นดูเสียก่อนเลย |
คิดมาก็น่าสมเพชผัว | มาพลอยชั่วด้วยข้านิจาเอ๋ย |
เหมือนพระยาราชหงษ์เข้าดงเตย | จะก้มเงยหนามเหนี่ยวเกี่ยวยับ |
ขนข้างหางปีกไม่เหลือหลอ | เขาคั้นคอสิ้นเสียงใส่เขียงสับ |
ไม่พอที่จะกล้าเข้ามารับ | เอาอาภัพอัปรีใส่ตัว |
เท่านั้นเถิดเปนไรเจ้าไกรทอง | ได้หม่นหมองแปดปนกับคนชั่ว |
เสียเดชเวทมนต์จนมืดมัว | เชิญไปชำระตัวเสียเปนไร |
ถึงมิอยู่จะไปก็ให้งาม | อย่าเอาความอัปรีมาใส่ให้ |
รู้ว่าเจ้าอย่าว่าให้หนักไป | อัชฌาอาไศรยแต่พอควร |
อย่าเพ่อสาวไส้ให้กาทิ้ง | อื้ออึงฦๅเลื่องเครื่องคนสรวล |
เหนื่อยปากขี้คร้านต้านสำนวน | อันกระบวนของเจ้าข้าเข้าใจ |
ซึ่งว่าสามร้อยกลสัตรี | มากมีเสียเปล่าไม่เอาได้ |
ไม่เหมือนบุรุษนี้สุดใจ | ว่าไว้สามสิบสองกล |
ทำโกหกพกลมล่อลวง | หึงษ์หวงด่าว่าเหมือนบ้าบ่น |
สารพัดตัดภ้อล่อชน | เถิดข้าเสียกลเจ้าคนคด |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ น้อยเอยน้อยฤๅ | นางคนซื่อสารพันขยันหมด |
ก่นแต่ติเตียนเวียนประชด | จริงแล้วคะข้าคดไม่งดงาม |
มันจะเหมือนผัวเก่าของเจ้าฤๅ | สุดซื่อแล้วเจ้าเอ๋ยอย่าเย้ยหยาม |
แต่ออกชื่อชาลวันก็ครั่นคร้าม | สุดคิดจะติดตามให้ต้องใจ |
ไหนนั่นความชั่วตัวอัปรี | ว่าพี่มาปรำซ้ำใส่ให้ |
เมื่ออื้ออึงไปเองไม่อายใจ | กลับว่าสาวไส้ให้กาทึ้ง |
เจ้าสิสนัดสำบัดสำนวน | ทั้งกระบวนกระบิดติดปั้นปึ่ง |
ดังหนองน้ำลำธารอันเซาะซึ้ง | เปนที่พึ่งสารพัดไม่ขัดใคร |
เลื่องฦๅอื้ออึงพี่จึงมา | หวังจะพาไปชมคารมใหญ่ |
ให้ฟุ้งเฟื่องทั้งเมืองพิจิตรไว้ | เขาจะได้ชมรศวาจา |
จะชมทั้งกิริยามารยาตร | เชื้อชาติโฉมนางต่างภาษา |
เจ้าจะได้เห็นหัวผัวกุมภา | อยู่ที่ศาลเทวาอารักษ์บน |
รำฦกถึงเมื่อไรจะไปเยือน | ก็พอเคลื่อนคลายได้ไม่ขัดสน |
ล้วนหนุ่มหนุ่มประชุมชอบกล | เขาเคยไปบวงบนบูชา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เจ็บเอยเจ็บใจ | ช่างพิไรเศกสรรรำพรรณว่า |
สารพัดจัดให้วิมาลา | สมน้ำหน้าแล้วสิสนัดใจ |
อันศาลเจ้าที่หัวผัวเก่าอยู่ | ข้าไม่รู้แห่งหนตำบลไหน |
ทำตีอกยกมือขออะไภย | เห็นแต่หัวผัวใหม่ที่งมมา |
อะไรไม่หยุดหย่อนเฝ้าค่อนแคะ | นั่นแหละพอสมกับแพศยา |
แต่กุมภีล์เท่านั้นไม่คัณนา | ยังซ้ำมนุษาจึงสมใจ |
เขาจะได้เชิดชื่อฦๅทั่ว | ว่าหญิงชั่วตัวเจ้ามารักใคร่ |
จะปรากฎยศศักดิ์ของหม่อมไกร | สืบไปชั่ววงศ์พงศ์พันธุ์ |
ถ้าเห็นงามตามแต่จะเมตตา | ฝ่ายข้าไม่รังเกียจเดียดฉัน |
จะชูราศีหม่อมขึ้นทุกวัน | เหมือนเอาจันทน์เฉลิมเจิมจุณ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ลมเอยลมเติบ | อย่ากำเริบนักนะมันจะวุ่น |
สัญชาติจรเข้เนรคุณ | ทำบุญไม่ขอพบสบใจ |
ชะนางตัวขยันกลั่นกล้า | ราคาสองสลึงหาถึงไม่ |
ถึงจะเสียมีดหมอก็เสียไป | หาด้ามทำใหม่ประเดี๋ยวเดียว |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่ากลัว | หม่อมผัวโกรธาจนตาเขียว |
ส่วนว่าเขากระนั้นขยันเจียว | เขาว่าบ้างเข่นเขี้ยวจะฆ่าตี |
เหตุว่าเจ้าดีมีฝีมือ | เอาเถิดให้เขาฦๅอึงมี่ |
เขาจะได้ว่าเจ้าห้าวหาญดี | ฆ่าฟันสัตรีให้บรรไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เหลือเอยเหลืออด | ยังประชดประชันน่ามันไส้ |
อย่าพักท้าทายมากมายไป | เขาจะเกรงอะไรกับนินทา |
หญิงร้ายปากกล้าไม่น่าเลี้ยง | คนผู้จะดูเยี่ยงไปภายน่า |
ฉวยชักมีดหมอที่เหน็บมา | ทำเปนโกรธาจะฆ่าตี |
จะไปไหนเล่าเจ้าคนคม | เอาคารมตั้งหน้าแล้วอย่าหนี |
น้ำตาคลอตาน่าปรานี | ชะช่างทำทีให้อ่อนใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | ยิ่งคั่งแค้นอกหมกไหม้ |
กระทืบเท้าเกาหัวแล้วว่าไป | ช่างกะไรไม่คิดเวทนา |
เห็นตัวน้องเปนชาติกุมภีล์ | ล้วนมีแต่ขู่เข็นจะเข่นฆ่า |
เหน็บแนมเต้มเติมเต็มประดา | หยาบช้าลิ้นลมไม่สมตัว |
เปนเคราะห์เพราะหลงด้วยถ้อยคำ | จึงกระหน่ำซ้ำว่าจนหน้าชั่ว |
เจ้าได้ร่วมรักก็เพราะกลัว | ข้าจึงได้มีผัวถึงสองคน |
รู้แล้วว่าหม่อมไม่เมตตา | จะทิ้งขว้างร้างอย่าไว้กลางหน |
เจ้าอย่าพักเคลือบไคล้ใส่กล | เห็นว่าจนอยู่ที่จะตามไป |
ถึงน้องจะรักใคร่ให้ใจขาด | ไหนจะอาจเอออวยไปด้วยได้ |
จะเอาทีว่าชวนแล้วมิไป | แจ้งใจอยู่แล้วอย่าเจรจา |
ว่าพลางนางร่ำร้องไห้ | น้ำตาไหลโซมซาบอาบหน้า |
โอ้แต่นี้ไปณอกอา | จะบ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใด |
ทั้งนี้เปนต้นเพราะผลกรรม | ชักนำทำชั่วมีผัวใหม่ |
คิดแค้นขึ้นมาไม่ว่ากะไร | เข้าหยิกข่วนเจ้าไกรแล้วโศกา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ชาตรี
๏ ยอดเอยยอดมิ่ง | ความจริงพี่ก็รักเจ้านักหนา |
พี่ขู่หยอกดอกเจ้าอย่าโกรธา | ไม่ทิ้งขว้างร้างหย่าจะพาไป |
ซึ่งกลัวว่าจะกลายเปนกุมภีล์ | ไม่อาจออกจากที่ถ้ำได้ |
พี่จะลงเลขยันต์กันไว้ | มิให้รูปกลับเปนกุมภีล์ |
อย่านิ่งนั่งไถลทำไขหู | จะไปฤๅจะอยู่ให้รู้ที่ |
รำคาญขี้คร้านเซ้าซี้ | เมื่อมิไปแล้วก็แล้วไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ได้เอยได้แจ้ง | มิรู้แห่งจะทำกะไรได้ |
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นใจ | แค้นใครไม่เท่าเจ้าไกรทอง |
คิดถึงความรักก็ชักแช | จะใคร่แร่รวยตามไปคล่องคล่อง |
แล้วถอยหลังดำริห์ตริตรอง | เกลือกพวกพ้องลูกเมียของเขามี |
คิดพลางทางว่าแก่เจ้าไกร | ไฮ้อะไรรำคาญหูจู้จี้ |
เจ้าจะพาน้องไปด้วยนี้ | ก็ตามทีมิขัดจะไปตาม |
แต่เกรงเกลือกเจ้าจอมหม่อมเมียหลวง | จะหึงษ์หวงจ้วงจาบหยาบหยาม |
จะว่าน้องโฉดเขลาเบาความ | ไม่ไต่ถามตามผัวเขาขึ้นไป |
น้องจะได้อัปยศอดสู | จะแลดูหน้าคนกะไรได้ |
จะซ้ำร้ายอายยิ่งกว่าทิ้งไว้ | เจ้าจงตรึกไตรดูให้ดี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ แสนเอยแสนแขนง | ช่างกล่าวแกล้งบิดเบือนเชือนหนี |
ประเดี๋ยวใจไพล่ยักไปอย่างนี้ | ร้อยสีร้อยอย่างช่างว่าไป |
เดิมทีทำกระบวนรวนเร | กลัวจะเปนจรเข้ไม่ไปได้ |
พี่รับจะลงยันต์กันไว้ | มิให้กลับเพศเปนกุมภา |
ก็ขัดสนจนอยู่ที่ข้อนั้น | กลับหันว่าลูกเมียจะด่าว่า |
นี่ฤๅว่ารักแกล้งชักช้า | แต่แย้มมาก็เห็นว่าล่อลวง |
ลูกเมียของพี่ก็มีอยู่ | แต่เขาไม่รู้หึงษ์หวง |
พี่จะปราบปรามความทั้งปวง | มิให้จาบจ้วงล่วงเกินน้อง |
อย่าสงไสยว่าจะได้เคืองระคาย | อับอายเพื่อนบ้านร้านช่อง |
ถ้าสมัครักจริงจงปรองดอง | เร่งแต่งตัวเถิดน้องจะด่วนไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | วิมาลานารีศรีใส |
ความรักกลัดกลุ้มคลุ้มใจ | กลัวเจ้าไกรทองจะหมองมัว |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ จึงลุกเข้าไปในห้อง | จัดแจงสิ่งของจะตามผัว |
ผ้าผ่อนเงินทองของแต่งตัว | แหวนหัวแหวนมณฑปครบครัน |
แล้วเลือกของรักใคร่ใส่กระทาย | มากมายสารพัดจัดสรร |
พลางพิศดูห้องแก้วแพรวพรรณ | เตียงสุวรรณเคยนอนแต่ก่อนมา |
เสียดายของต่างต่างอย่างดี | เสียดายดวงมณีในคูหา |
มีคุณแก่ฝูงกุมภา | จะปราถนาสิ่งใดก็สมคิด |
ให้อิ่มไปด้วยทิพอาหาร | ไม่มีความรำคาญแต่สักหนิด |
โอ้แต่นี้ไปจะมืดมิด | เร่งคิดสร้อยเศร้าโศกา |
ฯ ๘ คำ โอด ฯ
สามเส้า
๏ เมื่อนั้น | โฉมเจ้าไกรทองพงศา |
ค่อยย่องตามนางวิมาลา | เข้ามายังที่ห้องใน |
เห็นนางโศกศัลย์เศร้าหมอง | เปนห่วงด้วยเข้าของไม่ไปได้ |
จึงร่ายเทพรำจวนป่วนใจ | เป่าไปให้ต้องนางกุมภีล์ |
แล้วแกล้งแสร้งว่านี่แน่น้อง | เจ้าสิยังขัดข้องหมองศรี |
เปนห่วงบ่วงใยอยู่เต็มที | จะมิไปด้วยพี่ก็ตามใจ |
เจ้าค่อยอยู่จงดีพี่ขอลา | จะคอยท่าช้านักนั้นไม่ได้ |
ว่าพลางทางเดินออกไป | ทำทำนองลองใจวิมาลา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | วิมาลาโศกศัลย์หนักหนา |
ต้องเทพรำจวนป่วนวิญญา | ให้แสนเสนหาเปนสุดคิด |
ซึ่งอาไลยในของทั้งหลาย | ไม่มีความเสียดายแต่สักหนิด |
นึกแต่จะภิรมย์ชมชิด | นางจึงลุกติดตามไป |
ฉวยฉุดชายผ้าเจ้าไกรทอง | จะทิ้งน้องเสียแล้วฤๅไฉน |
น้องได้ว่าฤๅจะมิไป | จึงมาตัดอาไลยไคลคลา |
พ่อเจ้าไปไหนจะไปด้วย | ถึงชีวิตรจะม้วยก็ไม่ว่า |
ว่าพลางนางจูงมือมา | คืนเข้าคูหาห้องทอง |
เมียจัดไว้สำเร็จเสร็จสรรพ | สินทรัพย์สารพันเข้าของ |
อิกทั้งแก้วแหวนเงินทอง | เจ้าจงท่าน้องบัดเดี๋ยวใจ |
จะอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | หวีหัวผัดหน้านุ่งผ้าใหม่ |
ว่าแล้วกลับคืนเข้าห้องใน | ลูบไล้กระแจะแป้งแต่งกายา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมเจ้าไกรทองพงศา |
เปรมปริ่มยิ้มย่องต้องวิญญา | ด้วยนางวิมาลาจะคลาไคล |
ครั้นเห็นนางแต่งตัวสรรพเสร็จ | จึงถอดแหวนเพ็ชรที่นิ้วใส่ |
เศกด้วยวิทยาเรืองไชย | เอาใส่ในมวยผมกัลยา |
แล้วลงยันต์เลขเศกซ้ำ | ปิดประจำท่ามกลางเกษา |
มิให้นวลนางวิมาลา | กลับคืนกายาเปนกุมภีล์ |
แล้วจุดเทียนระเบิดเลิศล้ำ | ออกจากถ้ำนำนางสาวศรี |
มาตามเปลวปล่องช่องนที | วารีแหวกกว้างเปนทางไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ขึ้นจากฟากฝั่งมหาสมุท | จะยั้งหยุดอยู่ช้าก็หาไม่ |
พานางย่างเยื้องคลาไคล | เข้าในเมืองพิจิตรภารา |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงซึ่งสวนเศรษฐี | ไม่ใกล้ไกลกับที่เคหา |
จึงแวะนั่งยั้งหยุดในศาลา | มีฝายกพื้นอยู่ห้องใน |
แล้วเล้าโลมโฉมนางกุมภีล์ | เจ้าพี่อย่าร้อนรนหม่นไหม้ |
จงอยู่คนเดียวประเดี๋ยวใจ | พี่จะไปบอกสองภรรยา |
ว่ากล่างน้าวโน้มเสียให้ดี | มิให้มีเคียดขึ้งหึงษา |
พี่ไปสักครู่ไม่อยู่ช้า | จะกลับมารับเจ้าเข้าไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางวิมาลาศรีใส |
ค้อนให้แล้วตอบว่าขอบใจ | เจ้าจะทิ้งน้องไว้เอกา |
เกลือกว่าสัตรูรู้แยบคาย | มันจะมาทำร้ายฤษยา |
ด้วยข้าเปนชาติกุมภา | ใครเลยจะมาปรานีน้อง |
แม้นหม่อมไปไหนจะไปด้วย | บุญเจ้าจะได้ช่วยปกป้อง |
ว่าพลางนางยุดเจ้าไกรทอง | ชิงปิดประตูห้องศาลา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ฝ่ายว่าตาเถ้าทาษา |
กับยายทาษีภิริยา | สำหรับรักษาสวนดอกไม้ |
เห็นเจ้าไกรทองพาชู้ | มาหยุดอยู่ศาลาอาไศรย |
สองเถ้าทุรังจังไร | คิดจะไปบอกนายเอาหน้าตา |
ไม่ทันเก็บดอกไม้ใส่กระจาด | ฉวยผ้าขาวขาดขึ้นพาดบ่า |
ปิดประตูเข็นกระไดมิได้ช้า | ยายตางกงันมาทันที |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | จึงเข้าไปบ้านท่านเศรษฐี |
เห็นสองกัลยานารี | อยู่ที่หอกลางวางเข้าไป |
บอกนางตะเภาทองตะเภาแก้ว | ที่นี้งามแล้วทั้งห้าไร่ |
ไหนหม่อมผู้ชายว่าหายไป | บัดนี้มาอยู่ในศาลา |
พาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย | รูปรวยสรวยสมผมประบ่า |
งามประหลาดเหลือล้นพ้นปัญญา | พี่น้องสองราจงแจ้งใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางตะเภาทองผ่องใส |
ทั้งนางตะเภาแก้วแววไว | ครั้นได้ข่าวผัวตัวเปนเกลียว |
จึงว่าดูเอาฤๅเจ้าไกร | ว่าจะไปหาครูสักประเดี๋ยว |
มิรู้ช่างโป้ปดลดเลี้ยว | ไปเที่ยวเกี้ยวชู้แล้วพามา |
น้อยฤๅทำได้เปนไรมี | แม้นมิอึงคนึงก็จึงว่า |
อีคนไรรูปงามที่ตามมา | จะออกไปดูหน้ามันกล้าดี |
ว่าพลางทางเรียกหาข้าไท | ไม่ทันใจโกรธขึ้งอึงมี่ |
ลงจากเรือนพลันทันที | ทาษีพี่เลี้ยงก็ตามไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ถึงสวนก็ชวนกันหยุดอยู่ | ยังประตูศาลาอาไศรย |
ค่อยย่องมองดูเข้าไป | เห็นคนไวไวอยู่ในนั้น |
นางยิ่งกริ้วโกรธโกรธา | นุ่งผ้าโจงกระเบนเหน็บหมั่น |
โมโหหวงหึงษ์ดึงดัน | สองพี่เลี้ยงนั้นยิ่งให้ใจ |
จึงเข้าคึกคักผลักประตู | เห็นมั่นคงอยู่ไม่หวาดไหว |
พี่น้องจึงร้องว่าไป | ใครอยู่ข้างในจงเปิดรับ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองเอนหลังยังไม่หลับ |
ได้ยินเรียกเข้าไปตกใจวับ | ลุกขยับสับสนลนลาน |
จึงร้องทักออกไปว่าใครนั่น | ไม่เกรงใจกันทำหักหาญ |
ครั้นแจ้งว่าสองนงคราญ | ออกมาดันบานประตูไว้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองนางหุนหันมันไส้ |
จึงว่าอุแหม่แน่เจ้าไกร | หนีไปแทบถึงสักกึ่งเดือน |
แต่คอยคอยนั่นน้อยไปฤๅนี่ | โหยกเหยกอย่างนี้ไม่มีเหมือน |
มาแล้วทำไมไม่ไปเรือน | ยังแชเชือนชักช้าอยู่ว่าไร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองฟังคำทำไถล |
พูดจากุกกักกะอักกะไอ | เก้อเก้อแก้ไขไปตามจน |
พี่จะเข้าไปบ้านประเดี๋ยวนี้ | พอเดินมาถึงนี่ก็ปะฝน |
เห็นศาลาฝารอบชอบกล | จึงแวะนั่งหนีฝนอยู่บนนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | วิมาลาอกสั่นขวัญหนี |
จึงถามเจ้าไกรไปทันที | ใครนี่องอาจประหลาดนัก |
จะเปนเมียของเจ้าฤๅเขาอื่น | เข้ามายืนเรียกอยู่ดังรู้จัก |
ฤๅพี่ป้าย่ายายมาทายทัก | จงบอกเมียรักให้แจ้งใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองยิ้มแห้งแถลงไข |
ซึ่งมาเรียกพี่บัดนี้ไซ้ | โฉมงามทรามไวยตะเภาทอง |
ทั้งนางตะเภาแก้วแววตา | ภรรยาของพี่ทั้งสอง |
เจ้าอย่าตกใจไปเลยน้อง | พี่มิให้ขัดข้องเคีองกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองนางโกรธผัวจนตัวสั่น |
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกัน | เข้าผลักดันประตูดูลอง |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลิ่มสลักหักโค่นไม่ทนได้ | สองนางวางเข้าไปในห้อง |
ชี้หน้าว่าชะเจ้าไกรทอง | ช่างปดเล่นคล่องคล่องสบายใจ |
ไหนว่าจะไปหาพระอาจารย์ | เปนที่นมัสการอันโตใหญ่ |
คือเธอองค์นี้แล้วฤๅไร | ซึ่งนิมนต์มาไว้ในศาลา |
เปนไรไม่เอาเครื่องบริขาร | มาถวายพระอาจารย์ให้หนักหนา |
จะพลอยพกโมโหโมทนา | สาธุศรัทธาเต็มที |
หม่อมลูกศิษย์คิดอ่านไปหาเพน | ยกประเคนให้ฉันเสียที่นี่ |
มานั่งขึงเขินค้างอยู่อย่างนี้ | เปนไรมิมัสการท่านครูบา |
ว่าแล้วนวบลนางตะเภาทอง | บอกน้องตะเภาแก้วเสนหา |
อีคนนี้มันชื่อวิมาลา | เปนเมียชาลวันที่บรรไลย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองเมียงเมินเดินเข้าใกล้ |
ทำแก้ขวยฉวยมืออย่าอื้อไป | จะบอกความในใจให้เจ้ารู้ |
เดิมทีพี่ไปหาพระอาจารย์ | คิดอ่านว่าจะบวชให้ชวดอยู่ |
เพราะโลกีย์เจ้ากรรมมันทำพู | สุดรู้ที่จะทนพ้นปัญญา |
เปนห่วงด้วยชู้เมียเสียไม่ได้ | ให้อักอ่วนป่วนใจเปนนักหนา |
ตวันชายบ่ายหน่อยพี่กลับมา | คิดถึงวิมาลานารี |
พี่จึงไปพาเอามาไว้ | หวังจะให้เปนเพื่อนน้องสองศรี |
ครั้นจะบอกเจ้าแต่เดิมที | ไหนนางนารีจะผ่อนตาม |
บุราณท่านว่าไว้กะไรน้อง | ชายมีเมียสองนั้นต้องห้าม |
มักเกิดกลียุคลุกลาม | จึงหาให้เปนสามตามตำรา |
ขอเสียเถิดแม่คุณอย่าหุนหัน | จงสมัครรักกันดีกว่า |
เพื่อนบ้านร้านช่องจะฦๅชา | ว่าพี่น้องสองราเจ้าใจดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางพี่น้องสองศรี |
ได้ฟังวาจาสามี | ชำเลืองแลดูทีวิมาลา |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นถึงความหลัง | มิได้ฟังเจ้าไกรทองว่า |
จึงตอบไปด้วยใจรามา | เจ้าช่างไปคบหาแต่ที่ดี |
ถ้าเปนคนอื่นไกลน้องไม่ว่า | จะร่วมเรียงเคียงหน้าก็ควรที่ |
นี่มันชาติทรชนคนไพรี | เห็นดีฤๅเจ้าเอามาไว้ |
ว่าแล้วพี่น้องจึงร้องถาม | ชะนางรูปงามได้ผัวใหม่ |
ทำเจ๋อเจ๊อสะเออะหน้าหม่อมไกร | ช่างติดตามมาได้ไม่มีอาย |
เอาผัวกูไปไว้ถึงเจ็ดคืน | ยังไม่หายรวยรื่นฤๅโฉมฉาย |
ฤๅว่าชาลวันที่อันตราย | แยบคายไม่เหมือนเจ้าไกรทอง |
แต่ผัวกุมภีล์แล้วมิหนำ | ยังแถมซ้ำมนุษย์เข้าเปนสอง |
ไสหัวลงไปเสียท้องคลอง | เดียรฉานจองหองไม่เจียมตัว |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | วิมาลาได้ฟังนั่งเกาหัว |
ครั้นจะว่าบ้างนางก็กลัว | เจ้าไกรทองผู้ผัวจะโกรธา |
แต่อดอดก็เหลือที่อดกลั้น | ปากคันยิบยิบกระซิบด่า |
โมโหหันหุนหมุนออกมา | เคืองขัดสบัดหน้าแล้วว่าไป |
นี่แน่นางพี่น้องสองคน | เจ้ามาบ่นมาว่าเหมือนบ้าใบ้ |
เขาจูงจมูกหม่อมไปฤๅไร | หม่อมผัวเจ้าลงไปทำวุ่นวาย |
เพราะจวนตัวกลัวตายวายชีวิตร | ใช่จะปลงลงจิตรด้วยง่ายง่าย |
เจ้าอย่าเพ่อติฉินยินร้าย | เปนหญิงย่อมอายอยู่เหมือนกัน |
เจ้าก็เคยรู้เช่นเปนอยู่บ้าง | คิดดูก่อนนางอย่าหุนหัน |
อันเจ้าไกรทองกับชาลวัน | จะเปนกะไรกันก็แจ้งใจ |
ซึ่งข้าตามผัวเจ้าขึ้นมา | ด้วยกลัววิทยาไม่ขัดได้ |
เมื่อเจ้าตามผัวข้าลงไป | เปนไรไม่ยั้งหยุดคิด |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | ตะเภาทองแค้นคั่งเคืองจิตร |
เจ็บแสบแปลบใจดังไฟพิศม์ | ด้วยว่าถูกที่คิดก็โกรธา |
กระทืบเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ | ถ่มน้ำลายรดให้แล้วร้องว่า |
เดิมทีผัวมึงอ้ายกุมภา | ขึ้นมาคร่าคาบกูลงไป |
แล้วจำแลงแปลงตัวเปนมนุษย์ | ฉวยฉุดยุดมือถือไหล่ |
จำเปนเสียตัวด้วยกลัวไภย | กูมิได้จงจิตรไปติดตาม |
ไม่เหมือนอีอุบาทว์ชาติกุมภีล์ | ตัวกะลีกะลำส่ำสาม |
ลอยหน้าลอยตาว่าข้างาม | แต่งจริตติดตามผัวกูมา |
กูจะว่าให้สาสมใจ | อีจรรไรร้อยแปดแพศยา |
แม้นไม่เข็ดหลาบยังหยาบช้า | จะให้ข้ากูตบไสคอไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ แค้นเอยแค้นนัก | สุดที่จะห้ามหักโมโหได้ |
จะเปนไรก็ให้เปนไป | กูหากลัวมึงไม่อีพี่น้อง |
ชะช่างขึ้นหน้าว่าเมียหลวง | หึงษ์หวงจ้วงจาบจองหอง |
ไม่รู้จักฤๅเจ้านางตะเภาทอง | ไหนไหนมันก็สองเหมือนกัน |
จริงแล้วคะร้อยแปดแพศยา | จึงลอยหน้าเทลาะผัวจนตัวสั่น |
เปนไรเจ้ามิประจบให้ครบพัน | จะได้สมใจมันอีมนุษย์ |
เออน้อยไปฤๅนั่นท่านผู้หญิง | ขยันยิ่งโมโหโยไม่หยุด |
สารพัดบัดสีอีมนุษย์ | เมื่อมึงมุดไปเอาผัวกูนั้น |
กูก็ว่าบ้างไว้บ้าง | ไม่สิ้นชาติสิ้นยางพอเต็มกลั้น |
แล้วแล้วก็ดีไปด้วยกัน | คุณของกูนั้นมึงคิดดู |
ครั้นผัวมึงไปพากูขึ้นมา | จะให้ข้าต่อยตบทำลบหลู่ |
กล้าดีมึงเข้ามาลองดู | อันกูจะถอยอย่าสงกา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ตะเภาแก้วโกรธขึ้งหึงษา |
เจ็บช้ำด้วยคำวิมาลา | หยาบช้าสาหัสยิ่งขัดใจ |
อันนางตะเภาทองผู้พี่ | จะว่ากล่าวข่มขี่มันไม่ได้ |
ด้วยเนื้อความทั้งสองข้างไซ้ | ก็กะไรกะไรอยู่เหมือนกัน |
คิดพลางนางออกสกัดว่า | เหวยอีกุมภาตัวขยัน |
ปากกล้าหน้าด้านดึงดัน | จะประชันให้ชนะไม่ละลด |
ชอบแต่จิกหัวมาตบเล่น | ให้เพื่อนบ้านเข้าเห็นเสียให้หมด |
จึงจะสมที่มึงมีพยศ | ให้รู้รศรู้จักฝีมือไว้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น่าเอยน่าหัว | ช่างเปลี่ยนตัวเปลี่ยนหน้าเข้ามาใหม่ |
มันสเทือนไปถึงมึงฤๅไร | ใครช่างให้พี่สาวลำเลิกกู |
ครั้นตอบพี่มึงถึงแต้ม | อีแสนแนมซื้อหน้าเข้ามาสู้ |
นางตัวกล้ามาค้าคารมดู | ทำกูดูเล่นก็เปนไร |
ขึ้นหน้าว่าเปนเจ้าผัว | อันจะให้กูกลัวอย่าสงไสย |
ถึงกูเปนชาติกุมภีล์ไซ้ | ก็ไม่โฉดโหดไร้เหมือนมึงนี้ |
อีมนุษย์อุบาทว์ชาติชั่ว | พี่น้องร่วมผัวน่าบัดสี |
ขาดสามสี่วันไม่ทันที | เปนกุลำกุลีทยานใจ |
เมื่อและเจ้าขาดลงมิรอด | เปนไรไม่กอดไว้ให้ได้ |
เย้ายวนชวนชมภิรมย์ใจ | อย่าให้ว่างเว้นสักเวลา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ อีเอยอีหัวพลัด | สารพัดรู้ตลอดสอดว่า |
ถึงกูร่วมผัวกันมา | บิดายกให้จึงได้ครอง |
กูไม่เหมือนมึงอีหน้าเปน | ลักเล่นผัวเขาทำจองหอง |
มึงอวดกล้าท้าดีจะตบลอง | จะร้องฟ้องโรงศาลก็เร่งไป |
ทำให้สมน้ำหน้าสาหัส | เอาฟันเล่นกำตัดเสียให้ได้ |
ถึงจะเสียสินไหมพิไนย | มากน้อยเท่าไรก็ตามที |
ว่าพลางนางเรียกปลื้มอาไลย | กับข้าไทถ้วนหน้าทาษี |
นั่งนิ่งอยู่ไยอีเหล่านี้ | ช่วยกันตบตีให้หนำใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวสาวบ่าวหญิงไม่นิ่งได้ |
คาดอกถกเขมรวางเข้าไป | หมายใจจะตบตีวิมาลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เห็นเจ้าไกรทองออกกางกั้น | ความกลัวตัวสั่นล้มถลา |
วิ่งปะทะกันอยู่ไปมา | ทาษาขัดสนจนใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | วิมาลาแค้นขัดอัชฌาไศรย |
โมโหหุนหันกลั้นกลืนไว้ | นางมิได้ครั่นคร้ามกลัวเกรง |
จึงว่าเอออะไรเจ้าไกรทอง | ช่างพาน้องมาให้เขาข่มเหง |
สารพัดตัดภ้อครื้นเครง | แต่เมียเจ้าเองไม่น้อยใจ |
นี่ใช้ให้ขี้ข้าทาษี | มาหยาบช้าด่าตีหาควรไม่ |
ไหนว่าจะปราบปรามห้ามเมียไว้ | มิให้หึงษ์หวงวุ่นวาย |
ครั้นจนเข้าจริงก็นิ่งเสีย | ให้หม่อมเมียมาด่าเล่นง่ายง่าย |
เจ้าก็เปนคนฉลาดชาติชาย | ไม่เสียดายวงศ์วารหว่านเครือ |
ดีจริงนิ่งเฉยไม่เงยหน้า | ดูเหมือนกลัวภรรยายิ่งกว่าเสือ |
คิดว่ามีเหล่ากอหน่อเนื้อ | จึงงวยงงหลงเชื่อตามมา |
แม้นรู้ว่าจะเปนเช่นนี้ | จะสู้ตายอยู่ที่คูหา |
ถึงจะฟันฟอนรอนรา | จะก้มหน้าให้ทำไม่กลัวตาย |
ทั้งนี้เปนต้นเพราะคนคด | จะจำจดจารึกด้วยหมึกหมาย |
คิดโมโหหวงแหนแสนร้าย | เข้าหยิกข่วนตะกายเอาเจ้าไกร |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองบ่นออดทอดใจใหญ่ |
จะห้ามปรามผ่อนปรนก็จนใจ | เอออะไรกระนี้มันดีจริง |
นางพี่น้องสองคนก็ล้นเหลือ | บ้าโลหิตขวิดเฝือเหมือนมหิงษ์ |
นางวิมาลาเล่าก็เพราพริ้ง | น้อยฤๅนั่นท่านผู้หญิงทั้งสามคน |
เจ้าคารี้สีคารมไม่สมหน้า | เหมือนอีแม่ค้าปลาที่หัวถนน |
ขึ้นเสียงเถียงเทลาะลนลน | จะกรวดน้ำคว่ำคะนนเสียเดี๋ยวนี้ |
จะเขียนหนังสืออย่าสักห้าใบ | ขีดแกงไดให้ดูอย่าจู้จี้ |
ทำประหนึ่งขึ้งโกรธเต็มที | เดินหนีออกไปเสียให้พ้น |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | วิมาลาตามไปพิไรบ่น |
เจ้าพาน้องขึ้นมาถึงเมืองคน | คิดว่าจะเปนผลสืบไป |
มิรู้กลับอับอายขายหน้า | สุดปัญญาที่จะงดอดได้ |
ว่าพลางทางกอดเจ้าไกร | สอึกสอื้นไห้ไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองปลอบนางพลางว่า |
พี่รักเจ้าจริงจริงจึงพามา | ใช่ว่าจะให้เปนเช่นนี้ |
อันโมโหผู้หญิงนี้ยิ่งยวด | จะชวดสวดเสียเปล่าเฝ้าจู้จี้ |
มาถึงจะไปบอกแต่เต็มที | เจ้าฉุดชายผ้าพี่มิให้ไป |
จึงเกิดเหตุเภทไภยขึ้นทั้งนี้ | สุดที่จะดับไฟหัวลมได้ |
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจ | มิใช่จะให้เสียสัญญา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองนางแค้นคิดอิจฉา |
แลไปเห็นนางวิมาลา | ฟูมฟายน้ำตาก็ขัดใจ |
ร้องว่าเหวยเหวยอีกุมภีล์ | เล่ห์กลมึงดีทำร้องไห้ |
แกล้งชอ้อนวอนชู้ฤๅไร | จะให้มาทำไมกับกู |
กลับมาขึ้นเสียงเถียงเจ้าผัว | แต่ล้วนไม่กลัวจะต่อสู้ |
ทำไมเล่าจึงเข้าแฝงชู้ | อันจะพ้นมือกูอย่าสงกา |
ว่าแล้วรุกรานเข้าไปใกล้ | เลี้ยวไล่จะจิกเอาเกษา |
พี่เลี้ยงทาษีก็มี่มา | อุดตลุดฉุกคร่าจะตบตี |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | วิมาลายับย่อยไม่ถอยหนี |
ร้ายกาจด้วยเปนชาติกุมภีล์ | ต่อตีมีกำลังเรี่ยวแรง |
จะเข้าจิกศีศะนางไม่ได้ | ปัดป้องว่องไวเข้มแขง |
หยิกข่วนกอดกัดวัดแว้ง | พลิกแพลงผลักไสไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองนางขัดแค้นแสนสา |
ไม่ย้อท้อต่อสู้วิมาลา | จนหน้าตาคางคิ้วเปนริ้วยับ |
พวกผู้หญิงสาวสาวบ่าวไพร่ | หลงใหลไล่ทุบกันตุบตับ |
ปากจมูกถูกเล็บจนเลือดซับ | บ้างล้มทับพวกเพื่อนพัลวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองเข้าขวางกางกั้น |
จึงห้ามน้องสองนางให้วางกัน | อย่าตีรันหันหุนวุ่นไป |
จะขืนทำล้ำเหลือไม่เชื่อพี่ | น่าที่จะเกิดเหตุใหญ่ |
อันนางวิมาลานี้ไซ้ | พี่เอายันต์ปิดไว้ตรึงตรา |
แม้นนางเลิกเลขยันต์ออกเสียได้ | จะเปนกุมภีล์ใหญ่ใจกล้า |
จะขบกัดฟัดฟาดเอาสองรา | อย่าเต้นแร้งเต้นกาหนักไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองนางจะเชื่อก็หาไม่ |
ร้องว่าอุแหม่แน่เจ้าไกร | จะเขียนเสือไว้ให้วัวกลัว |
เจ้ารักชู้ของเจ้าเข้ากับชู้ | แกล้งจะขู่ข่มใครน่าใคร่หัว |
เมื่อมันเปนมนุษย์อยู่เห็นตัว | จะหลอกข้าให้กลัวฤๅว่าไร |
เกิดวิวาทเทลาะเพราะใครนั่น | เพราะหม่อมผัวตัวขยันฤๅมิใช่ |
ทำเหลาะแหละแนะนำให้ใจ | มันจึงทำได้ถึงเพียงนี้ |
ว่าพลางทางรุกเข้าไป | มิได้ย่อท้อถอยหนี |
บ่าวไพร่พร้อมกันทันที | เข้ากลุ้มรุมตีนางกุมภา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | วิมาลาแค้นขัดสหัสสา |
จะแก้แหวนเลิกยันต์แล้วรั้งรา | ด้วยแสนเสนหาเจ้าไกรทอง |
ความรักรุมรึงตลึงหลง | นางนั่งลงกอดเข่าเศร้าหมอง |
หน่วงหนักรักพี่เสียดายน้อง | ฟูมฟองน้ำตาแล้วว่าไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ พ่อเจ้าประคุณของเมียเอ๋ย | กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้ |
เจ้าพาเมียมาไม่ทันไร | จะจำใจจำจากพรากกัน |
สุดรักสุดรู้ไม่อยู่ได้ | สุดใจเหลือที่จะอดกลั้น |
ถึงเสือสางกลางป่าพนาวัน | ไม่ดุดันร้ายกาจเหมือนเช่นนี้ |
จะฉีกเนื้อเถือหนังเสียทั้งเปน | ไม่เคยพบเคยเห็นน่าบัดสี |
ไหนเล่าเจ้าชมว่าเมียดี | ทีนี้รู้เช่นได้เห็นตัว |
จะขอลาลงไปอยู่ในถ้ำ | ตามบุญตามกรรมที่ทำชั่ว |
นางคิดขัดข้องหมองมัว | ตีอกชกหัวเข้าร่ำไร |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ คิดเอยคิดพลาง | นวลนางหุนหันมันไส้ |
ลุกขึ้นเคืองขัดสบัดสไบ | ชี้หน้าว่าไปมิได้กลัว |
เหวยอีตะเภาแก้วตะเภาทอง | พี่น้องอุบาทว์ชาติชั่ว |
หฤโหดโฉดเขลาเมามัว | มึงมาเอาผัวของมึงไป |
ทีนี้กอดไว้มึงอย่าวาง | มึงเข้าคนละข้างอย่าห่างได้ |
ผลัดกันรึงรัดให้ถนัดใจ | อีหน้าไพร่สันดานมารยา |
ว่าพลางนางหวนเข้าในห้อง | แก้แหวนในช้องเกษา |
แล้วลอบเลิกยันต์มิทันช้า | โจนจากศาลาด้วยขัดใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ครั้นลงถึงพื้นพสุธา | ก็กลายเปนกุมภาเติบใหญ่ |
ฟาดหางวัดแว้งว่องไว | เข้าไล่สองนางนารี |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เชิด
๏ เมื่อนั้น | พี่น้องอกสั่นขวัญหนี |
ร้องกรีดหวีดวิ่งไม่สมประดี | ทาษีพี่เลี้ยงก็วุ่นวาย |
วิ่งปะทะปะกันอลหม่าน | ลนลานลื่นล้มผ้าห่มหาย |
บ้างขึ้นต้นไม้มือตะกาย | ปีนป่ายไม่สันทัดพลัดลงมา |
บ้างเรียกพวกพ้องร้องให้ช่วย | เจ็บป่วยลำบากลากขา |
สิ้นกำลังลงนั่งภาวนา | กอข้อกอกาว่าเปื้อนไป |
สองนางวางวิ่งเข้ากอดผัว | ความกลัวตัวสั่นหวั่นไหว |
เอ็นดูด้วยช่วยเอาชีวิตร์ไว้ | นางกุมภีล์ใหญ่ไล่ขบเมีย |
ลูกได้ผิดแล้วอย่าถือโทษ | พ่อโปรดช่วยขับให้ไปเสีย |
ร้อนอกหมกไหม้เหมือนไฟเลีย | ทิ้งเมียเสียได้ไม่เอ็นดู |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าไกรทองได้ฟังนั่งไขหู |
ทำเฉยเชือนเหมือนหนึ่งไม่รู้ | เปนครู่จึงตอบวาจา |
พี่ก็ได้บอกแล้วแต่หนหลัง | โกรธขึ้งตึงตังไม่ฟังว่า |
ไหนเล่าเจ้าไม่กลัววิมาลา | ทั้งเจ้าทั้งข้าเข้ารุมรัน |
เปนไรมิทำให้หนำใจ | วิ่งขึ้นมาไยจนตัวสั่น |
เรียกหาข้าไทให้ช่วยกัน | ตีรันเล่นตามสบายใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ตนาว
๏ ว่าแล้วลุกเดินออกมา | จากที่ศาลาอาไศรย |
แล้วมีวาจาว่าไป | วิมาลาอย่าได้โกรธา |
เปนกรรมเราแล้วทั้งสองข้าง | ใช่พี่จะทิ้งขว้างร้างหย่า |
อย่าละห้อยน้อยใจจงไคลคลา | กลับไปคูหาห้องทอง |
ด้วยเจ้ากลับรูปเปนกุมภีล์ | เคยอยู่นทีเที่ยวท่อง |
มาอยู่บนปัถพีเช่นนี้น้อง | จะร้อนรนหม่นหมองด้วยแดดลม |
เจ้ากลับไปก่อนเถิดวิมาลา | ไม่ช้าพี่จะตามไปสู่สม |
ความรักพี่สมัคสมาคม | ยังนิยมชมชิดติดใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | นางกุมภีล์เศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
อาวรณ์ร้อนรุ่มกลุ้มใจ | ดังถ่านไฟฟืนสุมทุ่มทับ |
จนอยู่มิรู้ที่จะเจรจา | แต่พริบตาอ้าปากหงุบหงับ |
ลาผัวซบหัวลงคำนับ | คลานตะกุบตะกับกลับไป |
ฯ ๔ คำ ฯ แผละ
๏ ครั้นถึงฝั่งคงคาก็ถาโถม | โดดโครมลงในแม่น้ำใหญ่ |
โบกหางวางว่ายว่องไว | ตรงไปสู่ที่ถ้ำทอง |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ รูปร่างนางกลายเปนมนุษย์ | โฉมงานบริสุทธิ์ผุดผ่อง |
เดินพลางครวญคร่ำร่ำร้อง | เข้าไปในห้องแล้วโศกี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด