- คำนำ
- นิทานเรื่องไชยเชฐ เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไชยเชฐ
- นิทานเรื่องสังข์ทอง เรื่องต้นก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ทอง
- นิทานเรื่องไกรทอง เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องไกรทอง
- กลอนตำนานเรื่องพระราชนิพนธ์ไกรทอง
- นิทานเรื่องมณีพิไชย เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องมณีพิไชย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอพระมณีพิไชยไปเปนทาษ
- นิทานเรื่องมณีพิไชย ตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- นิทานเรื่องคาวี (เรียกอิกอย่างหนึ่งว่าเรื่องเสือโค) เรื่องตอนต้น ก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องคาวี
- เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องก่อนตอนที่ทรงพระราชนิพนธ์เปนบทลคร
- บทลครเรื่องสังข์ศิลป์ไชย
- นิทานเรื่องสังข์ศิลป์ไชยตอนปลาย ต่อเรื่องตอนทึ่ทรงพระราชนิพนธ์บทลคร
ตอนที่ ๔ พระคาวีรบกับไวยทัต
๏ บัดนั้น | เถ้าทัศประสาทชาติไพร่ |
เจ็บปวดยับย่อยด้วยรอยไม้ | ฝนไพลทาแผลที่บวมฟก |
นั่งคิดถึงตัวกลัวตาย | ให้เสียดายชีวาน้ำตาตก |
ครั้งนี้กูเหมือนอยู่ในนรก | เขาตีชกตบต่อยย่อยยับ |
พระคาวีมาได้ถึงในวัง | ใครยังไม่แจ้งกิติศัพท์ |
แต่ตัวของกูรู้ความลับ | เห็นจะจับฆ่าเสียด้วยแค้นนัก |
จำจะบอกออกความทั้งนี้ | ให้นางคันธมาลีแจ้งประจักษ์ |
คิดแล้วอีเถ้าทรลักษณ์ | รีบมาตำหนักนางเทวี |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงค่อยมองเมียง | เห็นเงียบสุ้งเสียงสาวศรี |
ใครจะเดินไปมาก็ไม่มี | ได้ทีค่อยย่องมองดู |
เห็นนางครวญคร่ำร่ำร้องไห้ | จะลุมเล้าเข้าไปก็กลัวอยู่ |
รอรั้งนั่งเพียงปากประตู | ในตาสอดลอดดูตามม่านทอง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีเศร้าหมอง |
ได้ยินเสียงกรุกลุกขึ้นมอง | หมายว่าผัวย่องตามลงมา |
ทำหลบเลี่ยงเอียงอายชม้ายชม้อย | ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในหน้า |
ผินหลังนั่งดัดกิริยา | ชักผ้าห่มปิดทำบิดพลิ้ว |
แล้วหยิบพานหมากมาหามะกรูด | เอาเล็บขูดแกะก้มดมผิว |
นั่งหยัดดัดจริตกรีดนิ้ว | หยิบพัดด้ามจิ้วมาโบกลม |
แล้วแกล้งทำทิ้งพัดสบัดหน้า | แค้นนักหนาอะไรไต่ผ้าห่ม |
ครั้นผัวไม่เข้ามาเหมือนอารมณ์ | ลงจากแท่นบรรธมเดินออกไป |
แลเห็นเปนเถ้าทัศประสาท | พยาบาทหุนหันมันไส้ |
เหลียวซ้ายแลขวาคว้าไม้ | เคืองขุ่นหมุนไปจะตีรัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เถ้าทัศประสาทกลัวตัวสั่น |
ก้มกราบบาทาแล้วว่าพลัน | แม่อย่าเพ่อหุนหันจงเงือดงด |
ซึ่งลูกรับจันท์สุดามาไว้ | ให้แม่ได้ความอายอัปรยศ |
ควรจะเคืองขุ่นแค้นแทนทด | ถึงชีวิตรปลิดปลดไม่น้อยใจ |
ยังพะวงสงสารแม่ทูลหัว | ไม่รู้ตัวงวยงงหลงใหล |
พระทรงธรรม์สันนุราชเรืองไชย | ตายเสียในไฟนั้นแน่นัก |
อันพระโฉมยงองค์นี้ | สามีจันท์สุดาข้ารู้จัก |
พระฤๅษีนี้ชรอยเปนเพื่อนรัก | ซ้อมซักกันมาสารพัน |
แม่อย่าพะวงสงไสย | ลูกจำได้จริงจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
อันพระคาวีมีสำคัญ | พระขรรร์นั้นไม่วางห่างกาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีก็ใจหาย |
นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงยาย | เห็นสมร้ายเรื่องความงามจะจริง |
นางข้อนทรวงเข้าทรงโศกี | พระสามีหลงม้วยด้วยผู้หญิง |
เมียทัดทานภูธรวอนวิง | กลับชังชิงไม่เชื่อเนื้อเคราะห์ร้าย |
ช่างนับถือฤๅษีขี้เค้า | มันลวงหลอกคลอกเผาเสียง่ายง่าย |
จักระแหล่นข้าค่อยจะพลอยตาย | ด้วยอุบายเล่ห์กลมันพ้นคิด |
ร่ำพลางตีอกชกหัว | ไม่รู้เนื้อรู้ตัวแต่สักหนิด |
หลงสำคัญมั่นหมายว่าทรงฤทธิ์ | จึงกระชิดติดตามด้วยความรัก |
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว | ตายจากเมียเสียแล้วพึ่งประจักษ์ |
มันทำให้เจ็บช้ำน้ำใจนัก | จะเผาเกลือแช่งชักให้ย่อยยับ |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนร้าย | ได้เจ็บได้อายก็หลายกลับ |
ให้มุ่นหมกอกใจคั่งคับ | จนลมล่อยพลอยจับไม่สมประดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเข้าประคองมเหษี |
ร้องเรียกหากำนัลขันที | อึงมี่วิ่งมาพร้อมหน้ากัน |
เห็นนางนิ่งแน่เข้าแก้ไข | อกใจระรัวตัวสั่น |
บ้างวิ่งไปเรียกหมอพัลวัน | นวดฟั้นค่อยฟื้นสมประดี |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีมเหษี |
กลุ้มกลัดขัดแค้นแสนทวี | มิรู้ที่จะปฤกษาหารือใคร |
จึงเข้าไปในที่ไสยาศน์ | เรียกเถ้าทัศประสาทมานั่งใกล้ |
แล้วว่าจะคิดอ่านประการใด | เราจะได้แก้แค้นแทนทด |
อันเสนาข้าเฝ้าทั้งหลาย | สำคัญว่าเจ้านายไปเสียหมด |
แต่เราสองปองจิตรคิดคด | จะเลี้ยวลดลอบล้างมันอย่างไร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าทูลแจ้งแถลงไข |
แม่อย่าหวาดหวั่นพรั่นพระไทย | มันเหมือนกับลูกไก่อยู่ในมือ |
จะคิดเปนแยบคายสายสน | ตรึกตราหาคนที่สัตย์ซื่อ |
เห็นพอจะปฤกษาหารือ | จงเขียนหนังสือบอกความลับ |
ให้คิดอ่านการศึกซ่องสุม | ควบคุมผู้คนไว้เสร็จสรรพ |
แม้นเมื่อไรได้ทีก็ยกทัพ | มาโจมจับฆ่าเสียให้มอดม้วย |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | นางคันธมาลีเห็นดีด้วย |
ยินยอมพร้อมใจเอออวย | จึงว่ายายจงช่วยกันตรึกตรา |
อันพวกเสนาข้าเฝ้า | กลัวเขาจะไม่ยอมเหมือนอย่างว่า |
เห็นแต่เจ้าไวยทัตนัดดา | ด้วยข้าอุปถัมภ์บำรุง |
เพื่อนเปนคนสามารถอาจหาญ | ทั้งชำนิชำนาญการรบพุ่ง |
มีฝีมือฦๅเลื่องเฟื่องฟุ้ง | พระเจ้าลุงไว้เนื้อเชื่อใจ |
ยายช่วยลอบถือหนังสือลับ | ไปบอกให้ยกทัพมาจงได้ |
ว่าพลางนางหยิบกระดาษไทย | เขียนหนังสือส่งให้แก่ท่านยาย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าชื่นชมสมหมาย |
เอาหนังสือซ่อนใส่ในกระทาย | ผันผายไปวังพระนัดดา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าในประตู | เห็นเสด็จออกอยู่ข้างน่า |
ก้มกรานคลานเข้าไปวันทา | เหนื่อยมานิ่งหมอบหอบฮัก |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตแลดูไม่รู้จัก |
เห็นรูปร่างซอมซ่อทรลักษณ์ | ทำคึกคักคุกคามถามไป |
อีเถ้านี้กิริยาเหมือนบ้าหลัง | หน้าเคอะเซอะซังมาแต่ไหน |
มีธุระปะปังเปนอย่างไร | จะทำไมมึงมาหากู |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เถ้าทัศประสาทกลัวตัวเปนหนู |
พูดถลากถลำพร่ำพรู | เอาหนังสือขึ้นชูเปนแยบคาย |
แล้วทูลว่านางคันธมาลี | ให้ข้านำของนี้มาถวาย |
เปนความขำกำชับมามากมาย | พลางยอบกายเข้าไปให้ใกล้ชิด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตเห็นกระดาษประหลาดจิตร |
จึงรับมาแลเล็งเพ่งพิศ | พลางพินิจนิ่งอ่านแต่เบาเบา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ ในสารสมเด็จพระเจ้าป้า | ตั้งแต่กินน้ำตาต่างเข้า |
ด้วยฤๅษีชีป่ามาลวงเรา | เผาลุงของเจ้าให้วายปราณ |
เอาผัวอีจันท์สุดามาไว้ | อยู่ในปราสาทราชฐาน |
อันพวกเรานี้เห็นไม่เปนการ | มันจะพาลเอาผิดคิดฆ่าฟัน |
ขอเชิญหลานแก้วผู้แกล้วกล้า | มาจับตัวมันฆ่าให้อาสัญ |
เหมือนเห็นแก่พระองค์ทรงธรรม์ | ช่วยผ่อนผันแก้แค้นแทนทด |
แม้นเสร็จการครั้งนี้มีความชอบ | ป้าจะมอบสมบัติให้ทั้งหมด |
เจ้าจะได้ครองเมืองเรืองยศ | จงรีบหากำหนดอย่านอนใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ อ่านจบขบฟันหันหุน | เคืองขุ่นดาลเดือดไม่ดับได้ |
ลุกขึ้นกระทืบเตียงเสียงอึงไป | ข้าไทหลีกหลบกระทบกัน |
น้อยฤๅฤๅษีมาทำเล่น | ลวงเผาคนเปนให้อาสัญ |
ผัวอีจันท์สุดานี้กล้าครัน | มาปลอมเปนทรงธรรม์แทนตัว |
กูจะจับทั้งเปนมาเข่นฆ่า | ให้สาสมน้ำหน้าทั้งเมียผัว |
ถึงจะมีฤทธิไกรก็ไม่กลัว | ตัวต่อตัวสู้กันไม่ครั่นคร้าม |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าเห็นอึงจึงทูลห้าม |
พระอย่าเพ่อจู่ลู่วู่วาม | การณรงค์สงครามต้องค่อยคิด |
ศัตรูอยู่ในราชฐาน | จะทำการแก้ไขให้สนิท |
อันองค์พระคาวีก็มีฤทธิ์ | ถอดชีวิตรไว้ในพระขรรค์ไชย |
จงจับให้มั่นคั้นให้ตาย | อย่าดูถูกลูกผู้ชายหาควรไม่ |
คิดให้รอบคอบแล้วยกไป | จึงจะจับตัวได้ดังใจนึก |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตหุนหันไม่ทันตรึก |
อวดรู้อวดหลักฮักฮึก | ข้าเคยพบรบศึกมาหลายยก |
จะเข้าออกยอกย้อนผ่อนปรน | เล่ห์กลเรานี้อย่าวิตก |
ทั้งพิไชยสงครามสามก๊ก | ได้เรียนไว้ในอกสารพัด |
ยายกลับไปทูลพระเจ้าป้า | ว่าเรารับอาสาไม่ข้องขัด |
ค่ำวันนี้คอยกันเปนวันนัด | จะเข้าไปจับมัดเอาตัวมา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ยายเถ้าสอพลอหัวร่อร่า |
มิเสียทีที่เปนพระนัดดา | แกล้วกล้าสงครามไม่ขามใคร |
ข้าจะเข้าไปทูลนางโฉมยง | ว่าพระองค์จะอาสาได้ |
ว่าแล้วกราบลาคลาไคล | มายังวังในทันที |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าในห้อง | นั่งริมแท่นทองมเหษี |
กระซิบทูลแถลงแจ้งคดี | พูดจาพาทีเปนความลับ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตขัดใจไม่นอนหลับ |
นั่งนึกตรึกตราจะยกทัพ | ไปโจมจับไพรีที่ในวัง |
จึงเรียกหาบรรดาข้าไท | ที่ไว้เนื้อเชื่อใจมาพร้อมพรั่ง |
เอาคดีชี้แจงให้ฟัง | ตามหนังสือนั้นทุกประการ |
เรานัดกันวันนี้ให้พร้อม | จะไปล้อมปราสาทราชฐาน |
จับอ้ายทรชนคนพาล | จองจำทำประจานให้สาใจ |
ทำไมกับศัตรูมันผู้เดียว | จะรบรับขับเคี่ยวที่ไหนได้ |
ถึงเสนาข้าเฝ้าเหล่านั้นไซ้ | ถ้าแจ้งใจก็จะป่วนรวนมา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พวกข้ายุเจ้าเอาหน้า |
ต่างคนบังคมชมปัญญา | พระตรึกตราดังนี้ดีนัก |
ตัวข้าทั้งปวงจะอาสา | ออกหน้ารุกโรมโหมหัก |
พระเปนเจ้าเข้าแดงเสียแรงรัก | คงสมัคสู้ม้วยด้วยพระองค์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตชื่นชมสมประสงค์ |
จึงว่าถ้าสำเร็จการณรงค์ | เราก็คงได้ดีด้วยกัน |
จงรีบเร่งรัดไปจัดพล | ผู้คนเคยรบที่แขงขัน |
ให้ได้สักพันหนึ่งสองพัน | จะเล่นมันวันนี้ไม่เงือดงด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกข้าไทใจฮึกขึ้นทั้งหมด |
อยากจะใครได้ดีมียศ | ต่างสบถให้สัตย์ปัฏิญาณ |
แล้วบังคมลามาข้างนอก | เที่ยวบอกบ่าวไพร่ที่ใกล้บ้าน |
ได้คนร่วมจิตรคิดการ | ประมาณสองพันล้วนสันทัด |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ตัวนายรายจดชื่อเสียง | ไล่เลียงพร้อมใจให้ความสัตย์ |
ต่างคนสัญญาอาณัติ | แล้วไปวังไวยทัตทั้งไพร่นาย |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตชื่นชมสมหมาย |
ได้ผู้คนพลไพร่มากมาย | จึงให้แจกจ่ายเครื่องสาตรา |
ทวนง้าวหลาวแหลนพร้อมพรั่ง | อิกทั้งหอกดาบปืนผา |
แล้วให้เลี้ยงเหล้าเหล่าโยธา | จะได้กล้าหักหาญทำการเรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกไพร่ใจทมิฬกินเหล้า |
ต่างคนโคลงหัวมัวเมา | บ้างเข้าสบถกันเปนเกลอ |
ต่างคนประกวดอวดรู้ | การกูแล้วใครไม่เสมอ |
บ้างหลับตาอ้าปากพูดเพ้อ | เสียงเอะอะคะเอออึกกระทึก |
ฯ ๔ คำ ฯ เส้นเหล้า
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตห้าวหาญในการศึก |
ชื่นชมสมหวังนั่งนึก | จนยามดึกมืดมนฝนพยับ |
จึงสั่งพวกพลคนทั้งหลาย | จงจัดแจงแต่งกายให้เสร็จสรรพ |
ทั้งนายม้าผูกม้ามาคอยรับ | แล้วกำชับกำชาข้าไท |
จะแก้แค้นแทนเจ้าชีวิตร | ใครอย่าคิดขี้ขลาดหวาดไหว |
สั่งเสร็จเสด็จคลาไคล | ตรงไปสรงชลฉับพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
โทน
๏ ชำระสระสรงทรงเครื่อง | รุ่งเรืองพรรณรายฉายฉัน |
แล้วกินว่านยาทาน้ำมัน | โพกพันผูกผ้าประเจียดรัด |
คาดตะกรุดเครื่องรางอย่างยอด | แหวนพิรอดสอดใส่นิ้วพระหัดถ์ |
แล้วดื่มน้ำสุราอาพัด | พอกำดัดตึงตัวไม่กลัวใคร |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่ลีลาศ | องอาจมิได้พรั่นหวั่นไหว |
เผ่นขึ้นหลังม้าอาชาไนย | รีบร้นพลไกรไคลคลา |
ฯ ๒ คำ ฯ กราวนอก เชิด
๏ ครั้นถึงราชฐานทวารวัง | คับคั่งไพร่นายซ้ายขวา |
ไวยทัตตรัสสั่งโยธา | อย่าช้าช่วยกันฟันประตู |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เหล่าพวกทหารถือขวานหมู |
โห่พลางวางวิ่งพรั่งพรู | ฟันประตูตึงตังพังทลาย |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | นายประตูตัวสั่นขวัญหาย |
ทั้งพวกนอนประจำซองกองราย | วุ่นวายตื่นตระหนกตกใจ |
บ้างเรียกร้องพวกพ้องอึงมี่ | ไม่รู้ว่าไพรีมาแต่ไหน |
บ้างตะโกนบอกเร้าเข้าไป | เร่งทูลภูวไนยให้รู้ |
บ้างฉวยได้แหลนหลาวง้าวทวน | วิ่งสวนออกรอต่อสู้ |
รับรองป้องปัดศัตรู | เปนหมู่หมู่สู้รบกันไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตฤทธิไกรใจกล้า |
ไล่พวกโยธีตีประดา | พลางขับมิ่งม้าเข้าฆ่าฟัน |
แล้วร้องว่าเหวยชาวธานี | เจ้ามึงคนนี้แล้วฤๅนั่น |
ช่างหลงเคอะเซอะอยู่ไม่รู้ทัน | ท้าวสันนุราชนั้นทิวงคต |
อ้ายนี่ผัวอีจันท์สุดา | มันเปลี่ยนปลอมเข้ามาเปนขบถ |
จงช่วยกันแก้แค้นแทนทด | จับอ้ายคนคดมาฆ่าตี |
ว่าพลางทางขับม้าที่นั่ง | พวกชาวป้อมล้อมวังก็วิ่งหนี |
เหล่าทหารไล่บุกคลุกคลี | โห่มี่เข้าล้อมปราสาทไชย |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | แสนสาวท้าวนางน้อยใหญ่ |
เห็นผู้คนอลหม่านทั้งวังใน | ต่างตระหนกตกใจวุ่นวาย |
ร้องกรีดหวีดหวาดกลาดเกลื่อน | วิ่งโดนเพื่อนหกล้มผ้าห่มหาย |
แต่บรรดาจ่าโขลนเจ้าขรัวนาย | วุ่นวายวิ่งปะทะปะกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิแรงแขงขัน |
บรรธมอยู่ในที่แท่นสุวรรณ | ด้วยโฉมจันท์สุดายาใจ |
ได้ยินสำเนียงเสียงโห่ร้อง | กึกก้องสนั่นหวั่นไหว |
ผวาตื่นตระหนกตกพระไทย | จึงเผยบัญชรไชยชัชวาลย์ |
เห็นพวกพลโยธาถืออาวุธ | อุดตลุดสับสนอลหม่าน |
ก็รู้ว่าข้าศึกมารอนราญ | ไม่สทกสท้านวิญญา |
ตรัสบอกมเหษีนฤมล | เขายกรี้กรีพลมาหนักหนา |
ตัวนายถือกระบี่ขี่ม้า | แก้วตามาดูเล่นด้วยกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันท์สุดาหลากจิตรคิดพรั่น |
แลเห็นกองทัพนับพัน | ตัวสั่นตระหนกตกใจ |
ทรุดองค์ลงกราบกับตีนผัว | พ่อทูลหัวจะคิดเปนไฉน |
ครั้งนี้ชีวันจะบรรไลย | อรไทยครวญคร่ำร่ำโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิไกรใจกล้า |
ปรอบนางพลางเช็ดชลนา | ฟังคำพี่ว่าอย่าเกรงกลัว |
คนเท่านั้นมันจะมาทำไมได้ | ฤๅเจ้าไม่เคยเห็นฝีมือผัว |
นกอินทรีย์มีฤทธิ์ทั้งสองตัว | ยังฟันหัวขาดกลิ้งอยู่กลางดิน |
อ้ายขี้ริ้วอย่างนี้ที่ไหน | ประเดี๋ยวใจก็จะตายฉิบหายสิ้น |
ขี้เกียจกาแร้งจะแย่งกิน | เหมือนชีวิตรยุงริ้นสิ้นทั้งนั้น |
ว่าพลางเล้าโลมนางโฉมยง | แล้วจัดแจงแต่งองค์ทรงพระขรรค์ |
ชวนจันท์สุดาวิลาวรรณ | มาเคียงกันเยี่ยมแกลแลดู |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตหุนหันคันหัวหู |
น้อยฤๅกล้าเยี่ยมหน้ามาอวดกู | ยังไม่รู้สำนึกถึงตาย |
ว่าพลางทางขับม้าทรง | ยืนตรงช่องแกลแลมุ่งหมาย |
แล้วชี้หน้าว่าเหวยอ้ายคนร้าย | มาปลอมเปนเจ้านายไม่อายใจ |
ตัวมึงชาวดงพงพี | ชื่อว่าคาวีจริงฤๅไม่ |
มาลวงลุงกูเข้าเผาไฟ | มิได้ยำเยงเกรงกลัว |
กูรู้เต็มอกจึงยกทัพ | จะมาล้อมจับมึงคนชั่ว |
อย่าทำดึงดื้อถือตัว | ทั้งเมียทั้งผัวเร่งลงมา |
ยังจะขืนยืนดูอยู่ว่าไร | ฤๅจะให้ลากยุดฉุดคร่า |
จะบอบช้ำลำบากกายา | จงลงมาสารภาพกราบกู |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระคาวียิ้มเยาะหัวเราะอยู่ |
จึงตอบว่าเองอย่าอวดรู้ | ประมาทกูดูถูกลูกผู้ชาย |
ถึงเปนชาวดงพงพี | แต่ลวงเผาชาวบุรีได้ง่ายง่าย |
อ้ายเถ้าลุงโง่งงหลงตาย | เดี๋ยวนี้หลานชายจะตายตาม |
อย่าโอหังบังอาจอวดตัว | ใครจะกลัวกับเองเกรงขาม |
เมื่อลุงเองก่อกวนลวนลาม | กูจึงสานตามตอบแทน |
แต่เขาไม่ฆ่าเสียทั้งโคตร | ก็บุญคุณนับโกฏินับแสน |
ยังจะมาผูกใจเจ็บแค้น | คิดขบถทดแทนต่อแผ่นดิน |
เอื้อมอ้างช่างอวดจะฉุดคร่า | ให้ขี่คอกันมาอิกทั้งสิ้น |
อุประมาหมายมุ่งเหมือนยุงริ้น | จะบินเข้าหาไฟอะไรมึง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตพิโรธโกรธขึ้ง |
จึงร้องว่าท้าทายอื้ออึง | ชีวิตรมึงวันนี้ถึงที่ตาย |
ไม่เจียมตัวผัวเมียสองคน | จองหองพองขนใจหาย |
แล้วร้องสั่งพลไกรไพร่นาย | เร่งจับอ้ายคนร้ายเร็วพลัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พวกทหารกำแหงแขงขัน |
แกว่งอาวุธวิ่งชิงกัน | ขึ้นตามอัฒจันท์ปราสาทไชย |
บ้างกระทุ้งถีบดาลบานประตู | ลิ่มสลักแน่นอยู่ไม่หวาดไหว |
บ้างปีนเหลี่ยมฐานบัดพลัดลงไป | เอาไม้ไล่ขว้างทิ้งวิ่งคึกคัก |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีมีฤทธิ์สิทธิศักดิ์ |
เห็นโยธาข้าศึกฮึกฮัก | โหมหักเข้ามาจะราวี |
จึงแกว่งพระขรรค์ไล่ฟันฟาด | แล้วลงจากปรางมาศปราสาทศรี |
มิได้ย่อท้อต่อไพรี | หยุดยืนอยู่ที่กลางชาลา |
พระจึงตั้งจิตรพิศถาน | คิดถึงพระอาจารย์ชาญกล้า |
ข้าจะแกว่งพระขรรค์อันศักดา | ขอให้เปนโยธาออกต่อยุทธ์ |
เสี่ยงพลางทางแกว่งพระขรรค์ไชย | เปนผู้คนพลไพร่อุดตลุด |
ล้วนถือเครื่องสาตราอาวุธ | เข้ารบรับสัปรยุทธกับไพรี |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | พวกไพร่ไวยทัตไม่ถอยหนี |
รบรูปนิมิตรด้วยฤทธี | ต่อตีแทงฟันมันไม่ตาย |
ต่างคนคิดขยั้นหวั่นหวาด | เห็นพวกตัวตายกลาดลงมากหลาย |
รบพลางถอยหลังกระทั่งนาย | วุ่นวายหลีกหลบกระทบกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตเคืองขุ่นหุนหัน |
เห็นพวกไพร่พลคนทั้งนั้น | ขยั้นย่อท้อต่อไพรี |
จึงลุกไล่ให้คืนเข้ารบรับ | ขู่สำทับร้องว่าใครอย่าหนี |
แล้วขับม้ามาตรงพระคาวี | แกว่งกระบี่จะฟันให้บรรไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีไม่พรั่นหวั่นไหว |
แกว่งพระขรรค์คอยขยับรับไว้ | เลี้ยวไล่ประชิดติดพัน |
ได้ทีถาโถมโจมจับม้า | ฉุดคร่าบังเหียนเวียนหัน |
ท่อยทีหมายพิฆาฏฟาดฟัน | กลอกกลับจับกันด้วยกำลัง |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตพลัดตกม้าที่นั่ง |
ผุดลุกทลึ่งตึงตัง | ไม่รอรั้งรื้อวิ่งเข้าชิงไชย |
ร่ายรำกระบี่เปนทีท่า | หวดซ้ายป่ายขวาโลดไล่ |
กลอกกลับรับรองว่องไว | มิได้ละวางห่างกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ กลอง
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีฤทธิแรงแขงขัน |
หักโหมโรมรุกบุกบัน | เปนเชิงชั้นเลี้ยวล่อต่อยุทธ์ |
เผ่นขึ้นยืนเหยียบเข่าขวา | เปลี่ยนท่าทีจับสัปรยุทธ์ |
เคล่าคล่องป้องปัดอาวุธ | อุดตลุดเลี้ยวไล่กันไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไวยทัตขยั้นพรั่นหนักหนา |
สุดสิ้นกำลังวังชา | อ่อนระอาเหนื่อยเหน็ดเข็ดฝีมือ |
ไม่อาจอยู่รบรับสัปรยุทธ์ | ทิ้งสาตราอาวุธออกวิ่งตื๋อ |
บ่าวไพร่ใหญ่น้อยพลอยแตกฮือ | อึงอื้อไปทั้งวังใน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | เหล่ารูปนิมิตรประชิดไล่ |
ถือดาบแกว่งกวัดสกัดไว้ | มิให้ออกนอกทวารา |
บ้างจับได้ไพร่เลวเหล่านั้น | ช่วยกันอุดตลุดฉุดคร่า |
ที่จับได้ไวยทัตก็มัดมา | เข้าไปน่าที่นั่งพรั่งพร้อมกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จับได้ไวยทัตตัวสำคัญ | พอสุริยันรุ่งรางสว่างฟ้า |
จึงตรัสเย้ยเหวยหลานเจ้าธานี | เมื่อตะกี้ฮึกฮักหนักหนา |
ไยไม่แผลงอิทธิฤทธา | ให้เขาจับมัดมาเหมือนอย่างปู |
วันนี้ชีวิตรจะวายปราณ | จงให้การตามจริงอย่านิ่งอยู่ |
ซึ่งเองยกกองทัพมาจับกู | ที่พวกเพื่อนร่วมรู้นั้นกี่คน |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ไวยทัตทูลความมาแต่ต้น |
อีเถ้าทัศประสาทแสนกล | ไปลอบเล่าเหตุผลเปนความลับ |
ทั้งนางคันธมาลีมีสาร | ว่าขานให้ข้าเข้ามาจับ |
จึงได้พาพวกพ้องเปนกองทัพ | มาเคี่ยวขับชิงไชยถึงในวัง |
ซึ่งหยาบช้าว่าขานพระผ่านเกล้า | เพราะมัวเมาโมโหโอหัง |
จงโปรดยกโทษาข้าสักครั้ง | ถ้าทำอิกทีหลังให้ตัดคอ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระคาวีผินผันกลั้นหัวร่อ |
เห็นไวยทัตเต็มกลัวตัวงอ | วิงวอนอ่อนง้อขอชีวิตร |
พระแกล้งเฉยเลยสั่งพวกขันที | อันนางคันธมาลีเปนคนผิด |
กับอีเถ้าทัศประสาทร่วมคิด | โทษถึงชีวิตรมรณา |
จงจับตัวไว้ให้มั่นคง | คุมออกไปส่งเขาข้างน่า |
สั่งเสร็จเสด็จลีลา | ออกมาพระโรงคัลทันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ | พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่ |
จึงตรัสบอกมหาเสนาใน | เราจับได้คนผิดคิดคด |
คืออ้ายไวยทัตตัวดี | กับนางคันธมาลีเปนขบถ |
อีเถ้าทัศประสาทชาติทรยศ | โทษถึงตายหมดไม่ไว้มัน |
จงจองจำขื่อคาพาตัว | ตเวนไปให้ทั่วเขตรขัณฑ์ |
ทั้งทางเรือทางบกสักหกวัน | แล้พิฆาฏฟาดฟันให้บรรไลย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ |
ออกมาจัดกันทันใด | เร่งไพร่ให้คุมคนโทษมา |
จองจำพันธนาห้าประการ | นครบาลถือดาบเดินหน้า |
ให้ร้องตามโทษตัวที่ชั่วช้า | เสนาตีฆ้องป่องป่องไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ตเวนทั้งเรือบกได้หกวัน | แล้วพากันมาที่ท้ายกรุงใหญ่ |
เอาคนโทษผูกรัดมัดไว้ | ฟาดฟันบรรไลยทั้งสามคน |
ฯ ๒ คำ ฯ ปี่กลอง