หมวด ๓ ว่าด้วยค่าเช่าที่ดิน

ธรรมดาที่ดินซึ่งมีเจ้าของถือกรรมสิทธิ์เปนของตนได้มั่นคงแล้ว ถ้าเจ้าของไม่ทำผลประโยชน์ให้เกิดจากที่ดินนั้นเอง มีผู้อื่นมาออกแรงทำการได้ผลอย่างใดขึ้น เจ้าของที่ดินคงอยากได้ส่วนแบ่งปันในผลที่ได้นั้นบ้าง ส่วนแบ่งปันนี้จะเปนสิ่งของที่ทำเปนผลขึ้นหรือจะเปนเงินตามราคาผลซึ่งเปนส่วนแบ่งปันนั้นก็ดี คงเรียกได้ว่าเปนค่าเช่าที่ดินนั้นได้ แต่ส่วนค่าเช่าจะมีมากน้อยเพียงใด จะต้องสุดแล้วแต่ลักษณการซึ่งจะประกอบกันเปนระเบียบธรรมดาที่บังคับมีเขตร์คั่นอยู่เสมอไป ข้อบังคับนี้จะต้องสุดแล้วแต่ซึ่งจะประมูลราคาแข่งขันกันเปนใหญ่ หรือสุดแล้วแต่ธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งนิยมกันตามกาละเทศะนั้นเปนใหญ่

ธรรมดาที่ดินในภูมิประเทศทุกแห่ง ย่อมมีที่ดีที่เลวเปนที่เพาะปลูกหรือเปนที่ทำการอย่างใด ซึ่งเกิดผลมากและน้อยต่างกันอยู่ทั่วไป ที่ดีซึ่งมีคนต้องการมาก เพราะเกิดผลประโยชน์มาก ย่อมมีราคาและค่าเช่าแพงกว่าที่เลวซึ่งคนต้องการน้อย เพราะเกิดผลประโยชน์น้อยเปนธรรมดา ที่ดินที่ดีนั้นใช่แต่จะเปนเพราะทำประโยชน์ได้บริบูรณ์พูลผลอย่างเดียว ต้องเปนที่ที่สดวกซึ่งอยู่ใกล้ชิดประชุมชน, ใกล้ตลาด, มีทางไปมาถึงได้โดยง่ายโดยเร็วประกอบกันด้วย และเมื่อมีผู้ต้องการที่ดีชนิดนั้นอยู่มากจนที่ไม่พอกับผู้ต้องการเมื่อใดแล้ว ที่นั้นต้องมีราคาและค่าเช่าอยู่ได้เสมอ ที่ดินดีหรือเลวกว่ากันย่อมผิดกันโดยลักษณ ๓ ประการที่กล่าวมาแล้วนั้นทั่วไป เปนต้นว่าที่หักร้างถางพงใหม่มีปุ๋ยสะสมอยู่ในพื้นดินทั้งมีน้ำซาบซึมอยู่ด้วย จะเพาะปลูกอะไรลง ถึงจะมีผลงอกงามบริบูรณ์ดีวิเศษสักเท่าใด ถ้าที่นั้นอยู่ห่างไกลตลาดห่างที่ประชุมชนไปมาไม่สดวกเพราะทางกันดาร ต้องเปลืองเวลา, เปลืองแรง, เปลืองทุนในการไปมาและการขนสินค้านั้นมาก ผลซึ่งเกิดในที่นั้นต้องมีราคาน้อยราคาที่และค่าเช่าก็ต้องน้อยลงตามกัน ตรงกันข้ามกับที่ใกล้ที่สดวกซึ่งจะมีผู้ปราถนามาก หรือมิฉนั้น ถ้าที่อยู่ในทำเลเดียวกันใกล้ชิดประชุมชนไปมาถึงโดยสดวกเหมือนกันก็ดี แต่รสดินและอากาศซึ่งเปนอาหารของต้นไม้ไม่ดีเสมอกัน ได้ผลมากและน้อยไม่เท่ากันหรือถ้าได้ผลไม้มากเท่ากัน แต่ข้างหนึ่งต้องลงทุนลงแรงตกแต่งที่ดินมากกว่ากัน เมื่อมีผลขึ้นแล้วคิดหักค่าใช้สรอยลง คงเหลือได้เปนผลประโยชน์น้อยกว่ากัน ราคาและค่าเช่าที่นั้นก็ต้องมาาน้อยกว่ากันตามผลประโยชน์ที่ได้เปนธรรมดา

ค่าเช่าที่ดินพึ่งจะเกิดขึ้นได้ เพราะมูลเหตุที่มีที่ดินดีและเลวผิดกันอยู่ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ค่าเช่าจะมีมากน้อยกว่ากันเพียงใดนั้น ตามธรรมดาจะต้องสุดแล้วแต่ว่าความประมูลแข่งขันกันจะมีอยู่เพียงไร หรือต้องสุดแล้วแต่ธรรมเนียมที่นิยมกันถืออยู่ในทำเลที่นั้นเปนใหญ่ด้วย

ที่ดินสำหรับปลูกสร้างตึก, ร้าน, บ้าน, เรือนในเมืองนี้อย่างเดียวกัน ในทำเลที่ใดมีคนชอบไปอยู่และอาศรัยทำมาหากินมาก เพราะเหตุว่าทำเลที่นั้นเปนที่สดวกหรือเพราะเหตุว่าจะทำผลประโยชน์ในการหัดถกรรม ทำสิ่งของขายและตั้งโรงร้านค้าขายสินค้าได้ผลประโยชน์มากกว่าที่อื่น ราคาที่แห่งนั้นย่อมจะสูงมีค่าเช่ามากอยู่เอง ผิดกันอย่างค่าเช่าในตลาดสำเพ็งและตลาดสามเสนในเวลานี้เปนต้น ที่ดินได้ราคามากขึ้นเพราะที่มีน้อยอย่างหนึ่ง เพราะทำผลประโยชน์ได้มากอย่างหนึ่ง และอยู่ในที่สดวกใกล้ที่ประชุมชนซึ่งมหาชนไปมาถึงได้โดยสดวกอย่างหนึ่ง ประกอบด้วยลักษณ ๓ ประการเช่นนี้ แต่เจ้าของที่จะรีดรัดเอาค่าเช่าแก่ผู้เช่าเกินเขตร์คั่นที่สมควรไปก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่าผู้เช่าเมื่อได้ทำการได้ผลประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างไรแล้ว จำจะต้องคิดหักค่าจ้างค่าแรงของตัวและลูกจ้างออกเสียก่อนชั้นหนึ่ง ต้องคิดดอกเบี้ยในต้นทุนที่ลงไปในการทำผลประโยชน์นั้นออกแล้ว ยังเหลือเปนกำไรในค่าแรงและทุนอีกเท่าใด จึงจะแบ่งกำไรที่เหลือนออกให้เปนค่าเช่าส่วนแบ่งปันแก่เจ้าของที่ดินนั้นได้ ถ้าเจ้าของที่ดินเรียกค่าเช่าเกินส่วนนี้ไป ผู้เช่าคงจะให้ไม่ได้ต้องคิดอ่านขยับขยายไปที่อื่น หรือถ้าผู้เช่าแบ่งกำไรให้เจ้าของที่น้อยไป มีผู้อื่นมามองเห็นว่าจะให้ค่าเช่าแก่เจ้าของที่มากกว่าคนเก่าได้ เพราะคนใหม่นี้จุใจแต่เพียงจะได้ส่วนแบ่งปันในกำไรน้อยกว่ากัน เจ้าของที่คงจะให้คนใหม่นี้เช่าทำเสมอ เมื่อการแก่งแย่งประมูลกันมีอยู่เช่นนี้แล้ว ค่าเช่าที่คงจะไม่มากหรือน้อยลงไปเปนส่วนที่สมควรนานสักเท่าใด

ในลักษณค่าเช่าที่ดินนี้ นักปราชญ์ชื่อ “ริกาโด” ได้ตั้งเปนตำราขึ้นไว้อย่างหนึ่ง ซึ่งผู้รู้ในสมัยนี้เชื่อถือว่าเปนหลักฐานอันถูกต้องอยู่มาก ในที่นี้จึงจำเปนจะต้องเก็บใจความมายกขึ้นกล่าวพอเปนทางดำเนินความคิดต่อไป

ท่านนักปราชญ์ผู้นี้ได้กำหนดลงไว้ว่าค่าเช่าที่ดิน ซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้ ก็เพราะเหตุที่ทำเลที่ดินเกิดผลประโยชน์ไม่เท่ากัน ตามที่ดีที่เลวดังที่กล่าวมาแล้ว ผลประโยชน์ซึ่งเกิดจากที่ดีที่สุดมากกว่าที่เลวที่สุดเท่าใด ผลประโยชน์ที่มากกว่านี้จะเปนกำหนดที่จะเปนค่าเช่าได้ เปนต้นว่า ในประเทศแห่งหนึ่งเมื่อแรกตั้งบ้านเมือง ราษฎรพึงเลือกเอาที่ทำการเพาะปลูก ซึ่งจะเกิดผลประโยชน์มากที่สุดที่จะทำได้ ตามกำลังแรงที่มีอยู่ เช่นจับจองที่นาเปนต้น ในหมู่ประชุมชนนั้น เมื่อสำมโนครัวยังน้อยอยู่ เข้าซึ่งเกิดในที่นาอย่างดีมีพอดีกันกับที่จะเลี้ยงหมู่ชน ราคาเข้าก็คงจะไม่สูงเกินไปกว่าค่าแรงและกำไรในทุนตามธรรมดานั้นไปได้ ครั้นต่อไปราษฎรในที่นี้เกิดมีมากขึ้นหรือมีคนต่างประเทศเข้ามาอยู่มากขึ้น หรือมีคนนอกประเทศต้องการซื้อเข้ามากขึ้น เข้าซึ่งเกิดจากนาอย่างดีในชั้นต้นน้อยกว่าความต้องการก็คงจะมีผู้ไปจับจองที่นาที่เลวกว่าก่อนนั้นปลูกเข้าเพิ่มเติมขึ้นอีก ในที่ ๆ เลวนี้จะอยู่ห่างไกลออกไปจากที่ประชุมชนก็ดี หรือจะอยู่ในที่ใกล้ที่ประชุมชนนั้นเอง แต่หากว่าทำเลที่ใหม่นี้ดินไม่ดี ปลูกเข้าได้ผลน้อยไปกว่าที่เดิม เพราะฉะนั้นจึงต้องเพิ่มเติมแรงและลงทุนมากไปอีกมีการเติมปุ๋ยขุดคลองร่องเปนต้น หรือถ้าเปนทางไกลต้องมีโคเกวียนชักลากเข้าไปขาย เปนการเติมทุนเพิ่มแรงมากขึ้นกว่าที่นาเก่าเช่นนั้นแล้ว ราคาเข้าก็ต้องแพงขึ้นตามส่วนทุนและแรงซึ่งต้องเพิ่มขึ้นกว่าเก่าอยู่เอง เมื่อราคาเข้าแพงขึ้นแล้ว ผู้ที่ทำนาเก่าซึ่งเปนนาดีนั้น ก็ต้องพลอยมีกำไรในการทำนานั้นมากขึ้น กำไรที่ผิดกันนี้และ ผู้ทำนาในที่ดีอาจเอาไปให้เปนค่าเช่าแก่เจ้าของที่ได้

เพื่อจะเปรียบความให้ชัดเจนขึ้นอีก จำจะต้องจัดที่นาดีนาเลวเปนนาเอก, นาโท, นาตรีขึ้น ถ้าในนาทั้ง ๓ ชนิดนี้ต้องใช้แรงและทุนเพาะปลูกเข้าเท่ากัน แต่โดยที่ที่ดินไม่ดีเสมอกัน เมื่อคิดหักค่าใช้สรอยเสร็จแล้วประมาณว่า นาเอกได้ผลเปนเข้า ๑๐ เกวียน นาโทได้ผล ๙ เกวียน นาตรีได้ผลเปนเข้า ๘ เกวียน เมื่อที่ดินชนิดนาเอกยังมีอยู่มากและยังไม่ต้องทำนาโท ผลประโยชน์ที่ได้ในนาเอกเท่าใดคงตกอยู่เปนของผู้เพาะปลูกทั้งสิ้น ครั้นต่อมาราษฎรเกิดทวีมากหรือมีผู้ต้องการซื้อเข้ามากขึ้น ราคาเข้าก็แพงขึ้น พอที่จะให้คนไปจับนาโทปลูกเข้าขายมีกำไรตามสมควรได้ แต่ในนาโทนี้ เมื่อหักค่าใช้สรอยเสร็จแล้วได้ผลเปนเข้า ๙ เกวียนเมื่อเปนเช่นนี้ ค่าเช่าในนาเอกก็จะเกิดขึ้นได้เพียงราคาเข้า ๑ เกวียนที่มีมากกว่านาโท นาโทไม่มีค่าเช่า เพราะเหตุว่าผู้ที่ทำนาโทนั้นจะไม่มีกำไรเหลือพอเสียค่าเช่า แต่ถ้าจะไปทำนาเอกจะต้องเสียค่าเช่า ๑ เกวียน ผลประโยชน์ที่ได้ก็เปนอันว่าเท่ากับเมื่อทำนาโทอยู่นั้นเอง ถ้าที่อย่างนาโทหมดไป จะต้องจับจองนาตรีทำขึ้นอีก และถ้าผลที่ได้ในนาตรีมีแต่เพียง ๘ เกวียน น้อยกว่าผลที่ได้จากนาโท ๑ เกวียน และน้อยกว่าผลที่ได้จากนาเอก ๒ เกวียนเพราะเหตุว่าเมื่อคนที่ทำนาตรีจะไปเช่าทำนาเอกต้องเสียค่าเช่า ๒ เกวียน หรือไปเช่าทำนาโทเสียค่าเช่า ๑ เกวียน หรือทำนาตรีที่ไม่มีกำไรเหลือพอจะเสียค่าเช่าได้ กำไรของผู้ทำนานี้คงได้เท่ากันอยู่เสมอ ราคาเข้าซึ่งแพงขึ้นนั้น ต้องเปนผลประโยชน์หรือค่าเช่าที่เจ้าของที่ดินนาเอกกับนาโท และถ้าจะประมาณราคาเข้าเปนเกวียนละ ๕๐ บาท เจ้าของนาเอกต้องได้ค่าเช่า ๑๐๐ บาท นาโท ๕๐ บาท

ค่าเช่าที่ดินเพาะปลูกเกิดมีขึ้นเมื่อภายหลังราคาเข้าขึ้นสูงดังที่ชี้แจงมาเช่นนี้เสมอไป เพราะฉะนั้นจะโทษว่าเพราะค่าเช่าที่ดินแพงราคาเข้าจึงแพงไม่ได้ ราคาจะแพงขึ้นก็เพราะต้องเติมทุนเติมแรงทำนามากขึ้นในที่ที่เลวที่สุด

ที่ดินอาจเกิดผลประโยชน์ทวีมากขึ้นได้ ๒ ประการ คือเมื่อมีผู้ต้องการผลเพาะปลูกมากขึ้น กระทำให้ราคาผลเพาะปลูกแพงขึ้นได้อย่างหนึ่ง และเมื่อมีการบำรุงที่ดินให้เจริญยิ่งขึ้นโดยอย่างใด ๆ มีการเติมปุ๋ยบำรุงที่ดิน การขุดคลองร่องน้ำ การใช้เครื่องมือเครื่องจักร์ต่าง ๆ นานาซึ่งกระทำให้เกิดผลมากยิ่งขึ้นกว่าเก่าได้ในที่แห่งเดียวนั้นประการหนึ่งเปนต้น เมื่อราคาผลเพาะปลูกแพงขึ้น โดยที่มีคนต้องการบริโภคใช้สอยมาก ผู้ทำไม่ได้ลงทุนลงแรงมากขึ้นกว่าเก่าก็ดี หรือถ้าหากว่าในการเพาะปลูกนั้น ผู้เพาะปลูกใช้วิธีทำการที่ยิ่งขึ้นกว่าเก่า เกิดผลในที่แห่งเดียวนั้นทวียิ่งขึ้นเกินส่วนกำไรตามสมควรของทุนและแรงที่ได้เพิ่มเติมลงไปจนเกิดผลทวียิ่งขึ้นได้เช่นนี้ ส่วนกำไรที่งอกงามขึ้นอีกทั้งสองสถานนั้น ลงปลายก็คงตกมาเปนผลประโยชน์ของเจ้าของที่ดินทั้งสิ้น ในที่สุดราคาผลเพาะปลูกจะแพงขึ้นกว่าเก่าก็ดี หรือราคาผลเพาะปลูกจะคงอยู่ตามเดิมก็ดี แต่เกิดมีผลในที่เดียวยิ่งขึ้นกว่าเก่า ผลประโยชน์ที่ได้ทวีขึ้นเหล่านี้ มีมากกว่าที่ดินอันเลวทราม ซึ่งผู้ทำได้กำไรแต่พอเพียงคุ้มทุนและค่าแรงเพียงใด ประโยชน์ที่งอกมากกว่ากันขึ้นนั้นคงได้เปนค่าเช่าเพิ่มเติมขึ้นให้เจ้าของที่ดินอยู่เสมอ

คำที่ได้ใช้มาข้างต้นว่า กำไรหรือค่าแรงที่สมควรตามธรรมดานั้น ในที่นี้หมายความว่าเปนกำไรและค่าแรงซึ่งเจ้าของทุนและคนทำงานจุใจที่จะรับอย่างเดียวกันทั่วไปในประเทศหนึ่งในสมัยหนึ่งเปนต้น ความจุใจในค่าแรงและกำไรที่จะได้ในต้นทุนนั้น ต่างประเทศต่างสมัยยังจะผิดกันไปได้อีกเปนอันมาก เปนต้นว่าในสมัยนี้ ในประเทศอังกฤษถ้าได้ดอกเบี้ยเปนกำไรในต้นทุนปีหนึ่งเพียงร้อยละ ๓ เจ้าของทุนอังกฤษก็จุใจเสียแล้ว เพราะเงินในประเทศนั้นมีมาก ถ้าจะต้องการกำไรให้มากยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ก็มีแต่จะต้องเอาทุนไปลงทำการ เช่นที่จะได้ผลประโยชน์ไม่แน่นอนมั่นคง ถ้าทำถูกคิดถูก อาจได้กำไรมากขึ้นจริง แต่ถ้าคิดผิดหรือทำการพลาดพลั้งไป กำไรที่หมายว่าจะได้มากนั้นอาจกลายเปนการขาดทุนไป เมืองใดที่มีทุนรวบรวมสะสมไว้เปนกองใหญ่ ๆ มาก ดอกเบี้ยของเงินกู้ในเมืองนั้นจำจะต้องต่ำอยู่เอง ต่ำเพราะการทำมาหากินในบ้านเมืองได้กำไรน้อย เพราะความแข่งขันประชันกันมาก มีผู้ต้องการทุนใช้น้อยส่วนกว่าผู้ที่จะมีทุนให้กู้ ผู้ที่มีทุนให้กู้เมื่ออยากจะได้ดอกเบี้ยบ้างก็จำเปนจะต้องประมูลแข่งขันลดดอกเบี้ยลงให้แก่ผู้รู้ท่าเดียว แต่ถ้าเอามาเปรียบกันกับเมืองเรา ซึ่งในสมัยนี้มีทุนสะสมอยู่ในบ้านเมืองน้อย การทำมาหากินมีกำไรดีมี ผู้ต้องการกู้ยืมทุนไปใช้มากส่วนกว่ากัน ผู้ที่ต้องการทุนนั้นก็จำเปนที่จะต้องประมูลแข่งขันกันขึ้นดอกเบี้ย ให้แก่เจ้าของเงินตั้งแต่ชั่งละ ๒ สลึงถึง ๑ บาทต่อเดือน หรือตั้งแต่ปีหนึ่งเปนดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ๑/๒ ถึงร้อยละ ๑๕ เปนต้น เจ้าของทุนในกรุงเทพฯ โดยมากในสมัยนี้จะทำการอย่างไร ถ้าไม่ได้กำไรในต้นทุนที่ลงไปเกินร้อยละ ๗ ต่อปีแล้วคงไม่มีความจุใจเสมอ เมื่อเปนเช่นนี้และถ้าคิดเอาสมัยในปัจจุบันนี้เปนเกณฑ์ กำไรที่ควรได้ในการทำมาหากินทุกอย่างในกรุงเทพฯ จำต้องเกินร้อยละ ๗ เสมอ ถ้าไม่ได้ถึงเท่านี้ เจ้าของทุนก็ไม่มีน้ำใจจะลงทุนทำอะไร เว้นเสียแต่ว่าเมื่อต่อไปภายหน้าบ้านเมืองเจริญยิ่งขึ้น เกิดมีทรัพย์สมบัติสะสมมากขึ้นกว่าเดี๋ยวนี้ เจ้าของทุนจะได้ดอกเบี้ยน้อยลง หรือผู้ทำการหาผลประโยชน์จะพอแก่ใจเพียงที่จะได้กำไรแต่น้อยอย่างเมืองอังกฤษเปนต้น ถ้าเปนเช่นค่าเช่าที่ดินจำเปนจะต้องสูงขึ้นอิกได้ โดยเหตุว่าที่ดินอันเลวทรามที่สุดซึ่งแต่ก่อนไปทำการลงไม่มีกำไรจุใจกับความต้องการของผู้ทำ มาชั้นหลังนี้ดอกเบี้ยในบ้านเมืองต่ำลง หรือเจ้าของทุนมีความพอใจที่จะได้กำไรน้อยกว่าเก่า คนที่มีความพอใจกำไรแต่น้อยคงจะไปจับจองที่ใหม่ทำต่อไปอีกได้ ที่นี้จะจัดว่าเปนที่จัตวาตามตัวอย่างที่จัดมาแล้ว เมื่อเปนเช่นนี้นาตรีซึ่งแต่ก่อนไม่มีค่าเช่าจะเกิดมีค่าเช่าขึ้น นาโทนาเอกก็จะมีค่าเช่ามากขึ้นตามกัน

อีกประการหนึ่งเมื่อพูดถึงค่าแรงแล้วคนทำงานชั้นราคาต่ำเช่นชาวนาซึ่งเปนพื้นพลเมืองในกรุงสยามทุกวันนี้ เปนต้น ถ้าได้ค่าแรงวันละ ๔๐ สตางค์ก็พอจะเลี้ยงชีพไปได้ ถ้าราคาเข้าแพงขึ้น คนพวกนี้ถนัดแต่การทำนาไปจับจองที่ใหม่ปลูกเข้าลง ขายได้ผลประโยชน์เฉลี่ยออกเปนค่าแรงได้รับวันละ ๔๐ สตางค์ก็คงจะทำนานั้นไปได้ ถ้าบังเอินเข้าลงราคาเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง หรือค่าอาหารนุ่งห่มใช้สรอยที่จำเปนแพงขึ้น หรือต้องเสียภาษีอากรมากขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ค่าแรงวันละ ๔๐ สตางค์ไม่พอ คนพวกนี้ก็จำเปนจะต้องทิ้งนานั้นเสีย ไปหาการอย่างอื่นทำต่อไป มิฉะนั้นก็จะมีแต่การขายทุนได้ความลำบาก จนที่สุดจะต้องอดอาหารตาย

ตามที่ได้กล่าวแยกข้อบรรยายความต่าง ๆ มาแล้วนั้น คงได้ใจความที่จะตั้งเปนกฎธรรมดาสำหรับค่าเช่าที่ดิน ขึ้นได้ดังต่อไปนี้

๑. ค่าเช่าที่ดินจะเกิดมีขึ้นได้ ก็โดยเหตุที่มีที่ดินดีและเลวซึ่งได้ผลประโยชน์มากน้อยกว่ากัน

๒. ค่าเช่าที่เกิดขึ้นได้ เพราะมูลเหตุที่มีผู้ไปจับจองที่ดินทำการเพาะปลูกลงในที่ซึ่งเลวไปกว่าก่อนนั้นก็จริง แต่ที่ดินอันเลวทรามที่สุดนี้ จะเปนขอบเขตร์ที่จะมีค่าเช่าไม่ได้เพราะผู้ทำจะได้กำไรแต่พอคุ้มค่าแรงและทุนตามสมควรเท่านั้น จะมีค่าเช่าไม่ได้จนกว่าจะมีผู้ไปจับจองทำการเพาะปลูกในที่ที่เลวทรามยิ่งกว่านี้ต่อไปอีก

เพราะฉนั้นจึงจัดได้ว่าค่าเช่าจะเกิดได้ก็เพราะมีที่เลวที่กันดารซึ่งต้องเปลืองทุนเปลืองแรงมากกว่าที่ดี ไม่ใช่เพราะมีที่ดีจึงได้ค่าเช่า

ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า ที่ดินย่อมจะเกิดผลประโยชน์มากขึ้นได้ เพราะเหตุที่จะลงทุนลงแรงตกแต่งบำรุงที่ดินให้ดีขึ้น จนเกิดผลงอกงามมากกว่าเก่ามีใช้ปุ๋ยที่ถูกหรือเพิ่มเติมแรงและทุนเพาะปลูกพรรณไม้อย่างอื่นแทรกลงในที่นั้นได้อีก เช่นกับว่าที่นา เมื่อทำนาเกี่ยวเข้าได้ผลแล้ว ผู้ทำปลูกฟักแฟงแตงกวาหรือถั่วมันลงในที่นั้นต่อไป เกิดผลประโยชน์เพิ่มเติมขึ้นอีกเปนต้น หรือมีเครื่องมือเครื่องจักร์ที่ดีมาใช้ทำการเพาะปลูกในที่แห่งนั้น เกิดผลงอกงามขึ้นกว่าเก่าก็ดี การที่ผลเพาะปลูกเกิดมากขึ้นนี้ มีแต่จะช่วยกระทำให้ราคาผลนั้นถูกลงกว่าเก่า แต่ถึงอย่างไรเจ้าของที่ดินคงจะได้ค่าเช่ามากขึ้นเพราะผลประโยชน์ที่เกิดมากขึ้นจากที่ดินนั้นเสมอไป และค่าเช่าจะสูงขึ้นได้เพราะราคาผลปลูกเพาะยิ่งแพงขึ้น โดยเหตุที่มีผู้ต้องการผลปลูกเพาะมากขึ้นกว่าเท่านั้น

การลงทุนลงแรงเพิ่มเติมในที่แห่งเดียวนั้น ยังมีที่ขอบเขตร์อยู่ว่า ผลที่เกิดขึ้นเพราะทุนและแรงที่เพิ่มขึ้นนั้นจะต้องได้ลดน้อยลงกว่าส่วนเดิมเปนลำดับไป มิฉะนั้นถ้าในที่ใดยิ่งลงทุนลงแรงมากขึ้น ก็ยิ่งเกิดผลเท่ากับส่วนทุนส่วนแรงในชั้นเดิมเสมอไปแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดที่จะไปจับจองที่ที่เลวกว่านั้นทำ เมื่อไม่มีที่ที่เลวกว่ากันอยู่แล้วค่าเช่าที่ก็มีไม่ได้ ในที่สุดสรรพสิ่งทั้งปวงที่เอามาใช้ในการเพาะปลูกนั้น ถ้าเปนเครื่องที่กระทำให้เปลืองทุนเปลืองแรงน้อยลงกว่าเก่าได้แล้ว การได้เปรียบทั้งนี้ก็คงตกเปนส่วนได้ในค่าเช่าของเจ้าของที่ดินเมื่อตอนปลายเสมอ และถ้ามีเหตุอย่างใดขึ้นต้องใช้ทุนและแรงเปลืองมากขึ้นกว่าเก่าแล้ว ค่าเช่าที่จำเปนจะต้องลดน้อยลงเปนการตรงกันข้ามอยู่เหมือนกัน เปนต้นว่าค่าแรงในพวกทำนาจะแพงขึ้น เพราะคนทำนาไปได้การอื่นที่ดีกว่าทำ พวกที่ยังเหลืออยู่มีน้อยตัวอาจเรียกค่าจ้างแพงขึ้นได้ หรือมิฉะนั้นเจ้าของทุนไม่พอใจในกำไรที่ได้จากการทำนา เพราะกำไรนั้นน้อยกว่าการหากินอย่างอื่น ถ้าไม่ได้กำไรเท่าการอย่างอื่นจะไม่ทำนาต่อไป กระทำให้ราคาทุนแพงขึ้นเช่นนี้เปนต้น ค่าเช่าที่ดินที่จำเปนจะต้องลดน้อยลงเอง เพราะเหตุว่าการแบ่งปันผลประโยชน์ในผลที่ทำเปนทรัพย์ขึ้นได้ จำจะต้องแบ่งให้เจ้าของทุนกับเจ้าของแรง เจ้าของที่รวม ๓ แพนกดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ถ้าเจ้าของทุนเจ้าของแรงจะได้ส่วนแบ่งปันมากขึ้นตามเหตุที่ได้กล่าวมานี้ เจ้าของที่ก็จำจะต้องลดส่วนแบ่งปันของตัวลงเจือจานให้เท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าราคาผลปลูกเพาะที่เกิดจากที่นี้จะพลอยแพงขึ้นไปตามส่วนที่ต้องเปลืองค่าแรงและทุนมากขึ้น ถ้าเปนเช่นนี้เจ้าของที่ไม่ต้องออกเนื้อเลย ค่าเช่าที่มีอย่างใดคงได้อย่างนั้น

อีกประการหนึ่งถ้าหากว่าค่าแรงและทุนจะคงอยู่ตามเดิมก็ดี แต่โดยเหตุที่มีผู้ต้องการผลเพาะปลูกน้อยไปกว่าเก่า กระทำให้ราคาผลนั้นตกต่ำลงไปได้ เจ้าของที่ดินก็ต้องได้ค่าเช่าน้อยลงด้วย จะได้น้อยลงเพราะเหตุว่า ที่อันเลวทรามซึ่งแต่ก่อนได้กำไรในผลเพาะปลูกแต่พอคุ้มทุนคุ้มแรงจึงทำไปได้นั้น มาภายหลังราคาถูกลง ผู้ทำได้ผลเปนกำไรน้อยลง จะทำต่อไปไม่ได้ ต้องทั้งที่ดินที่เลวนั้นเสีย ค่าเช่าที่ดินที่ดีที่จำเปนจะต้องตกต่ำลง เพราะที่ดินที่เลวทรามที่สุดนั้นจะไม่มีผู้ทำต่อไป

ได้กล่าวมาแล้วในชั้นต้นว่า ค่าเช่าที่ดินจะมีขึ้นได้ก็เพราะคนต้องไปจับจองที่ดินที่เลวที่กันดารทำ ซึ่งต้องเปลืองทุนเปลืองแรงมากกว่าที่ดีเปนต้นเหตุ ไม่ใช่เพราะมีที่ดีจึงได้ค่าเช่าราคาผลเพาะปลูกหรือสิ่งของทั้งปวงที่คนทำขึ้นนั้น ก็ต้องสุดแล้วแต่ค่าแรงและทุนซึ่งต้องลงมากอย่างที่สุดในการทำของนั้นเปนใหญ่ ในที่ดินที่ดีโดยที่ต้องลงทุนลงแรงน้อยหรือในการอย่างใดที่ต้องลงทุนลงแรงน้อย แต่ได้ผลเท่ากันกับในที่ที่ต้องลงทุนลงแรงมาก การได้เปรียบกว่ากันนั้นมีแต่จะเปนกำไรงอกขึ้นอย่างเดียว เพราะราคาของต้องตามทุนและแรงที่ต้องใช้เปนค่าทำอย่างที่แพงที่สุด หรือจะว่าอีกอย่างหนึ่ง ค่าทำที่เปลืองที่สุดนั้น เปนกำหนดตั้งราคาของที่ซื้อขายกันอยู่

ค่าเช่าที่ดินที่ขึ้นสูงในบ้านเมืองใดขณะใด พึงเปนผลที่เกิดขึ้น เพราะเหตุว่าทรัพย์สมบัติในบ้านเมืองนั้นเกิดมากมูลขึ้น ค่าเช่าที่ดินไม่ใช่เปนเหตุที่ได้กระทำให้ทรัพย์บังเกิดขึ้น เปนแต่อาการซึ่งเปนผลของทรัพย์เท่านั้น ในประเทศใดถ้าที่ดินที่ดียิ่งมีน้อยลงและยิ่งจำเปนต้องไปจับจองทำการในที่ที่เกิดผลน้อยนั้นมากขึ้น ค่าเช่าในประเทศนั้นก็ยิ่งมากขึ้นตามกัน และในประเทศใดที่มีที่ดินดีมากการเพาะปลูกไม่ต้องลงทุนลงแรงมากกเกิดผลมาก เพราะฉะนั้นทรัพย์ในบ้านเมืองจึงยิ่งเกิดไพบูลย์มากขึ้น ในที่ซึ่งตกอยู่ในลักษณนี้ ค่าเช่าที่ดินคงมีน้อยและจะสูงยิ่งขึ้นได้ก็โดยช้าอยู่เสมอ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ