หมวด ๖ ว่าด้วยสมาคมคนทำงาน และการที่คนทำงานพร้อมใจกันละทิ้งการงาน

คำ “สมาคมคนทำงาน” ในที่นี้ หมายความตามภาษาอังกฤษว่า เตรดยูเนียน (Trade Unions) เปนสมาคมซึ่งคนทำงานในวิชาหากิน พวกใดพวกหนึ่งร่วมใจกันเลือกตั้งกรรมการที่ปฤกษาขึ้นเปนหัวหน้า แล้วสัญญากันว่ากรรมการจะแนะนำให้สมาคมทำประการใดจะประพฤติตาม ผู้ที่เปนสมัคพรรคพวกในสมาคมเรี่ยรายกันออกเงินให้เปนค่าใช้สรอย

สมาคมนี้มีทั่วไปตามประเทศยุโรปและอเมริกาเปนต้น มีข้อสัญญาต่าง ๆ กันตามหมวดตามหมู่และตามลักษณวิชาหากิน มีสมาคมพวกช่างเหล็ก, ช่างกล, ช่างไม้, ช่างปูน, ช่างก่อ, พวกทำงานขุดบ่อถ่าน, บ่อแร่, โลหะต่าง ๆ, พวกกุลีทำงานตามรถไฟ, ตามเรือ, ตามอู่, ตามโรงงานใหญ่น้อย, และอื่น ๆ แทบทุกชนิด วิชาหากินของคนทำงานซึ่งมีค่าจ้างและเงินเดือนเปนต้น ที่ทำการหากินในวิชาต่างกันแต่สมัคเข้าเปนสมาคมกองเดียวกันก็มี ที่ตั้งขึ้นโดยความเจตนาทางกุศลสงเคราะห์ซึ่งกันและกันเปนใหญ่กว่าอื่นก็มี แต่โดยมากความเจตนาซึ่งจะสงเคราะห์ซึ่งกันและกันนั้น มีต่อไปถึงการป้องกันและบำรุงรักษาผลประโยชน์ของคนทำงานเหล่านั้น ในทางที่ปราถนาจะได้เงินค่าจ้างค่าแรงให้มากขึ้น โดยที่จะห้ามหวงไม่ให้คนอื่นมาแข่งขันประมูลแย่งการทำ และโดยทางที่จะชัดแข็งต่อสู้เจ้าของทุนผู้จ้างที่จะไม่ยอมให้ลดค่าจ้างค่าแรง หรือจะบังคับให้จัดการอย่างใดที่จะให้คนทำงานสบายขึ้น หรือเบาแรงมีกำหนดกะชั่วโมงทำการรายวันให้น้อยลงเปนต้น ถือเอาความสามัคคีของพวกเดียวกันซึ่งรวมกันเข้าเปนจำนวนคนมากเสียงมากจึงมีอำนาจมากนั้น ไปต่อสู้กับเจ้าของทุนซึ่งมีอำนาจเปนผู้บังคับบัญชา

ในทางเจตนาที่จะสงเคราะห์เพื่อนยากด้วยกันเมื่อเวลามีทุกข์นั้นน่าเปนที่สรรเสริญมาก พวกสมาชิกอุส่าห์แบ่งค่าจ้างรายวันรายเดือนที่รับจ้างทำการมาได้ออกให้เปนเงินกองกลาง ประมาณว่าคนหนึ่งอาทิตย์ละ ๕๐ สตางค์หรือบาทหนึ่งเปนต้น พวกที่เปนหัวหน้ารวบรวมเงินเรี่ยรายเหล่านี้ขึ้นไว้ เมื่อสมาชิกคนใดได้เสียเงินค่าเรี่ยรายนี้ไปได้ช้านานตามเวลาที่ได้กำหนดไว้แล้ว ต่อไปถ้าเจ็บป่วยลงชั่วครั้งชั่วคราว สมาชิกนั้นมีอำนาจที่จะเรียกเอาเงินเลี้ยงชีพจากสมาคมอาทิตย์ละ ๑๐ บาทเปนต้น ถ้าเครื่องมือที่ใช้ในการหากินนั้นเปนอันตรายสูญหายไป สมาคมจะใช้ค่าให้ ถ้าในเวลาใดต้องออกจากที่ทำงานไม่ได้รับค่าจ้างค่าแรงหนึ่งคราวหนึ่ง เปนกำหนดเงินอาทิตย์ละ ๕ บาท ๖ บาทเปนต้น หรือถ้าสมาชิกคนใต้เคราะห์ร้ายเปนอันตรายขึ้นในร่างกายโดยความบังเหตุอย่างใดกลายเปนคนทุพลภาพไป สมาชิกนั้นจะได้รับเงินเปนเบี้ยบำนาญในคราวเดียวเปนจำนวนเงินเท่านั้นเท่านี้เปนต้น เมื่อถึงแก่กรรม สมาคมกออกเงินทำศพให้

แต่ความเจตนาอันใหญ่ของสมาคมคนทำงานโดยทั่วไปนั้น เพื่อประสงค์จะป้องกันผลประโยชน์ตามวิชาหากินของพวกสมาชิก และเพื่อจะกระทำให้ฐานะที่ตั้งของสมาคมมีกำลังแข็งแรงพอกับที่จะตั้งกองวิวาทต่อขานเอารัดเอาเปรียบกันกับพวกเจ้าของทุนเจ้าของการผู้จ้าง ในทางที่จะบังคับเจ้าของทุนให้ผ่อนหย่อนให้ลูกจ้างทำงานได้สบายยิ่งขึ้น โดยที่จะทำงานรายวันให้น้อยชั่วโมงลง และโดยที่จะต่อขานเรียกร้องเอาค่าจ้างค่าแรงให้มากขึ้นเปนต้น ถ้าเจ้าของทุนเจ้าของการไม่ยอมก็จะได้พร้อมใจกันหยุดทำงาน เช่นกับที่เรียกกันตามภาษาอังกฤษว่า “สไตรก์” ซึ่งเห็นกันว่าเปนหนทางอย่างดีที่จะเล่นตัวเกี่ยงงอนไปจนกว่าเจ้าของทุนจะตกลงยอมทำตาม

เพื่อจะจัดการสไตรก์ หยุดการงานให้พร้อมเพรียงกันได้ สมาคมจำจะต้องมีหัวหน้าจัดการกองหนึ่ง คนพวกนี้มีหน้าที่จะพิจารณาดูลักษณการว่า เปนเวลาเหมาะที่คนทำงานจะหยุดได้หรือยัง โดยที่จะคิดดูรอบไปว่า ในเวลาที่หยุดการงาน คนทำงานไม่ได้ค่าจ้าง เงินกลางของสมาชิกที่เรี่ยรายไว้ได้นั้น จะมีพอแจกจ่ายเปนค่าบำเหน็จรายวันเลี้ยงสมาชิกที่หยุดการได้ช้านานสักเพียงใด เมื่อคาดการเห็นว่าจะเอาชัยชำนะแก่เจ้าของทุนได้สำเร็จบ้าง พวกหัวหน้าสมาคมก็ต้องไปพูดจาว่ากล่าวกันกับเจ้าของงานเสียก่อน ถ้าได้ปฤกษาหารือโต้แย้งกันจนสำเร็จความประสงค์ตกลงเปนความประนีประนอมยอมกันลงได้ทั้งสองฝ่าย ก็เปนอันระงับความวิวาทไปได้ ถ้าไม่ตกลงกันพวกหัวหน้าของสมาคม ก็ออกประกาศให้คนหยุดทำงานทันที ต่อนี้ไปก็คอยดูว่าข้างใดจะอดทนได้นานกว่ากัน ข้างฝ่ายเจ้าของทุนจะชาตผลประโยชน์ไปเพราะต้องหยุดงาน ข้างฝ่ายคนทำงาน เมื่อไม่ได้รับค่าจ้างจะอาศรัยเงินบำเหน็จของสมาคมเลี้ยงชีพไปได้ช้านานเพียงใด สุดแล้วแต่ว่าข้างไหนจะมีความท้อถอยลงก่อน

สมาคมคนทำงานเพื่อจะให้มีอำนาจและกำลังให้แข็งแรง ในการที่จะต่อสู้กับเจ้าของทุนได้นั้น จำเปนจะต้องเกลี้ยกล่อมพรรคพวกให้มีอย่างมากที่สุดที่จะทำได้ มีพรรคพวกที่ทำการหากินในวิชาอย่างเดียวกัน, ในทำเลที่เดียวกัน, ทั่วไปแล้วยังต้องชักชวนสมาคมที่อยู่ต่างทำเลต่างเมืองให้รวมเข้าเปนพวกเดียวกันอีก เปนหน้าที่ของพวกหัวหน้าจะจัดการให้ตลอดไปได้ โดยความพร้อมเพรียงทั่วไป เมื่อสมาคมถือเอาพวกมากเปนกำลังแล้ว พวกเจ้าของทุนเจ้าของงานจำเปนจะต้องสมทบกำลังกัน ตั้งเปนพวกขึ้นต่อสู้บ้าง ต่างก็จะป้องกันผลประโยชน์ของตนทั้งสองฝ่าย

ความมุ่งหมายของพวกสมาคมคนทำงาน ยังมีสำคัญอยู่อีกอย่างหนึ่ง ที่ตรงว่าเมื่อปราถนาจะได้ค่าแรงให้สูงขึ้นแล้ว ก็จำจะต้องคิดอ่านให้จำนวนคนที่ทำการอยู่ในวิชาอย่างเดียวกันนั้นมีน้อยที่สุดที่จะทำได้ ตั้งข้อบังคับไม่ให้คนซึ่งมิใช่พวกสมาชิกเข้าไปแย่งการทำ โดยที่คนพวกนั้นจะรับค่าจ้างให้น้อยลง และยังมีข้อบังคับสำหรับห้ามบรรดานายงานพวกเดียวกัน ไม่ให้รับนักเรียนฝึกหัดเกินจำนวนคนละเท่านั้นเท่านี้เปนต้น ในที่สุดเห็นกันว่า คนทำงานมีน้อยค่าจ้างจะยิ่งแพงขึ้นเปนธรรมดา

การสมาคมคนทำงานและเรื่องการสไตรก์หยุดงานเช่นนี้ เปนเรื่องที่คนทำงานกับเจ้าของทุนจะแย่งส่วนแบ่งปันกำไรในผลที่ทำขึ้นได้ด้วยกันนั้น เปนข้อใหญ่ใจความ แต่เมื่อพิจารณาดูตามทางได้ทางเสียของการนั้นแล้ว ก็ดูเหมือนว่า การสไตรก์ที่คนทำงานพร้อมใจกันหยุดงานชั่วครั้งหนึ่งคราวหนึ่งนั้น ถึงจะสำเร็จได้บ้าง ทางเสียผลประโยชน์จำจะต้องมีเปนส่วนมากอยู่เสมอ เจ้าของงานและลูกจ้างต่างคนต่างก็เสียผลประโยชน์ด้วยกัน แล้วยังอาจกระทำให้พลเมืองโดยทั่วไปพลอยเสียผลประโยชน์ไปได้อีก

ตามธรรมดาผลเพาะปลูกและผลซึ่งทำขึ้นได้ด้วยแรงทำงานทุกอย่างนั้น ถ้าทำได้เปนราคาค่าทำยิ่งน้อยลงเท่าใด ความศุขความเจริญของพลเมืองทั่วไปก็ยิ่งจะดีขึ้นตามกัน และตามที่ได้ชี้แจงแต่ก่อนแล้วนั้น ถ้าค่าจ้างถูก ราคาของที่ทำก็ต้องถูก ถ้าค่าจ้างแพง ราคาของที่ทำก็แพง

การสไตรก์เปนเหตุที่ได้ทำให้การทำผลหยุดยั้งไป ผลที่หยุดทำเสียนั้นขาดลดน้อยไปชั่วคราวหนึ่งครั้งหนึ่ง ราคาของนั้นก็ต้องแพงขึ้น เพราะของน้อยไป การสไตรก์ของสมาคมคนทำงานทำให้คนทำงานมีจำนวนน้อยไปกว่าที่ควรจะมี และการสไตรก์กระทำให้ค่าแรงในการอย่างหนึ่งอย่างใด แพงขึ้นกว่าที่ควรได้แล้ว ของที่ทำนั้นราคาก็มีแต่จะสูงเกินส่วนธรรมดาอยู่เอง แต่ตามที่ได้ชี้แจงเหตุผลมาก่อนแล้วนั้น ราคาของจะสูงเกินธรรมดาหรือค่าแรงจะสูงเกินธรรมดา หรือกำไรจะมากเกินธรรมดานั้น คงจะเปนไปไม่ได้ช้านานเพียงใด เพราะความประมูลแข่งขันกันในค่าแรงของคนทำงานโดยทั่วไป มีแต่จะชักจูงให้เท่าเทียมเสมอกันอยู่ ส่วนกำไรก็มีทุนที่จะคอยแข่งขันประชันกัน ลดหย่อนกำไรลงให้เท่าเทียมกันได้เสมอเหมือนกัน

ถ้าการสไตรก์กระทำให้เจ้าของทุนต้องเสียค่าแรงมากไป ถ้าเจ้าของทุนตั้งราคาของขายสูงขึ้น เพื่อจะไม่ลดกำไรที่เคยได้ของแพงไปพลเมืองก็จะซื้อของนั้นใช้น้อยลง ถ้าความต้องการของน้อยลง เจ้าของทุนก็จะเลี้ยงคนทำงานไว้ไม่ได้มากเท่าเก่าอยู่เอง เปนการตัดประโยชน์ของคนทำงานเองเปนแท้ ถ้าหากว่าเจ้าของทุนขายของให้ราคาของสูงขึ้นตามค่าแรงไม่ได้ เจ้าของทุนได้กำไรน้อยไป ก็จำเปนจะต้องเลิกงานนั้นเสีย ถอนทุนไปทำงานอย่างอื่น หรือถ้าถอนไปไม่ได้ก็จะต้องขาดทุนเสียหายจนล้มละลายลง เปนเหตุที่จะตัดประโยชน์ของคนทำงานทั้งสิ้น คนทำงานที่มีวิชาหากินแต่ทางเดียว เมื่อไม่มีการทำกว่าจะไปฝึกหัดทำการอย่างอื่นได้ช่ำชอง ก็จะได้ความขัดสนยากจนหนักลง จนแทบจะไม่มีอะไรจะเลี้ยงชีพ

พวกที่นิยมในการตั้งสมาคมคนทำงานและการสไตรก์ เชื่อว่าการนั้นจะกระทำให้ฐานะของคนทำงานดีขึ้นกว่าเก่าเสมอไป แต่ก่อนในการบางอย่างคนทำงานต้องทำการเกินวันมาก เวลาหยุดผ่อนพักหาความศุขในตัวไม่พอ เดี๋ยวนี้ทำการน้อยชั่วโมงลงทำเพียงวันละ ๘ ชั่วโมงเปนต้น มีเวลาผ่อนพักมากขึ้น โรคภัยในตัวน้อยลง กระทำให้อายมนุษย์ที่ยากจนยืดยาวไปได้บ้าง แต่ก่อนผู้หญิงและเด็กต้องทำการหนักถึงกับขุดบ่อแร่ไม่เปนอันกินอันนอนพอ เดี๋ยวนี้เด็กที่อายุต่ำกว่า ๑๔ ปีไม่มีในโรงงาน ก็มีเวลาไปเล่าเรียน และมีเวลาผ่อนพักกระทำให้ร่างกายเด็กแข็งแรงมีกำลังพอที่จะทำการหนักในภายหน้าได้เปนอันมาก ทั้งความฉลาดก็จะมีขึ้นเพราะความเล่าเรียนเปนการเพิ่มกำลังของบ้านเมืองและชาติให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ถือกันว่าการสไตรก์ คล้ายกันกับการรบกันเองในบ้านเมือง ถึงโดยว่าการสไตรก์เปนความเสียหายมากและไม่สำเร็จประโยชน์ดังที่คิดไว้ได้นั้นก็ดี ผลของการสไตรก์คงจะเปนคุณได้ในภายหลังทุกครั้งไป

ความกดขี่ของเจ้าของทุนซึ่งประพฤติต่อคนทำงานนั้นย่อมจะน้อยลง แต่ลำพังคนน้อยคนจะไปร้องทุกข์ต่อเจ้าของงาน ๆ จะละเลยเพิกเฉยเสียก็ได้ เมื่อลูกจ้างรวบรวมกันเปนหมู่ใหญ่กำลังใหญ่ขึ้นจะแสดงความปราถนาอย่างใด เจ้าของทุนเจ้าของงานจำจะต้องเอาใจใส่ตรึกตรองโดยความเอื้อเฟื้ออย่างกวดขัน ต้องทำเช่นนั้นเพราะเคยเข็ดขยาดที่ต้องเสียผลประโยชน์ไปเพราะคนทำงานสไตรก์หยุดการงานมาเนือง ๆ

พวกเจ้าของทุนเจ้าของงาน บางครั้งบางคราวปราถนาจะตัดค่าจ้างของคนทำงานให้น้อยลง โดยเหตุจำเปนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะจัดการเปลี่ยนแปลงวิธีทำการอย่างใดให้ดีขึ้น แต่พวกลูกจ้างขัดขืนไม่ยอม, เพื่อจะเอาชะนะแก่พวกลูกจ้าง พวกเจ้าของทุนในการทำสิ่งของอย่างเดียวกันนั้น ก็พร้อมใจกันปิดโรงงาน ไม่จ้างคนทำงาน จนกว่าจะยอมทำตาม ต่างก็มีท่วงทีซึ่งจะขัดขืนใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

กฎหมายแผ่นดินที่มีรัฐบาลดีพึงจะปล่อยให้พลเมืองเปนโสดแก่ตัวอย่างมากที่สุดที่จะทำได้ ผู้ใดไม่ชอบทำงานจะหยุดเสียเมื่อใดก็ได้ ถ้าไม่ผิดสัญญาที่ได้ทำไว้แก่ผู้อื่นก่อน และผู้ใดอยากทำงานเมื่อใดก็ทำได้โดยอำนาจอันชอบธรรมเต็มที่ ไม่ให้ใครไปกันโชกข่มขืนซึ่งกันและกันได้ แต่ธรรมดาคนทำงานชั้นต่ำซึ่งเปนคนปราศจากความเล่าเรียนรู้ขนบธรรมเนียมอันสุภาพ เมื่อเข้ามั่วสุมกันเปนหมวดหมู่พวกมากได้ใหญ่โตแล้ว มักจะลุอำนาจเที่ยวกระทำย่ำยีเบียดเบียนพวกน้อยต่าง ๆ นา ๆ เช่นกับสมาคมจีนที่เรียกว่ากงษีอั้งยี่ซึ่งมีในเมืองเราบ้างแล้ว พวกสมาคมคนทำงานในประเทศยุโรปเมื่อหยุดการบางคราวก็กระทำอำนาจโดยพละการใจ คอยห้ามหวงไม่ให้คนอื่นไปรับทำการแทนที่ตัวอยู่บ้าง เมื่อทำไม่ได้โดยตรงเพราะเกรงอาญาแผ่นดิน ก็เที่ยวขู่กันโชกต่าง ๆ กระทำให้คนที่จะอาษาเข้ารับการแทนนั้น มีความเกรงขามเข็ดขยาดท้อถอยไปได้เปนอันมาก เพราะเหตุฉนั้น เมื่อคนทำงานพวกใดพร้อมใจกันเปนส่วนมากหยุดทำการลงแล้ว เจ้าของทุนมักจะสิ้นหนทางที่จะหาคนอื่นแทนได้ทันการ แต่ความเช่นนี้เปนความอยุติธรรมร้ายแรงมาก ถ้าสมาคมคนทำงานใดปิดประตูค้ามั่นคงแล้ว ผลที่จะได้ชั่วแต่ว่าขึ้นราคาค่าจ้างเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คุ้มกันกับทางเสียหายที่อาจมีขึ้นได้โดยรอบตัว ที่หนึ่งเปนการปิดทางหากินของเพื่อนคนทำงานด้วยกันให้ได้ความยากจนขัดสนยิ่งขึ้น ที่สองกระทำให้ราคาสินค้าที่ทำแพงขึ้นได้ เพราะต้องเปลืองค่าแรงนั้นมากเท่าใด ก็เสมอกันกับว่าสมาคมคนทำงานกองนั้นมีอำนาจเก็บภาษีแก่พลเมือง ซึ่งต้องซื้อของแพงนั้นอีกชั้นหนึ่ง เปนการเบียดเบียนผลประโยชน์ผู้อื่นโดยตรง จำเปนที่รัฐบาลจะต้องคอยระวังป้องกันผลอันร้ายเช่นนี้อยู่เสมอ ในที่สุดการปิดประตูค้าในการทำมาหากินทุกอย่าง เปนการต่อสู้และเปนศัตรูแก่ความเจริญของมหาชนและบ้านเมืองทั้งสิ้น

อิกประการหนึ่ง คนทำงานที่โง่เขลาเบาปัญญา ทำงานออกแรงถ่วงเวลา โดยเห็นว่ายิ่งเหนื่อยมากก็ยิ่งเปนผลแก่เจ้าของการมาก ส่วนตัวไม่ได้มีอะไรขึ้น แต่ถ้าออมแรงถ่วงเวลาทำการให้แล้วสำเร็จช้าเพียงใดได้ ก็ยังจะได้รับค่าจ้างค่าแรงไปได้ยืดยืนกว่ากัน เห็นเปนการเสียเปรียบได้เปรียบกว่ากันฉะนี้ คนพวกนี้ไม่รู้ความจริงว่า ค่าจ้างค่าแรงที่จะมีมากขึ้นได้ ก็จะมากขึ้นเพราะน้ำแรงของตนที่จะทำการให้สำเร็จเปนผลได้มากขึ้นอย่างเดียว ไม่ใช่ว่ายิ่งทำผลให้เกิดน้อยหรือให้สำเร็จช้าลงจะยิ่งได้ค่าแรงมากขึ้น เมื่อคนทำงานออมแรงถ่วงเวลาทำให้เจ้าของงานได้ผลเปนกำไรน้อยลงเพียงใด เจ้าของงานก็มีทางอยู่แต่ที่จะไล่คนทำงานและเลิกการเสีย หรือมิฉะนั้นก็จะคอยคิดตัดค่าแรงค่าจ้างของคนทำงานเหล่านั้นให้น้อยลงท่าเดียว ไม่มีความเจริญพอกับที่จะเปนหนทางให้เพิ่มเติมค่าแรงค่าจ้างให้คนทำงานนั้นได้

สำนวนไพร่ที่ใช้ว่าเหนื่อยก็ชามหนึ่ง ไม่เหนื่อยก็ชามหนึ่ง หรือว่ายิ่งขวนขวายมากก็ยิ่งเหนื่อยมากนั้น ถ้าไม่ต้องทำการร่วมกับใคร และไม่ต้องอาศรัยใคร มีที่ได้พอเลี้ยงชีพตลอดแล้ว ถึงจะเปนการแสดงตัวว่าเปนคนเกียจคร้านต่อการงานอยู่บ้าง ก็ไม่ร้ายเหมือนพวกที่ได้รับค่าจ้างเงินเดือนทำงานให้แก่เจ้าของการ คนชนิดนี้ถึงจะไปรับจ้างหรือทำงานร่วมกับใครที่ไหนก็ไปเปนกาลกิณีอยู่ในที่นั้น ไม่คิดถึงคุณแห่งค่าจ้างเงินเดือนเขาให้เลี้ยงชีพอยู่ โดยที่ไม่มีน้ำใจกรุณาต่อเจ้าเงินพอที่จะตั้งใจทำการตอบแทนให้คุ้มค่าจ้างอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ตามความสามารถ เปนการเบียดเบียนแรงเพื่อนที่ทำการร่วมอยู่แล้ว ยังเปนการที่จะชักโยงให้เพื่อนที่ที่มีความท้อถอย และพลอยประพฤติ์ไปในทางที่ผิดนั้นด้วย คนที่มีสันดานอย่างนี้ ยิ่งเปนคนชั้นสูงที่เปนหัวหน้าการงาน ตั้งแต่หัวหน้ากุลีตลอดไปถึงเจ้าพนักงานในแผ่นดิน ก็ยิ่งจะมีผลอันร้ายนั้นหนักไปอีกหลายเท่า ถ้าหัวหน้าไม่เอาใจใส่แก่การงาน ลูกมือถึงจะขยันขันแข็งอย่างใดก็จะฝ่าฝืนไปไม่ไหว ความดีที่ได้ทำไว้ด้วยความเพียรและด้วยน้ำใจอันซื่อสัตย์สุจริตต่อเจ้าของการ จนได้ผลดียิ่งกว่าเพื่อนทั้งหลายเพียงใด ก็ไม่บำเหน็จความชอบ หรือปรากฎออกเปนเยี่ยงอย่างที่จะชักชวนให้ผู้อื่นขวนขวายตามได้บ้าง ลูกจ้างไม่กตัญญต่อนายเงินมีผลร้ายอยู่แล้ว แต่ถ้านายเงินนายงานไม่กตัญญต่อลูกจ้างด้วย ยังจะเปนผลร้ายแรงยิ่งไปได้อีกเปนอันมาก คนชนิดนี้มีจำนวนมากอยู่ในหมู่ใดคณะใดบ้านเมืองไหน ความเจริญย่อมดำเนินไปไม่ได้โดยสดวกอยู่เอง จะมีแต่การติด ๆ ขัด ๆ เปนความเสียหายเรื่อยไป เพราะความเพิกเฉยละเลยหน้าที่ ๆ ควรของคนพวกนี้เปนต้น

ลักษณการที่กะเวลาให้ทำไม่ได้เปนส่วนเปนจำนวนมากน้อยนั้น คงจะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ลูกจ้างจะละเมิน หรือทอดทิ้งค่าแรงป่วยการอยู่เสมอ ไม่มากก็น้อย ถ้าต้องมีนายงานคอยตรวจตราคุมคนทำงานอยู่ไม่ขาดได้ ก็จะมีผลยังชั่วขึ้น แต่ถ้าความระวังของนายงานผู้คุมนั้นหละหลวมไป ค่าแรงของนายงานนี้ก็เปนอันว่ากลับช่วยทำให้เปลืองมากขึ้น เพราะเหตุฉนี้การสิ่งใดที่มีลักษณจะแยกออกให้คนทำได้เปเส่วนเปนอันไปแล้ว ถ้าเหมาให้คนทำงานไปทำเสียเปนส่วนเปนสัดไปจะได้เนื้อเปนผลมากกว่าเสมอ

เสมียนคัดสำเนาหนังสือ ถ้าปล่อยให้คัดเขียนตามเวลารายวัน ๆ หนึ่งคงจะทำงานไม่ได้ผลเท่ากันกับที่จะนับหน้ากระดาษให้ลอกคัดและคิดค่าแรงให้เปนหน้า ๆ ไปนั้นเปนแน่ จ้างทำงานเปนรายชั่วโมงคงได้เนื้อกว่าจ้างรายวัน และจ้างรายวันคงได้เนื้อเปนผลมากกว่ารายเดือนเปนลำดับไป ลักษณที่จะตั้งกำหนดลงว่า คนทำงานจะต้องทำวันละกี่ชั่วโมง และอาทิตย์หนึ่งทำงานกี่วันนั้น ถ้าจะให้เปนการเที่ยงธรรมบ้างแล้ว ก็ควรจะเอาราคาผลที่ทำได้ตามเวลามากน้อยนั้น มาตั้งเปนเกณฑ์ที่จะกำหนดค่าแรงให้คนทำงาน ทำงานวันละ ๑๐ ชั่วโมงคงได้ผลมากกว่าทำ ๙ ชั่วโมง ทำ ๙ ชั่วโมงคงได้ผลมากกว่าทำ ๘ ชั่วโมงเปนต้น แต่ถ้าจะเห็นผลประโยชน์ของเจ้าของการฝ่ายเดียวแล้ว เจ้าของการคงอยากจะให้คนทำงานอยู่อย่างมากชั่วโมงที่สุดที่กำลังของคนนั้นจะทนทานไปได้ ยิ่งเปนเจ้าของการที่มีโรงงานใหญ่ ต้องลงทุนก่อสร้าง มีเครื่องมือเครื่องจักร์สะสมเปนทุนประจำอยู่มาก ทุนที่จมอยู่เปลืองดอกเบี้ยรายวันมาก ผลประโยชน์ของเจ้าของทุนก็มีแต่อยากจะเร่งให้เครื่องเหล่านั้นทำการออกผลให้มากโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ แม้แต่จะต้องเติมเงินค่าแรงพิเศษขึ้นเพื่อให้คนทำงาน ทำงานตลอดรุ่งได้ก็สู้ยอม ยอมโดยที่ทางได้คงมีมากกว่าทางเสียเปนต้น คนพวกนี้นับเวลาเปนเงินได้จริงตามโวหารที่ใช้กัน เปนต้นว่าการเดินเรือ, เดินรถไฟเหล่านี้ ราคาค่าเรือค่ารถและค่าทำทางรถไฟนั้นมิจมอยู่เท่าใด ค่าแรงคนที่ใช้ประจำการมีส่วนน้อยกว่าเปนอันมาก ถ้าการนั้นดำเนินไปได้แต่เปนครั้งเปนคราว หรือต้องหยุดผ่อนแรงคนอยู่แล้ว ราคาสรรพสิ่งของทั้งปวงที่ต้องอาศรัยเรือและรถบรรทุกนั้น คงแพงยิ่งกว่าเดี๋ยวนี้เปนอันมาก ความศุขของมหาชนในโลกคงต้องลดน้อยลงตามส่วนกัน

ธรรมดาของแรงทำการซึ่งมีราคาซื้อขายกันได้ประดุจเดียวกันกับสินค้านั้น ถ้ารัฐบาลจะตั้งกฎหมายบังคับบัญชาห้ามการสไตรก์ไม่ให้มีได้ ก็เท่ากันกับว่าจะบังคับให้ชาวร้านขายสินค้าให้ตามราคาที่ผู้ซื้อจะชอบให้นั้นได้ หรือจะบังคับให้ผู้ซื้อ ๆ ของตามราคาที่ผู้ขายจะต้องการได้ การสไตรก์ที่คนทำงานพร้อมใจกันละเว้นการงาน และการที่เจ้าของทุนเจ้าของการหยุดยั้งปิดโรงงานไล่ลูกจ้างออกเสียนั้น ถ้าจะเปนแต่เพียงอุบายที่จะทดลองดูว่าราคาค่าแรงจะสมควรสักเพียงใดแล้วก็จะไม่สู้กระไรนัก ถ้าคนทำงานหยุดการเสียมีคนพวกอื่นเข้ามารับอาษาทำการแทนไปได้ตามราคาที่เจ้าของทุนจะเต็มใจให้ ก็เปนอันว่าคนทำงานที่หยุดการนั้นคิดคาดคะเนการผิดไป ต้องหันกลับเข้าไปรับจ้างทำการงานอย่างเดิม หรือถ้าเจ้าของทุนปิดโรงงานขับไล่คนเก่าออกเสียแล้ว หาจ้างคนใหม่ทำการแทนโดยที่ลดค่าแรงน้อยลงไม่ได้ หรือถ้าหาได้ก็ไม่ได้คนที่มีฝีมือช่ำชองดีจึงได้ผลน้อยไป เจ้าของทุนก็จำเปนจะต้องจ้างคนเก่าและยอมให้ค่าแรงตามที่คนเก่าจะต้องการ รัฐบาลจะช่วยได้เต็มอำนาจอันชอบธรรมก็เพียงแต่ว่า จะคอยป้องกันไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดปิดประตูค้า โดยวิธีใช้อำนาจและกำลังทำลายล้างความอิศรภาพของพลเมืองหมู่ใดได้ตามพละการใจ และในระหว่างเวลาที่คนทำงานละทิ้งการงานเสียพร้อมกันนั้น ถ้าลักษณการที่ต้องหยุดยั้งไปจะเปนการที่จะกระทำให้พลเมืองพลอยได้ความเดือดร้อนทั่วไป และเปนลักษณการที่รัฐบาล พอจะช่วยผ่อนเบาลงได้ถนัดแล้ว รัฐบาลก็ควรจะช่วยทันที เช่นกับการสไตรก์ในการเดินเรือ, เดินรถไฟ, การขนสินค้า, การเดินส่งหนังสือไปรสนีย์และโทรเลขเปนต้น การเหล่านี้หยุดยั้งลงเมื่อใด พลเมืองและการค้าขายทั่วไปจะพลอยมีความเสียหายขาดผลประโยชน์มาก รัฐบาลต้องให้ทหารบก, ทหารเรือเข้าช่วยทำการแทนไปชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อจะระงับความร้อน ตามเยี่ยงอย่างที่รัฐบาลในทวีปยุโรปบางประเทศได้เคยทำมาแล้วเปนต้น

ความวิวาทในระหว่างคนทำงานกับเจ้าของทุนเช่นนี้ มีลักษณที่จะแก่งแย่งส่วนแบ่งปันผลประโยชน์ที่ทำได้ด้วยกันเปนข้อใหญ่ และเมื่อวิธีแบ่งปันยังเปนการต่อราคาค่าแรงอย่างซื้อขายสินค้ากันอยู่ตราบใดแล้ว คงจะมีเวลาที่ข้างหนึ่งข้างใดจะไม่เต็มใจยอมตกลงตามราคาที่ต่อกันอยู่เนือง ๆ ถึงจะมีอนุญาโตตุลาการเปนผู้ตัดสิน หรือมีคนกลางช่วยว่ากล่าวไกล่เกลี่ยให้ปรานีปรานอมยอมกันได้บางอย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็ไม่เปนวิธีที่จะตัดข้อสาเหตุวิวาทให้สำเร็จเด็ดขาดไปได้เมื่อผลประโยชน์ของคนทำงานต่อสู้ตรงกันข้ามกับผลประโยชน์ของเจ้าของทุนมีอยู่ตราบใด คือถ้าคนทำงานได้ส่วนแบ่งปันมาก เจ้าของทุนก็ต้องได้ส่วนน้อย หรือถ้าคนทำงานได้ส่วนน้อย เจ้าของทุนก็ต้องได้ส่วนมาก เปนการเชือดเนื้อกันอยู่เช่นนี้แล้ว ความวิวาทก็ต้องมีเปนธรรมดา ถ้าคิดอ่านจัดการอย่างใดให้คนทำงานกับเจ้าของทุนได้ผลประโยชน์เปนอันหนึ่งอันเดียวร่วมกันได้สำเร็จแล้ว ความวิวาทและการสไตรก์หยุดการงานต่าง ๆ จึงจะไม่มีขึ้นได้

แท้ที่จริงลูกจ้างกับเจ้าของการคงอยากจะให้การที่ทำอยู่นั้นมีกำไรรุ่งเรืองเจริญดีอยู่เสมอ เพราะเหตุที่ได้อาศรัยเลี้ยงชีพอยู่ในการนั้น ถ้าการเสียหายล้มละลายไป ก็จะต้องได้ความเดือดร้อนตามกัน แต่มนุษย์พึงจะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวก่อนผลประโยชน์อื่นเปนธรรมดา ในขณะที่ทำการอยู่ต่างคนก็หวังจะได้ผลประโยชน์ให้มาก, แต่ความที่จะเห็นว่าได้มากนั้น จะเห็นได้ก็เพราะจะเปรียบเทียบกับการได้ของผู้อื่นที่ได้น้อยกว่า, และเมื่อทำการร่วมกันอยู่แล้ว คนพวกหนึ่งได้มากคนอีกพวกหนึ่งก็ต้องได้น้อย เปนการเห็นได้เปรียบเสียเปรียบกัน จนเปนการอิจฉาฤษยาซึ่งกันและกัน เกิดมีความขัดเคืองถือทิฐิมานะที่จะดื้อดึงเอาไชยชนะแก่กันให้จงได้ เมื่อเกิดมีโมโหโทโสขึ้นทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็อาจตรึกตรองมองเห็นการได้เสียดีชั่วไม่ชัดแจ้งอยู่เอง

เพื่อจะหลีกหนีความวิวาทดังที่กล่าวมา และเพื่อจะให้คนทำงานเอาใจใส่ขยันขันแข็งในการงานให้ยิ่งขึ้น โดยหวังประโยชน์ว่าถ้าคนทำงานมีน้ำใจเห็นแก่ประโยชน์ที่จะพลอยได้ด้วยกันดีขึ้น การเสียหายโดยความเลินเล่อหรือโดยความเพิกเฉยน้อยลง เพราะฉะนั้นผลประโยชน์ที่ควรจะได้ก็จะเกิดขึ้นนั้น มีผู้คิดจัดการโดยวิธีที่จะให้ลูกจ้างได้ส่วนแบ่งปันในกำไรเปนบำเน็จเพิ่มเติมค่าจ้างธรรมดาของคนทำงานขึ้นอีกชั้นหนึ่ง คล้ายกันกับให้ลูกจ้างเข้าหุ้นส่วนได้แบ่งกำไรในการนั้นบ้าง, วิธีจัดการให้ลูกจ้างมีส่วนแบ่งปันในกำไรเช่นนั้น เชื่อกันว่าเกิดผลวิเสษงอกขึ้นได้กว่าการจ้างทำการตามธรรมดาจริง, ที่ได้ทำการสำเร็จเรียบร้อยมาได้ช้านานแล้วก็มีเปนตัวอย่างอยู่มาก

และในเมืองเราก็มีในหมู่พวกจีนทำการบางอย่าง เช่นการเดินเรือเข้า, การซื้อเข้า, ขนเข้าเปนต้น เจ้าของทุนออกทุนซื้อเข้า, ซื้อเรือ, และทดรองเงินค่าเสบียงอาหารให้คนแจวเรือและขนเข้า เมื่อถึงปลายปีขายเข้ามีกำไรหักค่าใช้สรอยออกแล้วยังเหลืออยู่อีกเท่าใด แบ่งเงินที่เหลือนี้ออกเปนสองภาค ภาคหนึ่งให้เปนของเจ้าของทุน อีกภาคหนึ่งให้ปันกันในพวกลูกเรือ ถ้าขาดทุนก็เข้าเนื้อเจ้าของเงินผู้เดียว ส่วนลูกเรือถึงไม่ได้ค่าแรงก็ยังได้อาศรัยกินอยู่เลี้ยงชีพในทุนของเจ้าของทุน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ