- คำนำ
- ภาค ๑ การสร้างทรัพย์
- หมวด ๑ ว่าด้วยคุณประโยชน์
- หมวด ๒ ว่าด้วยลักษณทรัพย์
- หมวด ๓ ว่าด้วยสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ในการทำให้เกิดผลเปนทรัพย์
- หมวด ๔ ว่าด้วยลักษณแรงทำการ
- หมวด ๕ ว่าด้วยวิธีปันหน้าที่ทำการ
- หมวด ๖ ว่าด้วยการระดม
- หมวด ๗ ว่าด้วยทำนองทำการอย่างใหญ่และทำการอย่างน้อย
- หมวด ๘ ว่าด้วยลักษณทุน
- หมวด ๙ ว่าด้วยการลงทุน
- หมวด ๑๐ ว่าด้วยกฎธรรมดาทั้งหลาย ซึ่งเปนที่บังคับสำหรับให้เกิดผลเปนทรัพย์เพิ่มพูลยิ่งขึ้น
- หมวดที่ ๑๑ ว่าด้วยกฎธรรมดาซึ่งเปนที่บังคับให้ทุนเพิ่มพูลยิ่งขึ้น
- ภาคที่ ๒ การแบ่งปันทรัพย์
- หมวด ๑ ว่าด้วยกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สมบัติ
- หมวด ๒ ว่าด้วยทรัพย์ซึ่งสร้างเปนผลขึ้นแล้ว จะได้เปนส่วนแบ่งปันแก่คนจำพวกใดบ้าง
- หมวด ๓ ว่าด้วยค่าเช่าที่ดิน
- หมวด ๔ ว่าด้วยค่าแรง
- หมวด ๕ ว่าด้วยกำไร
- หมวด ๖ ว่าด้วยสมาคมคนทำงาน และการที่คนทำงานพร้อมใจกันละทิ้งการงาน
- หมวด ๗ ว่าด้วยผลที่ร้ายของการประมูลแข่งขัน
- หมวด ๘ ว่าด้วยวิธีทำการร่วมกัน โดยร่วมทุนร่วมแรงและร่วมผลประโยชน์ในระหว่างคนทำงาน
- หมวด ๙ ว่าด้วยการศึกษาและการประหยัดทรัพย์
หมวดที่ ๑๑ ว่าด้วยกฎธรรมดาซึ่งเปนที่บังคับให้ทุนเพิ่มพูลยิ่งขึ้น
ในบทก่อนได้กล่าวความไว้ว่า การที่จะขยายที่ดินทำการเพาะปลูกให้กว้างขวางเกิดผลมากขึ้น จะต้องเติมแรงเติมทุนให้มากขึ้นตามกัน แต่มีที่บังคับเปนเขตรคั่นกันไม่ให้ที่ดินเกิดผลเปนทรัพย์ทวีเรื่อยไปได้ เพราะเมื่อถึงที่สุด ค่าแรงและทุน ซึ่งเพิ่มเติมมากขึ้นจะไม่ช่วยให้ราคาผลเพาะปลูกถูกลง หรือคงอยู่ได้ดังเก่า ตามเหตุผลต่าง ๆ ที่ได้ชี้แจงมาแล้วนั้น
ในบทนี้จะได้กล่าวถึงเหตุผล ซึ่งจะเกี่ยวถึงการที่ทุนจะเพิ่มพูลยิ่งขึ้นได้ต่อไป
ได้ชี้แจงไว้แต่ต้นว่า ทุนเปนผลของความอุส่าห์เก็บออมถนอมทรัพย์ซึ่งเหลือใช้ประหยัดไว้สำหรับให้ช่วยทำผลประโยชน์ในภายหน้า และโดยเหตุที่การซึ่งทำให้เกิดผลเปนทรัพย์เพิ่มพูลยิ่งขึ้น เปนการต้องเพิ่มเติมทุนให้มากขึ้นด้วยนั้น การที่จะเพิ่มเติมทุนให้มากขึ้น จึงเปนการที่จะต้องเพิ่มเติมความอุส่าห์ประหยัดทรัพย์ให้มากยิ่งขึ้นตามกัน
ความเจตนาที่จะทำให้ประหยัดทรัพย์ไว้เปนทุนมากขึ้นนั้นมีสองประการ ๆ หนึ่งเปนเพราะความตรึกตรอง เผื่อไปถึงการภายหน้าโดยรอบคอบ มีความคิดที่จะระวังเลี้ยงตัวให้เจริญอยู่ได้ต่อไปในภายหน้าเปนต้น อีกประการหนึ่งเปนความปราถนาที่จะสั่งสมทรัพย์ให้มั่งคั่งสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทางที่จะลงทุนทำผลประโยชน์ในการทำมาหากิน
ความเจตนาที่หนึ่งเปนเหตุสำคัญกว่าอื่น ทรัพย์ที่ประหยัดเหลืออยู่ได้ในบ้านเมืองโดยส่วนมากทุกวันนี้ เปนด้วยอำนาจความคิดของคนเผื่อไปถึงการที่จะต้องระวังเลี้ยงตัวให้เจริญอยู่ได้ในภายหน้าโดยมาก
แต่ความเจตนาประการที่สอง ซึ่งเปนความปราถนาของคนที่จะลงทุนให้เกิดกำไรนั้น เปนต้นเหตุที่จะทำให้ทุนในบ้านเมืองในขณะหนึ่งขณะใดมีใช้มากขึ้นหรือน้อยลง จำนวนทุนย่อมจะมีมากมีน้อยขึ้น ๆ ลง ๆ เปนคราวเปนสมัยต่างกันตามแต่กำไรอันจะได้มากหรือน้อยเปนใหญ่ โดยที่จะเปรียบเทียบกันกับดอกเบี้ย ซึ่งชาวเมืองกู้ยืมยอมให้แก่กัน เปนค่าเช่าต้นเงินที่ยืมไปใช้เปนทุนนั้นเปนเกณฑ์
เมื่อเวลาการเพาะปลูกการทำสิ่งของการทำมาหากิน หรือการค้าขายอย่างหนึ่งอย่างใดเจริญที่มีกำไรมาก มีผู้ไปลงแรงทำมากขึ้น ต้องการใช้ทุนเพิ่มเติมมากขึ้นตามกัน ทุนซึ่งต้องการมากขึ้นนี้ ก็ต้องไปถอนเอาทุนจากการอื่นซึ่งมีกำไรน้อยมาลง ถ้าถอนไม่ขึ้นก็ต้องกู้ยืมเสียดอกเบี้ยเอาต้นเงินไปเปนทุน ถ้าต้นเงินซึ่งมีที่กู้ยืมนั้นมีน้อย ราคาค่าเช่าต้นเงินคือดอกเบี้ยก็ต้องสูงขึ้น เพราะต่างคนต่างจะอยากได้ต้นเงินไปทำทุน ก็ต้องแข่งกันขึ้นดอกเบี้ยให้แก่เจ้าของเงิน ใครให้ดอกเบี้ยมากผู้นั้นก็จะได้ทุนไปใช้ก่อน เมื่อทำการได้ผลเปนกำไรเกินดอกเบี้ยที่กู้ไป ก็เปนอันว่าการนั้นยังจะทำต่อไปได้อีกเสมอ เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นแล้ว ผู้ที่มีเงินสั่งสมอยู่นิ่ง ๆ เห็นว่าดอกเบี้ยดีขึ้น มีความปราถนาจะให้เงินของตัวงอกขึ้นอีก ก็จะเอาเงินนั้นออกให้เขากู้เปนธรรมดา ถ้าเงินในบ้านเมืองไม่พอใช้เปนทุนทำธุระซึ่งเกิดผลเปนกำไรมากเช่นนี้ คนต่างประเทศก็จะเอาทุนเข้ามาให้กู้ยืม หรือเอามาลงทุนทำการเช่นนั้นบ้าง ในที่สุดเมื่อการทำมาหากินในบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองดี ทุนก็คงจะมีมากขึ้นได้เปนลำดับไปอย่างนี้เสมอ ถ้ากำไรในการนั้นน้อยไปไม่คุ้มดอกเบี้ย ผู้ที่กู้ยืมมาขาดทุนก็ต้องหยุดการเก็บต้นเงินคืนให้แก่เจ้าเงินอยู่เอง ถ้าเปนทุนของตัวเองก็ต้องย้ายทุนนั้นไปลงในที่อื่น ซึ่งจะได้กำไรมากกว่า ถ้าการหากินในบ้านเมืองร่วงโรยไม่ดีพอก็ต้องถอนทุนนั้นไปลงทุนหากำไรในการอย่างอื่นที่ต่างประเทศต่อไป มิฉะนั้นก็ต้องเก็บทุนเข้ามากักขังคอยหาโอกาสอันดีต่อไป ทุนจึงมีลักษณที่จะไหลขึ้นลงเปนครั้งเปนคราวได้เช่นนี้
ในกรุงสยาม ซึ่งได้ผลประโยชน์จากการทำนาเปนใหญ่ยิ่งกว่าอื่นนั้น ในปีใดน้ำฝนต้นเข้าดีขายเข้าได้เงินมากขึ้น ราษฎรได้เงินค่าเข้าใช้จ่ายฟูมฟายชาวต่างประเทศก็ย่อมจะลงทุนซื้อของซึ่งราษฎรจะต้องใช้นั้น ส่งเข้ามาขายมากขึ้นตามกัน ค่าสิ่งของที่ส่งเข้ามานี้ ก็เหมือนอย่างทุนที่ไหลเข้ามาในเมือง เพราะชาวต่างประเทศขายของนี้แล้ว ก็ต้องเอาเงินที่ได้นั้นซื้อสินค้าในเมืองพากลับออกไปขายนอกประเทศต่อไป สินค้าต่าง ๆ ในเมืองอาจจะมีราคาดียิ่งขึ้นตามกันได้ ทุนในบ้านเมืองอาจจะทวีมากขึ้น โดยทางค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกันมากขึ้นเช่นนี้
ถ้าปีใดได้เข้าน้อย ราษฎรขัดเงินใช้สรอยซื้อสิ่งของใช้ ชาวต่างประเทศก็ไม่สามารถจะส่งสินค้าเข้ามาขายได้มากเหมือนแต่ก่อน และสินค้าที่ตกค้างอยู่ในเมืองนั้น เมื่อมีผู้ซื้อน้อยก็ย่อมจะขายได้เงินน้อยอยู่เอง เงินนี้จะต้องส่งกลับคืนเปนรูปสินค้าออกไปขายต่างประเทศ แต่ค่าที่เงินนั้นน้อยกว่าสินค้าอย่างอื่นที่มีขายอยู่ในเมือง ผู้ซึ่งเปนเจ้าของสินค้าในเมืองอยากจะขายไปเสียให้พ้นมือ ก็ต้องจำใจลดราคาลดกำไรให้น้อยลงเปนธรรมดา ทุนในบ้านเมืองซึ่งอาจจะลดน้อยถอยลงได้โดยเหตุที่กล่าวนี้เปนต้น
ทรัพย์ซึ่งจะประหยัดเก็บสั่งสมขึ้นไว้เปนทุนได้นั้น ต้องเปนเศษของผลแห่งแรงทำการ ซึ่งเหลือใช้สรอยในการเลี้ยงชีพของคนทำการ และเหลือจากค่าซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องใช้สารพัดอย่างสำหรับการนั้น เศษทรัพย์ซึ่งเปนผลของแรงที่เหลืออยู่นี้ ถ้าไม่เอาไปใช้สรอยสุรุ่ยสุร่ายเสียก็จะประสมเปนทุนเพิ่มขึ้นได้ แต่เมื่อจะรวมเศษทรัพย์ที่เปนผลของแรงทำการคนทั้งแผ่นดินนั้นเข้าเปนกองเดียวกันแล้ว ยังจะต้องหักค่าใช้สรอยในการบำรุงความรื่นเริงของคนทำการ นอกไปจากความต้องการเลี้ยงชีพคนเหล่านี้โดยเฉภาะด้วย ทั้งจะต้องหักค่าอาหารและการใช้สรอยสารพัดอย่าง ซึ่งต้องเอาไปใช้เลี้ยงคนจำพวกที่ไม่ได้ทำงานอย่างใดให้บังเกิดผลเปนทรัพย์เลยนั้นอีก
ผลของแรงทำการ เมื่อได้หักค่าใช้สรอยต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้แล้ว ยังเหลืออยู่มากน้อยเท่าใด เศษที่เหลือนั้นเปนส่วนที่จะประสมเข้าเปนทุนในบ้านเมืองได้ เศษทรัพย์ที่เหลือแต่เฉภาะเท่านี้ คือเปนจำนวนทรัพย์ซึ่งประชาชนในบ้านเมืองจะสามารถทำงอกขึ้นได้
เมื่อความจริงเปนเช่นนี้ ก็พึงจะเห็นต่อไปได้ว่า การซึ่งจะประหยัดทรัพย์เพิ่มเติมทุนขึ้นได้มากน้อยเพียงใดนั้น ต้องสุดแล้วแต่ว่าคนในบ้านเมืองจะเอาเศษทรัพย์ที่เหลือเปนกำไรอยู่นั้นไปใช้สูญสิ้นในการบำรุงความสำราญของคนทำการ และเอาไปใช้เลี้ยงคนที่ไม่ได้ทำการได้ผลเปนทรัพย์อย่างใดเลยนั้นเสียมากน้อยเพียงใด บุคคลหรือประชาชนในบ้านใดเมืองใดที่มีนิสัยชอบใช้สรอยเผอเรอมาก และต้องเลี้ยงคนจำพวกที่ไม่ได้ช่วยทำผลเปนทรัพย์อยู่มาก ทุนของบุคคลและประชาชนในบ้านเมืองนั้นย่อมจะเพิ่มพูลช้าอยู่เอง และถ้าเอาไปใช้เสียในการเช่นนี้เกินกำไรที่ได้ไปก็กลับจะยิ่งยากจนลงอีก
ความอุส่าห์พยายามประหยัดทรัพย์ของบุคคลในประเทศหนึ่ง ก็ย่อมจะมีต่างกันอยู่ชั้นหนึ่งแล้ว และจะยกเอาประชาชนในพื้นประเทศต่อประเทศมาเปรียบกันก็ยังต่างกันได้อีก ความอุส่าห์ในทางนี้อาจจะมีน้อยมีมากต่าง ๆ กันได้ โดยเหตุหลายประการ ดังจะได้ยกตัวอย่างบางข้อมากล่าวให้เห็นต่อไป
การสั่งสมทรัพย์สมบัติต้องเจอไปด้วยความยอมเสียสละความศุขปัจจุบัน เพื่อหวังได้ความศุขในอนาคตเปนใหญ่ แต่ความตรึกตรองที่จะเห็นสมควรว่า จะยอมเสียสละความศุขปัจจุบันไว้ให้แก่ความศุขอนาคตเพียงใดนั้น ต้องสุดแล้วแต่จะคาดคะเนเห็นว่า ลักษณการในอนาคตจะมีความเที่ยงแท้แน่นอนได้สักเพียงใด เมื่อจะตรึกตรองคาดคะเนดูการล่วงหน้าแล้ว ก็ต้องพิจารณาดูลักษณการที่เปนอยู่ในปัจจุบันต่าง ๆ นา ๆ นั้นเสียก่อน ความไม่เที่ยงของอนาคตมประมาณมากน้อยเพียงใดเปนสิ่งสำคัญอันใหญ่ที่จะชักชวนใจให้บุคคลอุส่าห์สั่งสมทรัพย์ขึ้นไว้ได้มากน้อยเพียงนั้น ถ้าเราสงสัยว่าทรัพย์ซึ่งเราจะอุส่าห์อดออมถนอมไว้นั้น จะไม่เปนของเรา หรือไม่เปนของผู้ใดที่เราอยากจะสงเคราะห์แล้ว เราจะจำหน่ายบำรุงความศุขของเราเสียเองในทันใดมิดีกว่าหรือ
ในชั้นต้นความป้องกันชีวิตและทรัพย์สมบัติในบ้านใดเมืองใดมมั่นคงแน่นอนมาก ประชาชนในบ้านเมืองนั้นก็ย่อมจะมีความเจตนากล้าแข็งในการที่จะคิดสั่งสมทรัพย์ให้มั่งคั่งบริบูรณ์ดีขึ้น ถ้าความรอดอันตรายมีน้อย การสั่งสมทรัพย์ก็ต้องน้อยลงตามกัน เปนต้นว่าตามทุ่งนาซึ่งเปนที่กันดารห่างไกลความปกครองป้องกันของรัฐบาล ชาวนาจะมทรัพย์สมบัติอะไรก็เปนอันยากที่จะรักษาไว้แน่นอนได้ ไม่รู้ว่าโจรผู้ร้ายจะไปฆ่าฟันปล้นสดมหรือลอบลักเอาเสียเมื่อใด แม้จะมีแต่โคกระบือน้อยตัวที่จำเภาะจะต้องใช้ช่วยแรงทำการหาเลี้ยงชีพแท้ ๆ เท่านั้น ก็ต้องเปนกังวลห่วงใยอยู่ยามอดนอนเฝ้าตลอดรุ่งเช่นนี้ การที่จะอุส่าห์ถนอมทรัพย์เพื่อจะเก็บไว้ใช้ในวันหน้าก็ย่อมจะขัดข้องอยู่เอง ไม่ต้องพูดถึงว่าความท้อถอยในการทำนานั้นจะมีมากแล้วสักเพียงใด เมื่อเปรียบกันดูกับคนซึ่งอยู่ในเมือง คนในเมืองย่อมจะได้เปรียบกว่าชาวนาในข้อนี้เปนอันมาก เพราะเหตุฉนั้นชาวเมืองจึงมั่งมีกว่าชาวนาอยู่เสมอ
นอกจากความเจตนาที่จะเก็บถนอมทรัพย์ไว้เลี้ยงชีพเมื่อแก่ชราพิการทำการงานไม่ไหวแล้ว ยังมีความมุ่งหมายอันกล้าแข็งในการที่จะเก็บทรัพย์ไว้ให้บุตรภรรยาและญาติหรือมิตร ซึ่งต้องพึ่งพาอาศรัยอยู่นั้นต่อไปอีก แต่เจตนาทั้งหลายนั้นจะกล้าแข็งเพียงใด ก็ต้องสุดแล้วแต่นิสัยสันตานของบุคคลซึ่งมีต่าง ๆ กันเปนใหญ่ บางคนมีความกังวลขวนขวายเปนห่วงแก่ตัวและบุตรภรรยาผู้พึ่งพาอาศรัยมาก บางคนก็ห่วงถึงการภายหน้าน้อยหรือไม่คิดเผื่อถึงผู้ใดเลย ปราถนาแต่ความศุขไปชั่ววันหนึ่ง ๆ หรือถ้าคิดรอบคอบดีก็จะขอแต่ความศุขไปชั่วชีวิต มิฉนั้นก็เปนคนใจบุญและใจอารีกว้างขวางเห็นดีที่จะสงเคราะห์ผู้อื่นมากกว่าตัวเปนต้น
นอกจากนี้ความเจตนาที่จะสั่งสมทรัพย์ยังจะกล้าแข็งต่างกัน ตามคนชั้นชั้นกลางและชั้นสูงนั้นอีก คนชั้นต่ำมีความคิดสั้นและความปราถนาน้อย หรือหาประโยชน์ได้น้อย การสั่งสมทรัพย์ก็น้อย คนชั้นกลางที่มีความคิดยาวถึงจะบริโภคอาหารการใช้สรอยและมีความปราถนาน้อยกว่าคนชั้นสูง ก็ยอมจะมีความกังวลขวนขวายมาก เพราะเห็นประจักษ์อยู่แก่ตาฝ่ายหนึ่งว่า คนชั้นต่ำลำบากยากจนยิ่งกว่าตัวเพียงใด และอีกฝ่ายหนึ่งคนชั้นสูงบริบูรณ์มีความศุขสำราญมากกว่าตัวเพียงใด ลักษณที่คนชั้นกลางอยู่ในระหว่างความขัดสนแลความบริบูรณ์ทั้งสองอย่างเช่นนี้ ช่วยชักชวนใจเปนกำลังให้คนชั้นกลางมีเจตนากล้าแข็งขึ้นเปนอย่างยิ่ง ข้างฝ่ายคนชั้นสูงซึ่งมั่งมีบริบูรณ์พ้นความยากจนขัดสนแน่แล้ว ความเจตนาที่จะสั่งสมทรัพย์สมบัติให้มากยิ่งขึ้นก็เปนอันลดน้อยถอยกำลังอยู่เอง
แต่โดยเหตุที่การบริโภคอาหาร และเครื่องใช้สรอยของคนชั้นหนึ่ง ก็ย่อมจะเปนการประจำติดตัวอยู่จนเคยเปนธรรมดาสำหรับคนชั้นนั้นแล้ว ความขวนขวายทำการงานเพื่อจะให้ได้ผลพอที่จะเลี้ยงตัวให้คงอยู่ตามชั้นนั้น คงจะมีเปนใหญ่อยู่ก่อน แต่ความเผอเรอหมายใหญ่ใฝ่สูงย่อมจะมีอยู่ในพวกชั้นต่ำและชั้นกลาง เพื่อจะตะกายขึ้นไปให้เท่าเทียมกับคนชั้นสูง ซึ่งเปนเหตุที่จะทำให้เปลืองทรัพย์ไปได้อีก หรือเปนเหตุที่จะให้ขวนขวายทำการหาผลให้ได้มากขึ้นอีกชั้นหนึ่งนั้น เมื่อเปรียบกันดูกับเจตนาของคนชั้นสูง ก็อาจจะผิดกันไปได้อีก คนชั้นสูงได้ผลประโยชน์เกินค่าใช้สรอยอยู่แล้ว ถ้าเปนคนเพียงสถานประมาณก็ไม่ต้องจะหมายใหญ่ใฝ่สูง ใช้สรอยให้เปลืองเกินผลประโยชน์ที่ได้ขึ้นไปให้ผิดเยี่ยงอย่างเพื่อนกันอีก เมื่อมีทรัพย์เหลือใช้สรอยเกิดขึ้นเสมอไป ถ้าไม่เอาไปใช้หว่านทิ้งเสียเปล่า ถึงจะไม่ตั้งหน้าเก็บสั่งสมขึ้นไว้โดยจำเภาะก็มิรู้ที่จะเอาไปทำอะไรเสีย ต้องเก็บเพิ่มพูลทวียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องมีความอุส่าห์อย่างหนึ่งอย่างใดเพิ่มเติมขึ้นอีก ยิ่งมีทรัพย์มากทรัพย์ก็ยิ่งทวีเปนส่วนใช้สรอยยิ่งขึ้นเปนธรรมดา
เปนต้นว่าคนชั้นต่ำมีเงินเหลือใช้ปีละ ๕๐ บาท คนชั้นกลางมีเหลือปีละ ๕๐๐ บาท คนชั้นสูงเหลือปีละ ๕๐๐๐ บาท โดยที่จะเอาเลข ๑๐ ทวีคุณขึ้นเปนลำดับเช่นนี้ ก็จะเห็นได้ว่าทรัพย์ของคนชั้นสูง ถ้าเอาไปใช้เปนทุนอาจจะงอกทับถมทวีมากขึ้น โดยวิธีคณนาเลขได้รวดเร็วกว่ากันเพียงใด เหตุที่คนชั้นต่ำมีเงินเหลือเปนเศษย่อยน้อยนัก เจตนาที่จะสั่งสมไว้ก็ย่อมจะน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย คนชั้นกลางได้เงินเหลือพอเปนกอบเปนกองที่จะเติมทุนเพิ่มขึ้น ก็จะงอกผลเห็นประจักษ์แก่ตาได้ แท้ที่จริงโดยเหตุซึ่งคนชั้นกลางมีมากส่วนกว่าคนชั้นสูงหลายสิบเท่า ทั้งความเจตนากกล้าแข็งมากกว่ากันตามเหตุที่กล่าวมานั้น ถ้ารวมทรัพย์ของคนชั้นนี้เข้าเปนกองเดียวกันได้ ก็คงจะเห็นว่าทรัพย์กองนี้เปนกองที่สามารถจะช่วยให้ทุนในบ้านเมืองงอกเร็วมากกว่าทรัพย์กองอื่นเปนแน่
ความเล่าเรียนซึ่งเปนหลักสำคัญและเปนที่ต้องการอยู่ทั่วไปในการช่วยมนุษย์ให้เจริญขึ้นนั้น ยิ่งเกี่ยวในการสั่งสมทรัพย์และทุนก็ยิ่งเปนการสำคัญใหญ่ขึ้น ประชาชนในประเทศใดได้รับความเล่าเรียนแพร่หลายมาก มีวิชาความรู้ซึ่งจะนำไปให้มีความฉลาดไหวพริบมีความซื่อตรงรู้ผิดชอบและตรึกตรองเห็นทางได้ทางเสียโดยถูกต้องมากแล้ว ทรัพย์ในประเทศนั้นก็ย่อมจะมั่งคั่งขึ้นโดยรวดเร็วได้ ความที่จะตรึกตรองคาดคะเนเห็นการล่วงหน้าได้ไกลและถูกต้องนั้น สุดแล้วแต่ความฉลาดรอบรู้ของบุคคลโดยมาก ความรู้เปนกำลังช่วยให้คนมีความระวังรักษาตัวกับครอบครัวและผลประโยชน์รอบคอบขึ้น กระทำให้รู้สึกถึงความลอายในการเลี้ยงชีพด้วยการต่ำช้าได้ดียิ่งขึ้นเพียงใด ความอุส่าห์มัธยัสต์เก็บออมถนอมทรัพย์ก็ต้องมีมากขึ้นอยู่เอง ผู้ที่ไม่ได้เล่าเรียนได้เห็นเยี่ยงอย่างที่ดีก็จะพลอยประพฤติดีตามไปด้วย เมื่อมีคนพาลสันดานอยาบน้อย ความพ้นอันตรายชีวิตรและทรัพย์สมบัติก็จะแน่นอนมั่นคง ประกอบทั้งความเห็นอันสว่างที่จะเกิดขึ้นเพราะได้ยินได้ฟัง ความคิดอันฉลาดในการหากินของคนในประเทศนอกประเทศเปนเยี่ยงอย่างด้วย ความทยานในการอุส่าห์ทำมาหากินเพื่อจะทำให้ฐานะของตัวดีขึ้น ก็อาจจะมีมากขึ้นได้ ความเล่าเรียนจึงเปนเหตุสำคัญที่จะทำให้คนมีเจตนาประหยัดทรัพย์ไว้ทำทุนให้ทวีขึ้นอย่างหนึ่ง ถ้าคนพวกใดโง่เขลาเบาความรู้ ประพฤติการเลี้ยงชีพอันต่ำช้าสักแต่ว่าเห็นแก่จะได้อย่างเดียว ไม่ถือธรรมที่ดีเปนหลักเห็น ๑๐ เบี้ยใกล้มือ ๒๐ ไกลมือ และแสวงหาทรัพย์โดยอุบายอันทุจริตล่อลวงเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เปนพื้นแล้ว อากาศอันทุจริตที่มีอยู่โดยรอบคนจำพวกนั้น อาจจะกระทำให้คนที่มีนิสัยอ่อนและมีความคิดน้อยพลอยประพฤติตามเยี่ยงอย่างไปด้วย แม้จะมีคนดีอยู่บ้างถ้าเปนส่วนน้อย ก็จะต้องพ่ายแพ้แก่ความทุจริตซึ่งเปนส่วนมากอยู่เสมอ ความเจริญของบ้านเมืองจะเดินไปได้ช้าหรือเร็ว จะเปนเพราะเหตุที่กล่าวนี้เปนอันมาก
ได้กล่าวลักษณแรงทำการลักษณทุนและลักษณที่ดินเปนลำดับมาว่า การที่จะกระทำให้เกิดผลเปนทรัพย์ ต้องทำตามกฎธรรมดาต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวกับแรงทำการทุนและที่ดินเพียงใด พอเปนเค้าเงื่อนมาบ้างแล้ว
ในหมวดที่สุดนี้ จะเก็บใจความที่ได้กล่าวแล้วมายกเปนข้อพิจารณาว่า
ในกรุงสยามมีที่แผ่นดินอันกว้างขวางบริบูรณ์ซึ่งสามารถจะทำการเพาะปลูกการขุดบ่อแร่และทำการสิ่งของต่าง ๆ นา ๆ ให้เกิดผลเปนทรัพย์ขึ้นได้อีกเปนอันมาก ถ้าหากว่ามีแรงทำการและทุนมากขึ้นกว่าเดี๋ยวนี้ แรงทำการจะมีมากขึ้นได้เร็วก็โดยที่จะต้องเปิดทางอย่างใดที่จะเปนการส่งเสริมให้ผู้มีทุนในเมืองเราไปจ้างคนทำการต่างประเทศ เช่นพวกจีนเปนต้นนั้น เข้ามาทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้สดวกยิ่งขึ้น ความขัดข้องที่เห็นได้ว่ามีอยู่ในขณะนี้อย่างหนึ่งนั้น เปนที่เมืองเรายังไม่มีกฎหมายข้อบังคับสำหรับคนทำงานต่างประเทศ ซึ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านเมืองโดยจำเภาะ ถ้ามีกฎหมายคล้ายกันกับที่ใช้อยู่ในเมืองขึ้นอังกฤษที่ใกล้เคียงบางเมืองดังทุกวันนี้ เราจะได้คนต่างประเทศที่ค่าจ้างน้อยเพิ่มเติมเข้ามาทำการงานได้อีกเปนอันมาก ทั้งพวกที่จะเพิ่มเติมเข้ามาใหม่นั้น ก็จะได้รับความปกครองป้องกันเกื้อกูลให้ลงมือทำการหาเลี้ยงชีพได้ทันที ไม่ต้องไปเร่ร่อนเที่ยวหาการทำอยู่ช้านานด้วย ถ้าเจ้าของทุนวางใจได้มั่นคงว่า ถ้าได้จัดการทำสัญญาอาณัติว่าจ้างคนพวกนี้เข้ามาถึงในเมืองแล้ว คนพวกนี้จะไม่หลีกเลี่ยงไปทำการที่อื่นให้ผิดสัญญาป่วยการค่าใช้สรอยในทุนที่ได้ทดรองไปเปนเงินเดือนล่วงหน้า และค่าโดยสารเรือต่าง ๆ นั้นแล้ว ความคิดในการทำมาหากินโดยที่จะอาศรัยแรงทำการมากเปนกำลังนั้น คงจะมีเกิดใหม่ขึ้นบ้าง ถ้าหากว่าจะจ้างคนพวกนี้ได้ถูกราคากว่าคนในเมืองซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว ถึงอย่างใดค่าแรงก็คงแพงกว่าค่าแรงจีนใหม่อยู่เสมอ
ส่วนทุนซึ่งจะต้องเพิ่มเติมขึ้นสำหรับใช้เลี้ยงคนพวกนี้คงจะมีมาได้เองเสมอ ถ้าหากว่าความคิดซึ่งจะทำการใหม่นั้น ดีพอที่จะชักชวนทุนเข้ามาลงหากำไรได้แน่ เมื่อประชาชนในบ้านเมืองทวีมากขึ้น ทรัพย์ในบ้านเมืองจะทวีมากขึ้นตามกันแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้ของรัฐบาลทางภาษีอากรทุกอย่างก็จะมีมากขึ้นตามกัน เปนต้นว่าการทำทางรถไฟ ซึ่งรัฐบาลได้ทำมาแล้วนั้น ต้องการใช้แรงกุลีจีนขุดดินพูนทางหลายพันคน แต่รัฐบาลไม่มีกฎหมายข้อบังคับสำหรับป้องกันจีนใหม่ที่จะให้ทำการอยู่ประจำได้แน่นอน รัฐบาลต้องจ้างคนเก่า ซึ่งมีการทำอยู่ก่อนแล้วนั้นโดยมาก เพื่อจะชักชวนให้คนพวกนี้ละการเก่า รัฐบาลต้องจำเปนเติมต่าแรงให้มากขึ้นอยู่เอง เมื่อเปนเช่นนี้ค่าแรงกุลีทำการในบ้านเมืองก็ต้องพลอยมีราคาสูงขึ้นตามกัน ไหนยังจะทำให้การทำผลประโยชน์อย่างเก่ามีการทำไร่เปนต้น ซึ่งจีนพวกนี้ละทิ้งเสียนั้นลดน้อยถอยลงตามกันอีก
เปรียบค่าแรงในเมืองไทยกับค่าแรงในประเทศชะวามาละยู ประเทศอินเดียและประเทศจีนค่าแรงเมืองเราแพงกว่าเขาเปนอันมาก เมื่อความจริงเปนเช่นนี้ ผลกำไรซึ่งจะเกิดจากที่ดินและจากทุนก็ย่อมจะน้อยลง
ในหมู่เกาะเวสต์อินเดียเปนประเทศอันคล้ายกับประเทศเรามาก การเพาะปลูกก็เกิดผลมากและมีที่ว่างเปล่าอยู่มากเหมือนกัน แต่ก่อนประชาชนในเกาะนั้นมีน้อยพวกที่มีทุนจึงไปซื้อทาษชาวแอฟริกาเข้าไปใช้ทำการเพาะปลูก มีไร่อ้อยและพันธุ์ไม้เครื่องยาเครื่องเทศเปนต้น ความเจริญในเกาะนั้นวัฒนารุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วเปนนักหนา แต่การใช้ทาษขายขาดกันในสมัยนั้น เปนความชั่วช้าทรกรรมมากมายนัก เจ้าทรัพย์เห็นแต่จะได้ประโยชน์เปนใหญ่ยิ่งกว่าความบาปกรรมซึ่งต้องทำในการบังคับให้คนพวกนี้ต้องจำใจทำโดยความหยาบช้าทารุณมาก รัฐบาลอังกฤษเห็นเปนความชั่วเหลือที่จะนิ่งดูอยู่ได้ จึงตั้งกฎหมายเลิกทาษเสียสิ้นเชิง ยกเปนข้อธรรมขึ้นว่า มนุษย์ไม่เปนทรัพย์สมบัติของผู้ใด ความข้อนี้ตัดกรรมสิทธิ์ในเรื่องทาษลงเปนอันขาด ตั้งแต่นั้นมาการเพาะปลูกและการทำมาหากินทุกอย่างก็ร่วงโรยลงทันที
ที่สวนซึ่งได้ผลประโยชน์ถึงปีละหมื่นปอนด์ เมื่อเจ็ดสิบปีก่อนนั้น ทุกวันนี้กลับเปนเครื่องรำคาญสำหรับเจ้าของที่ดินไปอีก ราคาตกเพราะเหตุที่แรงทำการมีน้อยค่าแรงในเกาะนั้นจึงแพงเกินไปกว่าที่จะทำการใหญ่ให้มีกำไรได้
การทำนาทุกวันนี้ ได้ผลน้อยโดยที่ราคาเข้าตกต่ำ เพราะต้องออกไปขายแข่งราคากันกับเข้าต่างประเทศ ซึ่งค่าแรงทำนาของเขาต่ำกว่าของเรา แม้แต่เข้านาสวนของเราจะดี ก็ต้องจำเปนลดราคาต่ำลงไปตามกันบ้าง ถ้าการเพาะปลูกอย่างใหม่หรือการทำสิ่งของที่ดีกว่าไม่เกิดขึ้นในบ้านเมืองบ้าง คนซึ่งต้องออกไปทำนา อยู่ในที่กันดารอย่างเดียวคงจะไม่ยังชั่วขึ้นได้ ราคาเข้าจะยิ่งถูกลงเรื่อยไป ถ้าหากว่าเข้าต่างประเทศยิ่งมีมาแข่งราคาเข้าเรามากขึ้น มิฉนั้นก็ต้องลงทุนทำถนนหนทางหรือขุดคลองน้ำ ช่วยให้ค่าขนเข้าในนาที่กันดารนั้นน้อยลงอีก ชาวนาพวกนั้นจึงจะได้ผลในที่ดินและค่าแรงมากขึ้น
เมื่อพูดถึงว่า ถ้ามีคนทำงานต่างประเทศคือจีนเปนต้นทวีมากขึ้นในประเทศสยามอีกแล้ว และพวกไทยเราทำการหนักสู้เขาไม่ได้ ทั้งการค้าขายก็ไม่ถนัดด้วยเช่นนี้ ต่อไปภายหน้าอำนาจเงินก็ยิ่งจะมีมากขึ้นทุกที ถ้าเงินของชาวเรามีน้อยและไม่ทำการค้าขายกว้างขวางออกได้เองบ้าง ปัณหาสำคัญใหญ่จะเกิดขึ้นว่า จะทำประการใด อำนาจของชาวเราจึงจะมีน้ำหนักถ่วงคอนอยู่เสมอไปได้อย่างเดี๋ยวนี้ เมื่อคิตไปถึงว่าอำนาจของบ้านเมืองจะต้องอาศรัยกำลัง และอาศรัยความมั่งคั่งบริบูรณ์แห่งทรัพย์ของราษฎรเปนใหญ่ยิ่งกว่าอื่น
ปัณหาข้อนี้ เปนข้อสำคัญอันใหญ่ยิ่งของชาติและบ้านเมืองอยู่เสมอ จะพิจารณาหาทางแก้ด้วยความศึกษาเพียงการสร้างทรัพย์ที่ได้ยกกฎธรรมดาบางข้อมากล่าวพอเปนเค้าเงื่อน แต่ในภาค ๑ นี้ยังหาพอไม่ เมื่อนักเรียนได้เรียนรู้ต่อไปถึงกฎธรรมดาต่าง ๆ ในลักษณการแบ่งทรัพย์ การแลกเปลี่ยนทรัพย์ และการบริโภคทรัพย์ทั้งการเก็บภาษีอากร ซึ่งจะได้เก็บเอาแต่ข้อสำคัญมายกขึ้นกล่าวเปนลำดับต่อไป นี้เปนเครื่องประดับสติปัญญาสว่างขึ้นอีกแล้ว นักเรียนจึงจะเห็นทางดีที่จะแก้ปัญหาข้อนี้ได้บ้าง