องก์ที่ ๕

เบ็ลมอนต์. หน้าเรือนนางปอร์เชีย

ลอเร็นโซกับเช็สสิกาออก.

ลอ. ศศิธรสว่างกลางเวหา:
  ในราตรีเช่นนี้เกษมสันต์,
  พระพายพัดรำเพยเชยรุกขพรรณ
  โรยอ่อน ๆ ไม่ลั่นเสียงครืนคราน,
  ในราตรีเช่นนี้เจ้าตรอยลัส
  หน่อกษัตร์โตรยามหาศาล,
  ได้ขึ้นไปไฝ่ฝันบนปราการ
  ถึงนางนิ่มนงคราญเค๎ร็สสิดา,
  ผู้อยู่ค่ายโยนก, โอ้อกเอ๋ย,
  เปนเชลย.
เช็ส. ราตรีเช่นนี้หนา
  ทิสบีเร็วรัดตัดลานหญ้า,
  เห็นเงาสิงห์ขวางหน้าแสนตกใจ,
  ต้องรีบลี้.
ลอ. ราตรีเช่นนี้, โอ้
  นางไดโดยืนจ้องและร้องไห้,
  ที่หาดชายสาครโศกาลัย
  โหยหวลให้คู่เสน่ห์กลับคืนมา
  ยังคาร์เลจธานี.
เช็ส. ราตรีเช่น
  คืนนี้เห็นเมเดียเที่ยวมองหา
  เก็บโอสถบดตำทำเปนยา,
  เพื่อรักษาเอสอนคืนกำลัง
  เหมือนเยาว์วัย.
ลอ. ในราตรีเช่นนี้
  เช็สสิกานารีศรีสพรั่ง,
  หนีจากบ้านยิวเศรษฐีมิรอรั้ง
  จากเวนิส, เพราะกำลังปลื้มเปรมปรีย์,
  มาเบ็ลมอนต์,
เช็ส. ราตรีเช่นด้วย
  ลอเร็นโซรูปสำรวยบอกโฉมศรี
  ว่าแสนรัก, เลยลักดวงฤดี
  จากนารีผู้เชื่อจนตายใจ,
  แล้วกลับกลอก.
ลอ. ราตรีเช่นนี้หนา
  เช็สสิการูปทองอันผ่องใส,
  ทำปากจัดพ้อผัวของตัวไซร้,
  แต่ผัวยกโทษให้ไม่เคืองกัน.
เช็ส. ถ้าไม่มีใครมาณครานี้,
  น้องคงหาราตรีมาแข่งขัน
  ได้อีกแน่: แต่ใครเดินมานั่น,
  ต้องงดหยอกเย้ากันไว้สักครา.
  [สเตฟาโนออก]
ลอ. เจ้าคือใครที่มาในราตรี ?
สเตฟ. สหาย !
ลอ. ชื่อใดมีจงบอกข้า
สเตฟ. ชื่อสเตฟาโน; ตูข้ามา
  แจ้งกิจจาว่าคุณหญิงนายบ้านนี้
  จะกลับมาคืนนี้สู่เบ็ลม็อนต์,
  ก่อนเวลารุ่งแสงพระสุริย์ศรี:
  ได้แวะไหว้ตามไม้กางเขนมี
  หว่างวิถี, คุกเข่าเฝ้าวิงวอน,
  ขอให้ไทเทเวศร์วิเศษศักดิ์
  ช่วยพำนักคู่เสน่ห์สโมสร.
ลอ. ใครมาด้วยร่วมทางกับบังอร ?
สเตฟ. มีนักพรตสุนทรกับสาวใช้.
  อนึ่งนายผู้ชายของตูข้า
  ได้กลับมาถึงแล้วฤๅไฉน ?
ลอ. ยังไม่กลับ, มิได้รับข่าวใด ๆ.
  ส่วนเราไซร้นะเจ้าเช็สสิกา,
  ควรกลับเข้าไปในเรือนเพื่อเตือนให้
  พวกคนใช้รีบรัดจัดเคหา,
  เพื่อรับรองคุณหญิงมิ่งสุดา
  ให้สมศักดิ์ณเวลาคืนวันนี้.
  [ลานซ๎ล็อตออก.]
ลาน. นี่แน่ ! นี่แน่ ! เจ้าข้าเอ๊ย ! นี่แน่ ! นี่แน่ !
ลอ. นั่นใครตะโกน ?
ลาน. นี่แน่ ! ใครเห็นนายลอเร็นโซอยู่ที่ไหน ? นายลอเร็นโซขอรับ ! นายขอรับ !
ลอ. เลิกตะโกนเสียทีเถิด: ข้าอยู่นี่.
ลาน. ขอรับ ! อยู่ไหนขอรับ ? อยู่ไหน ?
ลอ. อยู่นี่.
ลาน. เรียนทีเถิดว่ามีคนถือหนังสือมา, มีข่าวดีมาเต็มย่ามทีเดียว, มาจากคุณนายข้าเจ้า; คุณนายข้าเจ้าจะมาถึงที่นี้ก่อนเวลารุ่งเช้าพรุ่งนี้แน่แล้ว ! [ลานซ๎ล็อตเข้าโรง]
ลอ. ทรามสวาทเชิญยาตร์สู่เรือนใหญ่,
  คอยต้อนรับเขาไซร้ให้เต็มที่.
  แต่จะกลับเข้าไปทำไมมี ?
  ต้อนรับเขาที่นี่ได้เท่ากัน.
  แน่สเตฟาโนช่วยบอกเขา
  ที่ในเย่าเหมือนอย่างที่บอกฉัน,
  ว่าคุณนายจะกลับโดยฉับพลัน;
  ส่วนดนตรีพร้อมกันมาที่นี้. [สเตฟาโนเข้าโรง]
  ดูแสงเดือนส่องแฉล้มอแร่มขาว
  ราวนอนเหนือเนินหญ้าสง่าศรี !
  มาเถิดเรานั่งลงที่ตรงนี้,
  ให้ดนตรีสู่โสตร์ปราโมทย์ใจ:
  ความสงัดราตรีนี้แสนเหมาะ
  สำหรับเพลงไพเราะเสนาะใส.
  นั่งเถิดเช็สสิกาผู้ยาใจ.
  ดูท้องฟ้านภาลัยแสนงามงอน,
  ประดับด้วยดารานานาเนก
  อีกก้อนเมฆราวกับทองฟ่องสลอน:
  ดาวทุกดวงที่เห็นคเนจร
  ราวอมรร่อนพลางทางขับร้อง,
  กล่อมทวยเทพบุตรสุดสนิท,
  อมฤตย์รู้ดนตรีดีทั้งผอง;
  แต่มนุษมิอาจยินขับร้อง
  เพราะกายเราเหมือนกองดินกำบัง.
  [นักดนตรีออก]
  จงขับลำพร่ำพร้อมกล่อมจันทรา !
  ให้คุณหญิงโสภายินสพรั่ง
  พร้อมดนตรีกล่อมเพลงอันเวงวัง. [ดนตรีเริ่มเล่น]
เช็ส. ดิฉันฟังเพลงเพราะมักเศร้าใจ.
ลอ. นั่นก็เหตุด้วยมนัสถนัดแน่ว
  ฟังเสียงดนตรีแจ้วแว่วเสียงใส;
  ดูแต่ฝูงม้าเถื่อนที่กลางไพร,
  ซึ่งมิเคยมีใครได้ปรือปรน,
  ต่างกระโดดโลดก้องคนองคึก
  อีกทึกเร่ร่านพล่านทุกหน;
  ยามได้ยินแตรเป่าเร้ากลางพน
  หรือวิมลดนตรีกระทบกรรณ,
  ก็มักหยุดยืนยังทั้งคณา
  และนัยตาเพ่งอยู่ไม่ผายผัน,
  เพราะยินเพราะเสนาะศัพท์จับใจมัน:
  เหตุฉนั้นจึ่งจินตะกวี
  ว่าออร์เฟียสผู้ฉลาดอาจดีดพิณ
  เรียกก้อนหิน, พฤกษา, วารีศรี;
  เพราะสิ่งใดแม้ไม่มีชีวี,
  หรือชั่วช้ากาลีแสนสามาญ,
  ก็แผกผิดธรรมดาเวลทาที่
  ยินดนตรีบรรเลงเพลงสมาน.
  ชนใดที่ไม่มีดนตรีการ
  ในสันดาน, เปนคนชอบกลนัก,
  อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ,
  เขานั้นเหมาะคิดขบถอัประลักษณ์
  หรืออุบายมุ่งร้ายฉมังนัก;
  มโนหนักมืดมัวเหมือนราตรี,
  และดวงใจย่อมดำสกะปรก
  ราวนรก: ชนเช่นกล่าวมานี่
  ไม่ควรใครไว้ใจในโลกนี้.
  เจ้าจงฟังดนตรีเถิดชื่นใจ.
  [ปอร์เชียกับเนริสสาออก.]
ปอร์. ประทีปอยู่ในเรือนเปนแม่นมั่น.
  เทียนน้อยนั้นส่องกระจ่างสว่างใส !
  ประหนึ่งการกุศลสว่างใน
  กลางโลกซึ่งเต็มไปด้วยชั่วร้าย.
เนริส. เมื่อเดือนแจ้งแสงเทียนหาเห็นไม่.
ปอร์. แสงของใหญ่ข่มน้อยจนเหือดหาย:
  ผู้แทนองค์ราชาโอ่อ่ากาย
  จนราชาผู้เปนนายประเวศวัง;
  บัดนั้นจึ่งผู้แทนพระราชา
  สิ้นสง่า, ราวน้ำที่ใหลหลั่ง
  หมดจากธารสู่ท้องสาครขลัง.
  ฟัง ! ฟัง ! บรรเลงเพลงดนตรี !
เนริส. นี่เครื่องสายของคุณนายเองเจ้าคะ.
ปอร์. จริง ๆ นะ. บรรดาสิ่งมีที่
  เหมาะแล้วจึ่งจะเห็นเปนเลิศดี:
  ในราตรีดนตรีเพราะกว่ากลางวัน.
เนริส. ความสงัดแน่ชัดช่วยให้เพราะ.
ปอร์. กาก็ร้องเสนาะเพราะแม่นมั่น
  เท่านกล๊าก, หากฟังพร้อม ๆ กัน,
  เพราะคงฟังไม่ทันเปนศัพท์ใด;
  อนึ่งนกจากะพรากหากจะร้อง
  ในกลางวัน, ยามก้องเสียงเป็ดไก่,
  และฝูงห่านช่วยอึงคนึงไซร้,
  เราคงไม่ชมจากะพรากนั้น.
  สิ่งใด ๆ ทำให้ถูกเหมาะกาล
  มักได้ชมสมประมาณแสนเหมาะมั่น !
  หยุดเถิด ! หยุดกล่อม, ยอมดวงจันทร์
  ให้ผายผันเข้านิทรา. [ดนตรีหยุด.]
ลอ. อ้า ! เสียงนี้,
  คือเสียงนางปอร์เชียเปนแม่นมั่น.
ปอร์. ดูเถิดเขารู้จักฉันเจียวพ่อนี่,
  ราวกับคนตาบอดรู้ได้ดี
  เมื่อยินเสียงกาเหว่าที่รำคาญกรรณ.
ลอ. ข้ายินดีต้อนรับนางกลับเย่า.
ปอร์. ข้าทั้งสองได้เฝ้าวอนสวรรค์
  ขอให้ผัวสุขีปรีดานันต์,
  หวังเขานั้นจะเปนสุขเพราะช่วยวอน.
  เขากลับแล้วฤๅไฉน ?
ลอ. หาไม่ขอรับ,
  ยังไม่กลับ, แต่ใช้คนมาก่อน
  บอกข่าวว่าจะมาโดยเร่งร้อน.
ปอร์. เนริสสา, ไปก่อน; สั่งคนใช้,
  ว่าอย่ากล่าวถึงการที่ตัวเรา
  ได้ห่างเย่าไปกี่ราตรีไสร้;
  ลอเร็นโซกับเช็สสิกาไซร้
  ก็อย่าได้ขยายรายเรื่องนั้น.
  [ยินเสียงแตรในโรง]
ลอ. สามีนางมาแน่: เสียงแตรจ้า:
  ข้ามิใช่ปากบอนเปนแม่นมั่น;
  อย่าวิตกร้อนใจในข้อนั้น.
ปอร์. คืนนี้ราวกลางวันอันอ่อนแรง;
  คือซีดกว่ากลางวันธรรมดา,
  คล้ายทิวาเมื่อตวันส่องแสง
  สีสกาวอ่อน ๆ ไม่ร้อนแรง,
  เพราะดวงแฝงแสงแทรกแมกเมฆา.
  [บัสสานิโย, อันโตนิโย, กราติยาโน, และบริวารออก]
บัส. ถ้าแม้แม่ดวงใจเดินใกล้พี่
  ส่องแสงแทนแสงระวีสว่างหล้า,
  แม้ราตรีก็จะมีผ่องประภา
  ประหนึ่งว่ากลางวันเปนมั่นคง.
ปอร์. ดิฉันขอส่องแสงแรงชื่นใจ,
  แต่ไม่อยากให้เกินกว่าประสงค์;
  หญิงที่งามอร่ามอแร่มองค์
  มักทำผัวให้งงงึมงำไป,
  ดิฉันไม่อยากให้คุณภรรดา
  งงจนไม่รอหน้าดิฉันได้.
  แต่เทเวศร์ย่อมบันดาลให้เหมาะไซร้ !
  ข้าดีใจต้อนรับกลับครั้งนี้.
บัส. ฉันขอบใจ. จงได้ต้อนรับสหาย.
  นายอันโตนิโยคนนี้ที่
  มีบุญคุณเปนพ้นพันทวี.
ปอร์. ควรแล้วที่รู้สึกคุณเขานั้น,
  เพราะตามที่ได้ทราบโดยถ้วนถี่
  เขานี้รับทุกข์แทนเธอแม่นมั่น.
อันโต. ไม่มากเกินกว่าที่ตอบแทนกัน.
ปอร์. ส่วนดิฉันต้อนรับด้วยยินดี
  มาสู่บ้านของดิฉันกับภรรดา
  สุดจะหาคำกล่าวให้พอที่,
  ขอสำแดงน้ำใจมุ่งไมตรี
  ดีกว่าพลอยพาทีพร่ำเพรื่อไป.
กรา. [พูดกับเนริสสา] ขอสาบาลต่อหน้าศศิธร,
  ตัวหล่อนเข้าใจผิดอย่าสงสัย;
  จริงแท้ๆ จอมขวัญ, ฉันได้ให้
  ไปแด่เสมียนตุลาการ:
  เมื่อยอดรักโกรธฉันเปนอันมาก
  อยากให้ชายหนุ่มน้อยผู้เหิมหาญ
  กลายเปนกะเทยวิ่นสิ้นรำคาญ !
/*ปอร์. ไม่ได้การ ! เถียงกันแล้วหรือไร ?
กรา. กับปลอกทองวงน้อย, แหวนจ้อยจิ๊ด,
  ที่หล่อนให้, มีลิขิตจาฤกใส่
  ราวกับกลอนพ่อค้าเขียนมีดไซร้,
  ว่า “รักแล้ว, อย่าได้ทิ้งที่รัก.”
เนริส. พูดอะไรถึงกลอนหรือราคา ?
  เมื่อยามให้เจรจาอย่างแหลมหลัก,
  สาบาลว่าจะใส่ไฝ่พิทักษ์
  จนกว่าจักถึงที่สิ้นชีวัน,
  แล้วจะให้ติดไปกับศพฝัง:
  ยังมิทันช้านานลืมคำมั่น,
  ถึงไม่รักเมียแล้วก็แล้วกัน,
  แต่แหวนนั้นควรรักษาตามสาบาล.
  พูดแล้วคืนคำ, ซ้ำปดได้,
  ว่าให้แก่เสมียนท่านขุนศาล !
  พ่อเจ้าเอ๋ย, เสมียนนั้นหรือท่าน,
  ถึงอยู่นานเท่าใดไม่มีเครา !
กรา. ถ้าเขานั้นเจริญวัยเปนชายฉกรรจ์
  คงมีเคราแม่นมั่นละนะเจ้า.
เนริส. ถ้าหญิงกลายเปนชายได้และเขา
  ก็จะได้มีเคราแน่ฉนั้น.
กรา. สบถได้, ฉันให้แก่หนุ่มน้อย,
  เด็กกระจ้อย, หน้าตาไม่คมสัน,
  สูงไม่เกินโฉมฉาย, ชายผู้นั้น
  แม่นมั่นเปนเสมียนตุลาการ;
  เขาช่างวอนงอนง้อขอแหวนนั้น
  เปนรางวัลในการที่ไปศาล:
  เขานั้นเฝ้าเซ้าซี้พี่รำคาญ,
  และสงสารจึ่งยอมให้แหวนไป.
ปอร์. ฉันต้องขอพูดตรง ๆ, แหวนวงนั้น
  เปนของภรรยารักสมัคให้
  ก่อนของอื่น, ไม่ควรให้เขาไป,
  โดยง่าย ๆ ราวกับใจไม่นำภา;
  อนึ่งแหวนสรวมใส่ที่นิ้วหัดถ์
  รัดด้วยคำสาบาลแนบมังสา.
  ฉันให้แหวนวงหนึ่งแก่ภรรดา,
  อีกให้สาบาลว่าไม่พรากไป;
  ผัวฉันยืนอยู่นั่น, ฉันนี้กล้า
  สาบาลแทนได้ว่าสามีไสร้,
  คงไม่ทิ้งหรือถอดแหวนนั้นไป,
  ถึงแม้ให้สมบัติทั้งโลกา.
  จริง ๆ นา, กราติยาโน, ท่านเอย,
  ไม่ควรเลยที่จะให้เนริสสา
  ต้องมีเหตุข้องขัดหัทยา:
  ถ้าเปนฉันก็แทบบ้าเพราะเสียใจ.
บัส. [พูดป้อง] เช่นนี้ตัดมือซ้ายเสียดีกว่า,
  แล้วกล่าวว่ามีผู้ร้ายอันหยาบใหญ่
  จะชิงแหวนและเราสู้เขาไซร้
  จนมือซ้ายขาดไปเมื่อป้องกัน.
กรา. ท่านบัสสานิโยให้แหวนท่าน
  แด่บัณฑิตตุลาการ, เพราะเขานั่น
  ได้งอนง้อขอแหวนเปนรางวัล,
  เขามีคุณมากครันควรให้ไป;
  ส่วนหนุ่มน้อยเสมียนได้เพียรมาก,
  อยากจะได้แหวนข้าเจ้า, จึ่งต้องให้,
  ทั้งบัณฑิตแลศิษย์ทั้งสองไม่
  รับอะไรนอกจากแหวนสองนั้น.
ปอร์. นี่คุณให้แหวนใดไปเจ้าขา ?
  หวังใจว่ามิใช่แหวนของดิฉัน.
บัส. แม้ผิดแล้วอยากปดด้วยฉนั้น,
  คงตอบพลันว่าไม่ได้ให้ไป;
  แต่ดูนิ้วพี่เถิดมารศรี,
  จะได้มีแหวนนั้นก็หาไม่.
ปอร์. โอ้จริงแท้, อีกแม้ในดวงใจ
  เธอก็ไร้สัตย์ธรรม์, ผิดสัญญา.
  แม้มิได้เห็นแหวนที่แทนรัก
  ไม่ขอพักร่วมหอ.
เนริส. อ๋อจริงหนา !
  ดิฉันก็เหมือนกัน.
บัส. เจ้าขวัญตา,
  ถ้าแม้ว่าหล่อนรู้ความจริงไซร้,
  ว่าชายนั้นคือผู้ใดที่ให้แหวน,
  และให้แทนคุณเขานั้นไฉน,
  และให้แหวนวงนั้นเพื่อเหตุใด,
  อรไทยคงจะวายซึ่งโกรธา.
ปอร์. ถ้าแม้เธอรู้ค่าของแหวนรัก,
  หรือรู้จักค่าผู้ให้เสนหา,
  หรือรู้จักรักษ์แหวนรัตนา,
  แน่ละนาคงไม่พรากจากแหวนนั้น.
  นิจจาเอ๋ย, ใครเลยที่ไม่บ้า,
  เมื่อฟังคำเจรจาอย่างเหมาะมั่น
  และจริงจังว่าให้ไม่ได้ฉนั้น,
  จะดื้อดันเอาให้ได้, ไม่มีละ !
  ดิฉันเชื่อตามคำเนริสสา,
  ว่าคงมีหญิงสอางค์ร่างสรวยสะ
  ได้แหวนของผัวแท้ ๆ เปนแน่นะ,
  เออเจ้าคะหลอกเล่นจนเปนควัน !
บัส. จริงๆ หนอขอหล่อนจงเชื่อพี่,
  สาบาลได้ครานี้ไม่แสร้งสรร,
  เนติบัณฑิตหนึ่งซึ่งรู้ธรรม์,
  ไม่รับเงินสามพันค่ากำนล,
  แต่ขอแหวนแทนสิ่งผูกไมตรี;
  พี่ได้ขัดทัดทานเปนหลายหน
  จนเขาเคืองตัดเรื่องหลีกไปพ้น;
  แต่เขามีคุณล้นพ้นพรรณนา,
  เพราะว่าเขานั้นไซร้ได้ช่วยสหาย
  ให้รอดตาย. ตรองดูเถิดหล่อนจ๋า !
  พี่ต้องส่งแหวนไปไว้อัชฌา,
  ถ้าหาไม่ขายหน้าเปนพ้นไป;
  เกียรติคุณของพี่ก็มีอยู่,
  จะลบหลู่คุณคนกระไรได้.
  ขอโทษเถิดขวัญตาอย่าขัดใจ;
  เพราะดาวเดือนเกลื่อนในนภาพร
  เปนพยานอยู่แท้, แม้หล่อนไซร้
  ได้อยู่ในศาลเวนิสสโมสร,
  พี่เชื่อว่าหล่อนเองคงวิงวอน
  ให้ให้แหวนวราภรณแด่เขานั้น.
ปอร์. ดีละหนาขออย่าให้อาจารย์
  ผู้นั้นมาใกล้บ้านของดิฉัน:
  ไหนๆ ได้แหวนรักนักแล้วนั้น
  ซึ่งเธอกล่าวแก่ดิฉันจะหวงไว้,
  ดิฉันจะใจดีเช่นเธอบ้าง;
  สิ่งใด ๆ ทุกอย่างจะยอมให้
  แก่อาจารย์ตามประสงค์จำนงใจ,
  ถึงแม้ตัวก็จะให้ด้วยไมตรี;
  อีกทั้งชวนเขานอนร่วมหมอนผัว,
  อย่าได้กลัว, คงจะรับอย่างเต็มที่:
  เธออย่าไกลบ้านหนอต่อแต่นี้;
  ระวังเมียจงดีเถิดคุณนาย:
  มิฉนั้นถ้าดิฉันอยู่ลำพัง,
  อันความดีที่ยังไม่สลาย
  จะได้เสียเพราะจะยอบและมอบกาย
  ให้อาจารย์ยอดชาย, เชิญแนบนอน.
เนริส. และดิฉันกับเสมียนก็เช่นกัน;
  เหตุฉนั้นบอกกล่าวให้รู้ก่อน.
กรา. ก็ตามใจ: จับได้จะเดือดร้อน;
  คงจะรอนดินสอเสมียนให้เหี้ยนไป !
อันโต. ข้าเองเปนสาเหตุต้องเคืองกัน.
ปอร์. อย่าเสียใจเลยดิฉันหาซัดไม่.
บัส. ปอร์เชียโฉมยงจงอภัย
  ที่พี่ทำขัดใจในครานี้;
  ต่อหน้าปวงสหายทั้งหลายไซร้,
  สบถได้โดยแท้, ถ้าแม้พี่
  พูดไม่จริงขอสิ่งซึ่งเลิศดี,
  คือสองตามารศรีอันแพรวพรรณ
  ซึ่งพี่เห็นหน้าตน,-
ปอร์. ชอบกลอยู่ !
  ดูคงเห็นสองหัวเปนแม่นมั่น;
  หัวละข้าง: พลางสบถให้เปนควัน,
  สิ้นสองอันใครจะนั่งฟังลิ้นใด ?
  สบถอย่างนี้หนอ.
บัส. ขอให้หล่อน
  ฟังฉันก่อน, แม้ว่างดอดโทษให้
  ครั้งหนึ่งนี้แล้วหนอ, อีกต่อไป
  ฉันจะไม่เบี่ยงบิดผิดสัญญา.
อันโต. ครั้งหนึ่งแล้วเคยให้กายของฉัน
  เปนประกันกู้ณี่, และตูข้า
  ก็ได้รอดชีวีครานี้นา,
  เพราะปัญญาของบัณฑิตนิติ์ชำนาญ
  ผู้ที่ขอแหวนจากสามีหล่อน;
  ฉนี้ขอบังอรศรีสมาน
  รับชีวิตเปนประกันผัวนงคราญ
  คงไม่ทวนสาบาลอีกต่อไป.
ปอร์. ดิฉันยอมให้ประกัน. ฉนั้นหนอ,
  ขอท่านจงส่งแหวนใบนี้ให้
  เขารักษาดีกว่าวงก่อนไซร้.
อันโต. บัสสานิโย, รับไว้และสาบาล.
บัส. เอ๊ะ ! เปนแน่แหวนนี้ไม่มีผิด
  ที่ให้เนติบัณฑิตณกลางศาล !
ปอร์. ดิฉันได้จากเขา: ขอประทาน
  ยกโทษเมียเถิดท่านอย่าขัดใจ,
  เพราะว่าด้วยอำนาจแหวนวงนี้
  จึ่งมีช่องนอนร่วมบัณฑิตได้.
เนริส. ขอโทษเถิดภัสดาอย่าขัดใจ;
  เด็กกระจ้อยนั้นไซร้ให้แหวนนี้
  แด่ดิฉัน, ฉนั้นจึ่งสามารถ
  อาจนอนพร้อมกับเสมียนได้เต็มที่.
กรา. เอ๊ะ ! พิกลหนักหนาณครานี้:
  เมียเรามีชู้แล้วหรือฉันใด ?
ปอร์. อย่าพูดหยาบเช่นนั้น ! พากันงง:
  จงอ่านจดหมายนี้คงทราบได้:
  เปนหนังสือเบ็ลลาริโยไซร้
  เขียนมาให้จากเมืองปาดูวา:
  คงจะทราบตามลักษณ์อักษรสาร,
  ว่าปอร์เชียคืออาจารย์นั้นเองหนา,
  และหนุ่มน้อยเสมียนเขียนสารา
  คือนวลนางเนริสสานารี:
  ลอเร็นโซอาจเบิกพยานว่า,
  ตูข้าได้ไปจากบ้านนี่
  เมื่อเธอรีบตลีตลานจากบ้านนี้,
  กลับเมื่อกี้, ยังมิทันเข้าเรือนใน.
  อันโตนิโย, ข้านี้ยินดีรับ;
  กับมีข่าวที่พอจะนำให้
  ดีกว่าความคาดหมายแน่แล้วไซร้:
  ฉีกจดหมายดูข้างในคงได้ความ
  ว่ากำปั่นอันเต็มด้วยสินค้า
  เป็นโชคดีมีมาได้ถึงสาม:
  ท่านคงนึกปลาดอยู่มิรู้ความ,
  คงอยากถามได้จดหมายมาอย่างไร.
อันโต. พูดไม่ออกแล้วฉันเพราะตันจิต.
บัส. หล่อนคือเนติบัณฑิตหรือไฉน ?
  พี่ไม่ยักรู้จักนาง, ช่างกระไร !
กรา. อ้อทรามวัยหรือเสมียนตุลาการ ?
  คนนี้หรือจะเปนชู้คู่เมียข้า ?
เนริส. ถูกละนา, ฉันคือเสมียนหาญ;
  แต่เสมียนไม่คิดมิจฉาจาร
  กว่าจะพาลผิดแผลงแปลงเปนชาย.
บัส. เชิญบัณฑิตมาเปนมิตร์เสนหา
  ร่วมหอห้องไสยาเถิดโฉมฉาย,
  แลยามฉันห่างห้องพรรณราย
  เชิญนอนกับโฉมฉายผู้ภรรยา.
อันโต. คุณหญิงครานี้เหมือนให้ชีวัน
  อีกทรัพย์สรรพ์พร้อมพรักเปนหนักหนา,
  เพราะข้าเจ้าทราบความตามสารา
  ว่ากำปั่นถึงท่าหลายลำมี.
ปอร์. ลอเร็นโซ, เสมียนเขาจำเภาะ
  มีข่าวเหมาะควรปลื้มอย่างเต็มที่
เนริส. และจะให้ข่าวนั้นณวันนี้
  โดยไม่มีร้องหาค่ากำนล.
  ขอมอบให้นายกับเช็สสิกา;
  นี่สาราพินัยกรรม์อย่าฉงน;
  ยิวเศรษฐีมุ่งหมายเมื่อวายชนม์
  ให้สองคนรับมฤดกพลัน.
เช็ส. เออแม่คุณทั้งคู่ดูเหมือนมา
  มุ่งบำเพ็ญกรุณาหาสวรรค์,
  เหมือนให้ทานอาหารอันหวานมัน
  แก่คนอดแน่ฉนั้น, เปนบุญดี.
ปอร์. เวลานี้ก็ดึก: นึก ๆ ดู
  ก็มีอยู่หลายประการท่านควรที่
  จะอยากทราบต่อไปให้ถ้วนถี่,
  เพื่อไม่มีกินแหนงเคลือบแคลงใจ.
  ขอเชิญขึ้นสู่เรือน; เพื่อนทั้งหลาย
  จะสมหมายหมดพะวงสิ้นสงสัย,
  ต่างตนต่างถามข้อความใน
  คงจะได้สมปองเปนถ่องแท้.
กรา. ก็ควรอยู่, ควรรู้ให้พอใจ:
  ส่วนฉันไซร้อยากถามเอาความแน่;
  ขอเจ้าเนริสสาอย่าผันแปร,
  นวลแขจงตอบด้วยจริงใจ.
  จะสมัคไปนอนบัดนี้หนอ
  หรือจะรอจนพรุ่งนี้เปนไฉน;
  เพราะอีกสองชั่วทุ่มเท่านั้นไซร้
  ก็จะใขแสงทองขึ้นผ่องฟ้า.
  แม้สว่างฉันจะครางอยากให้มืด,
  กอดเสมียนคงไม่จืดเลยเจียวหนา.
  แต่สิ่งใดไม่กังวลยิ่งไปกว่า
  ถนอมแหวนเนริสสานารี. [พากันเข้าโรงหมด]

๏ จบเพียงเท่านี้ ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ