สมุดไทยเลขที่ ๓

ที่ ๕๒ เด็กทั้งหลายกับกบทั้งปวง

๏ เด็กทั้งหลายชวนกันไปเสนอยู่ใกล้บึงแห่งหนึ่ง เห็นกบอยู่ในน้ำมากชวนกันเอาก้อนหินขว้าง เด็กนั้นขว้างกบตายหลายตัว กบตัวหนึ่งจึงโผล่หัวขึ้นมาพ้นน้ำร้องว่า ท่านผู้เป็นเด็กทั้งปวง ขอให้ท่านหยุดเถิด สิ่งใดซึ่งเป็นความสนุกของท่านทั้งหลาย สิ่งนั้นเป็นความตายของข้าพเจ้าทั้งปวง ๚ะ๛

ความเล่นสนุกของตน แต่เป็นความให้ทุกข์แก่ผู้อื่น ๚ะ๛

๕๒ ประกอบการเล่นด้วย หวังสนุก ตนเฮย
ผลประโยชน์สรรพสิ่งสุข เปล่าร้าง
เป็นการจักให้ทุกข์ เขาอื่น
ดังนิบาตแบบอ้าง เยี่ยงนี้อย่าเยีย ๚ะ

ที่ ๕๓ โคทั้งปวงกับนายโคฆาต

๏ โคทั้งหลายประชุมกันครั้งหนึ่ง เพื่อทำลายพวกโคฆาตทั้งปวงซึ่งทำการหากินอันเป็นความฉิบหายแก่ชาติโคทั้งปวง โคทั้งปวงประชุมกันวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันกำหนดว่าจะลงมือทำการตามที่คิดไว้ ต่างตัวต่างลับเขาไว้จะชน ในโคพวกนั้นมีตัวหนึ่งแก่กว่าทุกตัว เพราะได้ไถมาหลายเทศกาล ได้กล่าวขึ้นแก่โคทั้งหลายว่า นายโคฆาตเหล่านี้เขาฆ่าเราจริงอยู่ แต่เขาทำด้วยฝีมือชำนาญ แลมิให้ความเจ็บในการไม่พอที่ ถ้าเราพ้นจากมือพวกนี้แล้ว จะไปตกในพวกไม่ชำนาญทำการ เราจะได้ความลำบากเสมอด้วยตายสองหนติดกัน แลเจ้าจงเชื่อเป็นแน่เถิดว่าถึงนายโคฆาตทั้งปวงจะฉิบหายหมดสิ้นทั้งปวง แต่คนทั้งปวงเขาจะไม่หายอยากกินเนื้อโค ๚ะ๛

อย่ารีบร้อนเปลี่ยนอันตรายอย่างหนึ่งไปหาอย่างอื่น ๚ะ๛

๕๓ อันตรายเคยสบต้อง จำทน
ตึกว่าคิดขวายขวน ผิดถ้า
คิดพล่ำจะซ้ำตน ต้องถูก ทวีแฮ
เห็นผิดคิดจะคว้า สิ่งแก้สิเกิน ๚ะ

ที่ ๕๔ เด็กเลี้ยงแกะกับสุนัขป่า

๏ เด็กเลี้ยงแกะผู้หนึ่ง ออกไปเฝ้าฝูงแกะอยู่ใกล้บ้านตำบลหนึ่ง เด็กนั้นทำให้ชาวบ้านทั้งปวงต้องออกไปถึงสามครั้งฤๅสี่ครั้ง ด้วยร้องขึ้นว่า หมาป่า หมาป่า ครั้นเมื่อเพื่อนบ้านทั้งปวงมาช่วยก็หัวเราะเยาะคนเหล่านี้ที่ได้ความลำบาก ครั้นภายหลังสุนัขป่ามาจริง ๆ เด็กเลี้ยงแกะนั้นก็มีความตกใจจริง ๆ ในขณะนั้นร้องเรียกด้วยเสียงไม่ปกติด้วยความกลัวว่า ขอให้มาช่วยข้าพเจ้าด้วย สุนัขป่ามาฆ่าแกะอยู่เดี๋ยวนี้ ก็ไม่มีผู้ใดที่จะตั้งใจฟังเด็กนั้นร้อง ฤๅได้ออกมารับช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งเลย ฝ่ายสุนัขป่าไม่มีอันใดเป็นเหตุที่จะให้กลัว ก็เข้าทำลายแกะเว้าหวะลำบากฤๅจนตายสิ้นทั้งฝูง ๚ะ๛

คนโกหกแล้วไม่เป็นที่เชื่อ ถึงแม้นจะพูดจริงก็ไม่เชื่อ ๚ะ๛

๕๔ พาทีมีแต่ล้วน คำคด
หมดเชื่อเบื่อฟังปด ปลอกปลิ้น
บางคาบกล่าวเสาวพจน์ สัตย์ซื่อ
เข็ดเท็จแคลง บ่ สิ้น เพราะเค้าเคยลวง ๚ะ

ที่ ๕๕ ชายผู้หนึ่งกับหญิงที่รักกันสองคน

๏ ชายผู้หนึ่ง อายุกลางคนผมพึ่งจะหงอกประปราย รักผู้หญิงสองคนพร้อมกัน คนหนึ่งยังสาว คนหนึ่งอายุล่วงไปเป็นผู้ใหญ่แล้ว คนที่อายุมากนั้นมีความอายที่จะเป็นคนรักกันกับคนที่อ่อนกว่าตัว จึงได้ทำกำหนดว่า ถ้าชายที่รักนั้นมาหาเมื่อใดก็ถอนผมที่ดำเสียปอยหนึ่งทุกครั้ง ๆ ฝ่ายคนสาวข้างหนึ่งนั้นไม่อยากจะเป็นภรรยาคนแก่ ก็มีความเพียรอันแรงกล้าเหมือนกันที่จะถอนผมขาวเสียทุกเส้นบรรดาที่จะเห็นได้ เพราะอยู่ในระหว่างคนทั้งสองข้าง ผมของชายผู้นั้นก็ไม่เหลืออยู่บนศีรษะจนสักเส้นหนึ่งโดยการอันเร็วพลัน

ถ้าผู้ใดคิดอ่านที่จะให้เป็นที่ชอบใจทั่วหน้า ผู้นั้นจะให้เป็นที่ชอบของใคร ๚ะ๛

๕๕ โอบจิตคิดอยากให้ เห็นรัก ทั่วฤๅ
จำประพฤติให้ชอบพักตร์ ทุกผู้
ต่างเช่นต่างชอบจัก ทำถูก ไฉนพ่อ
หมายที่ผิดนั้นสู้ ผิดสิ้นสองมือ ๚ะ

ที่ ๕๖ กวางเจ็บ

๏ กวางตัวหนึ่งเจ็บนอนอยู่ข้างทำเลที่ดินหญ้าที่นั้น มีหญ้าอยู่ใกล้ตัวกวางนั้นมากพอที่จะกินไปได้หลายวัน กวางพวกห้องพากันมาเยี่ยมถามข่าวเจ็บเป็นอันมาก ต่างตัวต่างก็กินหญ้าซึ่งจะเป็นอาหารสำหรับเพื่อนที่เจ็บกินนั้น จนหญ้าที่อยู่แถบนั้นหมด เพราะดังนั้นกวางนั้นก็ตาย แต่มิได้ตายเพราะเจ็บหนัก ตายเพราะไม่มีอันใดจะเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต

พวกพ้องที่ชั่วทั้งปวง พาอันตรายมามากกว่าประโยชน์ ๚ะ๛

๕๖ มิตรไม่ดีคบคุ้น เคยกัน
กลับจะแทะและปัน ปอกเนื้อ
จนถึงชีพอาสัญ เพราะเพื่อน
ปาปะมิตรเป็นเชื้อ ชาติร้ายทลายผล ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๕๗ คนเลี้ยงแพะกับแพะเถื่อน

๏ คนเลี้ยงแพะผู้หนึ่ง ต้อนฝูงแพะจากที่ทำเลกินหญ้าในเวลาเย็น พบแพะเลื่อนหลายตัวปนมาด้วยในหมู่ ก็ต้อนเข้าขังไว้ในคอกกับแพะของตัวในเวลากลางคืน ครั้นรุ่งขึ้นเข้าลูกเห็บน้ำแข็งตกมากนัก จึงมิได้พาฝูงแพะทั้งปวงออกไปหากินในที่ ๆ เคยหากินตามเคย ต้องขังไว้ในคอก คนเลี้ยงนั้นให้อาหารแพะของตัว เพียงแต่พอที่จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ให้แพะเถื่อนทั้งปวงกินมากกว่าเป็นอันมาก เพราะหมายใจว่าจะล่อแพะทั้งปวงเหล่านั้นให้อยู่ด้วยกับตัว แล้วจะเอาเป็นของตัวเสียทีเดียว ครั้นเมื่อน้ำแข็งที่ตัวละลายหมดแล้ว คนเลี้ยงแพะก็พาฝูงแพะทั้งปวงไปเที่ยวหากิน ฝ่ายแพะเถื่อนทั้งปวงก็ออกวิ่งโดยเร็วเต็มกำลังพากันไปตามภูเขาทั้งปวง คนเลี้ยงแพะก็กล่าวติเตียนแพะนั้นว่าอกตัญญูที่ทิ้งเขาไปเสีย ด้วยเมื่อเวลาเป็นพายุเห็บตก เขาได้ทำนุบำรุงรักษายิ่งกว่าแพะในฝูงของเขาเสียอีก เมื่อนั้นแพะเถื่อนตัวหนึ่งจึงหันหน้ามาว่ากับชายนั้น เพราะเหตุที่ท่านว่าเดี๋ยวนี้เหตุใดเหตุนั้นแลต้องให้เราทั้งหลายรู้ตัวระวังตัว เพราะถ้าท่านทำนุบำรุงเราเมื่อวานนี้ดีกว่าแพะทั้งปวงที่อยู่กับท่านช้านานมาแล้ว ควรเห็นได้ชัดเหมือนกันว่ากว่าเราทั้งปวงอีกเหมือนกัน ๚ะ๛

ซึ่งจะเสียเพื่อนเก่าทั้งปวงเพราะเหตุที่จะมีเพื่อนใหม่ให้พ้นจากความเสียไปไม่ได้ ๚ะ๛

ได้ใหม่ลืมเก่า

๕๗ ลาภใดดุจที่ต้อง การหา
ได้ใหม่สมปรารถนา สิ่งนั้น
บำรุงรักษ์รักษา ของใหม่
ลืมเก่าของเก่าซั้น เสื่อมเศร้าเปลืองคลาย ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๕๘ เด็กกับต้นเน็ตเตล

๏ เป็นต้นไม้มีแต่ในเมืองหนาวอย่างหนึ่งชื่อต้นเน็ตเตล สูงประมาณศอกเศษ ไม้นี้ถ้าใครจับเบา ๆ แล้ว เหมือนกับแมลงผึ้งที่มีพิษต่อย เพราะมีสายเหมือนไหมอยู่ข้างใน ถ้าจับแรงไม่ค่อยได้ วันหนึ่งเด็กชายผู้หนึ่ง ไปต้องต้นเนตเตลแต่เบา ๆ ต้นเนตเตลต่อยวิ่งกลับมาบ้าน บอกแก่มารดาว่าฉันจับเบา ๆ ทีเดียวยังทำฉันเจ็บมาก มารดาจึงว่าเจ้าทำอย่างนั้นแลเป็นต้นเหตุให้ต้นเนตเตลต่อยเข้า คราวนี้ต่อไปถ้าจะจับต้นเนตเตล จงจับโดยกล้าให้แน่นมือทีเดียว ถ้าอย่างนั้นต้นเนตเตลก็จะอ่อนในมือเจ้าเหมือนกับแพรจะไม่มีอันตรายอะไรเลย ๚ะ๛

ท่านทั้งปวงจะทำการอะไร ๆ ก็ดี จงทำให้เต็มกำลังที่จะทำได้ ๚ะ๛

๕๘ จักจับจงมั่นคั้น จนมลาย
ทำสิ่งใดดลหมาย อย่าร้าง
รัดรีบอย่าหยุดขยาย เยียหย่อน การเอย
ผิไปตลอดกิจค้าง กลับร้ายรึงสกนธ์ ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๕๙ สุนัขจิ้งจอกซึ่งเสียหาง

๏ สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งต้องเขากัดหนีรอดได้เสียแต่แปรงหาง ตั้งแต่นั้นก็นึกว่าเราจะอยู่อย่างนี้ต่อไปก็จะมีแต่ความอายแลเป็นที่ยิ้มเยาะเป็นการประจำตัวอยู่เสมอ สุนัขจิ้งจอกนั้นคิดจะให้สุนัขจิ้งจอกทั้งปวงเป็นเหมือนอย่างตัวบ้าง เพราะเห็นว่าถ้าเสียหางเสียด้วยกันทั้งปวงนั้น จะยังชั่วเป็นการปิดบังของตัวได้ จึงได้ประชุมสุนัขจิ้งจอกทั้งปวงเป็นอันมาก แล้วตักเตือนด้วยคำอันเป็นการสำคัญว่า ให้ตัดหางเสียด้วยกันทั้งสิ้นว่า มิใช่แต่ไม่มีหางจะดูดีขึ้นเท่านั้น ทั้งจะได้พ้นความหนักแห่งแปรงหางซึ่งเป็นที่รำคาญอันใหญ่ยิ่งด้วย สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งจึ่งได้พูดสอดขึ้นว่า เพื่อนเอ๋ยถ้าท่านไม่เสียหางเองแล้ว ท่านก็จะไม่มาปรึกษาแนะนำเราทั้งปวงดอก ๚ะ๛

ตัวชั่วแล้วอยากจะป้ายผู้อื่นให้ชั่วเสียให้เหมือนให้หมดด้วยกัน ๚ะ๛

๕๙ ตนเพ็ญทุรเพศกลั้ว กลัดตรึง
ความชั่วตนทรหึง เหตุร้าย
คิดใคร่เกลี่ยโทษถึง คนอื่น ทั่วนา
ช่วยชักสอนซัดป้าย เพื่อนเปื้อนหมดมวล ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๖๐ โหรเป็นนักเรียนทางอากาศ

๏ โหรผู้หนึ่งเคยออกไปดูดาวทั้งปวงในเวลากลางคืนอยู่เสมอ วันหนึ่งเวลาค่ำออกไปเที่ยวดูดาวตามบ้านนอกริมเมือง ตั้งใจมุ่งดูแต่ท้องฟ้าไม่ทันรู้ตัวตกลงในบ่อน้ำอันลึก ก็ร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บ บาดแผลแลฟกช้ำร้องเรียกให้คนช่วยด้วยเสียงอันดัง ชาวบ้านริมนั้นผู้หนึ่งวิ่งมาที่บ่อ แลถามทราบความตามเหตุที่เป็นอย่างไรแล้วจึงว่า นี่แน่ะตาแก่ ทำไมแกจึงตั้งใจแต่จะสืบว่าเป็นอย่างไรในท้องฟ้า ทำไมไม่ตั้งใจที่จะดูบ้างว่าอะไรอยู่ที่แผ่นดิน ๚ะ๛

ตาแลดูแต่สูงอย่างเดียว แลดูแต่ฟ้า พลาดแล้วจึงเห็น ๚ะ๛

๖๐ เนตรบงตรงฝ่าฟ้า เมินหมาย
นอนนั่งยืนเดินหงาย พักตร์ชะแง้
บ่ ดูแผ่นดินกลาย ใจถ่อม ใจนา
ตาเพ่งเล็งสูงแท้ พลาดแล้วจึ่งเห็น ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๖๑ กาหยิ่ง

๏ ยุปิกเตอมีความประสงค์ดังกล่าวกันมา ว่าจะตั้งกษัตริย์ให้เป็นใหญ่แก่นกทั้งปวง จึงได้มีประกาศให้ทราบทั่วกันว่า กำหนดวันนั้น ๆ ให้นกทั้งปวงไปประชุมกันเฉพาะหน้ายุปิกเตอ ยุปิกเตอจะเลือกให้พวกเหล่านั้นว่าใครงามยิ่งกว่าทุกตัวจะให้กษัตริย์ ฝ่ายกาทราบว่ารูปร่างของตัวน่าเกลียดไม่งาม จึงได้เที่ยวค้นหาขนนกซึ่งตกจากปีกเพื่อนกันตามป่าต่าง ๆ ทุ่งต่าง ๆ แล้วเอามาเสียบตัวเข้าทั่วทั้งตัว หมายใจว่าจะทำตัวให้งามยิ่งกว่านกทั้งปวง ครั้นเมื่อถึงวันกำหนดนกทั้งปวงหากันไปประชุมเฉพาะหน้ายุปิกเตอ กาก็ไปสำแดงตนในความงามแห่งขนทั้งหลายที่ประดับไว้นั้นในที่ประชุมด้วย ครั้นเมื่อยุปิกเตอกล่าวว่าจะกะให้กาเป็นกษัตริย์เพราะเหตุที่มีขนอันงาม นกทั้งปวงก็ร้องบอกกล่าวด้วยความขัดใจตนอันเห็นว่าไม่เป็นการถูกต้องนั้น แล้วต่างตัวก็เข้าถอนขนของตัวจากกา กานั้นก็กลับไม่เป็นอะไรไปได้ เป็นกาอยู่นั่นอย่างเดิม ๚ะ๛

ผู้ดีทำควร ขี้ตรวนทำบ้าง ถึงจะทำอย่างไรก็คงหาชาติของตัว อย่าใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ ๚ะ๛

๖๑ ผู้ดีมียศเกื้อ กากิจ ควรเฮย
ทุรเพศทรพลคิด แข่งบ้าง
คงจักกลับลงชนิด เดิมชาติ ตนนา
เพราะใฝ่เกินศักดิ์อ้าง อย่าเอื้อมอาจหมาย ๚ะ

ที่ ๖๒ แมวกับนกทั้งหลาย

๏ แมวตัวหนึ่งทราบข่าวว่านกทั้งหลายในกรงใหญ่ตำบลหนึ่งป่วยไข้ไม่สู้สบาย ก็แต่งตัวเองเหมือนอย่างหมอถือไม้เท้าหวายเทศแลเครื่องมือสำหรับวิชานั้นพร้อมไปที่กรงนกใหญ่ เคาะประตูแล้วถามนกที่อยู่ในนั้นว่า ท่านทั้งปวงเป็นอย่างไรบ้าง แลว่าถ้านกทั้งปวงเจ้าจะรมตรวจบอกอาการไข้แลจะรักษาให้หาย นกทั้งปวงตอบว่าเราทั้งหลายได้อยู่ที่ด้วยกันหมดแลจะเป็นอย่างนี้ต่อไป ถ้าท่านอยากจะทำดีแล้ว ขอให้ท่านไปเสียให้เราทั้งปวงอยู่โดยปกติของเรา ๚ะ๛

ชาติที่เคยประพฤติชั่ว ถึงจะทำกิริยาพูดจาดี ก็ไม่น่าวางใจ ๚ะ๛

๖๒ เชื่อผู้หวานนอกแม้น ขมใน ยุนา
ผู้ซื่อต่อตนใจ เที่ยงแท้
กลับ บ ชอบหฤทัย สละละ เสียเฮย
เป็นช่องอันตรายแก้ ยากล้นภัยแฝง ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๖๓ ชาวสวนกับลูกชายทั้งปวง

๏ ชาวสวนคนหนึ่ง เมื่อเกือบจะตายอยากจะให้บุตรทั้งปวงเป็นประกันที่สวนของตัว ด้วยการบำรุงให้เหมือนเช่นตัวเราทำมาแต่ก่อน จึงได้เรียกบุตรทั้งปวงมาข้างที่นอนแล้วว่า ลูกเอ๋ย ขุมทรัพย์ใหญ่ซ่อนอยู่ใต้ต้นองุ่นแห่งหนึ่ง เจ้าจงหาดูเถิด ครั้นเมื่อบิดาตายแล้ว บุตรทั้งปวงก็เอาพลั่วแลจอบไปเที่ยวขุดค้นหาโดยละเอียดในพื้นดินนั้นทั่วทุกแห่ง เขาทั้งหลายก็มิได้พบทรัพย์ แต่องุ่นทั้งปวงใช้ค่าแรงให้ โดยมีผลมากยิ่งนักเกินปกติ ๚ะ๛

ถ้าจะหาทรัพย์สมบัติ หาที่แลเห็น คือทำเรือกสวนไร่นา ตีกว่าคิดปริศนา เพราะได้จริงมาก ๚ะ๛

๖๓ ทางได้โดยคดนั้น มีมาก จริงนา
เห็นง่ายทำง่ายหาก มากพลั้ง
ไร่สวนส่วนทำยาก แต่มั่น ดีนอ
เห็นแต่ตาตนตั้ง น่าได้เดียวจริง ๚ะ

กรมหลวงพิชิตปรีชากร

ที่ ๖๔ โคอ่อนกับโคใหญ่

๏ โคอ่อนตัวหนึ่งเห็นโคใหญ่ทำการหนักต้องเทียมไถ ก็รบกวนให้เป็นที่เจ็บช้ำด้วย ว่าถึงเหตุที่ไม่มีความสุขเพราะต้องกดขี่ให้ทำการงาน อยู่มาภายหลังไม่นานนักเมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว เจ้าของโคก็ปล่อยโคใหญ่ออกจากแอก แล้วผูกมัดโคอ่อนด้วยเชือกทั้งปวงแล้วจูงไปยังหน้าที่บูชาเพื่อจะฆ่าในการนักขัตฤกษ์ เมื่อโคใหญ่ได้เห็นการที่ทำดังนั้น ยิ้มแล้วว่ากับโคอ่อนว่า เพราะดังนี้จึงปล่อยให้เจ้าขี้เกียจอยู่เปล่า ๆ เพราะเจ้าจะต้องบูชายัญเดี๋ยวนี้ ๚ะ๛

ถึงจะตรากตรำลำบากเหนื่อยอยู่เสมอ ก็ดีกว่าอยู่ที่สบาย ๆ ต้องตายโดยเร็ว ๚ะ๛

๖๔ ความทุกข์ยากเหนื่อยต้อง จำทน
ลำบากแต่ชีพตน ห่อนม้วย
มีสุขก่อนเขาปรน ปรือเพื่อ ประโยชน์แฮ
จักฆ่าเพราะหวังด้วย แล่เนื้อดุจโค ๚ะ

พระเทพกระวี

ที่ ๖๕ โคกับกบทั้งปวง

๏ โคตัวหนึ่งไปกินน้ำที่ริมหนองก้าวเข้าไปในกลางครอกแห่งลูกกบเล็ก ๆ ทั้งปวง เหยียบตายเสียตัวหนึ่ง ครั้นเมื่อแม่กบขึ้นมาไม่พบลูกของตัว ตัวนั้นจึงได้ถามกบพี่น้องทั้งปวงของกบที่ตายว่าเป็นอย่างไร ลูกกบตัวหนึ่งจึงบอกว่าพี่ชายนั้นตายเสียแล้วนะแม่ เพราะมีสัตว์หนึ่งโตยิ่งนัก มีเท้าใหญ่สี่เท้ามาที่หนองนี้แล้วเหยียบด้วยเท้าเป็นกีบผ่าสองถึงแก่ความตาย แม่กบพองตัวขึ้นแล้วถามว่าสัตว์นั้นเขื่องสักเท่านี้ได้ฤๅไม่ ลูกกบจึงว่าจงหยุดเถิดแม่อย่าพองตัวแม่เลย แลแม่อย่าโกรธด้วย ฉันจะบอกแม่เป็นแน่แท้ว่าถ้าแม่ขืนพองตัวไป ตัวคงจะแตกเร็วทีเดียวที่จะเทียบเทียมความโตยิ่งของสัตว์ใหญ่อันพึงกลัวนั้นไม่ได้เลย ๚ะ๛

อย่าโกรธตอบที่อำนาจสูงเหลือกำลังที่ตัวจะทำอะไรได้ ๚ะ๛

๖๕ ตนอำนาจต่ำต้อย วาสนา
หมายประทุษผู้ศักดา เดชล้ำ
ตอบโต้ไม่สมอา - รมณ์มุ่ง มาดแฮ
กลับเพิ่มทุกข์สองซ้ำ เปรียบคล้ายกับเขา ๚ะ

พระเทพกระวี

ที่ ๖๖ หญิงแก่กับหมอ

๏ ผู้หญิงแก่ผู้หนึ่งเสียจักษุทั้งสองข้างใช้ไม่ได้ จึงได้เรียกหมอคนหนึ่งมาให้รักษา สัญญากันต่อหน้าพยานหลายคนว่า ถ้าหมอรักษาหายหมอนั้นจะได้รับเงินจากเขา แต่ถ้าตาที่ป่วยนั้นไม่ทาย เขาจะให้อันใดแก่หมอ การที่สัญญากันดังนี้เป็นอันตกลงใช้ได้ หมอก็เอาน้ำมันหุงประสมขี้ผึ้งหยอดตาหญิงนั้นทุก ๆ เมื่อ มาเยี่ยมไข้ครั้งใดก็คงจะเอาอันใดอันหนึ่งติดมือไปด้วยทุกครั้ง ขโมยทรัพย์สมบัติของหญิงนั้นไปทีละเล็กละน้อยจนหมด ครั้นเมื่อได้ของที่หญิงแก่ไปหมดแล้ว หมอนั้นจึงรักษาให้หาย แลทวงทรัพย์ค่าจ้างที่ได้สัญญากันไว้ หญิงแก่นั้นครั้นเมื่อได้จักษุคืนมาแล้วไม่แลเห็นของทั้งปวงของตัวที่มีอยู่ในเรือนเลย ก็ไม่ให้อันใดกับหมอ หมอก็ทวงตามที่เขาควรจะได้ ครั้นเมื่อหญิงแก่นั้นยังไม่ยอม ก็ไปฟ้องเรียกหญิงแก่นั้นไปชำระต่อหน้าตระลาการ หญิงนั้นยืนอยู่ในศาลให้การว่าชายผู้ที่พูดนั้นเป็นคำจริงตามที่เขาว่า เพราะข้าพเจ้าได้สัญญาว่าจักษุข้าพเจ้าหายข้าพเจ้าจะให้เงินข้า ตาข้าพเจ้ายังบอดอยู่อีกข้าพเจ้าจะไม่ต้องให้อะไรแก่เขา เดี๋ยวนี้เขาออกความซัดว่าได้รักษาข้าพเจ้าหายแล้ว แต่ส่วนตัวข้าพเจ้าฝ่ายหนึ่งขอยืนยันว่าตาข้าพเจ้ายังบอดอยู่ เพราะเมื่อก่อนข้าพเจ้ายังไม่เสียตา ตายังใช้ได้อยู่นั้น ข้าพเจ้าได้เห็นสิ่งของเครื่องใช้สอยแลของมีราคาเป็นอันมากอยู่ในเรือนข้าพเจ้า แต่บัดนี้ถือทั้งหมอได้สาบานว่า ข้าพเจ้าได้หายตาบอดแล้ว ข้าพเจ้ายังไม่สามารถที่จะเห็นของในเรือนข้าพเจ้ามีแต่สักสิ่งเดียว ๚ะ๛

๖๖ ความคิดผิดซื่อทั้ง ผิดธรรม
คงจะมีสิ่งอัน คู่ล้าง
ทำชอบกอบโกงพัน หลักแอบ กินฤๅ
ผลที่โกงก่อนสร้าง ตัดสิ้นดีสูญ ๚ะ

กรมหลวงพิชิตปรีชากร

ที่ ๖๗ ม้ากับชาวโม่แป้ง

๏ ม้าตัวหนึ่ง รู้สึกความทรุดโทรมด้วยความชรา จึงได้รับการโม่แป้งแทนที่จะต้องออกไปในการสงคราม ครั้นเมื่อต้องถูกเทียมโม่แป้งแทนที่ออกรบก็มีความเศร้าโศกด้วยการที่เปลี่ยนแปลงคราวของตัว ระลึกขึ้นในใจของตัวที่การที่ตัวเคยมาแต่ก่อน ๆ แล้วกล่าวว่า ท่านเจ้าของโม่แต่ก่อนข้าพเจ้าเคยไปในการสงคราม ข้าพเจ้าแต่งเครื่องเกราะตั้งแต่อกจนตลอดหาง แลมีคนตามเลี้ยงข้าพเจ้าเสมอ แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่รู้ที่จะบอกความเจ็บใจของข้าพเจ้าอย่างไรที่มาชอบการโม่มากกว่าการสงคราม ชาวโม่จึงตอบว่าอย่าพูดถึงการที่เป็นการเก่าแก่เพราะบรรดาที่เกิดมาสำหรับตาย ย่อมจะต้องทนรับความขึ้นความลงทั้งปวงแห่งโชคแลเคราะห์เฉพาะตัว ๆ เหมือนกันทั้งนั้น ๚ะ๛

ธรรมดาคนย่อมได้พบสุขบ้างทุกข์บ้าง ๚ะ๛

๖๗ ธรรมดามนุษย์ทั้ง หญิงชาย ทั่วเฮย
ย่อมประสบสุขสบาย ทุกข์บ้าง
มีลาภยศแล้วคลาย จากลาภ ยศแฮ
ใคร บ่ อาจหลีกมล้าง ล่วงพ้นธรรมดา ๚ะ

พระยาศรีสุนทรโวหาร

ที่ ๖๘ สุนัขจิ้งจอกกับวานร

๏ วานรตัวหนึ่งได้รำในที่ประชุมสัตว์ทั้งปวง สัตว์ทั้งปวงชอบใจในการที่วานรได้เต้นรำนั้น จึงได้พร้อมกันเลือกวานรตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์ สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมีความริษยาในการที่วานรได้รับยศ ครั้นเมื่อไปพบที่ดักสัตว์แห่งหนึ่ง มีชิ้นเนื้อวางอยู่ในนั้น ก็มานำวานรไปถึงที่แล้วพูดว่าตัวได้พบคลังวันนี้ แต่มิได้ใช้เป็นอาณาประโยชน์ รักษาไว้เพื่อมิให้วานร เพราะเห็นว่าเป็นพระราชทรัพย์สำหรับแผ่นดินเกิดขึ้นในพระราชอาณาเขตของวานร แลข้อปรึกษาแนะนำให้วานรหยิบเอาชิ้นเนื้อนั้น วานรมิได้มีความระแวงก็เข้าไปหยิบตัวก็ติดอยู่ในที่ดักนั้น ครั้นเมื่อวานรต่อว่าสุนัขจิ้งจอกว่าตั้งใจที่จะแกล้งแนะนำให้มาต้องดักดังนี้ สุนัขจิ้งจอกจึงตอบว่า ลิงเอย เมื่อน้ำใจของเจ้าเป็นดังนี้ เจ้าจะยังเป็นกษัตริย์ปกครองสัตว์ทั้งปวงฤๅ ๚ะ๛

โลภนักแล้ว ถึงจะเป็นใหญ่ก็มักมีอันตราย ๚ะ๛

๖๘ แม้นถึงอิศรผู้ อธิบดี
หากว่าใจโลภมี มากแล้ว
เป็นเหตุจะเสื่อมศรี ยศศักดิ์
อันตรายฤๅจักแคล้ว คลาดพ้นภัยพาล ๚ะ

พระยาศรีสุนทรโวหาร

ที่ ๖๙ ม้ากับเจ้าของผู้ที่ขี่

๏ ทหารม้าคนหนึ่งได้อุตส่าห์ทนลำบากเป็นอันมากในการที่จะเลี้ยงม้าของตัว เมื่อเวลามีการรบอยู่จนตลอดเวลาเสร็จศึกนั้น ทหารผู้นั้นเห็นว่าม้าของตัวเป็นเพื่อนยากที่สำหรับจะช่วยในเวลาลำบากทั้งปวง ก็ร้องคอยให้อาหารทั้งข้าวทั้งหญ้ากินมิได้ขาด ครั้นเมื่อเสร็จการศึกแล้ว ทหารผู้นั้นก็ให้ม้ากินเพียงแกลบรำแลใช้บรรทุกฟืนอันหนัก กดขี่ม้านั้นด้วยใช้สอยการหนักเป็นอันมาก เหมือนกับทาสมิได้ระวังรักษาโดยดีเลย ครั้นภายหลังมาเกิดการศึกขึ้นอีก แตรก็เป่าเรียกทหารผู้นั้นไปเข้าหมู่ของตัว ทหารผู้นั้นแต่งตัวสวมเสื้อเกราะอันหนัก ม้านั้นก็ล้มลงกับที่โดยความอันหนัก ไม่มีกำลังพอควรเสมอกับที่จะรับบรรทุกทนความหนักสืบไปได้ จึงว่ากับนายม้าว่าเดี๋ยวนี้ท่านเห็นจะต้องไปรบด้วยเดินเท้าแล้ว เพราะท่านเปลี่ยนข้าพเจ้าจากเป็นม้าลงเป็นลาเสียแล้ว ท่านจะหมายอย่างไรว่าข้าพเจ้าจะกลับจากเป็นลาขึ้นเป็นม้าได้อีกในอึดใจเดียว ๚ะ๛

๖๙ ใช้พล บ ให้พัก แรงทำ
ทุกทิวากรากกรำ แกร่วสู้
ยามเกิดกิจใหญ่สำ- คัญจัก ใช้นา
คนบอบฤๅจักกู้ กิจนั้นฉันใด ๚ะ

พระยาศรีสุนทรโวหาร

ที่ ๗๐ ท้องกับอาการอื่น ๆ ในตัวคน

๏ อาการอื่น ๆ ทั้งปวงในตัวคนพากันกำเริบต่อสู้ท้องท้ากันกล่าวว่าทำไมเราทั้งหลายต้องมีธุระที่จะทำการให้สมความอยากของเจ้าอยู่เสมอไม่หยุดหย่อนได้เลย ส่วนเจ้าไม่ได้ทำอะไรเป็นแต่อยู่นิ่ง ๆ หาความสุขใส่ตัวด้วยความบริบูรณ์ ตามความสบายของตัวเองดังนั้นฤๅ อาการทั้งปวงก็ทำตามที่ตกลงกัน คือไม่ยอมที่จะช่วยท้องเลย ร่างกายทั้งปวงก็อ่อนลงพร้อมกันโดยเร็ว ครั้นเมื่อมือแลเท้าทั้งปวง ปากแลตาทั้งสองรู้สึกเสียใจในความฟุ้งซ่านของตัวสิช้าเกินไปเสียแล้ว ๚ะ๛

ไม่รู้จักที่เกิดที่เจริญของตัว คิดทรยศต้องตายเอง ๚ะ๛

๗๐ หึงคลั่งตั้งคิดฉ้อ ฉลปอง ล้างนอ
หึงคณะพระปราชญ์ตรอง ลบล้าง
หึงท้องว่ากินของ มากอด เสียฤๅ
ชนโฉดฉะนี้อ้าง ชื่อชั้นเดียวเสมอ ๚ะ

กรมหลวงพิชิตปรีชากร

ที่ ๗๑ ยูปิกเตอร์กับวานร

๏ ยูปิกเตอร์ออกหมายประกาศแต่บรรดาสัตว์ทั้งปวงในป่า ว่าถ้าผู้หนึ่งผู้ใดมีลูกซึ่งเห็นว่าเป็นสวยกว่าทั้งหมดจะพระราชทานรางวัล ครั้งนั้นมีวานรตัวหนึ่งหาบุตรมาพร้อมกับสัตว์ทั้งปวง ลูกวานรอ่อนตัวนั้นจมูกบี้ไม่มีขนรูปร่างพิกลพิการ แต่นางวานรมารดานั้นถนับถนอมพามาในที่ประชุม เพื่อจะเป็นคนมาเลือกรับรางวัลที่กำหนดไว้นั้น สัตว์ทั้งปวงก็พากันคำนับรับนางวานร เมื่อพาบุตรเข้าที่ประชุมนั้นด้วยการหัวเราะฮาใหญ่ทั่วกัน ฝ่ายนางวานรนั้นมิได้มีความกระดากกระเดื่องกล่าวคำขึ้นโดยแข็งแรง ว่าเราไม่รู้เลยว่ายุปิกเตอจะประทานรางวัลแก่บุตรเราฤๅไม่ แต่เรารู้อยู่อย่างนี้แน่ว่าถึงอย่างใดก็ดี ในดวงตาของเราผู้เป็นมารดา เห็นว่าลูกเราเป็นที่น่ารักอย่างยิ่ง สวยอย่างแลงามเลิศล้ำกว่าสัตว์ทั้งปวงหมด

อธิบายยาว สรรพสิ่งใด ๆ ที่ว่าชั่วว่าไม่ดีแท้ ๆ นั้นไม่มี เพราะถึงจะเห็นไม่ดีในชนเป็นอันมาก ฤๅผู้ใหญ่ผู้ดีอย่างไรก็ดี แต่ยังคงอาจเป็นของดี ฤๅเป็นที่รักของสิ่งฤๅบุคคลผู้ปรารถนาต้องการแลจำเป็นต้องรักในสิ่งที่ว่าชั่วนั้น ๚ะ๛

อธิบายสั้น สรรพสิ่งทั้งปวงย่อมเป็นของดีของประเสริฐ ของผู้ที่รักแลต้องการในของสิ่งนั้น ๚ะ๛

๗๑ สิ่งใดใจชอบแล้ว เชยชม
ยกย่องโดยอารมณ์ รักเร้า
ถึงใครไป่นิยม เห็นชอบ เลยนา
ตัวว่าดีคงเฝ้า เพรียงพร้องสรรเสริญ ๚ะ

ขุนวิสุทธากร

ที่ ๓๒ แม่ม่ายกับสาวใช้เล็กสองคน

๏ แม่ม่ายคนหนึ่งเป็นคนชอบสะอาด มีสาวใช้เล็ก ๆ สองคนสำหรับแม่ม่ายใช้สอย แม่ม่ายนั้นเป็นคนปรกติเสียทีเดียวที่จะปลุกสาวใช้นั้นแต่เช้าพอไก่ขัน สาวใช้สองคนมีความรำคาญที่ต้องทำการหนักดังนี้ จึ่งได้คิดตกลงกันว่าจะฆ่าไก่ซึ่งเป็นผู้ปลุกนายให้ตื่นแต่เช้าเสีย ครั้นเมื่อทำตามที่คิดแล้วสาวใช้นั้นจึงได้รู้ ว่าที่ทำนั้นเป็นการที่ทำให้มีความลำบากมากขึ้นอีก เพราะเหตุว่านายเขาไม่ได้ยินทุ่มโมงแต่ไก่ ก็ปลุกสาวใช้นั้นแต่กำลังเที่ยงคืน ๚ะ๛

อธิบายยาว จะคาดคะเนสิ่งฤๅการทั้งปวงว่าเป็นของดีมีประโยชน์ ฤๅเป็นของชั่วให้โทษนั้นเป็นการยากอย่างยิ่ง เพราะธรรมดาสรรพสิ่งทั้งปวงที่ให้คุณให้โทษนั้น ย่อมซ่อนเร้นระคนปนกันยากที่จะเห็นได้ ถ้ามักง่ายทำลายสิ่งซึ่งเป็นประโยชน์ เพราะด้วยความสงสัยเล็กน้อย ไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ ก็จะกลับความดีเป็นชั่ว ๆ เป็นดีบ่อย ๆ ๚ะ๛

อธิบายสั้น การที่หนีความทุกข์ ความลำบาก ฤๅแสวงความสุขโดยความที่คาดคะเนง่าย ๆ ไม่พิจารณาการให้ตลอด มักจะกลับเป็นการชั่วร้ายที่หนักขึ้น ๚ะ๛

๗๒ จักประมาณการชอบทั้ง การผิด
จงกอบปรีชากิจ เลือกฟั้น
ซึ่งจะเสร็จสมคิด สุดประโยชน์ ปองนา
ผิว่าหยาบจักซั้น เสื่อมสิ้นศุภผล ๚ะ

ขุนวิสุทธากร

ที่ ๗๓ เหยี่ยวนกเขา เหยี่ยวแดงกับนกพิราบ

๏ นกพิราบทั้งปวงแลเห็นเหยี่ยวแดงมามีความกลัวเป็นกำลัง จึงเรียกเหยี่ยวนกเขาเข้ามาช่วยป้องกันเหยี่ยวนกเขาก็รับทันที ครั้นเมื่อนกพิราบทั้งปวงยอมให้เหยี่ยวนกเขาเข้าอยู่ในเรือนที่เป็นรังดังนั้นแล้ว จึงได้รู้ว่าเหยี่ยวนกเขานั้นได้ทำอันตรายฆ่าพวกตัวเสียในวันเดียวเป็นอันมาก ยิ่งกว่าที่เหยี่ยวแดงจะเฉี่ยวเป็นคราว ๆ ตลอดทั้งปี ๚ะ๛

๏ จงละยารักษาซึ่งแรงเกินโรค ๚ะ๛

๗๓ โรคาอุบัติพ้อง พาลตน
แต่นิดคิดขวายขวน เกี่ยงแก้
กินยาที่แรงจน เกินโรค
โอสถซึ่งเสพแท้ เครื่องมล้างชีวัน ๚ะ

พระองค์เจ้าโสภณบัณฑิตย์

ที่ ๗๔ นกแซงแซวกับงูแลศาลชำระความ

๏ นกแซงแซวตัวหนึ่งกลับมาแต่เมืองอื่น ตั้งแต่นั้นมาก็ชอบอยู่ว่าเคยกับคน ทำรังอยู่ที่ศาลชำระความแห่งหนึ่งแลฟักไข่มีลูก ๗ ตัวด้วยกัน ยังมีงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาจากกำแพงผ่านรังนกไปก็กินลูกนกขังรังซึ่งยังไม่มีขนนั้นเสีย ครั้นเมื่อแม่นกมาเห็นรังเปล่าก็ร้องไห้เศร้าโศกยิ่งรำพันว่า กรรมของของเราซึ่งเป็นสัตว์จรมาในที่นี้ ๆ ที่เราอยู่ย่อมเป็นทีพึ่งที่รักษาความชอบธรรมของผู้อื่นทั้งปวง เว้นแต่เราผู้เดียวต้องถูกความข่มเหง

อธิบายยาว ความที่มักง่ายฤๅความที่เอาอย่างเขาง่าย ๆ เห็นเขาทำอะไรได้ดี ก็ทำบ้างมิได้พิจารณาดูตัวของตัวก่อน ว่ากำลังวาสนาของตัวนั้นจะควรทำฤๅไม่ควรนั้น มักจะเป็นช่องให้เกิดความคับแค้นแก่ตัวเมื่อภายหลัง ๚ะ๛

อธิบายสั้น ไว้ตัวเอาอย่างผู้ที่กำลังแล้วาสนาไม่เหมือนตัวนั้น เป็นทางให้ได้ความคับแค้น เมื่อเวลากำลังฤๅวาสนาของตัวไม่มี มิพอที่จะใช้เหมือนผู้ที่เอาอย่าง ๚ะ๛

๗๔ เห็นท่านยิ่งยงล้ำ เดชา นุภาพเฮย
ไป่คิดเจียมกายา ว่าน้อย
เย่อหยิ่งแข่งเคียงพา กระพือจิต ทะยานแฮ
จะยากเลือดตาย้อย คับแค้นภายหลัง ๚ะ

ขุนวิสุทธากร

ที่ ๗๕ หม้อสองใบ

๏ หม้อสองใบลอยมาตามน้ำไหล ใบหนึ่งเป็นหม้อดิน ใบหนึ่งเป็นหม้อทองแดง หม้อดินว่ากับหม้อทองแดงว่า ขอให้ท่านอยู่แต่ห่าง ๆ อย่าเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า เพราะว่าท่านถูกข้าพเจ้าแต่เบา ๆ ทีเดียว ข้าพเจ้าก็จะแตกเป็นชิ้นแหลกไปหมด อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าก็ไม่อยากใกล้ท่านเลย ๚ะ๛

เสมอกันเป็นมิตรกันอย่างเอกได้

๗๕ เสมอกันทุกอย่างทั้ง พิทยา ฉลาดเฮย
ยศเกียรติตระกูลปรา - กฎเชื้อ
ใจพาลจิตปราชญ์มา - รยาทเท่า กันแฮ
เป็นสหายเสมอเนื้อ เอกแท้ควรถนอม ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๗๖ คนเลี้ยงแกะกับสุนัขป่า

๏ ครั้งหนึ่งคนเลี้ยงแกะไปพบสุนัขอ่อนของสุนัขป่าตัวหนึ่งพามาเลี้ยงไว้จนโตขึ้น ครั้นอยู่หน่อยหนึ่งสอนให้ลูกสุนัขป่านั้นขโมยลูกแกะในฝูงที่อยู่ใกล้เคียงกันทั้งปวง ลูกสุนัขป่าก็ทำการให้เห็นว่าเป็นศิษย์ที่สอนง่าย แล้วว่ากับคนเลี้ยงแกะว่า เมื่อท่านสอนให้ข้าพเจ้าขโมยแล้วท่านต้องระวังตรวจตราโดยตาไว ถ้ามิฉะนั้นแกะในฝูงของท่านเองก็คงจะหายบ้าง ๚ะ๛

๏ สร้างความอันตรายให้กับผู้ที่เหมือนกับตัว ฤๅในพวกของตัว ๆ ก็คงจะต้องเป็นเหมือนกัน ๚ะ๛

๗๖ ผู้ใดประกอบก่อร้อน แรงอัน ตรายแฮ
ในพรรคพวกเดียวกัน แส่ไซร้
ภัยจักกลับตามผัน ผายสู่ ตนนา
ให้ระบมอกไหม้ ดุจนั้นเนืองเสนอ ๚ะ

ขุนวิสุทธากร

ที่ ๗๗ ลูกปูกับแม่ปู

๏ แม่ปูว่ากับลูกปูว่า ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าเดินไปแต่ข้างเดียวดังนี้ ลูกชายจึ่งตอบว่าจริงทีเดียวแม่จ๋า ถ้าแม่ทำทางตรงให้ฉันดู ฉันรับสัญญาว่าจะเดินทางนั้น แม่ลองเดินดูก็ไม่สำเร็จก็ต้องยอมตามคำค่อนว่าของลูก ไม่มีข้อแก้ตัวอย่างไรเลย ๚ะ๛

ตัวอย่างมีกำลังกล้ากว่าคำสอน ๚ะ๛

๗๗ ตัวอย่างแรงกล้ากว่า คำสอน
คือสละสรรพสาสน์รอน หน่ายร้าง
บงแบบสบใจจร จำเยี่ยง เยียนา
ดังหมู่กรกฏอ้าง เรื่องไว้เป็นแผน ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๗๘ บิดากับบุตรหญิงทั้งสอง

๏ ชายผู้หนึ่งมีบุตรหญิงสองคน คนหนึ่งนั้นแต่งงานกับชาวสวน คนหนึ่งแต่งงานกับช่างทำกระเบื้อง ภายหลังครั้งหนึ่งบิดาไปเยี่ยมบุตรสาวซึ่งแต่งงานกับชาวสวน ถามถึงสุขทุกข์ของลูกสาวแลการซึ่งลูกสาวทำทั้งปวงเป็นอย่างไรบ้าง ลูกสาวตอบว่าอะไร ๆ อันก็สบายเรียบร้อยสบายดีอยู่ ฉันมีความประสงค์อยู่อย่างเดียวแต่อยากให้ฝนตกพรรณไม้ต่างๆ จะได้น้ำบริบูรณ์ ครั้นอยู่มาไม่นานนักชายผู้เป็นบิดานั้นก็ไปเยี่ยมบุตรสาวที่แต่งงานกับช่างทำกระเบื้องถามสุขทุกข์และการงานเหมือนกัน บุตรสาวตอบว่า ฉันไม่มีความประสงค์อันใด มีความประสงค์อยู่อย่างเดียว แต่ขอให้ฤดูแล้งยาวไป พระอาทิตย์จะได้แจ่มแดดกล้า กระเบื้องจะได้แห้งบิดาจึงได้ว่ากับบุตรสาวว่า ถ้าพี่ของเจ้าอยากให้ฝนตก ส่วนเจ้าอยากจะให้อากาศแห้ง มีความประสงค์เป็นอย่างดังนี้ จะให้พ่อเข้าช่วยปรารถนาด้วยไหนเล่า ๚ะ๛

อย่างหนึ่ง สรรพสิ่งซึ่งว่าเป็นคุณเป็นโทษนั้น เป็นตามความต้องการของผู้จะใช้ในสิ่งนั้น ความที่ถือว่าดีในชนพวกหนึ่ง เป็นความฉิบหายของชนพวกหนึ่งซึ่งตรงกันไป ๚ะ๛

๗๘ สิ่งจะเป็นโทษทั้ง เป็นคุณ เล่านา
เป็นเพราะใจเจือจุน ชอบใช้
สมหวังก็เป็นสุน - ทรชอบ เชิงแฮ
ผิดประสงค์จักใต้ ก่อเกื้อกลีเจริญ ๚ะ๑๐

ขุนวิสุทธากร

  1. ๑. ผิดถ้า คือ ผิดท่า เป็นคำโทโทษ

  2. ๒. ซั้น แปลว่า นั้น, ไว, เร็ว, ถี่ ๆ, ติด ๆ กัน.

  3. ๓. ต้นเน็ตเตล หนังสือสมุดไทย ใช้ว่า เน็ตเตล และเนตเตล หมายถึง ต้นเนตเทิลหรือสติงกิงเนตเทิล (Nettles, Stinging Nettle) มีต้นกำเนิดอยู่ที่อเมริกา และแพร่ขยายสู่ยุโรป รูปใบหยัก มีขนขึ้นตามใบ เมื่อสัมผัสใบจะมีอาการผื่นคัน ต้นเน็ตเทิลมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรที่ทรงคุณค่า สามารถรักษาโรคได้หลายโรค

  4. ๔. เนตรบงตรงฝ่าฟ้า” บง หมายถึง มอง ใช้ตามภาพปักโคลงอิศปปกรณัม ส่วนในหนังสือสมุดไทยใช้เป็น “เนตรบ่งตรงฝ่าฟ้า”

  5. ๕. คือ จูปิเตอร์ ซึ่งในนิทานเรื่องนี้สะกดว่า ยุปิกเตอ ทุกแห่ง

  6. ๖. ขี้ตรวน น่าจะหมายถึง คนเดนคุก ต้นฉบับเขียนเป็น คี่ตรวน

  7. ๗. “กาก็ไปสำแดงตน” ในหนังสือสมุดไทย เป็น “กาก็ไยสำแดงตน”

  8. ๘. คือ จูปิเตอร์ ในต้นฉบับสมุดไทย และนิทานเรื่องนี้เขียนเป็น ยูปิกเตอร์ ยุปิเตอ

  9. ๙. ใช้ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย น่าจะเป็น “เพรียกพร้องสรรเสริญ”

  10. ๑๐. จบหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ ขึ้นหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๔ เรื่อง อิศปปกรณัม เล่ม ๔

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ