สมุดไทยเลขที่ ๒

ที่ ๒๕ หมีกับสุนัขจิ้งจอก

๏ หมีตัวหนึ่งออกด้วยตัวมีความเมตตาต่อชาติมนุษย์เป็นอันมาก กล่าวว่าบรรดาสัตว์ทั้งปวงแล้วเขาเป็นผู้นับถือคนมามาก เพราะเขามีความเคารพต่อคนที่สุด แต่ชั้นศพของคนที่ตายแล้วเขาก็ไม่ถูกต้อง สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งได้ยินคำเหล่านี้ ยิ้มแล้วว่ากับหมี ว่าท่านกินเถิดคนที่ตายแล้ว แต่ท่านอย่ากินที่เป็น ๚ะ๛

อวดของตัวไม่รอบคอบ ไม่พ้นที่เขาจะว่าตัวได้ ๚ะ๛

๒๕ ประสงค์เพียงเพื่ออ้าง อวดดี ตัวเฮย
ยกแต่ตนพาที พล่ำพลั้ง
ไหนจักเลี่ยงราคี คำกล่าว พ้นพ่อ
เป็นที่นินทาทั้ง ชั่วร้ายหลายสถาน ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๒๖ ลาสุนัขจิ้งจอกกับราชสีห์

๏ ลากับสุนัขจิ้งจอกสัญญาเป็นพวกเดียวกัน เพื่อจะช่วยป้องกันอันตรายกันแลกัน แลพากันออกไปเที่ยวหาอาหารกินในป่า สัตว์ทั้งสองนั้นไม่ทันจะไปไกลพบราชสีห์ตัวหนึ่ง สุนัขเห็นว่าที่น่ากลัวยิ่งใหญ่ใกล้เข้ามา ก็เข้าไปหาราชสีห์รับอาสาจะไปล่อลวงลาให้ราชสีห์จับ แต่จะขอให้ราชสีห์สัญญาให้เป็นคำมั่น ว่าจะไม่ให้มีอันตรายกับเขา แล้วสุนัขจิ้งจอกจึงนำลาไปที่เหมืองลึกแห่งหนึ่ง คิดอุบายให้ลาลงไปอยู่ในนั้น ราชสีห์เห็นว่าลาคงจะได้มั่นคงแล้ว ก็จับสุนัขจิ้งจอกในประเดี๋ยวนั้น แล้วจึงค่อยไปจับลาต่อภายหลัง เมื่อเวลาว่างสบาย ๚ะ๛

คิดให้ร้ายแก่เขา ร้ายนั้นกลับถึงตัวก่อน

๒๖ เสาะประสงค์จงเล่ห์ไว้ หลายกล ชั่วเฮย
มุ่งแต่ให้ร้ายคน อื่นร้อน
มทันโทษไปดล โดยใฝ่
ความชั่วคงคืนย้อน โทษร้ายถึงตัว ๚ะ

พระยาราชสัมภารากร

ที่ ๒๗ คนตระหนี่

๏ คนตระหนี่ผู้หนึ่ง ขายสิ่งของบรรดาที่มีเสียหมดไปซื้อทองมาได้ลิ่มหนึ่ง แล้วก็เอาทองนั้นไปขุดหลุมฝังไว้ในแผ่นดินใกล้กำแพงเก่าแห่งหนึ่ง แล้วเวียนไปดูที่นั้นเสมอทุกวัน ๆ มิได้เว้น คนทำงานของเขาคนหนึ่งสังเกตเห็นคนตระหนี่นั้นไปที่นั้นบ่อยๆ ก็คอยจับอาการกิริยาทั้งปวงอยู่ ภายหลังก็ทราบความลับซึ่งเอาสมบัติไปฝังไว้นั้น ก็ดอดไปขุดลงไปก็ได้ทองก็ลักเอาไปเสีย ครันเมื่อคนตระหนี่ไปที่แห่งนั้นตามเคยเมื่อรุ่งขึ้น เห็นแต่หลุมเปล่าก็ฉีกผมตนสยายร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง เพื่อนบ้านคนหนึ่งเห็นคนตระหนี่นั้นทุกข์ร้อนเศร้าโศกมาก ก็ไต่ถามได้ความตลอดแล้วปลอบว่าท่านอย่าเศร้าโศกดังนี้เลย จงไปหาศิลามาสักก้อนหนึ่งใส่ลงใว้ในหลุม นึกเอาเถิดว่าทองยังอยู่ในที่นั้น ก้อนหินนั้นก็คงจะเป็นประโยชน์กับท่านเหมือนกันกับทองทีเดียว เพราะถึงว่าเมื่อทองยังอยู่ในที่นั้นก็เหมือนกับท่านไม่มีเหมือนกัน เพราะท่านไม่ได้ใช้เป็นประโยชน์อันใดแก่ตัวท่านสักนิดเดียว ๚ะ๛

ประโยชน์ตนก็ไม่ได้ ประโยชน์ผู้อื่นก็ไม่มี ตัวกลับได้ทุกข์

๒๗ ตระหนี่เหนียวแน่นนี้ นิศผล
เสียส่วนประโยชน์ตน บ่ได้
อีกประโยชน์ประชน ดายเปล่า ด้วยนา
กลับจะชักตนให้ ทุกข์ร้อนใจจน ๚ะ

ที่ ๒๘ กบทั้งปวงขอเจ้าแผ่นดิน

๏ กบทั้งปวงมีความเศร้าโศกว่าไม่มีเจ้านายปกครองซึ่งหลักฐาน จึ่งได้แต่งทูตหลายนายขึ้นไปเฝ้ายูปิตเตอ ขอให้ยูปิตเตอประทานเจ้าแผ่นดินสักองค์หนึ่ง ยูปิตเตอเห็นว่าเป็นแต่สัตว์โง่ ๆ ไม่มีพิษสงอันใด จึงได้โยนขอนไม้ใหญ่ลงมาในหนอง เมื่อขณะน้ำกระฉ่อนด้วยกำลังไม้ท่อนใหญ่ตกลงมา พวกกบทั้งปวงก็ตกใจกลัวพากันไปซ่อนตัวอยู่ลึก ๆ ในหนองนั้น

ครั้นไม่ช้านานนักพวกกบทั้งปวงเห็นว่าท่อนไม้ใหญ่นั้นนิ่งเสมอไม่ไหวติงอันใด ก็พากันว่ายขึ้นมาบนหลังน้ำ ปราศจากความกลัวทั้งสิ้น แลดูทุกคนพากันไต่ขึ้นไปบนขอนไม้แลนั่งเกาะอยู่บนนั้น ครั้นนานมาก็พากันคิดเห็นไปว่าเราทั้งปวงดูความหมิ่นประมาท เพราะตั้งผู้ปกครองที่ไม่รู้สึกอันใดมาให้ดั่งนี้ จึงได้ส่งทูตขึ้นไปเป็นครั้งที่สอง ให้ไปอ้อนวอนยูปิดเตอขอให้ตั้งเจ้าแผ่นดินองค์อื่นลงมาครอบครองพวกกบทั้งปวงอีกสักองค์หนึ่ง ยูปิดเตอประทานปลาไหล (ฤๅปลายาว) ให้มาเป็นผู้ปกครอง ครั้นเมื่อกบทั้งปวงคุ้นเคยทราบอัธยาศัยว่าเป็นชาติง่าย ๆ แลใจดีก็ไม่เป็นที่ชอบใจ จึงส่งทูตขึ้นไปอีกเป็นครั้งที่สาม ขอให้ยูปิตเตอเลือกเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ให้อีกครั้งเดียว ยูปิตเตอไม่โปรดที่กล่าวโทษบ่อย ๆ ดังนั้น จึงได้ให้นกกระสาลงมา นกกระสาก็กินกบไปทุกวัน ๆ จนไม่มีกบที่จะเหลืออยู่ร้องในสระนั้น

แส่หาเจ้าใหม่แข็งแรง ครั้นเมื่อเห็นฤทธิ์ของเจ้าใหม่ จะนึกถึงเจ้าเก่าสิถึงตัวเสียแล้ว อย่ากำเริบเร่งเปลี่ยน ๚ะ๛

๒๘ กำเริบแรงเปลี่ยนเจ้า ใหม่หมาย
เห็นฤทธิ์เจ้าใหม่กลาย กลับท้อ
คิดถึงเก่าสิกาย ตึงติด แล้วนา
อึดอัดออกโอษฐ์อ้อ อย่างนี้นำเข็ญ ๚ะ

ที่ ๒๙ พ่อค้าเกลือกับลาของเขา

๏ พ่อค้าเที่ยวไปมาคนหนึ่งเป็นคนซื้อขายเกลือ พาลาไปฝั่งทะเลเพื่อจะซื้อเกลือ บางทีจะกลับมาบ้านแห่งหนึ่งนั้น ต้องข้ามลำน้ำอันหนึ่ง ครั้นเมื่อพาลากลับมาจะข้ามลำน้ำแห่งนั้น ลาเหยียบถลำลงไปในน้ำโดยการไม่แกล้ง เมื่อขึ้นมาเกลือที่บรรทุกลามาบนหลังนั้นเบาขึ้นเป็นอันมาก เพราะถูกน้ำละลายเสีย พ่อค้านั้นก็ต้องกลับทวนทางเดินไปใหม่ เติมเกลือลงในกระโปรงเป็นเกลือมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ครั้นถึงลำน้ำก็พลาดล้มลงตรงที่เดิมโดยความแกล้ง ครั้นเมื่อชักเท้าขึ้นมาแล้วน้ำหนักที่บรรทุกก็ลดลงมาก ลานั้นร้องเป็นทีชนะเหมือนว่านึกจะได้สมปรารถนา พ่อค้าเห็นตลอดความแกล้งนี้จึงได้พาลาไปที่ชายทะเลอีกเป็นครั้งที่สามครั้งนี้พ่อค้าซื้อสปันช์เป็นสินค้าแทนเกลือ ลาก็เล่นโกงอย่างเก่าอีก เมื่อมาถึงลำน้ำก็พลาดลงไปด้วยความแกล้ง ครั้นเมื่อสปันซ์อมน้ำแล้วน้ำหนักที่บรรทุกนั้นก็มากขึ้น เพราะดังนั้นลาก็ทำกลกลับกระท้อนเข้าตัวเอง ด้วยต้องมีของหนักติดอยู่บนหลังสองเท่าขึ้นอยู่กว่าแต่ก่อน ๚ะ๛

โกงแล้วไม่พ้นคนรู้เท่า ถ้ารู้เท่าแล้วจะถูกโต้

๒๙ ผู้เยียทุรกิจกี้ โกงฉกรรจ์
ไหนจักปิดมิดควัน ชั่วได้
ถ้าเขาล่วงรู้ทัน ทุรเศศ ตนนา
เงื่อนที่งำเปิดไง้ ถูกโต้เต็มเสียง ๚ะ

ที่ ๓๐ สัตว์หลายจำพวก

๏ การประชุมถุ้งเถียงกันเกิดขึ้นในหมู่สัตว์ทั้งปวง ว่าสัตว์อันใดซึ่งจะเป็นสัตว์ควรสรรเสริญในการที่มีลูกครอกหนึ่งได้ลูกในครอกมากกว่าสัตว์อื่นหมด สัตว์ทั้งปวงเมื่อยังไม่ตกลงกันดังนั้น ก็พากันวิ่งอื้ออึงมายังสำนักนางราชสีห์ ขอให้นางราชสีห์ระงับตัดสินการที่ถุ้งเถียงกัน แลสัตว์ทั้งปวงพากันถามนางราชสีห์ว่าท่านเองออกลูกครอกหนึ่งมีลูกสักกี่ตัว นางราชสีห์หัวเราะเยาะเขาทั้งปวงแล้วว่า ทำไมเรามีตัวเดียวเท่านั้น แต่ถึงตัวเดียวก็เป็นราชสีห์ที่ดีแท้ตามชาติตามตระกูล ๚ะ๛

ราคานั้นอยู่ในดีในชั่ว มิใช่เพราะมาก

๓๐ ราคาค่ามากนั้น ในของ ดีนา
ดูดุจเพชรทองปอง เปรียบไว้
ไม่ดีมากมูลมอง มีค่า ไฉนแฮ
ขายฝากหอบหนึ่งได้ ค่าเบี้ยอัฐเดียว ๚ะ

ที่ ๓๑ ลากับล่อ

๏ พ่อค้าล่อออกเดินทางต้อนลาตัวหนึ่ง ล่อตัวหนึ่งซึ่งบรรทุกเต็มเดินไปข้างหน้า ลานั้นเดินมาตามทางที่เป็นที่ราบก็ทนแบกของหนักซึ่งบรรทุกไปได้โดยง่าย ครั้นเมื่อเริ่มจะต้องขึ้นเขาทางชันแคบก็รู้สึกว่าของที่บรรทุกนั้นเกินกำลังที่ตัวจะทานได้ จึ่งได้ว่ากับเพื่อนกันว่าขอให้ช่วยรับแบ่งของไปเสียสักหน่อยหนึ่ง ที่เหลืออยู่นั้นลาจะพาไปให้ถึงบ้านทั้งสิ้น ฝ่ายล่อไม่ฟังคำที่ขอนั้น ภายหลังอีกหน่อยหนึ่งลานั้นก็ล้มลงถึงแก่ความตายทั้งกำลังบรรทุกอยู่ พ่อค้าล่อมิรู้ที่จะทำอย่างไรด้วยอยู่ในประเทศที่เปลี่ยว ก็เอาสิ่งของที่บรรทุกลานั้นขึ้นบรรทุกล่อเป็นสองส่วนทั้งของเดิม แลบนหลังของทั้งนั้น เอาหนังลาซึ่งลอกไว้เมื่อลาตายแล้วนั้นขึ้นบรรทุกไปด้วย ล่อก็ครางอยู่ใต้ของหนักซึ่งบรรทุกนั้น แล้วว่ากับตัวเองว่า ซึ่งเขาทำแก่เราดังนี้สมกับที่เราได้ทอดทิ้งเสีย ถ้าเพียงแต่เราเต็มใจช่วยลาเสียสักเล็กน้อยตามความประสงค์ เดี๋ยวเราก็จะไม่ต้องแบกของที่บรรทุกเขาแลตัวเขาด้วย ๚ะ๛

ไม่เผื่อแผ่กับเพื่อนราชการฤๅเพื่อนการงานด้วยกัน เอาแต่ตัวรอดคนเดียว เพื่อนกันล้มตัวก็ต้องรับแบกหนักสองบ่าแทนเพื่อนที่ล้ม ๚ะ๛

๓๑ ทำกิจ บ่ เอื้อเพื่อน ราชการ
ฤๅกับพวกเพื่อนงาน อื่นบ้าง
หวังดีแต่ตัวราน ระเพื่อน แตกนา
ต้องรับการสองข้าง ขุ่นแค้นคนเดียว ๚ะ

ที่ ๓๒ สุกรแกะกับแพะ

๏ สุกรตัวหนึ่งต้องขังอยู่ในคอกเดียวกับแพะตัวหนึ่งและแกะตัวหนึ่ง คนเลี้ยงแกะมาจับสุกร ๆ นั้นคำรามร้องแลต่อสู้ดิ้นรนโดยแข็งแรง แกะกับแพะก็ต่อว่าสุกรที่ร้องให้เป็นที่รำคาญหนวกหูว่า เขาจับเราบ่อย ๆ ทำไมเราไม่ได้ร้อง สุกรฟังดังนี้จึงตอบว่า ที่เขาจับท่านกับจับเราผิดกันนักคนละอย่าง เขาจับท่านเพราะจะเอาขนท่านฤๅจะรูดนมท่าน แต่เขาจับเรานั้นเขาจะเอาชีวิตทีเดียว ๚ะ๛

คนที่มีทุกข์น้อยจะคิดแทนคนทุกข์มากไม่ได้

๓๒ คนที่มีทุกข์น้อย ในใจ
จักคิดแทนคนภัย มากนั้น
แทนยากเพราะวิสัย กระแสจิต ต่างนา
ทุกข์แห่งใครใครดั้น หากด้นจนเกษม ๚ะ

ที่ ๓๓ แพะกับสุนัขจิ้งจอก

๏ สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งตกลงไปอยู่ในบ่อน้ำลึก ต้องติดอยู่ในบ่อนั้น จะหาทางขึ้นทางหนึ่งทางใดไม่ได้ มีแพะตัวหนึ่งกระหายน้ำเป็นกำลังมาที่บ่อน้ำนั้น เห็นสุนัขจิ้งจอกจึ่งถามว่าน้ำในนั้นดีฤๅ สุนัขจิ้งจอกแสรังทำหน้าตากิริยาสบายซ่อนบังความทุกข์ซึ่งมีอยู่แก่ตัวนั้นเสีย กล่าวสรรเสริญน้ำในบ่อนั้นว่าเป็นอย่างดีประเสริฐเหลือที่จะพรรณนาชักชวนให้แพะนั้นลงไปในบ่อ แพะมีความกระหายน้ำเป็นกำลัง มิได้ทันมีความคิดที่จะตริตรองก็โดดลงไปในบ่อ พอได้ดื่มน้ำระงับความกระวนกระวายที่กระหายมาแล้ว สุนัขจิ้งจอกจึ่งได้แจ้งความปรึกษาด้วยข้อที่ตกอยู่ในที่ลำบากคับขันด้วยกันทั้งสอง แล้วแนะนำทางที่คิดเห็นเพื่อจะให้รอดชีวิตด้วยกัน กล่าวว่าขอให้ท่านเอาเท้าหน้าทั้งสองยันขึ้นกับข้างบ่อแล้วก้มศีรษะลง

ข้าพเจ้าจะวิ่งขึ้นไปทางหลังท่าน เมื่อข้าพเจ้ารอดแล้ว ข้าพเจ้าจึ่งจะช่วยท่านต่อภายหลัง ครั้นเมื่อแพะได้ยอมแล้ว สุนัขจิ้งจอกก็กระโดดขึ้นบนหลังแพะไต่ขึ้นไปตามคออาศัยเขาแพะเป็นหลักที่มั่น ขึ้นไปถึงปากบ่อได้โดยสะดวกไม่มีอันตรายอันใด เมื่อถึงพื้นแผ่นดินแล้ว ในประเดี๋ยวนั้นก็ออกวิ่งโดยเร็วเต็มกำลังที่จะไปได้ แพะเห็นดังนั้นก็ร้องต่อว่าขึ้นไปด้วยข้อที่นัดหมายกันไว้ว่าจะช่วยกันแลกัน สุนัขจิ้งจอกได้ยินก็กลับหน้ามาแล้วร้องไปว่า เจ้าแพะ ๆ ถ้าเจ้ามีปัญญามากเหมือนเจ้ามีขนที่ลูกคาง เจ้าก็คงจะไม่ลงไปในบ่อก่อนที่เจ้าจะได้ตรวจตราหนทางขึ้น ฤๅจะทำตัวเจ้าให้ใกล้ต่อทางอันตราย ซึ่งเจ้าไม่มีทางอันใดที่เจ้าจะขึ้นได้ ๚ะ๛

ดูเสียก่อนจึงค่อยกระโดด คือถ้ามีผู้มาบอกว่ากระไร แล้วตริตรองเสียให้แน่นอนจึ่งค่อยทำตาม อย่าทำด้วยวู่วาม ๚ะ๛

๏ …………………… แนะนำ ใดเฮย
ควรคิดพินิจคำ ถ่องแท้
ตริรอบชอบจึงทำ ตามกล่าว นั้นนา
ผิ บ ชอบตอบแก้ ห่อนต้องทำตาม ๚ะ

ที่ ๓๔ หมีกับคนเดินทาง

๏ คนสองคนเพื่อนเดินทางไปด้วยกัน พอพบหมีเดินสวนทางมาก็ตกใจ คนหนึ่งรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้โดยเร็ว ซ่อนตัวอยู่ใต้กิ่งไม้ทั้งปวง คนหนึ่งเห็นว่าจะหนีไปไม่พ้น ก็ล้มตัวลงนอนราบอยู่กับแผ่นดิน ครั้นเมื่อหมีมาถึงตัว ก็เอาจมูกถูกต้องตัวแลก้มลงมา ชายผู้นั้นกลั้นลมหายใจแสร้งทำอาการเหมือนหนึ่งตายจนเต็มกำลังที่จะทำได้ หมีอยู่ไม่นานนักก็หลีกไปโดยคำเล่ากันมาว่า หมีแล้วย่อมไม่ถูกต้องร่างกายคนที่ตายแล้ว ครั้นเมื่อหมีไปไกลพ้นไปนานแล้ว ชายเดินทางเดินที่อยู่บนต้นไม้อีกคนหนึ่งก็ลงมาแล้วเข้าไปถามเพื่อนที่นอนอยู่กับแผ่นดิน เป็นคำหยอกว่า หมีมากระซิบที่หูเจ้าว่ากระไร ชายที่นอนนั้นจึ่งตอบว่า หมีมาสั่งสอนเราว่าอย่าไปเที่ยวกับเพื่อนที่พอเห็นอันตรายมีมาก็ทิ้งเสีย ๚ะ๛

เวลาเคราะห์ร้ายอับจนได้ทดลองความซื่อตรงของเพื่อนทั้งปวง ๚ะ๛

๓๔ เวลาเราเคราะห์ร้าย ทุรพล
เป็นข่องเห็นใจชน เพื่อนพ้อง
ใครรักษ์ร่วมอับจน ฤๅรัก ไฉนนา
มิตรจิตมิตรใจซ้อง ส่อให้เห็นกัน ๚ะ

ที่ ๓๕ สุนัขในรางหญ้า

๏ สุนัขตัวหนึ่ง นอนในรางหญ้าซึ่งอยู่ในโรงเลี้ยงโค สุนัขนั้นขู่แลจับโคทั้งปวงมิให้มากินหญ้าซึ่งใส่ไว้ให้กินในรางนั้นใต้ โคตัวหนึ่งจึ่งได้ว่ากับเพื่อนโคด้วยกันว่า สุนัขตัวนี่มันช่างชาติรังแกจริง ๆ ตัวเองจะกินหญ้าก็ไม่ได้ แต่อย่างนั้นยังไม่ยอมให้ผู้อื่นที่เขาจะกินได้เล่า ๚ะ๛

แกล้งรามาใช่เหตุ ต้องกับคำพูดกันว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ฤๅหวงขี้เท็จ ๚ะ๛

๏ สุนัขนอนรางใส่หญ้า โคปอง หญ้าเฮย
สุนัข บ เห็นมอง เท่าห้าว
สรรพชาติอิจฉาจอง ใจดับ ยากเฮย
หวงใช่เหตุก้าวร้าว ก่อร้ายริษยา ๚ะ

ที่ ๓๖ .........................

ราชสีห์ตัวหนึ่งเป็นสัตว์แก่แล้ว แลมักป่วยไข้ไม่สบาย ไม่สามารถที่จะหากินด้วยกำลังได้ จึงได้ตกลงคิดจะหากินโดยทางกลอุบาย ราชสีห์ไม่ออกจากถ้ำเลย นอนอยู่แกล้งทำเป็นป่วย แลคิดอ่านที่จะให้สัตว์ทั้งปวงรู้ทั่วไปว่าตัวเจ็บมาก สัตว์ทั้งปวงต่าง ๆ แสดงความเศร้าโศก ผลัดกันมาเยี่ยมราชสีห์นั้นทีละตัว ๆ ราชสีห์ก็จับกินเป็นอาหารเสีย ครั้นเมื่อสัตว์ทั้งปวงหายไปเป็นอันมากดังนั้น สุนัขจิ้งจอกจึงได้รู้กลแล้วไปหาราชสีห์ ยืนอยู่แต่นอกถ้ำห่าง ๆ ราชสีห์ ราชสีห์ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงร้องถามข่าวราชสีห์ว่า เดี๋ยวนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ราชสีห์ตอบว่าเดี๋ยวนี้อาการป่วย........นอก๑๐ เชิญท่านเข้ามาสนทนากับเราข้างในนี้เถิด สุนัขจิ้งจอกจึงตอบว่าไม่ต้องเข้าไปมิได้ ข้าพเจ้าขอบใจท่าน ข้าพเจ้าสังเกตดูเมื่อรอยเท้าสัตว์ทั้งปวงเข้าไปในถ้ำของท่านเป็นอันมาก แต่หาเห็นรอยเท้ากลับออกมาไม่เลย เขาฉลาดเป็นผู้รอดจากอันตราย เพราะเห็นอันตรายที่ต้องแก่ผู้อื่น ๚ะ๛

๓๖ เชาวน์ไวไหวพริบรู้ เหตุผล
เพราะสืบสวนทราบกล เล่ห์แล้ว
ตริตรองผ่อนผันตน หลีกเลี่ยง เร็วพ่อ
จึ่งจะรอดตัวแคล้ว คลาดพ้นภัยฉกรรจ์ ๚ะ

ที่ ๓๗ .........................๑๑

นกแก๑๒ตัวหนึ่งได้เห็นห่านอยากจะมีขนงามเหมือนห่านบ้าง จึงคิดประมาณดูในใจตัวว่า ซึ่งท่านมีสีขาวงามนัก เห็นจะเป็นชำระตัวอาบน้ำอยู่เสมอ นกแกจึ่งได้ออกจากที่บูชาในวัดที่ตัวเคยอาศัยแลเคยหากินเลี้ยงชีวิตอยู่แต่ก่อน ไปหาที่อยู่ใหม่ในหนองในสระทั้งปวง แต่ครั้นเมื่อชำระขนของตัวบ่อย ๆ เต็มตามความปรารถนานั้น แกนั้นก็ไม่อาจชำระสีขนของตัวให้เปลี่ยนแปลงไปได้ แต่อาหารนั้นอดหนักเข้าก็ถึงแก่ความตาย ๚ะ๛

เปลี่ยนความประพฤติจะให้เลิกถอนธรรมดาที่เป็นเองไม่ได้ ๚ะ๛

๓๗ กาแก......................… เป็นวงศ์ ห่านฤๅ
จักเปลี่ยนพรรณแปลงพงศ์ ยากแท้
ชาวบกจะเอาลง เรือล่อง ถนัดฤๅ
ขืนวิสัยเสียแส้๑๓ เสื่อมเถ้าทางเจริญ ๚ะ

ที่ ๓ สุนัขสวมหนังแกะ

๏ ในกาลครั้งหนึ่งสุนัขป่าคิดจะสวมเพศของตัวแลปลอมแต่งตัวใหม่ เพื่อจะได้ไปเที่ยวหากินให้ได้อาหารเต็มบริบูรณ์ไม่บกพร่อง จะได้หาหนังแกะมาสวมตัว ปลอมเข้าไปในที่กินหญ้า และปลอมอยู่ในฝูงแกะทั้งปวง ลวงคนเลี้ยงแกะด้วยอุบายดังนี้ ครั้นเวลาเย็นก็หลบเข้าไปอยู่.........................๑๔ คนเลี้ยงแกะปิดประตูคอกทางเข้าออกแน่นหนาแล้วก็ไป ครั้นเวลาค่ำคนเลี้ยงแกะมาในคอกเพื่อเตรียมอาหารของตัวในวันรุ่งขึ้น ก็จับตัวสุนัขป่านั้นแทนแกะฆ่าเสียด้วยมีดในคอกนั้น ๚ะ๛

ผู้ที่คิดจะทำอันตรายผู้อื่น มักจะต้องอันตรายแก่ตัวเอง ๚ะ๛

ที่ ๓๙ .........................๑๕

๏ ราชสีห์ตัวหนึ่งไปขอลูกสาวคนตัดฟืนเป็นภรรยา บิดาของหญิงไม่เต็มใจจะให้ แต่ครั้นจะบอกปฏิเสธไม่ยอมให้ตามที่ขอก็กลัว จึงคิดอุบายที่จะให้พ้นจากความรบกวนให้เป็นที่น่ากลัวดังนี้ต่อไป จึงบอกความประสงค์แก่ราชสีห์ว่ามีความยินดีนักที่จะรักราชสีห์เป็นเจ้าแต่งงานกับบุตรสาว แต่จะต้องขอให้มีการยกให้อย่างหนึ่ง คือให้ราชสีห์ยอมถอนฟันแลตัดเล็บเสียให้หมดก่อน ด้วยลูกสาวของเขากลัวฟันแลเล็บยิ่งนัก ราชสีห์มีความยินดียอมตามที่ขอนั้น ครั้นภายหลังราชสีห์มาเตือนคำที่อนุญาตไว้นั้นอีก คนตัดฟืนสิ้นกลัวแล้ว ก็ตีด้วยไม้ไล่ราชสีห์เข้าป่าไป

หลงลุอำนาจแก่ตัณหา …………...เขี้ยวเล็บแล้วก็สิ้นอำนาจตัวเอง สิ่งที่หมายก็ไม่ได้ตัวก็ฉิบหาย ๚ะ๛

๓๙ หลงลุอำนาจด้วย ดำฤษณา
ยอมปลดเขี้ยวนขา หมดสิ้น
ที่หมายก็คลาดคลา บ่ เสร็จ สบพ่อ
ตัวจักพินาศสิ้น เดือดร้อนรันทรวง ๚ะ

ที่ ๔๐ นกพิราบ…………...

๏ นกพิราบตัวหนึ่งมีความร้อนรุ่มระหาย๑๖น้ำเหลือกำลัง แลเห็นรูปถ้วยน้ำที่เขียนไว้ในกระดานป้ายที่แขวนไว้หน้าเรือน ไม่คิดว่าเป็นแต่รูปเขียน ก็บินเข้าไปด้วยเสียงปีกอันดังไม่ทันสังเกตโผเข้าไปที่กระดานป้าย ตัวกระทบกระดานโดยแรงปีกทั้งสองก็หักตกลงยังแผ่นดิน คนที่ยืนอยู่ใกล้ที่นั้นผู้หนึ่งก็จับตัวได้ ๚ะ๛

มีความอุตสาหะแล้วอย่าลืมความระวัง คือหมั่นมุ่งหมายแก่การงานแล้ว หมั่นระวังไว้อย่าให้การนั้นเสียไปด้วยความเผลอละเมิน ๚ะ๛

๔๐ พากเพียรประกอบเกื้อ กิจใด
จำหมั่นระวังใน กิจนั้น
อย่าเผลออย่าพลาดใจ พันผูก ไว้พ่อ
เสียกิจจิตจักอั้น อกโอ้อาดูร ๚ะ

ที่ ๔๑ โคทั้งปวงกับไม้เพลาเกวียน

๏ มีเกวียนบรรทุกหนักเล่มหนึ่ง ลากด้วยโคหลายตัวไปตามทางบ้านนอก เพลาเกวียนสีกับดุมร้องครางแลออกดังยิ่ง โคที่เทียมเกวียนจึงได้เหลียวหน้ามาว่ากับล้อเกวียนว่า เฮ้ยนี่แน่ะ ทำไมเจ้าจึงร้องเสียงดังนักดั่งนี้ พวกเราดอกต้องรับการเหน็ดเหนื่อยควรที่พวกเราจะร้อง ไม่ควรที่พวกเจ้าจะร้อง ๚ะ๛

ผู้ที่ได้ความลำบากอย่างยิ่ง ผู้นั้นมักจะร้องน้อย ๚ะ๛

๔๑ ผู้ทำกิจมากล้น ลำบาก ยิ่งเฮย
มัก บ่ มีออกปาก บ่นบ้า
ผู้ทำ บ่ กรำกราก เบาจิต กายเฮย
มักจะร้องเสียงจ้า โอษฐ์โอ้อึงดัง ๚ะ

ที่ ๔๒ เต่ากับนกอินทรี

๏ เต่าตัวหนึ่งนอนผิงแดดขี้เกียจอยู่ แล้วบ่นกล่าวโทษความอาภัพของตัวต่อนกที่หากินตามชายทะเลว่า ผู้ใดไม่มีที่จะสอนให้เขาบิน ขณะนั้นนกอินทรีบินร่อนอยู่ใกล้ได้ยินเสียงเต่าบ่นพิไรรำพันดังนั้นจึงว่ากับเต่าว่า ถ้าจะพาขึ้นไปให้สูงลอยอยู่ในอากาศเต่าจะให้รางวัลอะไร เต่าตอบว่าเราจะให้สมบัติในทะเลแดงแก่ท่าน นกอินทรีจึงว่าเราจะสอนให้ท่านบินเดี๋ยวนี้ ว่าแล้วนกอินทรีก็จับเต่าเข้าในกรงเล็บ แล้วบินลอยขึ้นไปเกือบสุดเมฆแล้ว ก็ปล่อยเล็บเสียทันที เต่าก็ตกลงมาถูกยอดภูเขาสูง กระดองก็แตกเป็นขึ้นเล็กขึ้นน้อยไปหมด เมื่อขณะเต่าจะตาย ร้องว่าเรานี้สมควรแล้วที่จะต้องรับทุกข์ภัยอันนี้ เพราะบกแลเมฆนั้น …………… เดินก็ไม่ใคร่จะไหวอยู่แล้ว ๚ะ๛

ถ้าคนทั้งปวงนึกอะไรได้สมความปรารถนาทุกอย่างแล้ว คงจะต้องถึงแก่ความฉิบหายบ่อย ๆ ๚ะ๛

๔๒ ใจมนุษย์นี้ย่อม นึกหมาย สูงแฮ
ความคิดกิจเกินกาย จิตจ้อง
คิดใดหาก บ คลาย สมทุก สิ่งนา
คงจะพะพานต้อง พินาศแพ้ภัยตน ๚ะ

ที่ ๓ ชาวนากับนกยาง

๏ นกยางบางพวก มักเที่ยวหากินตามท้องนาที่ไถนาหว่านพืชข้าวสาลีลงใหม่ ๆ ชาวนาที่เฝ้าอยู่น้าวแต่สายกระสุนเปล่า ทีนี้เรียกกระสุนแทน “สลิง” เพราะเมืองเราไม่มีจะต้องอธิบายมากนัก ไล่ให้หนีไปด้วยความตกใจ ครั้นนานมานกทั้งปวงเห็นว่าเป็นแต่น้าวกระสุนเปล่า ๆ ถึงจะน้าวขึ้นก็เฉยทำไม่รู้ไม่เห็นเสีย ชาวนาเห็นดังนั้นก็เอาลูกกระสุนยิงไปจริง ๆ ถูกนกตายเป็นอันมาก เพราะดังนั้นนกทั้งปวงก็ทิ้งท้องนาหนีไปทันที แลร้องบอกกันว่า คราวนี้ถึงเวลาที่พวกเราทั้งปวงจะไปที่ลีลีปุด๑๗ เพราะคน ๆ นั้นไม่เป็นแต่ขับไล่เราเปล่า ๆ ต่อไปอีกแล้ว เขาเริ่มตั้งใจสำแดงให้เราเห็นว่าเขาได้ทำอย่างไรที่เขาทำได้บ้างอยู่แล้ว ๚ะ๛

ถ้าคำว่ากล่าวไม่พอ ก็ต้องถึงหมัดต่อย ๚ะ๛

๔๓ เพียงขู่ดุด่าด้วย คำหยาบ
ยัง บ่ อาจปรามปราบ เรียบได้
อาญายิ่งเอิบอาบ ถึงต่อย ตีนา
ดื้อประดุจยั่วให้ เพิ่มซ้ำอาญา ๚ะ

ที่ ๔๔ แมวกับไก่

๏ แมวตัวหนึ่งจับไก่ได้ คิดปรึกษาใจของตัวเองว่าจะหาเหตุอันใดยกขึ้นกล่าวให้เห็นว่าเป็นการสมควรที่จะกินไก่ จึงได้ยกโทษไก่ว่า เป็นผู้ทำรำคาญลำบากให้มนุษย์ทั้งปวง เพราะขันในเวลากลางคืนไม่ปล่อยให้คนนอน ไก่จึงได้เถียงต่อสู้ว่า ที่ทำดังนั้นเพราะจะให้เป็นประโยชน์กับมนุษย์ทั้งปวง จะได้ตื่นทันเวลาทำงานการทั้งปวง แมวจึงว่าถึงเจ้าจะแก้ตัวคล้ายกับการที่จะเป็นจริงมากสักเท่าใดข้าก็ไม่ยอมอดเปล่าละ แมวก็กินไก่นั้นเป็นอาหารมื้อหนึ่ง ๚ะ๛

ผู้มีอำนาจมากกว่า ถึงผู้มีอำนาจน้อยจะโต้เถียงด้วยความจริงก็ไม่ฟัง คงจะกดขี่ด้วยอำนาจของตัวอยู่นั่นเอง ๚ะ๛

๔๔ ผู้สูงอำนาจแม้น ใจพาล
ผิจักคิดระราน รุกเร้า
อำนาจต่ำจักพาน เถียงตอบ ไฉนฤๅ
คงจะกดขี่เข้า เขตข้างตนประสงค์ ๚ะ

ที่ ๔๕ คนเดินทางช่างอวด

๏ นายผู้หนึ่ง ได้ไปเที่ยวตามแผ่นดินต่างประเทศมาก เมื่อกลับมาถึงเมืองของตัวแล้วพูดอวดตัวมาก ว่าได้ทำการอัศจรรย์ แลการกล้าหาญประหลาดต่าง ๆ ในที่ต่าง ๆ ที่เขาได้ไปแล้วนั้น ในข้อที่อวดทั้งปวงนั้น ข้อหนึ่งเขาได้กล่าวว่า เมื่อเขาอยู่ที่เมืองโรเดศ๑๘เขาได้กระโดดไกลยิ่งนัก คนในอายุเขาที่จะกระโดดให้ได้เท่าเขาไม่มีทีเดียว แลเมื่อเขากระโดดนั้นมีคนที่เมืองโรเดศได้เห็นมาก เขาจะเรียกมาเป็นพยานได้

ในขณะนั้นคนที่ยืนฟังอยู่ใกล้คนหนึ่งสอดมีถ้อยคำขึ้นไปว่า นี่แน่ะท่านเป็นคนดี ถ้าคำที่ท่านว่านี้เป็นคำจริงแล้วก็ไม่ต้องหาพยาน นึกเอาเถิดว่าทีนี้ ต่างว่าเมืองโรเดศ เดี๋ยวนี้เชิญท่านกระโดดเถิด ๚ะ๛

จะอวดก็อวดให้เห็นจริง อย่าอวดครึ่ง ๆ ให้เขาคัดค้านขัดคอได้ ๚ะ๛

๔๕ จะอวดจงอวดให้ เห็นจริง ตลอดเฮย
ผู้อื่นจักท้วงติง ตอบได้
ออกอรรถที่อ้างอิง มีหลัก แหล่งนา
ถึงจะโป้ปดให้ กล่าวเกลี้ยงกลมสมาน ๚ะ

ที่ ๔๖ แพะกับคนเลี้ยงแพะ

๏ คนเลี้ยงแพะผู้หนึ่ง คิดจะต้อนแพะซึ่งเที่ยวกระจายไปเข้าฝูงเพื่อจะนำกลับไปคอก ชายนั้นก็ผิวปากแลเป่าเขาโคเท่าใดก็เปล่าไป แพะซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่พากันเฉยเสียไม่มาตามที่เรียก คนเลี้ยงแพะจึงฉวยก้อนศิลาขว้างไปโดนเขาแพะแตก คนเลี้ยงแพะนั้นจึงได้อ้อนวอนแพะอย่าให้บอกเหตุอันนี้แก่นาย แพะตอบว่าทำไมเจ้าโง่นักเพื่อนเอ๋ย ถึงแม้นว่าข้านิ่งเสีย เขาข้าที่แตกก็คงพูด อย่าคิดปิดบังสิ่งซึ่งจะปิดไม่ได้ ๚ะ๛

๔๖ การปิด บ่ มิดต้อง เผยผัง แผ่เฮย
อย่าคิดปิดปกบัง เบี่ยงส้อน๑๙
ขืนปิดเผื่อภายหลัง ทลายทะลุ ขึ้นนา
โทษจักเป็นสองซ้อน เพราะเอื้ออำยวน๒๐ ๚ะ

ที่ ๔๗ เด็กชายกับฟิลเบิด๒๑ “เป็นถั่วฝรั่งกินมัน”

๏ เด็กชายคนหนึ่ง ล้วงมือลงไปในไหคอแคบเต็มไปด้วยถั่วฟิลเบิด เด็กนั้นควักถั่วเต็มกำมือที่จะกำได้ ครั้นเมื่อจะชักมือออกมาชักไม่ได้ ด้วยกำมือติดคอไห จะวางถั่วฟิลเบิดเสียก็ไม่เต็มใจเสียดาย น้ำตาไหลอาบแล้วร้องไห้คร่ำครวญไปเพราะไม่ได้สมความประสงค์ คนซึ่งอยู่ใกล้ที่นั้นคนหนึ่งจึงว่ากับเด็กนั้นว่า เจ้าจงเต็มใจเอาแต่ครึ่งกำเถิด เจ้าก็จะชักมือเจ้าออกได้โดยง่าย ๚ะ๛

อย่าคิดเอาให้มากนักในคราวเดียว ๚ะ๛

๔๗ แสวงใดควรคิดยั้ง ผ่อนโรย ปันนา
อย่าโลภคราวเดียวโกย กอบกว้าน
เฉกพายุพัดโชย ชายเฉื่อย ชื่นแฮ
สมพยุกระโชกค้าน เดาะไม้ทลายลง ๚ะ

ที่ ๔๘ คนทำงานกับงู

๏ งูตัวหนึ่งมีปล่องอยู่ไกลเฉลียงเรือนแห่งหนึ่ง งูตัวนั้นกัดลูกชายอ่อน ๆ เป็นแผลสำคัญถึงแก่ความตาย บิดามารดามีความเศร้าโศกเป็นอันมาก บิดาคิดจะฆ่างูเสียให้ได้

ฤๅจะว่าถ้าเห็นหน้าผู้ที่ทำให้เป็นอันตรายอยู่แล้ว จะลืมความโกรธแค้นเสียได้จริง ๆ นั้นไม่ได้ ๚ะ๛

๔๘ เห็นคนข้าศึกเสี้ยน สงคราม กันฤๅ
ใครอาจจะลืมความ โกรธแค้น
เปรียบเดินพบงูหวาม ใจหวาด ฉะนั้นนา
เวรตอบเวรแน่นแฟ้น ก่อเชื้อไฟฟุน ๚ะ

ที่ ๔๙ ม้ากับคนเลี้ยงม้า

๏ คนเลี้ยงม้าผู้หนึ่ง เคยกราดแปรงแลถูรูปม้าอยู่เสมอตลอดวันยังค่ำทุก ๆ วัน แต่คนเลี้ยงม้าขโมยข้าวให้ที่สำหรับให้ม้ากิน ไปขายเป็นประโยชน์ตนอยู่เสมอด้วย ม้านั้นจึงได้ว่ากับคนเลี้ยงว่า ถ้าท่านอยากจะให้ข้าพเจ้าสบายดีจริง ๆ แล้ว ท่านจงปฏิบัติรักษาข้าพเจ้าให้น้อยลง แลให้อาหารข้าพเจ้าให้มากขึ้นอีก

ความซื่อตรงเป็นทางอย่างเอกของความประพฤติ ๚ะ๛

๔๙ ความสัตย์สุจริตพร้อม ไตรทวาร
บ่ คดคิดตรงปาน ปทัดไม้๒๒
ฤๅดั่งช่างชูสมาน ความซื่อ
เป็นเอกของการใช้ ประพฤติทั้งธาตรี ๚ะ

ที่ ๕๐ ลากับสุนัข…………...

๏ ชายผู้หนึ่งมีลาอยู่ตัวหนึ่ง กับสุนัขเล็กพันธุ์เมืองมอลติด๒๓ตัวหนึ่งงามยิ่งนัก ลานั้นอยู่โรงมีข้าวแลหญ้ากินมากบริบูรณ์เหมือนกับที่เลี้ยงลาอื่น ๆ จะเลี้ยงได้ สุนัขนั้นมีวิชาหลายอย่าง เป็นที่อย่างยิ่งของเจ้าของ เจ้าของชอบเล่นอยู่เนือง ๆ ถ้าจะไปกินเลี้ยงแห่งใดก็มีของที่อร่อย ๆ มาฝากให้สุนัขกินด้วยมิใคร่ขาด สุนัขนั้นก็วิ่งเล่นแลกระโดดอยู่ริมตัวเขาเป็นที่น่าดู ฝ่ายลาข้างหนึ่งนั้นมีงานที่จะต้องทำมากคือโม่แป้ง บรรทุกฟืนมาแต่ป่า แลบรรทุกของหนักมาแต่ไร่ ลานั้นมีความเศร้าโศก ด้วยมีความลำบากความหนักของตัว เปรียบกับความบริบูรณ์แลความเกียจคร้านของสุนัขเล็กอยู่เนือง ๆ อยู่มาวันหนึ่งลาดึงเชือกที่ผูกนั้นขาด ห้อไปในเรือนเจ้าของ คะนองยกเท้าเตะไม่มีประมาณ แล้ววิ่งเล่นแลโผนเข้าไปทำประจบทำเต้นกำลังที่จะทำได้ต่อไป ก็กระโดดตามข้างตัวเจ้าของจะทำให้เหมือนที่เห็นสุนัขเล็กทำ แต่ไปโดนโต๊ะหัก ถ้วยจานทั้งปวงบนโต๊ะเปรื่องปร่างแตกละเอียดไป ภายหลังทำจะเข้าไปเลียเจ้าของแล้วกระโดดขึ้นบนหลัง พวกบ่าวทั้งปวงได้ยินเสียงตึงตังประหลาด ก็เห็นเหตุว่าจะมีอันตรายแก่นาย พากันรีบไปช่วยโดยเร็ว ไล่ลาออกไปโรงด้วยเตะแลตีด้วยไม้ ทุบตีด้วยมือเป็นอันมาก ลากลับไปที่อยู่ ถูกตีเกือบจะถึงแก่ความตาย ก็มีความเศร้าโศกคร่ำครวญว่า นี่ตัวเราหาอันตรายใส่ตัวเราเองทั้งนั้น…………..ไม่เต็มใจที่จะทำงานกับเพื่อนทั้งปวงของเราเพราะอยากจะเกียจคร้านตลอดวันเหมือนกับสุนัขเล็ก ที่ไม่มีประโยชน์อันใดฤๅ ๚ะ๛

ไม่รู้จักประมาณตัวว่าตัวควรใช้สถานใด ๚ะ๛

๕๐ เห็นเขาสบายอยากได้ ดลสบาย บ้างแฮ
กลับทุกข์โศกเพียงวาย ชีพม้วย
เพราะไม่ประมาณกาย เกิดแต่ ทุกข์นา
ทำเยี่ยงเขาดีด้วย จึงได้ทุกข์ทวี ๚ะ

ที่ ๕๑ สุนัขซนอย่างคุม

๏ สุนัขตัวหนึ่ง พบใครมักจะย่องเข้าไปที่เท้าเงียบ ๆ กัดเอามิให้ทันรู้ เจ้าของสุนัขนั้นจึงหากระดึงใบหนึ่งผูกไว้ที่คอ เมื่อสุนัขตัวนั้นจะไปที่ไหนให้รู้ว่าไปที่นั่น สุนัขตัวนั้นมีความกำเริบด้วยระฆังก็วิ่งไปให้ระฆังนั้นดังเป็นการอวดท้องตลาด สุนัขแก่ตัวหนึ่งจึงว่ากับสุนัขนั้นว่า ทำไมเจ้าจึงทำการอวดตัวเจ้าเองด้วยเหตุอันนี้ ระฆังที่เจ้าแขวนคออยู่นั้นเชื่อเราเถิด ระฆังที่แขวนอยู่นั้นมิใช่เครื่องอิสริยยศสำหรับความดีดอก อันที่จริงตรงนั้นเป็นที่หมายแห่งความเสียความไม่ดีดอก เพื่อประกาศคนทั้งปวงให้หลีกเจ้า เพราะเจ้าเป็นสุนัขผู้มีอาการอันชั่ว ๚ะ๛

ชื่อเสียงดังเพราะความไม่ดี มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นเกียรติยศเกียรติคุณ ๚ะ๛

๕๑ ฦๅชื่อเพราะชั่วร้าย ทรชน
เรียกต่อฉายาจน เลื่องอ้าง
เข้าใจผิดว่าตน บุญประกอบ
เกียรติยศเกียรติคุณข้าง ชั่วนั้นฤๅถวิล ๚ะ๒๔

 

  1. ๑. มทันโทษไปดล พิมพ์ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย

  2. ๒. โคลงบทนี้และบทอื่นหลังจากนี้ บางบทต้นฉบับหนังสือสมุดไทยไม่ได้ระบุนามผู้ประพันธ์ไว้

  3. ๓. หมายถึงเทพจูปิเตอร์ (Jupiter) ราชาแห่งเทพในตำนานเทพเจ้าโรมัน เท่ากับเทพซูสในตำนานเทพเจ้ากรีก ในหนังสือสมุดไทยเขียนต่าง ๆ กัน เช่น ยูปิดเตอ ยูปิตเตอ จูปิตเตอ จูปิกเตอ

  4. ๔. กระโปรง ในที่นี้หมายถึง เครื่องจักสานเป็นกระบุงรูปทรงสูง กันเป็นสี่เหลี่ยม ปากผายเล็กสอบลงมา ลักษณะคล้ายกระโปรงบานใช้สำหรับขนสิ่งของต่าง ๆ เช่นมะพร้าวหรือข้าวเปลือก

  5. ๕. สปันจ์ ต้นฉบับสมุดไทยเขียนว่า สปันซ์ หมายถึง Sponge แปลว่า ฟองน้ำ

  6. ๖. โคลงบาทแรกในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน ใช้ข้อความจากภาพปักเครื่องตั้งงานพระเมรุ ร.ศ. ๑๐๘

  7. ๗. รามามาจากสำนวน “รามากะทาสี” แปลว่า ข่มเหง, รบกวน, รังแก

  8. ๘. ขี้เท็จ ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเป็น คี่เท็จ

  9. ๙. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน

  10. ๑๐. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน

  11. ๑๑. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือนและชำรุด

  12. ๑๒. นกแก คือ อีแก นกอีแก เป็นนกชนิดหนึ่งในวงศ์นกอีกา แต่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อยค่อนข้างบาง หน้าผาก กระหม่อม คอ และหน้าอกส่วนบนดำเงา มีปลอกคอจากท้ายทอยถึงอก ส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลเทาอ่อน - เข้ม แตกต่างกันตามถิ่นที่อยู่ ปีก หาง และขาเป็นสีดำ ในนิทานพื้นบ้านของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ถือเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของความกตัญญู

  13. ๑๓. แส้ คือ แซ่ แปลว่า วงศ์ตระกูล เขียนแบบคำโทโทษ

  14. ๑๔. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน นับจากนี้ เนื้อความที่ต้นฉบับเลอะเลือนจะเว้นและลงประจุดไข่ปลาไว้

  15. ๑๕. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือนและชำรุด

  16. ๑๖. ระหาย แปลว่า กระหาย, อยากน้ำ, หิวน้ำ

  17. ๑๗. ลีลีปุต หมายถึง Lilliputเกาะลีลลิพุต ในเรื่อง การเดินทางของกัลลิเวอร์ (Gulliver’s Travels) ภาคแรก การผจญภัยที่ลีลลีพุต A Voyage to Lilliput ของโจนาธาน สวิฟต์ (Jonathan Swift) นักเขียนขาวไอริช เป็นชื่อเกาะซึ่งเต็มไปด้วยมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่ยึดมั่นในคุณธรรมความดี จนบางครั้งเป็นการเถรตรงเกินไป

  18. ๑๘. เมืองโรเดศ เป็นการสะกดโดยการถอดพยัญชนะ น่าจะหมายถึง เกาะโรดส์ (Rhodes) อยู่ทางตอนใต้สุดของกรีก

  19. ๑๙. ส้อน คือ ซ่อน เป็นคำโทโทษ

  20. ๒๐. อำยวน แปลว่า ความลับ, ปกปิด, ปิดบัง, พราง, อำพราง

  21. ๒๑. คือ ถั่วฟิลเบิร์ต Filberts เป็นถั่วชนิดเดียวกับเฮเซลนัต

  22. ๒๒. ปทัดไม้ คือ ไม้บรรทัด

  23. ๒๓. คือ มอลทีส (maltese)

  24. ๒๔. จบหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๒ ขึ้นหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ เรื่อง อิศปปกรณัม เล่ม ๓

 

  1. ๑. มทันโทษไปดล พิมพ์ตามต้นฉบับหนังสือสมุดไทย

  2. ๒. โคลงบทนี้และบทอื่นหลังจากนี้ บางบทต้นฉบับหนังสือสมุดไทยไม่ได้ระบุนามผู้ประพันธ์ไว้

  3. ๓. หมายถึงเทพจูปิเตอร์ (Jupiter) ราชาแห่งเทพในตำนานเทพเจ้าโรมัน เท่ากับเทพซูสในตำนานเทพเจ้ากรีก ในหนังสือสมุดไทยเขียนต่าง ๆ กัน เช่น ยูปิดเตอ ยูปิตเตอ จูปิตเตอ จูปิกเตอ

  4. ๔. กระโปรง ในที่นี้หมายถึง เครื่องจักสานเป็นกระบุงรูปทรงสูง กันเป็นสี่เหลี่ยม ปากผายเล็กสอบลงมา ลักษณะคล้ายกระโปรงบานใช้สำหรับขนสิ่งของต่าง ๆ เช่นมะพร้าวหรือข้าวเปลือก

  5. ๕. สปันจ์ ต้นฉบับสมุดไทยเขียนว่า สปันซ์ หมายถึง Sponge แปลว่า ฟองน้ำ

  6. ๖. โคลงบาทแรกในต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน ใช้ข้อความจากภาพปักเครื่องตั้งงานพระเมรุ ร.ศ. ๑๐๘

  7. ๗. รามามาจากสำนวน “รามากะทาสี” แปลว่า ข่มเหง, รบกวน, รังแก

  8. ๘. ขี้เท็จ ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเป็น คี่เท็จ

  9. ๙. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน

  10. ๑๐. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน

  11. ๑๑. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือนและชำรุด

  12. ๑๒. นกแก คือ อีแก นกอีแก เป็นนกชนิดหนึ่งในวงศ์นกอีกา แต่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อยค่อนข้างบาง หน้าผาก กระหม่อม คอ และหน้าอกส่วนบนดำเงา มีปลอกคอจากท้ายทอยถึงอก ส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลเทาอ่อน - เข้ม แตกต่างกันตามถิ่นที่อยู่ ปีก หาง และขาเป็นสีดำ ในนิทานพื้นบ้านของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ถือเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของความกตัญญู

  13. ๑๓. แส้ คือ แซ่ แปลว่า วงศ์ตระกูล เขียนแบบคำโทโทษ

  14. ๑๔. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือน นับจากนี้ เนื้อความที่ต้นฉบับเลอะเลือนจะเว้นและลงประจุดไข่ปลาไว้

  15. ๑๕. ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยเลอะเลือนและชำรุด

  16. ๑๖. ระหาย แปลว่า กระหาย, อยากน้ำ, หิวน้ำ

  17. ๑๗. ลีลีปุต หมายถึง Lilliputเกาะลีลลิพุต ในเรื่อง การเดินทางของกัลลิเวอร์ (Gulliver’s Travels) ภาคแรก การผจญภัยที่ลีลลีพุต A Voyage to Lilliput ของโจนาธาน สวิฟต์ (Jonathan Swift) นักเขียนขาวไอริช เป็นชื่อเกาะซึ่งเต็มไปด้วยมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่ยึดมั่นในคุณธรรมความดี จนบางครั้งเป็นการเถรตรงเกินไป

  18. ๑๘. เมืองโรเดศ เป็นการสะกดโดยการถอดพยัญชนะ น่าจะหมายถึง เกาะโรดส์ (Rhodes) อยู่ทางตอนใต้สุดของกรีก

  19. ๑๙. ส้อน คือ ซ่อน เป็นคำโทโทษ

  20. ๒๐. อำยวน แปลว่า ความลับ, ปกปิด, ปิดบัง, พราง, อำพราง

  21. ๒๑. คือ ถั่วฟิลเบิร์ต Filberts เป็นถั่วชนิดเดียวกับเฮเซลนัต

  22. ๒๒. ปทัดไม้ คือ ไม้บรรทัด

  23. ๒๓. คือ มอลทีส (maltese)

  24. ๒๔. จบหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๒ ขึ้นหนังสือสมุดไทยเลขที่ ๓ เรื่อง อิศปปกรณัม เล่ม ๓

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ