สมุดไทยเลขที่ ๑๕

ที่ ๑๕๘ รูปเมอรควิรี่กับช่างไม้

๏ มีคนหนึ่งเป็นคนจน หากินด้วยเป็นช่างไม้ มีรูปเมอรควิรี่ทำด้วยไม้รูปหนึ่ง ก็บูชาเซ่นสรวงที่หน้านั้นทุกวันทุกวัน ขอให้รูปนั้นทำให้มั่งมี แต่ถึงว่าขออยู่ดังนี้เสมอก็ยิ่งจนลงจนลง จนภายหลังมีความโกรธมาก ก็เอารูปนั้นลงเสียจากที่ตั้ง แล้วเอากระแทกเข้ากับฝาผนัง ครั้นเมื่อหัวรูปนั้นหักออก ทองคำก็ไหลออกมา ช่างไม้นั้นก็รีบโดยเร็ว แล้วว่าเออเราหมายว่าท่านจะกลับกลายเสียทีเดียว ไม่ทำให้ต้องตามสมควรเล่า เพราะเมื่อเรานับถือไหว้กราบท่านอยู่ เรามิได้มีผลประโยชน์อันใดที่จะเก็บได้ แต่เดี๋ยวนี้เราทำไม่ดีต่อท่าน เราได้ความอิ่มเอิบไปด้วยมั่งมีเป็นอันมาก ๚ะ๛

ตีความเป็นสุภาษิตไม่ได้

แต่ตีเอาตามรูปความเห็นว่า ผู้ที่ไม่ทำดีตอบแก่ผู้ที่ทำความดีแก่ตน ก็มักจะต้องทำความดีแก่ผู้ที่คิดร้ายทำร้ายแก่ตน ฯ

……...ลาภแลมิใช่ลาภอันใด หากจะเป็นไปด้วยกรรมแลเคราะห์โชคของตัวเอง ไม่เป็นไปด้วยการขอร้องบนบานเจ้านายผู้ศักดิ์สิทธิ์ แสวงหาขวนขวายให้ยิ่งกว่าธรรมดาที่ควรหาได้ ฯ

ที่ ๑๕โคผู้กับแพะผู้

๏ โคผู้ตัวหนึ่งหนีราชสีห์เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ชาวเลี้ยงแกะเคยอยู่มาแต่ก่อน แพะผู้ตัวหนึ่งเหลืออยู่ในนั้นตัวหนึ่ง ก็เข้าขวิดชนโคด้วยเขาทั้งสองโดยแข็งแรง โคจึงว่ากับแพะโดยคำเฉย ๆ ว่า เจ้าจะชนสักเท่าไรก็ชนไปตามชอบใจเจ้าเถิด เรามิได้กลัวเจ็บ เรากลัวราชสีห์ดอก ขอให้สัตว์ร้ายใหญ่ไปเสียสักครั้งหนึ่ง เราจะให้เจ้ารู้โดยเร็วว่าแรงของแพะอย่างไรแรงของโคอย่างไร ๚ะ๛

๏ การเอาเปรียบเพื่อนกันในเวลาที่คับแค้น แสดงให้เห็นว่าเป็นความคิดอันชั่วร้าย ๚ะ๛

พระยาราชวรานุกูล

ที่ ๑๖๐ ตะเกียง

๏ ตะเกียงใบหนึ่งเต็มไปด้วยน้ำมันจนมากเกินไป ไฟก็โพลงมากนัก ตะเกียงนั้นอวดตัวว่าทำให้สว่างได้มากกว่าพระอาทิตย์ ขณะนั้นลมพัดวูบมาทันที ไฟก็ดับในทันใดนั้น เจ้าของก็จุดขึ้นใหม่ แล้วกล่าวว่าอย่าอวดต่อไปดังนี้ อนึ่งแต่นี้ต่อไปภายหน้าจงเต็มความปรารถนาเพียงให้ความสว่างโดยเงียบ ๆ เถิด แลเจ้าจงรู้เสียว่า แต่ชั้นดาวทั้งปวงก็ไม่ต้องจุดใหม่ ๚ะ๛

คำอวดอ้างคุมเหงตนเกินกว่าที่มีจริง ๆ คำที่อวดเปล่านั้นก็คงปรากฏให้เห็น ๚ะ๛

ขุนพินิจจัย

ที่ ๑๖๑ ราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอกแลลา

๏ ราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอกตกลงเข้ากัน ว่าจะช่วยกันและกันในการไล่สัตว์ ได้มากแล้วกลับมาจากป่า ราชสีห์ก็ขอให้ลาเป็นผู้แจกส่วนให้แก่ผู้ที่ได้สัญญากันทั้งสามตามสมควรแก่ผู้ที่จะได้เป็นส่วน ๆ ลาก็อุตสาหะแบ่งปันโดยความระวัง แบ่งอาหารนั้นออกเป็นส่วนเท่า ๆ กัน แล้วขอโดยสุภาพให้สัตว์ทั้งสองเลือกก่อน ราชสีห์ก็ฉุนขึ้นด้วยความโกรธจับลากินเสียแล้วขอให้สุนัขจิ้งจอกมีความปรานีแก่เราช่วยแบ่งส่วนใหม่ สุนัขจิ้งจอกก็เอาสัตว์ทั้งปวงที่ได้ฆ่ามาแล้วนั้นซ้อน ๆ กันขึ้นเป็นกองใหญ่ เหลือไว้

ส่วนตัวเองแต่อย่างน้อยที่สุดสักคำเดียว ราชสีห์นั้นก็ถามว่าใครสอนท่านเพื่อนผู้ประเสริฐของเราในวิชาที่จะแบ่งปันอย่างนี้ ท่านทำดีทีเดียวมิได้มีความเสียหายเลย สุนัขจิ้งจอกตอบว่าข้าพเจ้าเรียนจากลา ด้วยได้เห็นเหตุการณ์ที่ต้องเป็นมาแล้ว ๚ะ๛

๏ ผู้ซึ่งได้เรียนรู้จากที่เห็นผู้อื่นเป็นอันตราย เป็นผู้มีความสุขหนอ ๚ะ๛

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัต

ที่ ๑๖๒ ขุนนางศีรษะล้าน

๏ ขุนนางผู้หนึ่งศีรษะล้านใส่ผมทำใหม่ออกไปเที่ยวไล่สัตว์ พอลมพัดกระโชกมาหมวกแลผมก็ปลิวไป เมื่อเป็นดังนี้เพื่อนฝูงทั้งปวงก็พากันหัวเราะด้วยเสียงอันดังต่อ ๆ กันไป ขุนนางผู้นั้นก็รั้งบังเทียนม้าไว้ แล้วหัวเราะทำสนุกไปในการที่ล้อนั้นด้วย แล้วกล่าวว่าอัศจรรย์อันใดกับผมที่มิใช่ของข้าพเจ้าจะปลิวไปจากข้าพเจ้า แต่เจ้าของเดิมของผมนั้นเองมันยังมาเสียจากได้ ยังว่าผมนั้นเกิดมาพร้อมกับเจ้าของด้วยกัน ๚ะ๛

ช่วยปกปิดโทษผู้ที่ทำความชั่วคงจะต้องคำซักเมื่อการนั้นจำเป็นต้องปรากฏ ๚ะ๛

ขุนพินิจจัย

ที่ ๑๖๓ คนเลี้ยงแกะกับสุนัข

๏ คนเลี้ยงแกะผู้หนึ่งต้อนแกะเข้าเป็นฝูงในเวลาค่ำ เกือบจะต้อนสุนัขป่าเข้าไปด้วย สุนัขเลี้ยงเห็นดังนั้นจึงเตือนว่านาย ถ้านายปล่อยสุนัขป่าเข้าไปอยู่ในฝูง จะหมายว่าแกะทั้งปวงจะรอดอันตรายอย่างไรฤๅ ๚ะ๛

คนร้ายกับคนดีอยู่ด้วยกันไม่ได้ ๚ะ๛

ขุนพินิจจัย

ที่ ๑๖๔ ต้นโอกทั้งปวงกับจูปิเตอร์

๏ แต่กาลปางก่อนมา ต้นโอกทั้งปวงมิได้เป็นต้นไม้ใหญ่ เป็นแต่ไม้กอเล็ก ๆ มิได้มีความพอใจที่ตัวต้นต่ำดังนั้น จึงขอต่อยูปิดเตอให้ขยับต้นให้สูงแลขยับอ้อมให้ใหญ่ขึ้น ยูปิดเตอชี้แจงห้ามปรามว่า ถ้าได้สมความประสงค์แล้ว ภายหลังจะมีความเสียใจ ต้นโอกมิฟังแล้ว จึงได้ให้ลำต้นสูงใหญ่เหมือนทุกวันนี้ อยู่มาภายหลังหลายปี ต้นโอ๊กขึ้นไปทำคำร้องต่อยูปิดเตอว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องทนความหนักแห่งชีวิตไม่มีประโยชน์อันใดในบรรดาต้นไม้ที่งอกอยู่ทั้งปวงแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องเป็นผู้มีความกลัวขวานอย่างยิ่งติดต่อกันอยู่เสมอ ยูปิดเตอจึงตอบว่าทั้งปวงควรจะตอบใจตัวเอง ในการที่เจ้าจะต้องรับเคราะห์เท่านั้น เพราะตัวเจ้าไม่ได้ทำเป็นเสาใหญ่เสาเล็กอย่างเอก แลมีได้ทำให้ตัวเจ้ามีประโยชน์แก่ช่างไม้แลชาวไร่นาทั้งปวง ขวานก็จะไม่ถูกรากเจ้าบ่อย ๆ ๚ะ๛

คนมีอำนาจวาสนาแลมีทรัพย์มากย่อมมีศัตรูมาก ๚ะ๛

ขุนพินิจจัย

ที่ ๑๕ กระต่ายกับสุนัขไล่สัตว์

๏ สุนัขไล่เนื้อตัวหนึ่งไล่กระต่ายขึ้นจากที่อยู่ เมื่อสุนัขนั้นวิ่งไปไกลแล้วก็หยุดเสีย คนเลี้ยงแพะผู้หนึ่งเห็นสุนัขหยุดก็ร้องล้อว่า ในการวิ่งของสัตว์สองตัวนี้แล้ว ตัวเล็กเป็นอย่างเอก สุนัขจึงตอบว่าท่านไม่เห็นว่าผิดกันอย่างไรในระหว่างข้าพเจ้าทั้งสอง ข้าพเจ้าวิ่งนั้นเพื่ออาหารมื้อเดียว ข้างเขาวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอดก็ต้องผิดกันอยู่เอง ๚ะ๛

ความจำใจทำกับตั้งใจทำย่อมผิดกันเป็นธรรมดา ๚ะ๛

๑๖๕ ผู้ใดประกอบกิจด้วย เต็มใจ
จักกระทำอันใด ห่อนช้า
ผิจำจิตกิจไฉน จักลุ พลันนา
มักจักชวนเฉื่อยล้า เล่ห์นี้ธรรมเนียม ๚ะ

ขุนมหาสิทธิโวหาร

ที่ ๑๖๖ ต้นโอกกับคนตัดไม้ทั้งปวง

๏ คนตัดไม้ทั้งปวงตัดต้นโอกบนเขาแล้วผ่าเป็นซีก ๆ เอากิ่งโอกนั้นเองทำเป็นลิ่มแทรกหว่างไม้ที่ผ่ามาแล้ว เพื่อจะช่วยแรงคนงานทั้งปวง ต้นโอ๊กถอนใจใหญ่แล้วว่า ที่ขวานฟันต้นเรานั้น เรามิได้มีความน้อยใจ แต่มีความเจ็บใจด้วยต้องฉีกเป็นซีกไปเพราะลิ่มทั้งปวง ซึ่งทำด้วยกิ่งของเราเอง ๚ะ๛

๏ ความพินาศอันตรายซึ่งเกิดมาแต่ลูกหลานของเราเอง เป็นอันยากที่จะทนได้ ๚ะ๛

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

ที่ ๑๖๗ ตัวต่อกับงู

๏ ต่อตัวหนึ่งจับบนศีรษะงูแล้วต่อยด้วยเหล็กในเป็นแผลมิได้ถอนเลย งูนั้นจะตายได้ความลำบากอย่างยิ่ง มิรู้ที่จะคิดอ่านอย่างไรให้รอดพ้นศัตรูได้ ฤๅจะไล่ให้พ้นไปเสียก็ไม่ได้ แลเห็นเกวียนบรรทุกหนักด้วยไม้เดินมาทางนั้น ก็คลานเข้าไปเพื่อจะเอาศีรษะรองล้อทั้งปวง แล้วกล่าวว่า ตัวเราแลศัตรูของเราจนถึงความฉิบหายเสียด้วยกันดังนี้เถิด ๚ะ๛

ศัตรูที่สิ้นความคิดมักไม่คิดชีวิตในการที่จะแก้แค้น ๚ะ๛

๑๖๗ หมู่รณจนจิตต้อง ผจญภัย
มักไป่คิดอาลัย ชีพม้วย
เขาประทุษฉันใด จักตอบ แทนนา
ถึงจักวายชีพด้วย เหตุแก้แค้นควร ๚ะ
๑๖๗ หมู่รณจนจิตเข้า ขับขัน
จักหลีกจักหนีกัน ห่อนพ้น
จำจิตคิดประจัญ ประจวบชีพ วายนา
คงรับคงรุกร้น รีบสู้สุดตัว ๚ะ

ขุนมหาสิทธิโวหาร

ที่ ๑๖๘ นกยูงกับนกกระเรียน

๏ นกยูงตัวหนึ่งพบนกกระเรียนก็แผ่หางงามอย่างยิ่ง แลล้อเป็นการเยาะเย้ยนกกระเรียนซึ่งเป็นสีเทา แล้วกล่าวว่าเราแต่งตัวเหมือนกับเจ้าแผ่นดินด้วยสีทองแลสีม่วงกับสีต่าง ๆ อย่างสีรุ้ง ส่วนปีกของเจ้าไม่มีสีอะไรแต่สักอย่างเดียว นกกระเรียนตอบว่าจริง แต่เราบินสูงเสมอฟ้าส่งเสียงไปถึงดาวทั้งปวง ส่วนเจ้าเดินอยู่กับแผ่นดินเหมือนกับไก่ ปนอยู่ในนกที่โสโครกทั้งปวง ๚ะ๛

๏ งามแต่ขนมิได้ทำให้เป็นนกดีได้ ๚ะ๛

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

ที่ ๑๖๙ ไก่กับไข่ทองคำ

๏ ชาวบ้านนอกกับเมียมีนางไก่ตัวหนึ่งใข่เป็นทองคำวันละใบเสมอทุกวัน ผัวเมียคู่นั้นคะเนเห็นว่าไก่ตัวนั้นคงจะมีทองแท่งใหญ่อยู่ภายใน จึงได้ฆ่าไก่เพื่อจะเอาทองนั้น ครั้นเมื่อฆ่าแล้ว เขาทั้งสองก็มีความพิศวงด้วยมิได้เห็นว่าไก่นั้นผิดจากธรรมดาของไก่อื่นเลย ผ้วเมียคู่นั้นหมายใจว่าจะมั่งมีในครั้งเดียว ก็เสียสิ่งซึ่งได้เป็นแน่อยู่ทุกวันนั้นไปด้วย ๚ะ๛

โลภมากลาภหาย

๑๖๙ ผู้ใดใจโลกล้น ลามปาม
ได้หนึ่งจักเอาสาม สี่ห้า
ไป่คิดถ่อมตนลาม โลกล่วง ละเมิดนอ
มักจักลอยหลุดคว้า หนึ่งซ้ำพลอยสูญ ๚ะ
๑๖๙ ผัวเมียไก่ไข่ให้ เป็นทอง
วันละใบใจปอง ลาภล้ำ
จับไก่ผ่าอกมอง หาแห่ง ทองนา
ทอง บ่ ได้ไก่ซ้ำ พืชสิ้นสูญฟอง ๚ะ

ขุนมหาสิทธิโวหาร

ที่ ๑๗๐ ลากับกบ

๏ ลาตัวหนึ่งต้องบรรทุกฟืนข้ามหนอง เมื่อข้ามไปถึงกลางน้ำเท้าเหยียบผิดพลาดล้มลงมิอาจที่จะลุกขึ้นได้ด้วยความหนักแห่งของที่บรรทุก ลานั้นก็ครางหนักทีเดียว กบบางจำพวกที่เคยอยู่ในหนองได้ยินเสียงคร่ำครวญดังนั้นจึงว่า ถ้าท่านต้องอยู่ในที่นี้เสมอเหมือนกับเราจะอย่างไร แต่เพียงหกล้มลงในน้ำเท่านี้ก็ต้องบ่นด้วยฤๅ ๚ะ๛

๏ คนเรามักจะบ่นเนือง ๆ ที่จะทนความลำบากเล็กน้อยไม่ใคร่จะได้ เหมือนกับทนอันตรายใหญ่ ๆ ทั้งปวง ๚ะ๛

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

ที่ ๑๗๑ นกกากับนกแก

๏ นกกาตัวหนึ่งมีความริษยานกแก เพราะถือกันว่านกแกนั้นเป็นนกสำหรับบอกลางไม่ดี ย่อมเป็นที่คนทั้งปวงสังเกต โดยกิริยาที่บินหนีว่าเป็นดีฤๅชั่วต่าง ๆ ในเหตุผลที่จะมีต่อไปข้างหน้านั้น ครั้นเมื่อนกกาเห็นคนเดินทางทั้งปวงเดินมา ก็บินขึ้นไปบนต้นไม้จับลงที่กิ่งไม้อันหนึ่งแล้วร้องเป็นอันดังเต็มเสียง คนเดินทางเหลียวหน้าไปตามเสียง มีความพิศวงว่าจะมีลางล่วงหน้าอย่างไร คนหนึ่งจึงได้ว่ากับเพื่อนกันว่าเราเดินทางไปเถิด เพราะเป็นแต่เสียงการ้องดอกท่าน จงทราบเถิดว่าเสียงกานี้ไม่มีลางอันใด ๚ะ๛

ผู้ใดถือเอาเพศแลกิริยาซึ่งมิใช่เป็นเพศของตัว เป็นเหมือนหนึ่งทำตัวให้เป็นที่เขาหัวเราะเยาะ ๚ะ๛

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

ที่ ๑๗๒ ตั้นไม้ทั้งปวงกับขวาน

๏ ชายผู้หนึ่งเข้าไปในป่าขอต้นไม้ทั้งปวงให้ช่วยหาด้ามขวานให้สักอันหนึ่ง ต้นไม้ทั้งปวงก็ยอมทำตามคำขอให้ต้นแอช (เป็นไม้เหนียว) รุ่นต้นหนึ่ง ครั้นเมื่อชายนั้นได้ไม้ใหม่ทำด้ามติดกับขวานแล้ว ในประเดี๋ยวนั้นก็ลงมือใช้ฟันต้นไม้ใหญ่งามในป่าล้มโดยเร็ว ต้นโอกเก่าต้นหนึ่งก็มีความเศร้าโศกรำพันต่อเพื่อนทั้งปวงเมื่อช้าเกินไปเสียแล้ว ว่ากับต้นชิคาที่อยู่ใกล้ว่า การที่เริ่มแรกเท่านั้นเราอาจเสียได้หมด ถ้าเราทั้งหลายมิได้ยกความชอบธรรมของต้นแอชเสีย เราคงจะยังรักษาอำนาจที่ควรยกควรเว้นของเราไว้ได้ แลยังจะยืนอยู่หลายชั่วอายุ ๚ะ๛

ข่มขี่ผู้น้อยในพวกตัวให้แก่ศัตรูเพื่อปรารถนาจะเอาตัวรอด การนั้นจะกลับเป็นทางฉิบหายใหญ่ทำให้ศัตรูปรารถนาอีก ๚ะ๛

ขุนมหาสิทธิโวหาร

๑๗๒ ข่มผู้ต่ำศักดิ์ให้ ศัตรู
หวังเพื่อตัวรอดชู เชิดไว้
คนอื่นไป่เอ็นดู รักแต่ ตนนา
มักจักเกิดภัยได้ เหตุด้วยอาธรรม์ ฯ

ขุนมหาสิทธิโวหาร

ที่ ๑๗๓ โคแลนางราชสีห์ แลพรานสุกรป่า

๏ โคตัวหนึ่งพบลูกราชสีห์นอนหลับก็ขวิตด้วยเขาถึงแก่ความตาย นางราชสีห์มาพบก็มีความเศร้าโศกคร่ำครวญ ด้วยบุตรแห่งตนถึงแก่ความตาย พรานสุกรป่าผู้หนึ่งเห็นนางราชสีห์ได้ความคับแค้นดังนั้น ก็ยืนอยู่ ณ ที่ไกลแล้วกล่าวว่า ท่านจงคิดดูว่าจะมีคนสักกี่มากน้อย ที่มีเหตุจะต้องคร่ำครวญด้วยเสียบุตรทั้งหลายไปด้วยความตายอันใดซึ่งท่านได้เป็นผู้ทำเหตุนั้น ๚ะ๛

คนพาลผู้ทำอันตรายแก่ผู้อื่นให้ได้ความคับแค้นโดยไม่กรุณา มักจะเห็นโทษแห่งการที่ตนได้ทำนั้นต่อเมื่อเวลาทุกข์นั้นมาถึงตัวเอง ๚ะ๛

๑๗๓ พาละชนชั่วร้าย ทุจริต
เบียนแต่เขาขุ่นนิจ เนื่องร้อน
ห่อนเห็นโทษความผิด ของอาตม์ เองนา
ต่อทุกข์กระทั่งถึงย้อน คิดรู้โทษตน ๚ะ

ขุนมหาสิทธิโวหาร

ที่ ๑๗๔ สุนัขป่าทั้งปวงกับสุนัขเลี้ยงแกะทั้งปวง

๏ สุนัขป่าทั้งปวงว่ากับสุนัขเลี้ยงแกะทั้งปวงว่า ทำไมท่านก็เหมือนกับเราเป็นหลายอย่าง จึงไม่เป็นน้ำใจเดียวกับเราทั้งหลายทีเดียว แลอยู่กับเราทั้งหลายเหมือนกับพี่น้องควรจะอยู่ เราผิดกับท่านก็อย่างเดียวเท่านั้น คือเราอยู่เป็นไทย แต่ส่วนท่านต้องนบนอบแลเป็นทาสของคนทั้งปวง ซึ่งวางวันที่ท่านได้รับการด้วยเฆี่ยนด้วยแส้ แลเอาปลอกรัดคอท่าน อีกเขาทั้งปวงยังซ้ำให้ท่านรักษาฝูงแกะ แต่ครั้นเมื่อเขากินเนื้อแกะแล้วย่อมทิ้งแต่กระดูกให้ท่าน ถ้าท่านจะยอมตามคำเราทั้งหลายชักชวน ให้แกะทั้งปวงแก่เรา เราจะกินแกะนั้นด้วยกันจนเราจะอิ่มเหลือเฟือด้วยกันทั้งสิ้น สุนัขทั้งปวงก็ยอมฟังคำโดยดีตามที่กล่าวชักชวนนี้ แล้วเข้าไปในโพรงแห่งสุนัขป่าทั้งปวง สุนัขป่าทั้งปวงก็จับสุนัขบ้านฉีกเป็นชิ้น ๆ ไป ๚ะ๛

คำชี้แจงชักชวนใด ๆ แม้ถึงจะเป็นคำดีคำจริงอย่างไร ก็มักจะได้ประโยชน์แก่ผู้ชักชวนมากกว่าผู้ที่ทำตาม ๚ะ๛

นายทัศกุเรเตอ

ที่ ๑๗๕ นายขมังธนูกับราชสีห์

๏ นายขมังธนูผู้หนึ่งมีฝีมือชำนาญยิ่งนัก ไปเที่ยวหาสัตว์ตามภูเขา เมื่อเข้าไปในที่แห่งใดสัตว์ทั้งปวงก็พากันหนีหมด มีแต่ราชสีห์ตัวเดียวท้าสู้กันตัวต่อตัว นายขมังธนูก็ยิงลูกธนูลูกหนึ่งไปทันทีแล้วว่าแก่ราชสีห์ว่า เราส่งคนถือข่าวของเราไป แลจากผู้ถือข่าวนั้นท่านจะได้ทราบว่า ถ้าตัวเราต่อตีกับท่านเองจะเป็นอย่างไร ราชสีห์ต้องบาดเจ็บดังนั้นก็วิ่งไปโดยเร็วด้วยความกลัวเป็นอันมาก แลเมื่อนั้นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งซักชวนให้ราชสีห์แข็งใจจงดี แลอย่าให้หนีในการต่อตีครั้งแรก ราชสีห์ตอบว่าท่านแนะนำเราเสียเปล่า แต่เพียงเขาส่งผู้นำข่าวยังน่ากลัวดังนี้แล้ว เราจะคอยให้ตัวเขามาตีเองได้ฤๅ ๚ะ๛

๏ คนซึ่งตีได้แต่ไกล จะไม่เป็นเพื่อนบ้านอันอยู่สบายได้ ๚ะ๛

หลวงอินทรอาวุธ

ที่ ๑๗๖ อูฐ

๏ เมื่อคนได้เห็นอุฐครั้งแรกมีความกลัวนักด้วยรูปร่างใหญ่ก็วิ่งหนี ครั้นภายหลังมาหน่อยหนึ่งเห็นว่าใจอ่อนแลเรียบร้อยไม่ดุร้าย ก็แข็งใจกล้าเข้าไปที่อูฐ ภายหลังไม่นานนักก็สังเกตเห็นว่าเป็นสัตว์ใจไม่แข็งเลย จึงได้ถือเอาความกล้าหาญจนเข้าสอดบังเหียนจนในปากให้เด็กหัดขับไป ๚ะ๛

๏ เคยทำให้หายกลัว ๚ะ๛

หลวงอินทรอาวุธ

ที่ ๑๗๗ ปูกับสุนัขจิ้งจอก

๏ ปูตัวหนึ่งออกจากที่ฝั่งทะเล เลือกเอาที่ป่าหญ้าในที่ใกล้เคียงแห่งหนึ่งเป็นภูมิที่หากิน สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมาพบกำลังหิวอดอยากเป็นกำลังก็กินเสีย เมื่อขณะปูจะต้องกินทีเดียวกล่าวว่า มีธุระอันใดของเราที่จะขึ้นบก เมื่อธรรมดาแลปกติเคยของเราเฉพาะสำหรับอยู่ในทะเลเท่านั้น ๚ะ๛

๏ ความสันโดษเต็มใจในสิ่งซึ่งเป็นของ ๆ เรา เป็นส่วนแห่งความสุข ๚ะ๛

หลวงอินทรอาวุธ

ที่ ๑๗๘ ผู้หญิงกับนางไก่

๏ ผู้หญิงคนหนึ่งมีนางไก่ตัวหนึ่งไข่วันละใบเสมอทุกวัน ผู้หญิงนั้นคิดอยู่เนือง ๆ ว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้ให้ไก่ไข่มากขึ้นกว่าวันละใบเป็นวันละสองใบขึ้น อยากจะได้สมประสงค์ จึงตกลงใจว่าจะให้ไก่กินข้าวสองเท่าที่เคยให้กิน ตั้งแต่นั้นไปไก่ก็อ้วนจนขนเกลี้ยงมิได้ไข่อีกสักครั้งเดียว ๚ะ๛

โลภนักมักจะเป็นเหตุให้การนั้นเสียไปเอง ๚ะ๛

หลวงอินทรอาวุธ

ที่ ๑๗๙ ลากับคนแก่เลี้ยงแกะ

๏ คนเลี้ยงแกะผู้หนึ่งระวังให้ลากินหญ้าอยู่ในป่าหญ้าแห่งหนึ่ง มีความตกใจด้วยเสียงร้องแห่งสัตว์มาในทันที ก็เรียกลาให้หนีไปด้วยกับตัว หาไม่สัตว์จะจับไปได้ทั้งสองด้วยกัน ลาตอบอย่างขี้เกียจทีเดียวว่า ข้าพเจ้าขอถามท่านว่าเหมือนอย่างข้าพเจ้านี้ ท่านคิดเห็นว่าท่านผู้ที่ชนะดูเหมือนจะบรรทุกต่างข้าพเจ้าสองคู่ฤๅ คนเลี้ยงแกะตอบว่าไม่ดอกลาจึงตอบว่านั่นแล ถ้าข้าพเจ้าต้องบรรทุกต่างสำรับเดียวอยู่ตราบใด ก็จะเป็นอันใดกับข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าจะต้องรับการของท่านผู้ใด ๚ะ๛

.ในการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครอง คนจนนี้ได้เปลี่ยนแปลงอันใดยิ่งกว่านี้ เปลี่ยนชื่อนายของตัว ๚ะ๛

หลวงอินทรอาวุธ

ที่ ๑๘๐ เหยี่ยวกับท่านทั้งปวง

๏ เหยี่ยวแต่อายุเก่าได้ความพิเศษที่ร้องเพลงได้เหมือนกับห่านทั้งปวง แต่ครั้นได้ยินเสียงม้าร้องก็ลุ่มหลงเห็นเพราะไปด้วยเสียงม้า ก็หัดเลียนทำเสียงม้า แต่หัดร้อง ๆ อย่างม้าก็ลืมร้องเพลงเสีย ๚ะ๛

ความปรารถนาซึ่งเป็นแต่ความคิดเห็นว่าจะเป็นดี มักจะเป็นเหตุให้กลับเสียสิ่งดีซึ่งมีอยู่แล้ว ๚ะ๛

กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม

ที่ ๑๘๑ กระต่ายทั้งปวงกับสุนัขจิ้งจอก

๏ กระต่ายทั้งปวงกำลังรบอยู่กับนกอินทรีทั้งปวง เรียกให้สุนัขจิ้งจอกช่วย สุนัขจิ้งจอกทั้งปวงจึงตอบว่า ถ้าเราทั้งหลายไม่รู้ว่าท่านเป็นอย่างไร แลผู้ที่ท่านรบกันเป็นผู้ใด เราก็จะมีความเต็มใจที่จะช่วยท่าน ๚ะ๛

คิดราคาเสียก่อนที่ท่านจะออกตัวจงทำ ๚ะ๛

กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม

ที่ ๑๘๒ สุนัขจิ้งจอกกับเม่น

๏ สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งว่ายข้ามแม่น้ำลอยไปตามกำลังน้ำเชี่ยว ถึงที่ฝั่งสองข้างเป็นเขาชันลึก ก็นอนทอดอยู่นานเจ็บช้ำมากมิอาจที่จะไหวตัวได้ แมลงวันที่กินเลือดตอมว่อนโดยความหิวแล้วจับที่ตัวสุนัขจิ้งจอก เม่นตัวหนึ่งมีความสงสารที่สุนัขจิ้งจอกได้ความลำบาก จึงขอว่าจะช่วยปัดใส่แมลงวันที่กวนให้มีความลำบากให้ สุนัขจิ้งจอกตอบว่า ไม่ต้องการเลย ขอท่านอย่าได้ไปกวนมัน เม่นถามว่าทำไมอย่างนั้น ท่านไม่อยากจะพ้นแมลงวันฤๅ สุนัขจิ้งจอกตอบว่า ข้าพเจ้าไม่อยาก เพราะแมลงวันที่ท่านเห็นเหล่านี้ล้วนแต่กินเลือดเต็มแล้ว จะต่อยเราก็แต่เล็กน้อย ถ้าท่านจะให้เราพ้นแมลงวันที่กินอิ่มพวกนี้แล้ว พวกอื่นที่หิวคงจะมาแทน ก็จะกินเลือดของข้าพเจ้าที่ยังเหลืออยู่เสียหมด ๚ะ

จำทนทุกข์แห่งศัตรูที่ได้เคยเบียดเบียนอยู่แล้ว ดีกว่าเปลี่ยนไปหาศัตรูที่ยังไม่เคย ๚ะ๛

นายทัศกุเรเตอ

ที่ ๑๘๓ สุนัขกับกระต่าย

๏ สุนัขไล่สัตว์ตัวหนึ่งไล่กระต่ายไปข้างเนินแล้วตามไปใกล้หน่อยหนึ่ง ในคราวหนึ่งกัดกระต่ายเหมือนกับจะเอาชีวิต อีกเวลาหนึ่งโผเข้าไปหยอกกระต่ายเหมือนกับเล่นด้วยสุนัขตัวอื่น กระต่ายจึงว่า เราอยากให้ท่านทำแก่เราโดยจริง แลขอให้ท่านแสดงตนท่านในธงที่จริง (สองชาติวิวาทรบกันมักจะแกล้งปลอมใช้ธง) โดยตรง ๆ ถ้าท่านเป็นมิตรทำไมท่านจึงกัดเราแรงดังนี้ ถ้าท่านเป็นศัตรูทำไมท่านจึงโผมาหยอกเรา ๚ะ๛

ผู้ใดซึ่งท่านไม่ทราบว่าจะเป็นที่ไว้ใจได้ฤๅไม่ไว้ใจได้ ผู้นั้นมิใช่มิตร ๚ะ๛

กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม

  1. ๑. ในหนังสือสมุดไทย ท้ายเรื่องที่มีลงนาม “พระยาราชวรานุกูล” กำกับไว้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นกวีที่ได้รับมอบหมายให้แต่งโคลงสุภาษิตประกอบนิทานเรื่องนี้

  2. ๒. ในหนังสือสมุดไทย ท้ายเรื่องมีลงนาม “ขุนพินิจจัย” กำกับไว้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นกวีที่ได้รับมอบหมายให้แต่งโคลงสุภาษิตประกอบนิทานเรื่องนี่ ทั้งนี้นักแต่งนิทานเรื่องนี้เป็นต้นไป หากมีชื่อกวีท้ายนิทาน และไม่มีโคลงสุภาษิตท้ายเรื่อง แสดงว่าเป็นนามกวีที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว

  3. ๓. คือ ต้นโอ๊ก

  4. ๔. โคลงบทนี้ในหนังสือสมุดไทย เดิมแต่งว่า “เบียนแต่เขาเนืองนิจ รุ่มร้อน” แต่มีการแก้ไขเป็น ๒ แบบ คือ “เบียนแต่เขาขุ่นนิจ เนื่องร้อน” และ “เบียนแต่เขาเนืองกิจ กระหน่ำร้อน”

  5. ๕. ยังไม่พบต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เรื่อง อิศปปกรณำ เล่ม ๘ เรื่องที่ ๑๘๔ - ๒๑๓

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ