๏ จะกล่าวความพราหมณ์จินดามาถึงบ้าน |
ไม่พบพานอนุชานํ้าตาไหล |
เพราะนึกแหนงแคลงพี่จึงหนีไป |
เหลืออาลัยระลึกแล้วตรึกตรา |
ให้เกรงบุญจุลจักรศักดิ์กระษัตริย์ |
เธอพรากพลัดเผ่าพงศ์พระวงศา |
สันโดษเดียวเที่ยวเร่อยู่เอกา |
ไม่รู้ว่าวงศ์วานประการใด |
เมื่อแรกพามาเล่าเราไม่แจ้ง |
ว่าศักดิ์แห่งสุริย์วงศ์พระองค์ไหน |
พิเคราะห์ดูกุมารเมื่อนานไป |
คงจะได้สืบกระษัตริย์ในปัถพี |
จำจะไปสืบถามถึงความต้น |
ที่ตำบลบ้านป่าพนาสี |
ให้พบปะพระชนกชนนี |
พระอยู่ที่นัคเรศประเทศใด |
แล้วจะคิดติดตามทรามสวาท |
พบหน่อนาถจะได้แจ้งแถลงไข |
ด้วยทำผิดคิดชอบประกอบไว้ |
จึงจะได้พึ่งพาบารมี ฯ |
๏ แล้วเคี้ยวยาทากายกลายเป็นนก |
ขยับยกปีกหางอย่างปักษี |
พอแดดอ่อนร่อนเร่ขึ้นเมฆี |
จรลีลอยฟ้านภาลัย |
สังเกตจำตำบลแต่หนหลัง |
ตรงไปยังบ้านป่าที่อาศัย |
ครั้นคํ่าค้างกลางวันรีบดั้นไป |
ถึงบ้านไร่ที่มาปะพระกุมาร |
เห็นที่อยู่ดูแลแน่ในจิต |
ยิ่งขุกคิดถึงพระองค์แล้วสงสาร |
จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์เดินตามธาร |
เข้าบ้านพรานพร้อมหน้าชาวป่าดง |
ต่างซักถามพราหมณ์บอกเราออกบวช |
มาเที่ยวสวดสิกขาป่าระหง |
แล้วหยุดนั่งพรั่งพร้อมพรานล้อมวง |
เจ้าพราหมณ์สงสัยถามไปตามแคลง |
แต่ก่อนเก่าชาวบ้านท่านทั้งหลาย |
ลูกหลานหายหรือไม่จะใคร่แจ้ง |
ระลึกดูผู้ใดทำไร่แตง |
จงแสดงจะได้เล่าให้เจ้าฟัง |
ฝ่ายอีแตแม่อ้ายตันตาพรานเพิก |
ฟังลำเลิกรำลึกตามเนื้อความหลัง |
จึงว่าคราวเจ้าประเทศนิเวศน์วัง |
มาอยู่ทั้งมเหสีเธอมีครรภ์ |
ครั้นมีลูกผูกแหวนข้างแขนขวา |
ทำเปลผ้าผูกไว้ในไพรสัณฑ์ |
ไปตักน้ำพรมแตงช่วยแรงกัน |
กุมารนั้นสูญหายไปหลายปี |
พอข้าเฝ้าเสนามาตามรับ |
เสด็จกลับไปบำรุงซึ่งกรุงศรี |
เราเลี้ยงดูภูวไนยพลอยได้ดี |
ตั้งเป็นที่นายบ้านขุนพรานไพร |
ซึ่งท่านถามความต้นแต่หนหลัง |
ได้ยินมั่งหรือเห็นเป็นไฉน |
จะจดจำนำข่าวลูกท้าวไท |
จงบอกให้แจ้งจิตในกิจจา |
เจ้าพราหมณ์ว่าถ้าเราขึ้นเฝ้าท้าว |
จะแจ้งข่าวทรงยศโอรสา |
ท่านเลี้ยงดูภูธรแต่ก่อนมา |
จงช่วยพาเราไปเฝ้าเจ้ากรุงไกร |
พรานทมิฬยินดีว่าอีพ่อ |
รางวัลพอแล้วเจ้าพราหมณ์หามไมไหว |
อย่ารอรั้งนั่งช้าจะพาไป |
แล้วเรียกไพร่ตะพายย่ามมาตามที |
ออกเดินทางกลางย่านหยุดบ้านป่า |
ได้สิบห้าวันรุ่งถึงกรุงศรี |
เวลาเฝ้าเข้าหาเสนาบดี |
พร้อมอยู่ที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ |
๏ จะกลับกล่าวเจ้าแผ่นดินอินณุมาศ |
อยู่แท่นทองห้องปราสาทราชฐาน |
นิมิตฝันวันจะรู้เรื่องกุมาร |
ว่าพวกพรานชูช่วงดวงมณี |
มาถวายฝ่ายพระองค์ก็ทรงรับ |
กระจ่างจับแจ่มพระหัตถ์ด้วยรัศมี |
แล้วเคลื่อนคล้อยลอยรอบขอบบูรี |
มาอยู่ที่รอบฉัตรเป็นอัศจรรย์ |
พอรุ่งเช้าท้าวให้โหราเฒ่า |
เข้ามาเฝ้าเล่าตามเนื้อความฝัน |
โหรหารคูณทูลความในสามวัน |
ข่าวพงศ์พันธุ์นั้นจะมาถึงธานี |
พระจอมวังฟังคำให้บำเหน็จ |
แล้วเสด็จออกพลับพลาหลังคาสี |
พร้อมพฤฒาข้าบาทราชกระวี |
ขุนเสนีทูลความพราหมณ์จินดา |
ได้ทราบข่าวราวเรื่องโอรสรัก |
ว่ายักษ์ลักเอาไปไว้ในคูหา |
กรุงกระษัตริย์ตรัสถามตามสงกา |
พราหมณ์จินดาทูลความตามทำนอง |
ว่าเดิมกุมภัณฑ์พาข้าไปไว้ |
กับหน่อไทได้เห็นกันเป็นสอง |
ขุนยักษ์ใช้ให้เลี้ยงรักเพียงน้อง |
มีผ้าทองทำอู่ให้กุมาร |
ธำมรงค์วงเพชรเจ็ดกะรัต |
ผูกพระหัตถ์เบื้องขวาน่าสงสาร |
จนใหญ่กล้าข้าแถลงให้แจ้งการ |
ว่าขุนมารลักพาเอามาไว้ |
จึงลวงล่อขอวิชาพญายักษ์ |
สิทธิศักดิ์ทรงเวทตามเพศไสย |
รู้ดำดินบินถาสุราลัย |
ขุนมารให้ชื่อข้าจินดาพราหมณ์ |
พระโฉมยงองค์สิงหไกรภพ |
ได้เรียนจบมนตร์เวทไม่เข็ดขาม |
ได้ท่วงทีหนีกุมภัณฑ์มันก็ตาม |
จนถึงความมรณานิคาลัย |
หน่อกระษัตริย์พลัดข้าบนอากาศ |
ต่างแคล้วคลาดมิได้เห็นเป็นไฉน |
เที่ยวติดตามถามข่าวถึงท้าวไท |
จงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ฯ |
๏ พระฟังข่าวราวเรื่องโอรสราช |
บรมนาถเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
แหวนจินดาผ้าทองของสำคัญ |
เป็นแม่นมั่นมิได้แหนงแคลงพระทัย |
จึงบัญชาว่าเจ้าพราหมณ์มีความชอบ |
จะประกอบก่อเกื้อเหมือนเนื้อไข |
จะตามติดคิดอ่านประการใด |
จึงจะได้อนุชามาธานี |
แล้วตรัสถามพราหมณ์พฤฒาโหราราช |
ให้คิดคาดคูณชะตาในราศี |
แต่หายไปได้เสร็จสิบเจ็ดปี |
ประเดี๋ยวนี้อยู่หนตำบลใด |
พระโหรดูรู้ความตามตำรับ |
น้อมคำนับทูลแจ้งแถลงไข |
ขอเดชะพระโอรสยศไกร |
เสด็จไปได้คู่ทิศบูรพา |
อยู่สำนักยักษ์พวกผีเสื้อ |
สตรีเชื้อสูงศักดิ์ช่วยรักษา |
อีกหนึ่งถึงราหูชูชะตา |
จะคืนมานัคเรศนิเวศน์วัง |
พระฟังคำทำนายค่อยคลายเศร้า |
ด้วยโหรเฒ่าทายแน่มาแต่หลัง |
จึงเอื้อนอรรถตรัสความให้พราหมณ์ฟัง |
เมื่อคราวครั้งตกยากจากธานี |
ทั้งเสียบุตรสุดสลดกำสรดโศก |
แสนวิโยคยากเข็ญปิ้มเป็นผี |
สองปีครึ่งจึงจะมาถึงธานี |
ประเดี๋ยวนี้เจ้าพราหมณ์นำความมา |
ได้เห็นเจ้าเท่าเห็นโอรสราช |
จะหมายมาดเหมือนหนึ่งวงศ์เผ่าพงศา |
จงอยู่คอยในบูรีด้วยปรีดา |
เมื่อน้องมาจะได้พบประสบกัน ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมก้มสิโรตม์ |
ซึ่งทรงโปรดชุบย้อมกระหม่อมฉัน |
ขอบพระคุณกรุณาสารพัน |
แต่ทุกวันนี้วิตกในอกใจ |
จึงขอตามทรามสวาทราชโอรส |
ว่าทรงยศอยู่ประเทศนิเวศน์ไหน |
จะทูลความตามประสงค์จำนงใจ |
เชิญหน่อไทเสด็จมายังธานี |
พระฟังพราหมณ์ความรักเห็นหนักแน่น |
มิให้แค้นเคืองข้องจะหมองศรี |
จึงตรัสว่าถ้าไม่อยู่ในบูรี |
พ่อจะกรีฑาพลสกลไกร |
สักสิบหมื่นพื้นชำนาญในการศึก |
ตามจะนึกนำพลไปหนไหน |
เกิดวิบัติขัดขวางเป็นอย่างไร |
ก็จะได้แก้กันอันตราย |
เจ้าพราหมณ์ว่าถ้าดำเนินเดินแสวง |
ทุกเขตแขวงค้นคว้าช้าใจหาย |
ข้าเหาะได้ไปเที่ยวผู้เดียวดาย |
แสนสบายไพรีไม่บีฑา |
แล้วกลับแกล้งแปลงกายกลายเป็นนก |
ประคองยกปีกประนมก้มเกศา |
พลางเผ่นโผนโจนบินขึ้นเมฆา |
ตรงไปสู่บูรพาพนาลัย ฯ |
๏ ปางองค์ท้าวเจ้าบูรินทร์อินณุมาศ |
ทั้งอำมาตย์มาตยาอัชฌาสัย |
เห็นศักดิ์สิทธิ์ฤทธิพราหมณ์บินตามไป |
หมายจะได้โอรสยศยง |
ต่างชื่นช่วยอวยพรบวรสวัสดิ์ |
ทั้งกระษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์ |
แสนเสนาข้าบาทญาติวงศ์ |
คิดคอยองค์หน่อไทมิได้วาย ฯ |