ตอนที่ ๑๖ สิงหไกรภพให้จัดงานถวายพระเพลิงพระศพท้าวอินทณุมาศและนางจันทร

๏ ฝ่ายพระองค์ทรงมหาศักดาเดช เห็นอัคเรศรักกันก็หรรษา
ครั้นสุริย์ฉายบ่ายคะเนได้เวลา ออกนั่งหน้าพระโรงรัตน์ชัชวาล
พร้อมพระวงศ์พงศาพฤฒามาตย์ อภิวาทดาษดาแน่นหน้าฉาน
พระตรัสถามความเมรุที่เกณฑ์การ ต้องงดงานการค้างเป็นอย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายขุนนางช่างทำทุกตำแหน่ง เอาแผนที่ชี้แจงแถลงไข
ได้ปรุงปรับสรรพเสร็จสำเร็จไว้ ตัดหัวไม้เกลากล่อมมีพร้อมกัน
ทั้งเมรุซิกเมรุแซ๊กแผนกนอก ระทาดอกไม้ฉัตรได้จัดสรร
แม้นจะตั้งนั่งร้านทำการนั้น สักสิบวันก็จะเสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ พระทรงฟังสั่งให้ทำทุกตำแหน่ง แล้วให้แต่งคำประกาศราชสาร
ไปแจ้งทั่วหัวเมืองตามเรื่องงาน ให้พวกมารม้าใช้ถือไคลคลา
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นปราสาท พวกอำมาตย์บาดหมายตามซ้ายขวา
บ้างเขียนบอกลอกฉบับประทับตรา สั่งให้ม้าใช้ถือหนังสือไป
พวกทำเมรุเกณฑ์พลอลหม่าน ถือพร้าขวานถากฟันเสียงหวั่นไหว
ตั้งนั่งร้านกว้านรอกทั้งนอกใน ยกเสาใหญ่ใส่ประดับปรับเครื่องบน
พวกเมรุทิศติดยอดตลอดสล้าง ยกสามสร้างส่งรับกันสับสน
สี่ตำรวจตรวจไล่พวกไพร่พล บ้างแบกขนอลหม่านทำการเมรุ
บ้างผูกแผงแบ่งบวกฝ่ายพวกเขียน ประจงเจียนรูปวาดแต้มชาดเสน
ประกวดกันสันทัดล้วนจัดเจน ทุกกองเกณฑ์จัดระดมเข้าสมทบ
สถลมารถราชวัติยกฉัตรปัก รูปสัตว์ชักผ้าไตรใส่มรฑป
ทั้งโรงเล่นเต้นรำรีบทำครบ ช่างสมทบทำเบญจาเสร็จสารพัน ฯ
๏ ฝ่ายเสนาม้าใช้ไปทุกแห่ง วางบอกแจ้งเจ้าประเทศทุกเขตขัณฑ์
กุมารชัยสุริยามามารัน สมทบกันกับบิดารีบคลาไคล
ถึงกรุงแก้วโกญจาพากันเข้า ไปคอยเฝ้าริมพระโรงจรัสไข
กับเมืองน้อยร้อยประเทศเขตกรุงไกร ทั้งนายไพร่พร้อมหน้าแน่นธานี ฯ
๏ จะกล่าวองค์ทรงฤทธิ์อดิศร สถาวรภิญโญดังโกสีย์
สถิตแท่นแว่นฟ้าฝูงนารี คอยพัดวีแวดล้อมอยู่พร้อมเพรียง
สาวสุรางค์นางสำหรับร้องขับกล่อม ประสานซ้อมซอเรื่อยฉํ่าเฉื่อยเสียง
บ้างดีดสีปี่แก้วแจ้วจำเรียง วิเวกเวียงวังราชไม่ขาดวัน
ครั้นเวลานาทีสี่โมงเศษ พระปิ่นเกศโกญจามหาสวรรย์
เข้าที่สรงทรงสุคนธ์ปนอำพัน กระแจะจันทน์หอมฟุ้งจรุงใจ
แล้วทรงเครื่องเรืองจรัสไตรตรัสเตร็จ ล้วนพลอยเพชรแพรวพร่างสว่างไสว
ครั้นเสร็จสรรพจับพระแสงสวมมาลัย กำนัลในนางห้ามตามลีลา
ออกแท่นทองห้องโถงพระโรงราช พร้อมอำมาตย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา
พระเอื้อนอรรถตรัสเรียกพราหมณ์จินดา กับชัยสุริยามาหน้าบัลลังก์
แล้วตรัสถามความเมืองขัดเคืองเข็ญ หรือค่อยเป็นสุขสบายเมื่อภายหลัง
ต่างทูลพระหริวงศ์ดำรงวัง เป็นสุขทั้งสองนครไม่ร้อนรน
ด้วยเดชะพระเดชปกเกศช่วย อุดมด้วยไร่นาได้ฟ้าฝน
ทั้งเหนือใต้ไพร่ฟ้าประชาชน ทุกตำบลบันเทิงเริงสำราญ
พระทรงฟังสรรเสริญเจริญสวัสดิ์ โองการตรัสถามสิ้นทุกถิ่นฐาน
พวกผู้รั้งต่างประณตบทมาลย์ ทูลถึงบ้านเมืองเป็นสุขทุกตำบล
พระชื่นชมโสมนัสดำรัสสั่ง ให้โหรตั้งฤกษ์มหาสถาผล
จะมีงานการพระศพสมทบพล ให้ปลอดพ้นไพรีที่บีฑา
โหรรับสั่งตั้งวิธียี่สิบเจ็ด ได้ฤกษ์เสร็จทิพตรีดีหนักหนา
จึงกราบทูลมูลความตามตำรา ขึ้นสิบห้าคํ่านั้นไม่อันตราย ฯ
๏ พระทรงฟังสั่งขุนนางต่างตำแหน่ง ให้จัดแจงเตรียมประกาศแจกบาดหมาย
แล้วคืนเข้ามนเทียรวิเชียรพราย สั่งขรัวยายท้าวนางเตรียมข้างใน ฯ
๏ ฝ่ายเวียงวังคลังนามาข้างนอก ต่างหมายบอกตามตำแหน่งแถลงไข
ถึงวันฤกษ์เบิกอรุณวิ่งวุ่นไป ต่างสอดใส่เสื้อแดงตกแต่งกาย
พวกเกณฑ์แห่แตรสังข์หน้าหลังรถ ถือกลิ้งกลดอภิรุมกั้นชุมสาย
ทั้งจามรชอนตะวันเป็นหลั่นราย ข้างหน้าฝ่ายซ้ายขวาเทวาเรียง
ทั้งรูปสัตว์จัตุบาทประหลาดหลาก มีคนลากล้อแห่เซ็งแซ่เสียง
กลองชนะมลายูเป็นคู่เคียง ได้พร้อมเพรียงเชิญพระโกศขึ้นรถทอง
สารถีตีม้าชักคลาเคลื่อน ดูงามเหมือนเวชยันต์ผันผยอง
ทั้งหน้าหลังสังข์แตรเสียงแซ่ซ้อง ปี่พาทย์ฆ้องกลองประโคมครื้นโครมดัง
พวกพระวงศ์พงศาทรงม้าเครื่อง เสด็จเนื่องแน่นทางไปข้างหลัง
ถึงเมรุรัตน์จัตุสดมภ์กรมวัง เชิญพระโกศแก้วตั้งบนเบญจา ฯ
๏ พวกโยคีชีพราหมณ์ขึ้นสามสร้าง หนังสือกางต่างประกวดสวดคาถา
เหล่าฤๅษีชีไพรใส่ชฎา นิมนต์มาบังสุกุลทำบุญทาน
ถวายร่มพรมหนังเครื่องสังเค็ด ครั้นสรรพเสร็จสวดสิกขาฉันอาหาร
ฝ่ายชาวคลังบังคมก้มกราบกราน ขึ้นทิ้งทานกำมพฤกษ์[๑]เสียงคึกคัก
พวกชายหญิงชิงมะนาวทั้งสาวหนุ่ม เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกลัดพลิกพลัดผลัก
บ้างแกะมือยื้อลากกระชากชัก เสียงอึกอักอุตลุดฉวยฉุดชิง
พวกชายเบียดเสียดสาวพลาดเท้าล้ม แกล้งเกลียวกลมกอดปลํ้าขยำหญิง
เสียงฮาเฮเซซวนป่วนประวิง บ้างล้มกลิ้งวิ่งโจนลุยโคลนเลน ฯ
๏ ฝ่ายพวกเล่นเต้นรำโรงหุ่นโขน ตีตะโพนกลองฉาวเชิดกราวเขน
พวกไม้สูงสันทัดล้วนจัดเจน หกคะเมนไต่ลวดประกวดกัน
บ้างรำแพนแอ่นอกหางนกถือ กระหวัดมือแกว่งกวัดสะพัดผัน
คนดูเพลินเดินดื่นนับหมื่นพัน เที่ยวดูงานการประชันเบียดกันเอง
พวกผู้หญิงชิงที่ดูอีเหนา[๒] ที่เป็นเจ้าคารมรุกข่มเหง
พวกขี้เมาเหล่าชายฝ่ายนักเลง เที่ยวโฉงเฉงฉวยคว้าหยอกนารี ฯ
๏ ฝ่ายสาวสาวชาวป่าชาวนาสวน แต่ล้วนอ้วนจํ้ามํ่าดำมิดหมี
ดัดปีกเชิดเปิดปั้นนํ้ามันตานี ห่มสองสีซัดสอดขอดเงินเฟื้อง
ตะวันบ่ายไขอัฐออกซื้อของ ชวนพี่น้องนั่งเคี้ยวข้าวเหนียวเหลือง
ส่วนชาววังนางสาวสาวนางชาวเมือง ชำลักชำเลืองเยื้องกรายชม้ายเมียง
เห็นหนุ่มหนุ่มกลุ้มกลัดดัดจริต ใครเดินเชิดเฉียดนิดก็หวีดเสียง
เที่ยวดูเล่นเต้นรำแซ่สำเนียง มาพร้อมเพรียงไพร่ฟ้าทั้งธานี
พอเบี่ยงบ่ายฝ่ายองค์พระทรงเดช ออกทอดพระเนตรนั่งหน้าพลับพลาสี
พวกข้าเฝ้าเจ้าเมืองเอกโทตรี อัญชลีเฝ้าแหนอยู่แน่นนันต์
ให้เปรียบคู่ผู้หญิงชกมวยปลํ้า ข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งขาวสาวขยัน
กางเกงลายสายถักเสื้อกั๊กกัน ต่างตั้งมั่นเหม่นเหม่คนเฮฮา
เข้าทุบทอยต่อยตะกายป่ายปุบปับ เสียงตุบดับเตะผางถูกหว่างขา
กางเกงแยกแตกควากเป็นปากกา ผู้ชายฮาเฮลั่นสนั่นดัง
ต่างเหนื่อยหอบหมอบทรุดให้หยุดอยู่ จูงมือคู่ปลํ้าเข้ามาหน้าที่นั่ง
ต่างประหม่าหน้าตื่นยืนเก้งกัง เขาทุบหลังให้บังคมประพรมนํ้า
แล้วลุกขึ้นยืนประจัญขยั้นขยับ เข้ายุดจับขาแข้งแย่งขยำ
ต่างกอดเกี้ยวเกลียวกลมล้มคะมำ คนหนึ่งควํ่าคนหนึ่งหงายผู้ชายฮา
ขึ้นอยู่บนคนควํ่าขยำขยิก คนล่างพลิกผลักแพลงไขว้แข้งขา
กอดประกับกลับไพล่พลิกไปมา คนดูฮาเฮสนั่นครื้นครั่นไป
ครั้นเย็นยํ่าคํ่าพลบจุดคบรอบ ทังโคมขอบเมรุกระจ่างสว่างไสว
พวกขุนหมื่นขึ้นบนหน้าระทาไฟ จุดดอกไม้ช้างร้องก้องโกลา
ทั้งกรวดใหญ่ไฟพราวดังดาวหาง นกบินพร่างพรายร่อนว่อนเวหา
เสียงพลุกึงตึงสว่างกลางเมฆา หน้าพลับพลาไม้กระถางต่างต่างกัน
โคมมังกรเหมือนมังกรเป็นตอนต่อ มีแก้วล่อไล่เวียนวงเหียนหัน
สิงโตเต้นเล่นถวายดูหลายพรรค์ หนังประชันเรียงโรงเกราะโกร่งดัง
พวกคนดูอยู่จนดึกเสียงครึกครื้น บ้างนั่งยืนมุ่งเขม้นดูเล่นหนัง
จนปิ่นปักนัคเรศเข้าเขตวัง ชายหญิงยังนั่งแน่นแสนสำราญ
เป็นทุกข์แท้แต่นางช่างร้องไห้ พิรี้พิไรร่ำว่าน่าสงสาร
เจ้าพระคุณทูลกระหม่อมจอมศฤงคาร ร่มโพธิ์ทองของดิฉานนิพพานไป
นํ้าตาไม่ใคร่จะมีขยี้แกล้ง ให้ตาแดงดังหนึ่งว่านํ้าตาไหล
สะอึกสะอื้นครื้นเครงวังเวงใจ สนั่นในเมรุสุวรรณพรรณราย
อันเรื่องราวกล่าวงานการพระศพ สมโภชครบเจ็ดวันเหมือนมั่นหมาย
พอเวลาสายันห์ตะวันชาย จึงถวายพระเพลิงโพลงส่งสการ
เป็นเสร็จสรรพจับเรื่องเมืองน้อยใหญ่ ทูลลาไปนคเรศประเทศสถาน
พราหมณ์จินดาพาพหลพลมาร กลับไปผ่านพารากรุงมารัน
แต่ชัยสุริยายังอยู่วังหน้า เป็นไข้สาระบิดให้โศกศัลย์
แกล้งรั้งรอจะขอพระเหมวรรณ ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลา
วันถวายเพลิงพระศพได้พบพักตร์ ชำเลืองลักเหลือบเนตรดูเชษฐา
เห็นเหงาง่วงท่วงทีไม่ปรีดา กิริยาเหมือนจะมิทจิตใจ
เจ้าพี่เอ๋ยเคยมาเห็นมาเว้นว่าง ต้องเริศร้างห่างมิตรพิสมัย
จะทูลขอต่อพระภูวไนย ถ้าโปรดให้จะได้น้องไปครองชม
แม้นมิโปรดโทษพี่ถึงชีวิต ถึงม้วยมิดไม่เสียดายเท่าปลายผม
อยู่เป็นคนทนทุกข์ระทมตรม จะสู้ก้มหน้าตายให้หายรัก
แม้นชีวีมีอยู่เป็นบุรุษ ไม่สิ้นสุดโศกทรวงสุดหน่วงหนัก
จะน้อมโน้มโลมปลอบคิดลอบลัก พาน้องรักไปอยู่ถํ้าด้วยจำเป็น
จะทำไร่ไถนาปลูกงาถั่ว พออิ่มผัวเมียมิให้ใครเขาเห็น
ถึงทุกข์โศกโรคร้อนจะหย่อนเย็น ไม่รักเป็นเจ้านายให้อายใจ
แต่นิ่งนึกตรึกตราจะว่ากล่าว ทำเรื่องราวทูลแจ้งแถลงไข
เขียนสำเร็จเสร็จสรรพแล้วพับไว้ พอวันได้ฤกษ์ดีก็ปรีดา
จึงจัดแจงแต่งองค์ไปทรงเสลี่ยง พร้อมพี่เลี้ยงไพร่นายทั้งซ้ายขวา
เข้าในวังรั้งรอพอเวลา พระออกว่าราชการงานบูรี
ไม่เข้าเฝ้าเข้าไปในวังราช ขึ้นปราสาทสร้อยสุดามารศรี
ค่อยก้มกรานคลานเข้าเฝ้าพระเสาวนีย์ นางเปรมปรีดิ์ปราศรัยชัยสุริยา
แม่รำลึกนึกถึงพระลูกรัก มานานนักแล้วเป็นไรไม่มาหา
ดูเผือดผิวหิวโหยร่วงโรยรา หรือโรคารำคาญประการใด
พระชัยสุริยาก้มบังคมกราบ แสนสุภาพพจนาอัชฌาสัย
ด้วยเดชะพระเดชปกเกศไป อันโรคภัยมิได้มีมาบีฑา
ซึ่งซูบผอมตรอมจิตเพราะผิดพลั้ง เหมือนถึงที่ชีวังจะสังขาร์
เหลือจะปิดผิดไว้ในอุรา จึงต้องมาสารภาพที่หยาบคาย
ขอบุญญาฝ่าละอองสองกระษัตริย์ เป็นชั้นฉัตรแก้วกั้นเหมือนมั่นหมาย
แล้วกราบกรานคลานหมอบยุบยอบกาย ทูลถวายเรื่องสารนางอ่านพลัน
กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูรย์ วายุกูลเกิดเกศทุกเขตขัณฑ์
เสมอเหมือนเดือนดวงพระสุริยัน สว่างชั้นดินฟ้าทั้งธาตรี
เลี้ยงบิดรมารดาข้าพระบาท ได้ผุดผาดพักตราเป็นราศี
พระเดชพระคุณทูลกระหม่อมจอมโมลี มิได้มีเหมือนแม้นทั้งแดนไตร
ประทานโทษโปรดข้าฝ่าพระบาท เหมือนกระต่ายหมายมาดดวงแขไข
ก็ทราบสิ้นดินฟ้าสุราลัย ย่อมเหินห่างต่างวิสัยด้วยไกลกัน
แต่จะห้ามความรักให้หนักจิต ก็ขืนคิดรักใคร่เฝ้าใฝ่ฝัน
นึกจำนงองค์พระเหมวรรณ ให้ผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย
มิกราบทูลมูลความตามวิตก ก็ร้อนอกดังจะแยกแตกสลาย
แม้นมิโปรดโทษทัณฑ์ถึงวันตาย ขอถวายชีวาไม่อาลัย
พอจบคำรํ่าว่าน่าสงสาร ช่างอ่อนหวานวาจาอัชฌาสัย
นางนึกยิ้มพริ้มพรายละอายใจ จึงปลอบชัยสุริยาด้วยปรานี
อันแม่นี้มิได้โกรธถือโทษเจ้า ความรักเท่ากับธิดามารศรี
แต่เกรงราชอาชญาฝ่าธุลี มิรู้ที่ผ่อนผันทำฉันใด
จงรั้งรอพอให้แม่ได้ช่อง จะฉลองแล้วแต่จะโปรดไฉน
แม้นเคยคู่กุศลดลพระทัย ก็จะได้ปกครองกันสองรา
พระฟังตรัสมธุรสพจนารถ สมหมายมาดเหมือนได้ชิดขนิษฐา
ศิโรราบกราบก้มบังคมลา ไปอยู่ยังวังหน้านึกปรารมภ์
ถึงยามคํ่ารํ่าบวงสรวงพระแท่น อมรแมนมีฤทธิ์พระอิศยม
จะแต่งตั้งสังเวยเครื่องเนยนม ขอได้ชมโฉมพระนุชราชบุตรี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์อัปสรศรีสวัสดิ์ นางกระษัตริย์สร้อยสุดามารศรี
ครั้นปิ่นปักนัคราพระสามี เข้าสู่ที่แท่นรัตน์ชัชวาล
นางนบนอบหมอบเมียงอยู่เคียงใกล้ ทูลเรื่องชัยสุริยาหล่อนว่าขาน
ทำเรื่องราวกล่าวรสพจมาน พระรับอ่านข้อคำที่รำพัน ฯ
๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูรย์ วายุกูลเกิดเกศทุกเขตขัณฑ์
เสมอเหมือนเดือนดวงพระสุริยัน สว่างชั้นดินฟ้าทั้งธาตรี
เลี้ยงบิดรมารดาข้าพระบาท ได้ผุดผาดพักตราเป็นราศี
พระเดชพระคุณทูลกระหม่อมจอมโมลี มิได้มีเหมือนแม้นทั้งแดนไตร
ประทานโทษโปรดข้าฝ่าพระบาท เหมือนกระต่ายหมายมาดดวงแขไข
ก็ทราบสิ้นดินฟ้าสุราลัย ย่อมเหินห่างต่างวิสัยแสนไกลกัน
แต่จะห้ามความรักให้หนักจิต ก็ขืนคิดรักใคร่เฝ้าใฝ่ฝัน
นึกจำนงองค์พระเหมวรรณ ให้ผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลาย
มิกราบทูลมูลความตามวิตก ก็ร้อนอกเหมือนจะแยกแตกสลาย
แม้นมิโปรดโทษทัณฑ์ถึงวันตาย ขอถวายชีวาฝ่าธุลี ฯ
๏ พอจบลงทรงพระสรวลเสียงคักคัก ตรัสถามอัครชายามารศรี
เขาวิงวอนงอนง้อขอบุตรี เจ้าเห็นดีหรือจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ นางนบนอบตอบรสพจนารถ ตามแต่ราชปัญญาอัชฌาสัย
แม้นออกโอษฐ์โปรดปรานประการใด น้องมิได้ข้องขัดพระอัชฌา ฯ
๏ พระว่าพี่นี้ก็จะอนุญาต เสียดายฉลาดแหลมหลักนั้นหนักหนา
ช่วยเลี้ยงไว้ใช้สอยค่อยอัชฌา ตามประสาซื่อตรงเป็นวงศ์วาน
แต่รั้งรอพอได้รามวงศ์พี่ มาเษกสองครองบุรีราชฐาน
จึงเษกน้องต้องตามความโบราณ เยาวมาลย์เจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ นางนบนอบตอบรสพจนารถ โปรดประภาษควรความตามวิสัย
พระแย้มสรวลชวนชิดสนิทใน จนระงับหลับไปในไสยา
ครั้นสว่างต่างองค์สรงเสวย เหมือนอย่างเคยสรวลสันต์ด้วยหรรษา
ครั้นสายแสงแต่งองค์ทรงสาตรา ออกนั่งหน้าพระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ
๏ กุมารชัยสุริยาออกมาเฝ้า พร้อมด้วยเหล่าเสนาแน่นหน้าฉาน
พระเอื้อนอรรถตรัสประภาษราชการ ด้วยทหารพลเรือนเหมือนทุกที
แล้วเรียกชัยสุริยาเข้ามาใกล้ ตรัสถามไถ่ถึงบำรุงชาวกรุงศรี
แล้วปรึกษาข้าเฝ้าเหล่าเสนี ทุกวันนี้เราได้ใช้ชัยสุริยา
อยู่ต่างใจนัยเนตรครองเขตขอบ มีความชอบสามิภักดิ์นั้นหนักหนา
ยังไร้คู่สู่สมภิรมยา กับธิดารุ่นราวคราวคราวกัน
จะเษกสองครองพารากาลวาศ บำรุงราษฎร์ราไชยมไหศวรรย์
ตามกระษัตริย์ขัตติยวงศ์สืบพงศ์พันธุ์ เห็นด้วยกันหรือใครเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายขุนนางต่างเห็นเหมือนเช่นตรัส ไม่ข้องขัดควรความตามวิสัย
พระชื่นชมโสมนัสในหทัย จึงสั่งชัยสุริยาปรีชาชาญ
จงกลับไปพารากาลวาศ บำรุงราชนิเวศน์ประเทศสถาน
ให้สืบตามรามวงศ์ในดงดาน แม้นพบพานพามาอย่าช้าที
จะจัดแจงแต่งวิวาห์เชษฐาก่อน ให้ถาวรพูนเพิ่มเฉลิมศรี
จึงแต่งน้องต้องตามประเพณี จะเห็นดีด้วยกันหรือฉันใด
กุมารหมอบนอบนบอภิวาท ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย
ซึ่งโปรดเลี้ยงเพียงโอรสยศไกร พระคุณใหญ่เหลือล้นพ้นประมาณ
จะไพบูลย์พูนเพิ่มเฉลิมยศ ได้ปรากฏตราบกัลปาวสาน
บิตุราชมาตุรงค์ทั้งวงศ์วาน จะสำราญเริงรื่นทุกคืนวัน
พระชื่นชมโสมนัสดำรัสสั่ง ให้กรมวังคลังสมบัติเลือกจัดสรร
พระกลดทองรองเรืองเครื่องกกุธภัณฑ์ มงกุฎกรรเจียกแก้วพลอยแพรวพราย
ทั้งเครื่องอานพานพระศรีที่ลูกหลวง ตามกระทรวงโอรสแจกกฎหมาย
แล้วสั่งให้ไปบูรีตามพี่ชาย พระผันผายจากบัลลังก์เข้าวังใน ฯ
๏ ฝ่ายองค์ชัยสุริยาได้ปรากฏ ทรงเครื่องยศยินดีจะมีไหน
กลับมาวังสั่งบรรดาเสนาใน ให้เตรียมไพร่พร้อมพหลพลกุมภัณฑ์
พอจวนแจ้งแสงทองขึ้นผ่องแผ้ว จากกรุงแก้วโกญจามหาสวรรย์
ไปเดือนครึ่งถึงพารากรุงมารัน ไปอภิวันท์บิตุราชมาตุรงค์
แล้วทูลความตามองค์พระทรงฤทธิ์ ประทานองค์ธิดาตามความประสงค์
จะไปคิดติดตามพระรามวงศ์ ได้เชิญองค์กลับมาวิวาห์การ ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์พึงสรรเสริญเจริญสวัสดิ์ จงไพบูลย์พูนสมบัติพัสถาน
โอรสลาพาพหลพลมาร เหาะทะยานรีบร้อนไม่นอนใจ
ถึงพารากาลวาศเข้าวังหลวง พร้อมกระทรวงเสนาอัชฌาสัย
ตรัสประภาษราชการผ่านกรุงไกร ไม่มีภัยผาสุกทุกเวลา
จึงจัดแจงแต่งอสูรไปสิบหมู่ แต่ล้วนรู้เหาะเหินเดินเวหา
ไปติดตามรามวงศ์ทรงศักดา ทุกเขตแคว้นแดนป่าพนาลี ฯ


[๑] กำมพฤกษ์ = กัลปพฤกษ์

[๒] อีเหนา = อิเหนา

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ