ตายเฟือ

ความวิตถารของมนุษย์เราดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งกาลเวลายิ่งล่วงไป - ไกลเข้าและไกลเข้า นานแสนนาน ความคิดของมนุษย์ก็ยิ่งแตกดอกออกช่ออรชรต่อไปอีก บางทีสิ่งที่มนุษย์ด้วยกันแสนเกลียดแสนกลัว แต่มนุษย์บางจำพวกกลับเป็นที่แสนเสน่หายาใจอย่างสุดซึ้ง

ทั้งนี้ข้าพเจ้าหมายถึงความคิดวิตถารของมนุษย์จำพวกพ่อๆ ทั้งหลาย ที่มีความปรารถนาจะให้ลูกของเขามือนาคตอันงามแสนงาม หวานแสนหวานเหมือนความฝันหวานของคนที่ไม่มีอะไรจะยึดเหนี่ยว นอกจากความฝันอันนั้นสิ่งเดียว

พ่อเฒ่าสุดนั่งฟังวิทยุอยู่ดีๆ ก็ตีปีกหัวเราะร่าออกมา มองดูก็เหมือนไก่ที่ตีปรปักษ์วิ่งอ้าวเข้าใต้ถุนไป เมื่อเห็นชัยชนะเป็นของตัวแล้วก็ตีปีกโก่งคอขัน

“ได้การแล้วยายเอ๋ย”

”อะไรกัน ได้การแล้ว...” แม่เฒ่าถามขึ้น

“แกน่ะอ่านหนังสือหนังหากับเขาไม่ออก หูก็หนักฟังมันไว้เสียมั่งซี ฟังวิทยุจะได้รู้กฎหมาย อ้ายข่าวต่างๆ น่ะ มันก็คือกฎหมายน่ะเอง”

“ข้าไม่ต้องการฟังกฎบัตรกฎหมาย” แม่เฒ่าตอบ

“เออ แต่ชอบฟังคณะแมนสรวง พอพ่อแมนออกละก็ข้าได้ยินเสียงแกสะอื้นออกมาจนนอกหัวอก นี่แน่ะ - ถ้าแกไม่ได้ฟังข้าก็จะสาธยายให้เอ็งฟัง...”

“ข้าก็ไม่ต้องการฟังเอ็งสาธยายเหมือนกัน เอ็งไม่ได้เป็นมหาจะได้มาเทศน์ภาษาฝรั่งให้ข้าฟัง – ข้าฟังขรัวอินเทศน์ก็ได้ เณรน้อยบุญปลอดก็เทศน์เสียงเพราะเหลือเกิน”

“เอ็งฟังเสียงพระเทศน์?” เฒ่าสุดเบิกนัยน์ตากว้าง “ไม่ได้ฟังคำอรรถคำแปลอะไรภายในนั้น - เอาแต่เสียง เออ แย่จริงกู”

“คนติดอ็อก” แม่เฒ่าบอก

“ห้าร้อยละลาย!” พ่อเฒ่าคำรามออกมา

“ก็แล้วอ้ายวิทยุที่แกฟังน่ะมันเพราะยังไง”

“มันไม่เพราะยังไงหรอก มันสอนให้ข้าเกิดความคิดขึ้นมา ความคิดของข้าไม่เลวนัก ข้าชอบคิดในสิ่งที่คนอื่นไม่คิด คือวิทยุเขาว่ายังงี้ พวกหนุ่มๆ ที่มันถูกจับไปคุมตัวไว้ในฐานเป็นอันธพาลน่ะ บัดนี้เขาจะให้ไปทำไร่ทำนากัน ถ้าใครทำตัวดีมีอุตสาหะ วิริยะ หมั่นประพฤติดี ประพฤติชอบ เขาจะให้ที่มันคนละ ๒๕ ไร่ โอนโฉนดให้เลย”

“แล้วมันเรื่องอะไร?” แม่เฒ่าชะโงกหน้าเข้ามาถาม

“ก็จะให้อ้ายสิงห์สมัครเข้าเป็นอันธพาลบ้าง? แกล้งแต่งเนื้อแต่งตัวทำท่ากวนๆ ให้ตำรวจเขาจับเอาไป บังคับให้มันมีน้ำอดน้ำทนสักหน่อย ที่ดิน ๒๕ ไร่ก็จะเป็นของมัน...”

“ความคิดของแกยังอ่อนนัก - ผิดกว่าของข้าไกลทีเดียว”

“ของเอ็งวิเศษยังไง” พ่อเฒ่าถามและรู้สึกฉุนกึกขึ้นหน้า

“ของข้าจะเอาอีหนูไปฝากรถเมล์เขาขายตั๋ว”

พ่อเฒ่าหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

“เขาเอาคนอ่านหนังสือได้คิดเลขถูก ลูกสาวเอ็งทอนสตางค์แลกสตางค์ยังไม่ถูก ชะช้า! จะเข้าไปทำงานรถเมล์”

“อินทะเนียร์แก่นเขาจะฝากให้” แม่เฒ่ายังคงยืนคำ “เรื่องเงินอย่าดูถูก มันรู้ทุกอย่าง ใบละร้อย ใบละ ๒๐ - ๑๐ บาทมันก็รู้ เงินบาทแลกสตางค์สิบสตางค์ห้าได้กี่อัน ทำไมมันจะคิดไม่ถูก ข้าไม่เหมือนแกหรอก จะเอาลูกเข้าเป็นอันธพาล”

ถึงอย่างไรพ่อเฒ่าก็ยังคิดว่า ความคิดของแกเหนือคนอื่นเสมอไป

“คนเรามันคิดข้ามของเลวกันไปเสียหมด หวังจะเอาแต่ของดี”

“เออ - ดีไม่ดีก็ยังได้เงินเดือนกิน” แม่เฒ่าพึมพำ “ข้าเคยไปขึ้นมาแล้ว ผู้หญิงขายตั๋วรถเมล์น่าเอ็นดู๊ เอ็นดู กระชดกระช้อยน่ารัก พูดก็ไม่เห็นจะต้องพูดมาก เป็นแต่เพียงส่งเสียงร้องออก

มาหน่อยเดียวเท่านั้น ไปจ้า - จอดจ้า - จอดบาวป้ายจ้า - -”

พ่อเฒ่าสุดไม่ยอมฟังป้าแหวนเมียของแกเลย ความครุ่นคิดในเวลานั้น ก็มีอยู่แต่ว่าลูกชายของแกควรจะมีที่ดิน - ที่ดิน ๒๕ ไร่ให้เดินก็กว้างพอที่จะทำให้เมื่อยทีเดียวละ!

พ่อเฒ่าสุดออกตลาด จ่ายของใช้สอยมาให้ลูกชายอย่างไม่อั้น เสื้อฮาวายสไตล์ฮ่องกงแท้ๆ ก็มี อเมริกันฮาวายและฮาวายเยี่ยมแท้ๆ ก็มี อ้ายอย่างลายพร้อยเหมือนงูเหลือมและอย่างตาสก็อตตาอียิปต์สารพัดสี ทำให้ลูกชายสิงห์หัวแก้วหัวแหวนของแกร้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

“นี่ข้าซื้อมาให้เอ็งด้วยหัวใจแท้ๆ” พ่อเฒ่าบอกกับลูกชาย

“โธ่ พ่อไปซื้อมาทำไม? เอาเงินให้ฉันไปตัดเสื้อขาวๆ ใส่ดีกว่า”

“เอ็งใส่นี่เถอะ - พ่อชอบ...”

“ตำรวจลากคอไปน่ะซี หาว่าเป็นอันธพาล”

“อ้ายบ้า – อันธพาลมีใส่หรือ? แพงจะตายห่า” พ่อเฒ่าคำราม “นี่แน่ะลูกเอ๋ย - อ้ายสิงห์ลูกพ่อ เอ็งไปดัดผมเสียให้ดี - นี่แน่ะ เงินดัดน้ำยาเย็นนะ ให้เขาเซตให้สวยทีเดียวแล้วอบมาเสียด้วย - เอ้า เอาไป”

พอลูกชายพ้นเรือนไปแล้ว! กระทาชายนายหนึ่งก็ปรากฏตัวเข้ามาในเขตบ้านของพ่อเฒ่า นั่งลงแล้วก็ปรับทุกข์ขึ้นว่า

“แย่จริง - แย่จริง”

“อะไรกันเล่าแย่จริง!” เฒ่าสุดถามขึ้นและหัวเราะ

“ฉันจะมาถามพี่สุดว่า พี่สุดรู้จักหมอบ้างไหม? หมอปัจจุบันนี้น่ะ”

“ใครเป็นอะไรอีกล่ะ?”

“อ้ายลูกชายของฉัน...อ้ายยอดน่ะ” เฒ่ายิ้มตอบ

“มันเป็นอะไร?”

“ฉันจะให้มันตัดนิ้วมือเสียข้างหนึ่ง จะเสียค่าตัดสักเท่าไรฉันก็ยอม”

“ฉันยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นอะไร? ถึงกับจะต้องตัดนิ้ว มันเป็นมะเร็งหรือ?”

“เปล่าหรอก” เฒ่ายิ้มส่ายหน้า “เรื่องมันยังงี้ - คืออ้ายจอนเขาไปสมัครงานระเบิดหินกับฝรั่ง พอมันเห็นนิ้วอ้ายจอนเข้าเท่านั้นมันรับเข้าทำงานเลย มันว่าคนเคยชำนาญงานมาแล้ว”

“แล้วพ่อยิ้มจะตัดนิ้วอ้ายยอดบ้าง?” เฒ่าสุดถามขึ้น

“ก็งั้นน่ะซี! มันจะได้งานได้การทำกันเสียที อยู่บ้านก็เที่ยวเสียเหลือเกิน แล้วก็เที่ยวกับคนสำคัญเสียด้วย เที่ยวกับลูกเสี่ยใหญ่ อ้ายตาเสี่ยคนนี้ก็ประหลาดเหลือเกินแล้ว ประหลาดกว่ามนุษย์ที่ฉันเคยได้เห็นมา เขาเป็นคนไม่มีลูก ชอบแต่จะไปหาเอาลูกบุญธรรมมาเลี้ยงเท่านั้น เลี้ยงปรนเปรอจนตายไปหลายคนแล้ว”

“เลี้ยงยังไงถึงได้ตาย?” เฒ่าสุดถามด้วยความประหลาดใจ

“ก็ปรนเปรอและตามใจน่ะซีล่ะ! แกรักลูกเลี้ยงของแกเหลือเกิน” เฒ่ายิ้มกล่าวต่อไป “ลูกใช้จ่ายเงินเปลืองแทนที่จะว่า กลับให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เห็นลูกขี่จักรยาน ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ ลูกอยากได้รถยนต์ซื้อให้ลูก ไม่กินเหล้า สอนให้กิน ลงมือซื้อเหล้าทำกับแกล้มให้ลูกด้วยมือของแกเอง ยุให้ลูกหาผู้หญิงพรรค์ยังงั้น แล้วโดยมากเมื่อคนหนุ่มๆ แน่นๆ เมาเหล้าเข้าและขับรถก็อดเบ่งไม่ได้ รถคว่ำตายไปเมื่อเร็วๆ นี้ก็คนหนึ่งแล้ว”

“แล้วอีตาเสี่ยนั่นได้อะไร?” เฒ่าสุดถามขึ้นอย่างเย้ยๆ

“ไม่รู้ซี”

“อย่าโง่ไปนักเลยเกลอ” เฒ่าสุดตบกระดาน “อีตาเสี่ยนั่นได้เงินประกันชีวิต....กับค่าประสบอุปัทวเหตุ ได้สองเท่าตัว”

“อ๊ะ! นั้นแน่...ฉันเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” เฒ่ายิ้มร้องขึ้น “นั่นซี...ไม่งั้นหมอจะมานั่งเสียเงินเสียทองปรนเปรอลูกทำไมกัน”

แต่ไพจิตลูกเลี้ยงของเสียเพ้งไม่ใช่คนโง่นัก...เขามาในขนาดเหนือเมฆอยู่เหมือนกัน เขาเป็นชาวเชียงใหม่โดยกำเนิด ที่ลงมาอยู่เมืองใต้ก็เพราะต้องการจะแก้แค้นแทนพี่ชายของเขา...ไพจิตเป็นคนสวย หน้าตาหล่อเหลา สวยเหมือนผู้หญิงแต่ทรหดแบบผู้ชายนักเลงอกสามศอก เขาเข้าไปเป็นลูกบุญธรรมของเสี่ยเพ้งก็โดยการช่วยเหลือเสี่ยเพ้งให้รอดจากถูกทำร้าย โดยที่การทำร้ายนั้นเขาก็ปั้นเรื่องมันขึ้นเองทั้งสิ้น เขาเป็นคนรักบ้านเกิดเมืองนอนของเขาราวกับชีวิต ฟังเพลงแม่ปิงสะอื้นขึ้นมาทีไร มือไม้ของเขากำแน่น นัยน์ตาโปนเต็มไปด้วยประกายแห่งโทสะขึ้นมาทันที

เขาจะต้องแก้แค้น ความเร่าร้อนแห่งความพยาบาทคุกรุ่นขึ้นมาในหัวใจของเขา ความรักบ้านเกิดเมืองนอนทำให้เขาเกลียดผู้ชายเมืองใต้ เขาจะต้องล่อลวงผู้หญิงเมืองใต้ให้ได้มากที่สุดที่จะมากได้ เพื่อเอาขึ้นไปเมืองเหนือและปล่อยให้หล่อนต้องชอกช้ำระกำใจในการที่ได้จากลุ่มแม่น้าเจ้าพระยาไป เขาคบพวกทีนเอจรุ่นเดียวกันไว้เป็นพวก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสิงห์ลูกเฒ่าสุด หรือเจ้ายอดที่จะตัดนิ้ว ตลอดจนเจ้าจอนนิ้วด้วนที่ได้เข้าทำงานในหน่วยระเบิดหินของฝรั่ง เมื่อไพจิตมีเงินใช้ฟุ่มเพือยขึ้นเพราะเป็นลูกเลี้ยงเศรษฐี เขาก็นำมันมาปรนเปรอคนเหล่านี้อย่างอิ่มหมีพีมันไป

ไพจิตคิดจะแก้แค้น...คิดจะแก้แค้นพ่อเลี้ยงของเขาที่ทำให้พี่ชายของเขาตายไป คิดจะหาผู้หญิงในเมืองใต้ขึ้นไปพร่าเสียทางเหนือให้ชอกช้ำใจอยู่ในเมืองใต้ เมื่อเขาพบสหายเมืองเหนือเข้าและรู้ความลับซึ่งกันและกัน สหายของเขาถามขึ้นด้วยความขุ่นใจเช่นเดียวกัน

“เกลอได้ไปกี่คนแล้ว” สหายของเขาถามขึ้น

“ได้ไป ๓ คนแล้ว กานดา มยุรี และสมสวาท กันกำลังติดต่ออยู่อีกคนหนึ่งคือ ศรีอุไร คนนี้คิดว่าคงจะไม่พ้นมือกัน”

“เกลอเก่งมาก กันเพิ่งได้คนเดียวเท่านั้นเอง”

ไพจิตกินเที่ยว ดื่มเหล้าขนาดหนัก ใช้เงินเหมือนใช้เบี้ย ทำให้สหายทั้ง ๓ คนของเขาพลอยอ้วนพีไปด้วย แต่ไพจิตเป็นคนระวังตัวในขณะที่เขามึนเมาจัด เขาจะไม่ยอมขับรถเป็นอันขาด เขาใช้เจ้าจอนนิ้วด้วนขับมันไป เขานึกกระหยิ่มอิ่มใจเหลือเกินที่เขาได้แก้แค้นแทนเลือดชาวเหนือของเขา ที่ถูกเขาหลอกลวงมาเมืองใต้แล้วต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าและตาตุ่มอยู่เรื่อยมา แต่ความกระหยิ่มอิ่มใจของเขาต้องชะงักลงไปทันทีในเมื่อวันหนึ่งมีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดลงที่หน้าบ้านเขา

“ดิฉันต้องการพบคุณไพจิต” หล่อนบอกคนใช้

เขารีบผลุนผลันลงไปหาหล่อนทั้งๆ เครื่องแต่งตัวลำลองสำหรับอยู่กับบ้าน พอหล่อนเหลือบมาเห็นเขาเข้าก็โผผวาเข้ามาหาและร้องไห้สะอึกสะอื้น

มยุรีร้องไห้...เขาคำรามในใจ สาสมแล้วที่พวกหล่อนคนเมืองใต้ทำกับญาติพี่น้องชาวเหนือของฉัน เขาทำเป็นตกใจเล็กน้อยในขณะที่ถามขึ้นว่า

“เธอร้องไห้ทำไมจ๊ะมยุรี”

“หนูตื้นตันใจค่ะพี่....หนูตื้นตันใจจริงๆ เพราะพี่แท้ๆ ที่ทำให้หนูมั่งคั่งขึ้นมาพอจะเป็นเนื้อเป็นตัวขึ้นมาบ้าง...หนูซื้อของจากเหนือมาฝากค่ะ ให้คนใช้ลงไปขนขึ้นมาซีคะ”

เขาหยุดชะงักงันลงไปในทันที ความคิดที่ว่าเขาจะแก้แค้นหล่อน บัดนี้มันกลับตาลปัตรเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือไปเสียแล้ว มยุรีที่เขาคิดว่าหล่อนจะทุกข์ระทมหม่นหมองต้องพเนจรตกระกำลำบากและเข้าไปซ่องโสเภณี แต่หล่อนกลับมากรุงเทพฯ ในฐานะที่ร่ำรวย และได้สามีเป็นถึงจ้าว...อนิจจา!

กานดากลับมาอีก ๒ - ๓ อาทิตย์ หล่อนแวะมาเยี่ยมเขาพร้อมด้วยผัวลูกครึ่งจีนเสี่ยเชียงใหม่ สมสวาทติดตามมาในระยะเวลาอันใกล้ชิด หล่อนมีของกำนัลราคาแพงมาให้เขา

“เธอกลับมาทำไม สมสวาท?”

“ฉันได้ผู้หญิงมา ๓ คน...” หล่อนตอบ

“หา” เขาอุทานและเบิกนัยน์ตากว้าง “เธอเอาไปไว้ที่ไหน?”

“ปล่อยไปหมดแล้ว เขาสมัครใจยังงั้นนี่คะ...”

“แล้วนี่เธอจะกลับไปไหม?” เขาถามขึ้นและมองดูเรือนร่างอันพราวไปด้วยทองของหล่อน

“ต้องกลับซี เด็กๆ มันจะติดตามไปด้วยอีก ๔ - ๕ คน”

เมื่อสมสวาทไปแล้วเขาก็ต้องผจญกับศรีอุไรที่เขาเฝ้าพร่ำพลอดออดอ้อนขอความรักหล่อนไว้ และจะพาหล่อนขึ้นไปยังภาคเหนือ

“ว่าไงจ๊ะอุไร?” เขาถามขึ้นอย่างเสียไม่ได้

“ตกลงค่ะ” หล่อนกล่าวอย่างมั่นใจ

“ทำไมเธอถึงตกลงง่ายนัก”

“โธ่....จิตคะ ดิฉันอยากเห็นเชียงใหม่เหลือเกิน”

“แต่ - ฉันไม่ตกลงเสียแล้ว ฉันมีธุระอื่นที่จะต้องทำ” เขารีบปฏิเสธ

“งั้นดิฉันไปของดิฉันคนเดียว ไปกับพี่สมสวาทก็ได้” หล่อนตอบแล้วก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากเขา

เรื่องราวของคนเหล่านี้ได้ค่อยลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อยต่อไปอีกตามกาลเวลา เจ้าสิงห์แต่งตัวกวนที่สุดในย่านนั้น พร้อมทั้งดัดผมเดินเบ่งกล้ามไปทั่วตลาด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ปรารถนาที่จะจับ เพราะเมื่อตรวจดูประวัติแล้วเจ้าสิงห์ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยหรือมีรอยพิมพ์นิ้วมือ ๑๐ นิ้ว และไม่เคยมีใบแดงแจ้งโทษมาก่อนเลย นอกจากนั้นตำรวจยังรู้จักเสียด้วยว่าพ่อแม่เป็นคนดีมีอันจะกิน แถมยังมีน้องสาวสวยหาตัวจับยาก

“ไม่ไหวหรอกพ่อ” เขาบอกพ่อของเขาในวันหนึ่ง “ตำรวจไม่จับ...”

“อ๊ะ เอ็งวิเศษยังไงตำรวจถึงจะได้ไม่จับ”

“ก็ไม่วิเศษหรอก แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงเขาถึงไม่จับ”

“เอ็งไม่ได้ยวนเขาให้มากๆ หรอกหรือ?”

“พุทโธ่ - ผมยวนจนตำรวจโกรธหน้าเขียว...แต่เขาว่าเดี๋ยวนี้ตำรวจเป็นของประชาชนเสียแล้ว นิดๆ หน่อยๆ จับไม่ได้ จับไปเดี๋ยวถูกเจ้านายเพ่งเล็ง เขากลัวถูกออก”

“งั้นกระซิบพลแป้นฯ หรือหมู่หวาดจ้างเขาจับดีกว่า...ถ้าเอ็งได้ที่ดิน ๒๕ ไร่ เราหักโค่นถางป่าได้หน้าโฉนดแล้ว - สองหมื่นหวานๆ ที่ที่พระบาทสระบุรีเดี๋ยวนี้ขายกันแล้ว”

สิงห์ถอนใจยาวแต่งตัวกวนๆ ออกจากบ้าน แล้วก็ไปยวนตำรวจอีก เขาพบกับเจ้ายอดเข้าในร้านกาแฟ - ทั้งสองเกลอสั่งดำร้อนมาดื่ม แล้วก็ปรึกษาหารือกัน

“พ่อไล่ข้าออกจากบ้านแล้ว” ยอดบอก

“ความผิด?”

“พ่อให้ตัดนิ้วใครจะยอมตัด...” เขาร้องด้วยเสียงเศร้าๆ “มือซ้ายก็สำคัญมือขวาก็สำคัญ - มันสำคัญไปทั้ง ๒ มือ ถ้าบังคับให้เป็นอันธพาลยังจะพอเป็นได้ เพราะชั่วดีอย่างไรก็ยังจะได้ที่ดินติดตัวถึง ๒๕ ไร่”

เวลานั้นเป็นเวลาบ่ายสัก ๑๖.๐๐ น. เศษ เสียงแตรรถดังขึ้นและเสียงร้องเรียกชื่อของเจ้าหนุ่มน้อยทั้งสองคน เขาเหลียวออกไปดูที่หน้าร้านกาแฟก็เห็นไพจิตยิ้มเผล่อยู่เบื้องหลังพวงมาลัย ทั้งสองคนรีบผละจากแก้วดำร้อน แล้วก็เผ่นไปที่รถ ไพจิตพูดขึ้นมาด้วยเสียงค่อนข้างจะมึนเมา

“คืนวันนี้อั๊วจะต้องขับรถพาพ่อไปขึ้นรถไฟว่ะ”

“จะไปไหน?” สิงห์ถามขึ้น

“กรุงเทพฯ ว่ะ” ไพจิตตอบ “แกบอกว่าก่อนที่จะไปกรุงเทพฯ ให้อั๊วขับรถแล่นเสียให้สบายอารมณ์ก่อน เพราะรถด่วนผ่านที่นี่ถึง ๔ ทุ่ม”

“เอาละได้การ” ยอดร้อง

“ได้การกะผีที่ไหน? มันจะต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น” เขาส่ายหน้าช้าๆ “แต่ว่านี่แน่ะถ้าอั๊วเมาจัดยอดขับแทนทีนะ!”

“ฮื่อ!” เขาพยักหน้า “แต่พ่อลื้อจะยอมหรือ?”

เมื่อเสี่ยเพ้งพ่อเลี้ยงของเขาขึ้นมาบนรถ แกก็ล้วงขวดเหล้าออกมา ๓ ขวด พร้อมด้วยโซดาหลายขวด ข้างหลังของเสี่ยมีดรุณีแน่งน้อย อายุราว ๑๔ - ๑๕ ยืนอายเหนียมอยู่อีก ๒ คน

“ฝากน้องไปเที่ยวด้วย...” พ่อเลี้ยงของไพจิตบอก “พ่อจะแวะพักคอยอยู่ที่บาร์โรงแรม ๓ ทุ่มครึ่งมารับพ่อแล้วกัน”

ครั้นแล้วท่ามกลางราตรีอันเยือกเย็นไปด้วยละอองฝน เมฆชอุ่มคลุมเครือเพราะฝนปรอยเม็ดลงพอให้ชื่นฉ่ำขับความร้อนอบอ้าวตอนกลางวันให้จางลงไป พวกชาวบ้านเตรียมจะปิดร้านกันบ้างแล้วบางร้าน คนเหล่านั้นแลเห็นรถยนต์คันเล็กคันหนึ่งแล่นอย่างเร็วและส่ายไปมาเหมือนงูเลื้อย ถ้าหากว่าคนเหล่านั้นจะได้ขึ้นไปบนรถยนต์คันน้อยนั้นด้วย เขาก็จะได้เห็นเจ้าหนุ่มน้อย ๓ คนกำลังแย่งกันขับ เดี๋ยวคนโน้นจะขับ เดี๋ยวคนนี้แย่งพวงมาลัย เขาจะได้เห็นดรุณีแน่งน้อยผู้นั้นหัวเราะอย่างสนุกและขบขัน

แต่ทว่า - เวลาสนุกเช่นนั้นผ่านไปอีกไม่นานนัก รถโกดังขนาดใหญ่ก็แล่นสวนทางมา รถเก๋งคันเล็กเผ่นพรวดเดียวก็ปีนขึ้นไปกองหินข้างถนนแล้วพุ่งตัวลงข้างทาง และหงายท้องเอาล้อทั้งสี่ขึ้นลอยอยู่ในอากาศ พวกชาวบ้านได้ยินเสียงร้องแหลมเล็กเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ไม่ได้ยินอะไรอีกนอกจากเสียงครางเบาๆ

ทุกๆ คนในจำนวนสี่คน นอนนิ่งเงียบเป็นเวลานาน คนที่กระเด็นไปจากรถจึงลุกโงนเงนขึ้นมาได้ เขาคือเจ้าสิงห์ที่พ่อปรารถนาให้เป็นอันธพาล คนที่สองคือแม่หนูน้อยวัยรุ่นดรุณีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย คนที่ ๓ คือเจ้ายอด มือของเขาเลือดโซมและหยดแหมะๆ ลงสู่พื้นดิน นิ้วนางมือซ้ายของเขาขาดไป ๑ นิ้ว คนที่ ๔ คือ ไพจิตผู้มาแก้แค้น เขาไม่มีวันที่จะลุกขึ้นมาได้อีกเลย เสี่ยเพ้งร้องไห้โฮกับศพลูกบุญธรรมของเขา เฒ่ายิ้มตบไหล่ลูกชายของเขาด้วยสมคะเน

“ทีนี้เจ้าได้งานทำละ!” เขาร้องขึ้น

เฒ่าสุดคนเดียวเท่านั้น ที่เฝ้าแต่ถามตัวเองว่าเขาจะจับลูกของแกฐานอันธพาลหรือไม่หนอ? ○

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ