แนนซี

...แด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด แนนซี ถ้าคุณคิดว่าคุณจะรักฉันอย่างแท้จริงตลอดไป โดยที่ฉันไม่สามารถรักตอบคุณได้

คำนำ : ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ หลังจากเขียนเรื่อง “บุษบาท่าเรือจ้าง” ลงในหนังสือวิทยาจารย์ ผู้เขียนได้รับจดหมายที่ไพเราะโลดโผนที่สุดจากบุคคลผู้หนึ่งเซ็นชื่อ “แนนซี” เขียนเป็นภาษาต่างประเทศ ผู้เขียนไม่สามารถตอบจดหมายที่ให้ตำบลเพียงแต่ A certain spot in Bangkok ได้อย่างไร “แนนซี” มีแก่ใจเขียนมา ๒ ฉบับ ฉบับที่ ๓ เป็นภาษาไทย แต่เซ็นชื่อ “เผอิญ” กล่าวเท้าความคล้ายๆ กับได้เขียนจดหมายมาถึงผู้เขียนแล้ว จนบัดนี้ยังไม่ทราบว่าใครคือ “แนนซี” แต่เมื่ออ่านจดหมายของเธอครั้งใดก็เกิดอารมณ์ประพันธ์ เพราะผู้ที่เขียนจดหมายภาษาต่างประเทศไพเราะจริงๆ นั้นหาได้ยาก ผู้เขียนเคยอ่านจดหมายรักของ กองเตส อีวา ฮันสกา ถึง โอโนเร เดอ บาลซาค โดยมิเคยเห็นหน้ากัน เคยอ่านจดหมายรักที่มีพิษสงที่สุดของมาดามเอปินีย์สุภาพสตรีที่ธำรงความฉลาดเป็นเยี่ยมของฝรั่งเศส ถึงปรัชญาเมธีชอง ชากส์ รุสโซ และเคยอ่านจดหมายรักอันเป็นที่เทิดกันทั้งยุโรปจากแม่ชีใหญ่แห่งปารา แกร๊ต คือ เอโลอีส ถึงปรัชญาเมธี ปิแอร์ อาบสาร์ค อ่านแล้วก็อยากเขียนขึ้นแข่งเป็นสมบัติของอักษรศาสตร์ไทย เสียดายที่ไม่มีนางผู้คู่ขวัญแต่น่าหลากใจที่ไม่มีใครรู้จัก “แนนซี” ในกรุงเทพมหานคร “ดอกไม้สด” เอ็ดผู้เขียนว่าช่างมาถามถึง “แนนซี” ได้ถึง ๒ ครั้ง “ฉ.น.ท.” นักประพันธ์เรื่องสั้นเช่น “แคทลียาสีหยก” ที่ผู้เขียนนิยมก็ร่วมเอ็ด...

จดหมาย ๒ ฉบับต่อไปนี้เป็นจดหมายตอบ “แนนซี” และตอบด้วยอารมณ์ที่เป็นเทพธิดาแห่งศิลปะ ๗ นางเปลือยกายอาบแสงเดือนเพ็ญ

ฉบับที่ ๑

๑๑ กรกฎาคม ๒๔๘๘

แนนซี

ฉันขอโทษที่เขียนจดหมายเป็นภาษาไทย ฉันเชื่อว่าไม่มีใครในโลกสามารถตอบจดหมายที่มีตำบลเพียง A certain spot in Bangkok ได้อย่างแน่นอน ก่อนตอบคุณต้องคาดการณ์ถูกว่าฉันรู้สึกพิศวง และกระวนกระวายเพียงใดที่คุณมาแต่สวรรค์ มาบอกสวาทสัมพันธ์ของคุณกับชายหนึ่ง ซึ่งมีหญิงหนึ่งเป็นสุดที่รักแล้วอยู่ข้างเคียง ฉันได้แต่เพียงขอบคุณในความกรุณารู้สึกเป็นเกียรติสูงและลำพองคะนองใจเป็นที่สุดที่คุณเอ่ยถึงความรัก แม้ฉันจะไม่สามารถรักคุณได้เลย ฉันเป็นแบบของไทยใหม่ที่ไม่อาจมีความเต็มสองหัตถ์เหมือนไทยเก่า และไทยกลาง-กลางใหม่ทั้งหลาย ฉันเกลียดการฟุ่มเฟือยในความรัก

ฉันรับได้อย่างมากที่สุดว่า ฉันขอบคุณสำนวนภาษาอังกฤษของคุณเป็นสำนวนไพเราะที่สุดเท่าที่ความรู้ในภาษาอังกฤษของฉันมี และขอสารภาพว่า อยากอ่านจดหมายของคุณมากที่สุด อยากเห็นคุณในขณะเขียนจดหมายรัก อยากเข้าไปนั่งใกล้ๆ อยากเห็นริมฝีปากของคุณ แต่ทำไมต้องเป็นฉันเล่า “แนนซี”? ทำไมไม่เป็นคุณหลวงอะไรที่คุณบอกมา ที่เอาอกเอาใจคุณทุกทิวาราตรี คุณหลวงกับคุณ จดหมายรักจากคุณถึงคุณหลวง ขณะนั้นฉันจะมีความสุขสักเพียงใด ฉันจะรับใช้คุณทุกอย่าง เพราะจะหาความสุขอะไรมาเสมอกับเห็นคนอื่นมีความสุขนั้นย่อมไม่มี

ฉันเคยอธิบายคำว่า Surrealism ให้ใครคนหนึ่งฟังที่บางกะปิ คำตัวอย่างที่กล่าวเทียบถึงเจ้าพระยาพระคลังหนว่าสมมติงานประพันธ์ของเจ้าพระยาพระคลังหนเป็นภาพเขียนชิ้นเอกเป็น Realism เราผู้อยู่สมัยหลังไม่ทราบว่าท่านเจ้าพระยาพระคลังหนเขียนภาพเอกของท่านกี่วัน เขียนด้วยอะไรเรามิรู้ แวดล้อมด้วยภริยาใหญ่น้อยของท่านเท่าไรก็มิรู้ ดูเหมือนจากภาพ Realism ที่เรามีแล้วก็ไม่รู้อะไรอีก พวก Surrealism มิใช่มือศิลปินชั้น Master เขียนกี่วัน เขียนด้วยอะไร ใครทำสี ฯลฯ เราพากันรู้หมด เสน่ห์ที่เกิดจากความพิศวงก็เดือดหายเพราะงานของ Surrealism ไม่มีความน่าพิศวง มีแต่ความงามที่จืดชืด ราคาถูกและหาได้ง่ายที่สุดในตลาดโกโรโกโส แม้ในห้องนอนของหญิงโสเภณีก็อุตส่าห์มี คุณเหมือนเจ้าพระยาพระคลังหน แนนซี เสน่ห์ของคุณทั้งพราวแพรวและสุดมหัศจรรย์ งานเอกของคุณคือจดหมายรักเป็น Realism ที่พึงแก่อมตกรรม เพราะไม่มีใครรู้จักคุณ ไม่มีใครเคยเห็นคุณ (มิสแนนซี สมิท และมิสแนนซี่ จอห์นสันในกรุงเทพฯ ซึ่งแรกฉันเข้าใจว่าเป็นคุณ มีอารมณ์ไม่ถึงแม้ถึงคุณ) เห็นใจฉันบ้างเล็กน้อยเถิด มิตรใหม่แห่งอารมณ์ ฉันอยากเห็นคุณในขณะเขียนจดหมายรัก อยากเห็นที่สุดคุณใช้ปากกาอะไรและหมึกของบริษัทใด? คุณเขียนเวลาใด ใส่เสื้อสีใด จากผมถึงรองเท้าคุณ... ฉันอยากรู้ อยากเห็น อนิจจา แนนซี แม้บุรุษทระนงที่เขียนถึงและอยากเห็นคุณที่สุดนั้น คือบุรุษที่จะรักคุณมิได้เลย

“ศิลปะที่แท้เป็นของยืนยง” ครูปรัชญาของฉันเคยกล่าวย้ำเรื่องนี้หลายครั้งในวิชาสุนทรศาสตร์ แต่ศาสนาหรือชาติหรืออิสตรีเล่าคือผู้ยังความยืนยงนั้นแก่ศิลปะ? เหตุผลของชาติรวมทั้งสองเหตุผลจากปากคำของครู “ถ้าเธอรู้ถึงอิทธิพลของอิสตรี จะไม่มีอิทธิพลอะไรในโลกเป็นเหตุผลเสมอเหมือน” และเหมือนคนซึ่งให้กำเนิดแก่ศิลปะแผน Realism อันแรกในชีวิตของฉัน คุณมีอิทธิพลมากที่สุดเพราะไม่มีใครในกรุงเทพฯ รู้จักคุณ จนกระทั่งฉันสงสัยว่า คุณจะรู้จักตัวคุณหรือไม่อย่างไร?

ขอขอบใจที่ชมเรื่อง “บุษบาท่าเรือจ้าง” และขอขอบใจเป็นพิเศษที่ชมว่า ฉันเป็นคนผู้เดียวที่รู้จักป้องกันเกียรติแห่งกวีหญิงโฉมงามผู้ต้องพินาศเพราะความรัก ฉันจะขอป้องกันคุณ แนนซี ถ้าความรักของคุณที่มีต่อศิลปะ แต่มิใช่มีต่อปรัชญาภูมิ จะทำให้คุณต้องพินาศลงไปสถานไร

“จากบันทึกที่วันได้รับจดหมาย.... เราร้องไห้ด้วยกันตลอดคืน แนนซี “เขา” บอกว่าคุณรักฉันมากกว่าเขา คุณกำลังมาแย่งฉันเพราะ “เขา” รู้จักฉันดี “เขา” เสียใจที่ไม่มีอะไรสูงเทียมทันคุณ พูดก็ไม่เพราะ ไม่มีอะไรลึกซึ้งและงดงามนอกจาก Tenderness with lost simplicity ซึ่งใครก็มีได้ ฉันปลอบว่า สิ่งเหล่านี้ noble มากที่สุดแล้ว ฉันเป็นชายชาตรี แม้พระลักษมีก็มิอาจจะแย่งฉันไปจากเขาได้ เขาร้องไห้ อย่างไรก็ตามเขาเห็นใจคุณ เขามีเหตุผลว่าฉันคงไปทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับคุณมาก่อน เช่นเขียนจดหมายถึง และส่งของที่ถูกใจหรืออย่างน้อยฉันคงได้พบปะกับคุณแล้ว มิฉะนั้นหญิงอะไรจะมากล้าถึงกับขอความรักชายก่อนอย่างน่าละอายและห้าวหาญ? ฉันเคยรู้จักคุณหรือเปล่า แนนซี? แต่เหตุผลของ “เขา” มีน้ำหนักเหลือเกิน ฉันพยายามแก้ว่า “อนงค์ สุนทรวงศ์” ยังบอกความรักกับ “พระอรรถคดีวิชัย” ได้ เขายิ่งพบทางพิรุธเขาว่านั่น “อนงค์ สุนทรวงศ์” รู้จักและเคยพูดจากับ “พระอรรถ” มาก่อนแล้ว แก้ตัวเช่นนั้นต้องเคยรู้จัก “แนนซี” แล้วดุจเดียวกัน ฉันหมดหนทางตอบ นอกจากร้องไห้ ฉันกล้าเรียกเขาเป็น “แม่” เพราะเรารักกันเหลือเกิน เขาเป็นคนซื่อที่สุดและอ่อนโยนที่สุด-สวยงามที่สุดยิ่งกว่าอิสตรีใดที่ฉันเคยรู้และพบเห็น เรานั่งร้องไห้จวนเจียนสาง-ร้องไห้ แม้ขณะที่เผาจดหมาย “ล่ารัก” ของคุณ”

บัดนี้ “เขา” ตายจากฉันไปแล้ว เพราะฉันเอ่ยประโยคเดียวว่า “ฉันพบกับคุณแล้ว” เจ็ดปี คุณจะเป็นใครก็ตาม ขอจงรับทราบจากบุรุษซึ่งคุณได้ใช้ศิลปะของคุณทำลายแล้วอย่างย่อยยับกันได้ใช้ปรัชญาทุกแผนทุกลัทธิเป็นเครื่องปลอบโยน แต่ไม่อาจลืมคุณลง มานึกตำหนิอย่างเดียวว่าบทบาทวิถีแห่งวัฒนธรรมและความรักในกรุงเทพฯ จะหาใคร “ขลาด” เสมอคุณนั้นเห็นจะสิ้นหา- ยศ.

ฉบับที่ ๒

แนนซี

ภาพถ่ายของคุณฉันไม่ได้รับ และฉันโกรธคุณมาก อันที่จริงฉันไม่ deserve ที่จะรับภาพของใครที่บูชาคติที่ว่า “ในสงครามและความรักทุกสิ่งสิ้นยุติธรรม” ทั้งไม่นึกที่จะทำตนให้ deserve ความรักของฉัน แต่ “เขา” คนแรกและคนเดียวเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งที่สุด ถึงเขาจะตายไปแล้วเจ็ดปี ภาพของเขายังมีอยู่-เป็นภาพที่แสดงถึงความอ่อนโยนเลยรำพัน จดหมายรักที่บริสุทธิ์ของเขาเล่า ฉันจะเอาไปไว้ ณ แห่งใด ขณะที่ตัวของฉันเดินทางไปตามถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ จิตใจลอยไปทั่วทุกจักรวาลตามปรัชญาวิถี ทุกชั่วโมงนี้ฉันยังมีเขา เขารักฉันมาก และเรารักกันมากที่สุด บางขณะนั้นฉันนึกถึงนิทานของอริสโตฟาเนส เรื่องความรัก เขากับฉันเป็นผู้เดียวกันโดยสมบูรณ์ ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า เรามีนิสัยตรงกันเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ การศึกษา จิตใจ รสนิยมและฐานะที่เราดำรงอยู่ คุณเป็นคนอื่น “แนนซี คุณเป็นดาบของซีอุสที่แล่งร่างของเราขาดออกจากกัน” ถึงคุณจะแก้รำพันว่า With thousand ever tender kisses มันก็สากและระคายคันสำหรับฉันไม่มีเปลี่ยน

จดหมายฉบับที่ ๒ ของคุณทำให้ฉันโกรธและเริ่มไม่พอใจ คุณไม่รักษาคำพูด คุณนัดฉันให้ไปในที่ต่างๆ ซึ่งฉันติดตามไป-ไม่ใช่เพื่อจะทำลาย Realism ให้กลายเป็น Surrealism ฉันต้องการพบคุณเหมือนกัน แต่โลกนี้ไม่มีคุณ แนนซี คุณเหมือนปีศาจ คุณได้รู้เห็นการเคลื่อนไหวของฉัน แม้จะไปรับน้ำชาและซื้อองุ่นกับ “เขา” ที่สะพานหัน คุณคิดว่าติดตามฉันเหมือนเงาสูงในการประกวดพืชกรรมที่ราชตฤณามัย โดยฉัน “โหดร้าย” ไม่เหลียวหลังมาดูเลย คุณพูดถึงภาพยนตร์เรื่องเดียวที่แคธริน เฮปเบินกับเกรี่ แกรนต์แสดงร่วมกัน ในคืนวันนั้นที่เฉลิมกรุง ในเรื่อง Sylvia Scarlet คุณนั่งอยู่แถวหน้าในนักเรียนนอก ฉันนั่งถัดลงมาสองแถว และคุณเห็นชัดที่สุด เน็กไทของฉันสีแดง คุณพูดถึง “สภาค้นคว้าแห่งชาติ” ของฉันว่า มีคนทั่วไปสนใจกันมาก และหวังว่าฉันจะเป็นใหญ่เป็นโตในสภานั้น และว่า ฉันคงเหมือนเกรีแกรนต์ ซึ่งกำลังต่อโครงกระดูกช้างโบราณ คุณเป็นซิสเวีย สการ์เลต แต่แนนซี บัดนี้ฉันทั้งโกรธและขมขื่น Who of you own soul, almost waited too long before, may I excuse and admit that you were a woman.

โปรดให้อภัย โปรดอย่าติดตามฉันเลย ความสำคัญของฉันในสายตาคนคลั่งรัก คือการละเมอเพ้อฝัน คุณรู้ดีที่สุดว่าฉันจะรักคุณมิได้โดยเด็ดขาด จริงอยู่ ฉันนิยมคุณ แต่ไม่หมายความฉันนิยม “เฉพาะ” คุณ ฉันนิยม Sentimentalism ของคนทั่วโลก ในกรุงเทพฯ มีอักษรศาสตร์ที่ถึงมาตรฐานบริสุทธิ์ของศิลปะที่ฉันนิยมได้นั้นน้อยนัก แต่คุณย่อมรู้ดีว่า Sentimentalism ที่แท้จริงเกิดในจิตใจของใครก็ตาม สมัยใดก็ตาม ต้องลงเอยด้วย ๒ สถานคือ

Realism ที่อาจสมบูรณ์ได้ และ

Intellectualism ที่อาจสมบูรณ์ได้

สมมุติฉันรู้ตำบลบ้านของคุณ และเขียนจดหมายมาถึงคุณทุกเช้าค่ำ บนกลีบกุหลาบอ่อน ชื่ออันไพเราะว่า “แนนซี” นั้น ฉันจะสลักไว้ในแก้วตา คำรำพันรักของเราที่บินคืนกลับไปมา ฉันจะร้อยไว้รอบดวงใจ และสมมุติสายสัมพันธ์ของเราสิ้นลงที่ประตูวิวาห์ อนิจจา! คำสมมุติ Realism แห่งชีวิตของคุณกับฉัน ที่ต้องติดตามแนบกับพื้นดินแม้คุณจะเป็นชาวฟ้า แต่สามีของคุณผุดจากโลกันต์ เรามาพบกันบนผิวโลก ไม่คุณก็ฉันต้องทำอะไรอย่างหนึ่งให้โลกใหม่ของเราเทียมฟ้า และไกลโลกันตร์

และสมมุติ ฉันพลาดรักเช่นปัจจุบันนี้ที่ฉันได้พลาดแล้ว Intelectualism อย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องเกิด ฉันไม่รู้จักคุณเลย ฉันก็ครวญถึงคุณ ฉันมีความรู้เท่าใด ฉันจะให้อารมณ์ที่รับทุกข์เศร้าสร้อยของฉัน ทรมานความรู้นั้น ถ้าฉันเก่งพอและคุณคมพอพลังที่พลาดรักนั้นก็อาจจะท้าทายพลังที่พลาดรักในอดีตทั้งทั่วโลกรอบตัวของฉันบัดนี้มีเอกสารรักของคนที่เศร้าที่สุดคือของปรัชญาเมธีชอง ชากส์ รุสโซ ถึงชูลี เปรียบชูลีกับคุณ คุณฉลาดกว่า ชูลีเป็นอิสตรีเปรียวและดีแต่สวยที่สุด แต่คนที่สวยที่สุดมักเป็น คนโง่ที่สุด คุณคงสวยน้อยกว่าซูลี เพราะคุณฉลาดเหลือเกิน คุณบอกว่า เคล้ายแนนซี แครอล แน่นอนเหลือเกินคุณสวยไม่มากเท่าชูลี เพราะแนนซี แครอล มีแต่ความน่าเอ็นดู คางเล็กเกินไป และลานแก้มบนไม่สมกับเรือนผม

รุสโซกับฉัน เสียดายที่สุดที่กรุงเทพฯ มีอะไรกันผิวเผินแผ่วเบา รุสโซมีชื่อเสียงทั่วโลก เพราะรุสโซเป็นชาวฝรั่งเศส และปีที่เขาครองอาณาจักรฝรั่งเศส เขามีอายุร่วม ๕๐ ปีแล้ว ปีนี้ฉันมีอายุเพิ่งจะเข้า ๓๐ ปี พลังแห่งจักรวาลเพิ่งกำลังจะมีมา และฉันเป็นคนไทยที่อักษรศาสตร์ของชาติไทยไม่แพร่หลายไกล อย่างไรก็ตาม ฉันจะเป็นโยฮัน เตอ ฉันจะรักสุภาพสตรีอีกคนหนึ่ง หรือสองคน เพื่อให้ “พลาดรัก” พลังทาง Intellectualism จักได้เพิ่มสูง และขณะนั้นเมื่อนั้นจะขอสู้ la nouvelle Héloïse ของรุสโซ

ความรักที่เจตนาจะให้พลาดหวังโดยผู้เจตนาต้องปวดร้าวที่สุด แนนซี ฉันอยากให้คุณเกิดมาเป็นชาย-ลายรักของฉันมีหลายลายไม่ผิดกับชายทรามวัยทั่วไป แต่ทุกลายในดวงใจฉันไม่มีลายใดสลักลึกเท่า The very teacher ที่คุณไม่นึกชอบ สิ่งที่เป็นผลของลายรัก ที่ลำปาง ฉันเคยรักสุภาพสตรีแสนสะสวยผู้หนึ่ง เรารักกันภายในหนึ่งปี ราคารักช่างต่ำอะไร ถึงเพียงนั้นที่นครราชสีมา สุภาพสตรีที่ฉันรักธำรงความยืนยงไม่ถึง ๘ เดือน แม้พบกันปัจจุบันนี้เราไม่เคยทักกัน ที่หลังสวนและที่ลพบุรี ความรักที่เราบูรณะกันขึ้นมีอายุไม่ถึง ๓ เดือน สุภาพสตรีที่สวยและมีเสน่ห์เป็นเยี่ยม ในกรุงเทพฯ ผู้หนึ่งทำเอาฉันไปนอนคลั่งที่หัวหินกว่า ๑๕ วัน เป็นความ รักที่สุดมหัศจรรย์แต่โหดร้าย

ศิลปะที่แท้เป็นเครื่องประดับประดายุค ชีวิตของคุณและฉันเล่า จะอยู่นานไปกี่วัน?

/ 190*/แต่พระผู้เป็นเจ้าเถิด แนนซี ถ้าคุณคิดว่าคุณจะรักฉันอย่างแท้จริงตลอดไป โดยที่ไม่สามารถรักตอบคุณได้ อย่างน้อยก็เป็นปรากฏการณ์ที่จะกราบทูลแด่พระองค์ว่า ในยุคแห่งเรานี้ บุรุษเริ่มโฉดในเรื่องอิสตรี ความเศร้าโศกได้กลายเป็นความสุขอย่างแท้จริงและเป็นยุคที่ Woman has not sophisticatedly waited too long to become perfect man and vice versa.

ลงใน น.ส.พ. อนาคต ๒๔๙๐

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ