- ความนำ (คำนำในการพิมพ์ครั้งแรก)
- จากทฤษฎี สู่ปฏิบัติ
- เสาชิงช้า
- สามเสน
- สุภาพบุรุษจากนครศรีธรรมราช
- วิญญาณที่ท่องเที่ยวไป
- แมงแดง
- ชายผ้านางสีดา
- สถานที่รับแขก
- เมืองปริญญา
- แนนซี
- กรุงเทพอยู่แห่งหนใด
- อ้อยกับกล้วย
- รำพึงมาที่ลำปาง
- ครึ่งทางดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
- กรุงเทพฯ กับศิริกาญจน์
- เอแลน บาลอง
- รวงทอง
- มารเกริต เมืองหยงลิม
- คืนหนึ่ง ณ สุสานสวรรค์
- ลมร้อนในเหมันตฤดู
ชายผ้านางสีดา
รักอย่าง “ชายผ้านางสีดา!” คำกล่าวนี้ทองครอบเก็บตกได้ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เขามีงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำตาลในจังหวัดนั้น ขณะที่เที่ยวดูความเป็นอยู่ที่แท้จริงของจังหวัดชั้นตรี เมืองที่มีอุตสาหกรรมหนักเพียงอย่างเดียว นอกจากฝุ่นหนาร้ายแรงในฤดูร้อนและยิ่งหนากว่านั้นในฤดู หนาวเขาแลเห็นเฟิร์นรูปเขากวางสีสดสวยห้อยอยู่หลังที่ว่าการอำเภอเมือง มันห้อยเป็นระย้า ติดกับต้นฉำฉาใหญ่
“นั่นแหละครับ ‘ชายผ้านางสีดา’ ‘ชายพกนางสีดา’ ก็เรียก” คนรถอธิบาย
“ทำไมไม่เห็นที่อื่นๆ ลับแลก็ไม่มี?” เขาถาม
“มันหวงตัวครับ ป่าตื้นๆ ไม่ค่อยมี นี่เขาเอามาจากป่าสูง หนุ่มสาวพ้อกันเสมอว่า “รักอย่างชายผ้านางสีดา” แกอธิบายอีก “คุณคงไม่เคยได้ยิน”
“ก็เพิ่งเห็น ไหนลองเล่าซิ” ชายหนุ่มบัญชาพลางให้แกขับรถไปท่าเสา
“คุณคงเห็นผู้หญิงโบราณนุ่งผ้า...”
“โบราณจริงๆ ไม่เคย ก็ฉันเพิ่งอายุได้เท่าไหร่”
“เขาปล่อยให้เห็นสะดือรูใหญ่” แกพูดไม่ฟังเสียง มั่นใจในความรู้ของแกอย่างน่าสงสัย “ปล่อยชายผ้าห้อยลงมา เสื้อไม่มี สะไบเป็นผืนเดียวกับผ้าคาดอก เวลาเดินชายผ้าก็ชวนชาย”
“ฮื่อ! พอมองเห็น” เขายิ้ม
“ตรงจังหวะท้องกระเพื่อมรับกับชายผ้านี่แหละครับเรียกว่า รักอย่างชายผ้านางสีดา” แกหัวเราะ
“ไม่เข้าใจ! ไหนใครเข้าใจบ้าง?” เขาหันไปถามผู้ร่วมโดยสาร
“ก็เชิญชายไงล่ะครับ”
“เชิญชายจะเป็น “รัก” ได้อย่างไร?”
“ก็โสเภณีนี่ครับ!”
“บ๊ะ! ไปกันใหญ่ ‘รักอย่างชายผ้านางสีดา’ กลายเป็นโสเภณีนี่ชุ่ม...” ทองครอบเตือนคนรถ “ไม่เมาแต่วันนะ ต้นไม้ออกสวยงาม นางสีดาก็ไม่ใช่นางกากี เขารักตัวสงวนตัวเขามากตามนิยาย ชายผ้าของเขาก็น่าจะเป็นของปราณีต น่าทะนุถนอมอะไรอย่างหนึ่ง...”
“ผมเล่าให้คุณฟังสนุกๆ อุตรดิตถ์แห้งแล้งเหลือเกิน ถ้าไม่มีอะไรสนุกๆ พอชุ่มหัวใจ ผมเห็นจะเป็นฝุ่นไปนานแล้ว” ชุ่มหัวเราะ ยกมือไหว้ขอโทษชายหนุ่ม ทำให้คนร่วมโดยสารทั้งหมดหัวเราะไปตามๆ กัน
ขณะนี้ รถวิ่งถึงตลาดท่าเสา ทองครอบพบเอื้อพ่อค้าซุงหนุ่มผู้เป็นเพื่อนเก่า สนทนากันถึงเรื่องงานตามควรแล้ว เขาถามเพื่อนพ่อค้าซุงถึงเรื่อง ‘ชายผ้านางสีดา’
เอื้อหน้าซีด
“แกพบที่ไหน?”
“หลังที่ว่าการอำเภอ แต่ทำไมแกหน้าซีด?”
“เรื่องไม่ดี ครอบเอ๋ย แกจำจินตนาได้ไหม... ครูประชาบาลวัดศรีบุญเรืองที่ลำปาง เดี๋ยวนี้เป็นเมียเขา แต่กันลักเอามา”
“บ๊ะ! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ ‘ชายผ้านางสีดา’?” ชายหนุ่มฉงนเป็นคำรบสอง ตาชุ่มก็ว่าไม้พรรณนี้เป็นเครื่องหมายโสเภณีถึงจะพูดเล่นก็มีนัย เอื้อได้ยินเข้าก็กล่าวว่าไปลักลูกเมียเขา!
“เดี๋ยวซี! จำได้ไหม...จินตนา น้องชายนายทหารเป็นครูประชาบาลที่วัดศรีบุญเรืองสิบกว่าปีมาแล้ว แกต้องช่วยกันบ้าง!”
“แต่กันมาราชการ” ทองครอบคราง “เรื่องชนิดนี้-มันส่วนตัวเหลือเกิน กันถามแกนิดเดียวเรื่องไปกันใหญ่ ลักมาก็คืนเขาไปซิ ลูกเมียแกก็มีนี่”
“ส่งคืนไปครั้งหนึ่งแล้ว เธอไปเพียงครึ่งทางก็กลับเหมือน ‘ชายผ้านางสีดา’ ก็ตรงนี้ เธอรู้ดีกันมีเมียเป็นสะไบครองหัวใจ เธอจะขอเป็นเพียงชายผ้า ความรักของผู้หญิง-แกก็รู้ดี”
“แต่เมียเขา...ผัวเขาล่ะ?”
เอื้อนิ่งอย่างรันทด นึกถึงวันเริ่มเป็นพ่อค้าซุงพร้อมทั้งค้ารัก เขาเป็นคนร่างสูงโปร่งเหมือนชายหนุ่มไทยเพิ่งสึกออกจากเพศบรรพชิตใหม่ๆ อ่อนน้อม รักษาคำพูด เห็นโลกนอกจากอินเดียเพียงซีกเดียว แตกต่างกับ จินตนาผู้เพิ่ง ‘สด’ มาจากโรงเรียนครูดุจนกสีเหลืองอ่อนใต้พุ่มบานบุรี เมื่อเริ่มสายจินตนารู้จักกับเอื้อที่ลำปางเขาทั้งสองเป็นครูโรงเรียนประชาบาลด้วยกันโดยถือเป็น ‘งานผ่าน’ และ ‘รักกัน’ และ ‘จากกัน’...
เมืองไทยเป็นเมืองเล็ก เอื้อและทองครอบเริ่มมีอาชีพเป็นพ่อค้าซุงใน พ.ศ. ๒๔๗๘ เขาล่องแพซุงมาตามลำน้ำน่าน และมาพบจินตนาที่พิษณุโลก ในขณะที่พบนั้นจินตนาฉลาดกว่าเอื้อตามเคย ฉลาดพูด ฉลาดค้าขาย ฉลาดเก็บเงิน จินตนามีเงินร่วม ๕,๐๐๐ บาท ในครั้งสุดท้ายที่เอื้อพาทองครอบไปเยี่ยม ขณะนั้นทั้งทองครอบและเขามีเงินไม่ถึง ๑๐๐ บาท
จินตนาเชื้อเชิญให้เรานั่งอย่างกันเองเธอสวยขึ้น แต่อนิจจา! ความสวยผุดผาดของจินตนาเนื่องมาจากเธอกำลังจะเป็นมารดาคน! เอื้อนั่งนิ่ง นิ่งเหมือนขวานบิ่นที่ชาวนาทิ้งไว้ใต้ถุนบ้าน ความรักกับคำพูด! แต่จะพูดไปเอื้อโง่เง่ากับความรักไม่ผิดอะไรกับท่อนซุงที่เขาร้อยไว้ด้วยหวายใหม่ ก่อนมาถึงพิษณุโลก...เสียงที่เขาร้องเพลง แม้คำอธิษฐานต่อพระพักตร์พระพุทธชินราช คาถาที่เขาช่างจำได้อย่างแม่นยำ ทองครอบยังรู้สึกเจ็บตรงไหล่ที่เขาตบอย่างผู้จะครองพิภพ! ชีวิตของเขาสมบัติและความหวังที่เขามีอยู่ที่เชิงบันไดห้าขั้นของบ้านจินตนา!
๒
“ช่วยแก...จะให้ช่วยเอาเมียเขาไว้หรือบอกผัวให้หย่า?” ทองครอบถามอย่างผู้เคราะห์ร้าย
“อยากให้แกรับเอาไป”
“เอ๊ะ! ข้อนี้ไม่ได้ กันไม่ต้องการเมียใครมาเป็น ‘เมีย’ บ้าจริง!”
“นี่ผัวเขากำลังไปฟ้องกันที่กรุงเทพฯ เมียกันจะมาท่าเสา เธอรู้ว่าจินตนาอยู่ที่นี่”
“ทำไมไม่ส่งคืนเสียให้เด็ดขาด?”
“อยากคืนที่สุด แต่เธอไม่ใช่นางสีดา เป็นแต่ชายผ้านางสีดา”
“ทำไมแกไม่ไปสงขลา ปีนังสักเดือนสองเดือน?”
“งานล่ะ? แล้วก็...กันก็รักจินตนาเหมือนแรกรัก” เขาสารภาพอย่างยากที่จะหาทางออก รักเหมือนแรกรัก! นี่มันธุระอะไร! ทองครอบมองดูเอื้ออย่างไม่เข้าใจคล้ายมองตาซุ่มอธิบายไม้ เวลาล่วงไปดุจไม่ใช่เวลา เขาทั้งสองรักและสนิทสนมกันอย่างไรแต่หนหลัง แม้บัดนี้จะต่างอาชีพความรักและความสนิทสนมนั้นยังดำรงอยู่
“เอื้อ แกหมดทางช่วยตนเองจริงๆ หรือ?”
“กันคิด...คิด คิดจนนอนไม่หลับ จินตนามีลูกกับผัวเก่า ๒ คน เธอยังทิ้งมา เห็นไหมว่าผู้หญิงรักกันเพียงไร แรกเธอขอหย่า ผัวก็ไม่ยอม ต่อมาทำเฉยๆ ถือว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ อีตานั่นไปรบกวนบ้านกันที่กรุงเทพฯ เมียกันก็เหลือดี เอาแต่หึงเหตุผลไม่ฟัง ไปฟ้องพ่อตากันเรื่องจึงเลยไปกันจนหมุนเหมือนลูกข่าง ที่ร้ายคืออีตาผัวจะขอร้องอย่างไรก็ไม่ฟัง จะขอแต่เมียคืน เป็นตายได้กระดูกคืนก็ยังดี กันเคยพูดกับอีตาผัวว่า จินตนาไม่ไป จะให้ทำอย่างไร จะขออำนาจกฎหมายก็พ้นกฎหมาย ความรักบังคับกันยังไงหรือจะยิงทิ้ง...?”
“ใครจะยิงใคร?” ทองครอบถามเร็ว
“กันก็พูดทิ้งไว้งั้นแหละ ก็ผู้หญิงไม่ยอม เขารักของเขา กับอีตาผัวเขาก็ทำหน้าที่ ‘ให้ลูก’ ตั้ง ๒ คน พอแล้ว เขาขอตามใจเขาบ้าง”
“แล้วยังไง?”
“ชายผ้านางสีดาหรือ?”
“ไม่ใช่! จินตนา?”
“อยู่! ทำกับข้าวเก่ง แต่งตัวเก่ง สวยเหมือนเดิมไม่มีจืด”
“ส่งเธอไปอยู่ไกลๆ สักพัก แล้วบอกเมียแกว่า ‘บินไปแล้ว’”
“นั่นน่ะซี! กันจะให้ไปกับแก กันไม่ไว้ใจคนอื่น”
๓
ทองครอบกลืนน้ำลายอย่างฝืน มองดูหน้าตาชุ่ม โสเภณี! ชายผ้านางสีดา! มองดูหน้าเพื่อนรัก เมียเขาเพื่อนเอามา! เอามาแล้วจะให้กันเอาไป! ชายผ้านางสีดา!
“เอื้อ...กันกลัว...” ทองครอบสารภาพหน้าซีดยิ่งกว่าเอื้อ
“กลัวผัวหรือกลัวจินตนา?”
“แก...ผัว...จินตนา! ทำไมแกไม่ใช้กันทางอื่น? สมมติแกไม่พบกันที่นี่วันนี้”
“ชั่วแต่ ๓ เดือน มะรืนนี้เมียกันกับเจ้าตัวก็จะมา เด็กแอบเอาโทรเลขมาเมื่อครู่นี้ พบแกเหมือนพบพระช่วยทีเถอะ เพื่อนรัก เพราะไม่ถึงตาจนจึงพบแก”
พูดจบเอื้อดึงมือเพื่อนเก่าไปยังห้องของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากร้านที่สนทนากันสองสามเส้น ชั่วโมงนั้นบ่ายลงโขแล้ว จินตนากำลังสังเด็กคนใช้ไปซื้ออาหารที่ตลาด เธอคงสวยไม่เปลี่ยนแปลงจากสิบปีก่อนอย่างเอื้อพูด ทักทายปราศรัยกันและทำความเข้าใจกันดีแล้ว ในรถราชการวันนั้นมีสุภาพสตรีแปลกหน้าเดินทางร่วมไปด้วยคนหนึ่ง
ที่บ้านพักทองครอบที่กรุงเทพฯ เขาต้องทำความเข้าใจให้พี่ที่หนึ่ง พี่ที่สอง, ป้า, และหลานสาวคนโต พูดครั้งแรกไม่มีใครปลงใจเชื่อ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร จินตนาออกเปล่งปลั่ง แม้จะมอบให้เธอพักกับป้าในบ้านเล็ก พูดครั้งที่สอง พูดครั้งที่สาม ญาติทุกคนพากันยิ้มแล้วนิ่ง ที่ ‘ยิ้มแล้วนิ่ง’ นี่สิมันร้าย กระทั่งวันหนึ่งเกือบทั้งวันเขาพยายามไม่พูดกับจินตนาเลย บางคืนไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน
ชายผ้านางสีดา!
วันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีฉลู เขา ‘พา’ จินตนามาในห้องของทองครอบ เขาซื้อปฏิทินใหญ่มา ๓ แผ่น เขาฉีกเองทุกแผ่นทุกวัน เมื่อใดจะครบ ๓ เดือน! จะติดต่อกับเอื้อบ่อยก็กลัวใครจะรู้เขาอยู่ไหน ผัวของจินตนา ภรรยาของเอื้อ คนใช้กับแม่ครัวถูกกำชับเป็นพิเศษเรื่องพูดนอกบ้าน ในที่สุดถึงกับลงทุนซื้อนาฬิกาตั้งที่มีเข็มโตๆ มาปลอบใจ เพราะเวลามันเดินช้าเสียจริงๆ ปีกมันคงหัก ตามันคงบอด...
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างช้าที่สุด เหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรนอกจากจินตนามาขออนุญาตไปดูละครในวันหนึ่ง
“ไม่ได้! โธ่! คุณจินตนา ละครไม่มีอะไรดี จะดูก็ดูเราเถอะ คุณจะเอาอะไรผมจะซื้อมาให้ หัดเปียโน ไวโอลิน ตีขิม...เล่นไพ่ตอง...”
หญิงสาวหัวเราะคิก
“ไปรอบดึก จะมีใครเห็นคะ เรื่องดีเหลือเกิน... ‘ซินเดอเรลลา’ ค่ะ อรสาก็จะไป”
อรสาคือหลานสาวคนโตของทองครอบ
“ได้โปรดเถอะครับเราอยู่ในอาณัติ อย่าไปดีกว่าผมจะแสดงให้ดูที่บ้านก็ได้” ทองครอบกลัว “เอาอรสาเป็นนางซิน”
พอข่าวทองครอบจะเล่นละครเอาใจจินตนารู้ไปถึงคุณป้า คุณพี่ ที่หนึ่ง และคุณพี่ที่สอง ‘ยิ้ม’ ให้กันอีก คราวนี้พูดว่า “เต่าใหญ่ไข่กลบมีหรือคะ?” จินตนาแจ่มใสผิดปกติ ตกลงดูละครบ้านไม่ดูละครโรง ทองครอบวิ่งไปค้นต้นเรื่องนางซินฯ จนเหงื่อโทรม อยู่ไหนก็ไม่รู้? ตากริมม์ สองพี่น้องหรือ? ตาแอนเดอสันหรือ? ในที่สุดไปพบซากบทละครเก่าๆ โดย ฝีพระหัตถ์กรมพระนราฯ
๔
เดือนที่สองผ่านไป เดือนนี้เป็นเดือนที่สาม... แรม ๒ ค่ำ เดือนสี่ เหลือเวลาอีก ๙ วัน เอื้อก็จะมารับจินตนา ทองครอบภาคภูมิใจที่ช่วยเหลือเพื่อนให้พ้นทุกข์ เขาเอาชนะความรู้สึกของญาติทุกคน ชายกับหญิง! เขามีความรู้สึกสูงในเรื่องมิตรภาพยิ่งกว่าความรัก เขาเกลียดความมูมมาม สุภาพบุรุษต้องไม่จุ้นจ้านมูมมามเรื่องอิตถีเพศ เขาเคยรู้เขาคิดมองเห็นภาพติดต่อไปไกลยาวยืด... จินตนาเป็นสมบัติของเพื่อนรัก แม้จะขโมยมาและเขารับ “ของโจร” มาซ่อน ไม่ให้ความรักเก่ารักหลังช้ำชอก เขาเห็น ‘ของโจร’ นั้นไม่มีค่าสำหรับเขาเลย
ราตรีสุดท้ายที่จินตนาจะกลับบ้าน เขานั่งที่ระเบียงวาดภาพที่เขาชนะโดยเด็ดขาดต่อ หญิงสาวผู้นี้ควรภาคภูมิใจ เธอถูกเทิดทูนยิ่งกว่าศักดิ์ ผิดกับอิสตรีในบ้านหนึ่งที่เขาเห็นมี ๑๔ คน มี ๑๔ ห้อง แต่ละคนอยู่ในห้องใหญ่โตไม่เกิน ๕ ศอก สูง ๔ ศอก ยาวพอยัดฟูกหนา ๒ นิ้ว กับหมอน ๒ ใบได้พอดี ผู้หญิงเหล่านี้เป็นเมีย “คนมีบุญ” ของรัชกาลที่ ๖ คนหนึ่งเป็นพระยา ทองครอบถูกบังคับให้เรียกคนมีบุญนั้นว่า “นักปราชญ์” เขาเคยกินข้าวด้วยและเขาเคยเห็น “บารมี” ของนักปราชญ์คนนั้นสลอนดุจลูกสุนัขชะเง้อคอคอยแม่เพื่อกินนม!
“เออ, จินตนา”
“คะ!” เป็นเสียงที่ทองครอบตระหนกตกใจที่สุดไม่ทราบว่าเธอมาแอบอยู่เมื่อใด
“ดิฉันเห็นคุณกำลังเพลิน ไม่กล้าพูด เอื้อส่งเงินมาค่ะ”
“พรุ่งนี้จะไปรถเช้าหรือรถด่วน” เขาโล่งอก
“แต่เอื้อไปออสเตรเลียแล้วค่ะ เขาขอให้ดิฉันพักที่นี่อีกปีหรือสองปี”
----------------------------