- ความนำ (คำนำในการพิมพ์ครั้งแรก)
- จากทฤษฎี สู่ปฏิบัติ
- เสาชิงช้า
- สามเสน
- สุภาพบุรุษจากนครศรีธรรมราช
- วิญญาณที่ท่องเที่ยวไป
- แมงแดง
- ชายผ้านางสีดา
- สถานที่รับแขก
- เมืองปริญญา
- แนนซี
- กรุงเทพอยู่แห่งหนใด
- อ้อยกับกล้วย
- รำพึงมาที่ลำปาง
- ครึ่งทางดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
- กรุงเทพฯ กับศิริกาญจน์
- เอแลน บาลอง
- รวงทอง
- มารเกริต เมืองหยงลิม
- คืนหนึ่ง ณ สุสานสวรรค์
- ลมร้อนในเหมันตฤดู
อ้อยกับกล้วย
จากทฤษฎี : เพราะเรามีเพียงร่างกายเดียว ชีวิตเดียว วิญญาณเดียว ความรักของเราต้องเป็นไปเช่นวิญญาณ จากนิยาย... โอกัสแซง... นิโกแล็ต
สู่ปฏิบัติ : ความรักที่แท้จริงคือการต้องเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ... โดย โอโนเร เดอ บาลซาค
“มีแขกให้มากราบเรียนว่า เขามาจากสวรรค์ครับ” ตาแก้วคนสวนพูดพลางยื่นจดหมายให้เจ้าของบ้านผู้กำลัง “ลงสมาธิ” กับตำราเล่มมหึมา รับจดหมายอ่านคร่าวๆ ประชาผงกศีรษะขึ้น
“เขาว่ามาจากไหนนะ”
“สวรรค์ครับ” ตาแก้วย้ำคำ
“แก้วจำได้ทุกคำไม่ตกไม่หล่นนะ?”
“แน่ครับ”
“เอ! เท่าที่รู้” ประชาพูดทีเล่นที่จริง “สวรรค์นี่เป็นเมืองพระอินทร์ เมืองเทวดานี่นา แล้วแขกของแก้วมีชฎามีลอมพอกด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่เห็นครับ มีแต่กระเป๋ากับชะลอม แล้วก็เป็นผู้ดีน่ารักจริงๆ ทั้งคู่ครับ”
“ไปถามเขาดูใหม่ซิ แล้วเชิญแขกเข้ามา”
๑
พอแก้วเดินลงไป ประชาก็ขึ้นไปหาภรรยาข้างบน ซึ่งเป็นห้องเล็กเฉพาะแต่ห้องนอนกับห้องน้ำ
“คุณหญิง-คุณหญิง!”
จุมพิตภรรยาเบาๆ เมื่อเผยอเปลือกตาขึ้น พลางเล่าเรื่องราวให้ฟังคร่าวๆ ว่า ลูกสาวกับลูกบ่าวของลุงพระจากนครสวรรค์ จะมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยและจะมาอยู่ด้วย เหตุผลอื่นๆ ให้อ่านดูในจดหมาย พลางเขาขอตัวลงไปรับแขกและสั่งภรรยาให้ล้างหน้าตามลงไป
“กล้วยเห็นบ้านพี่หรือยัง? เราปลูกเมื่อแต่งงาน แต่ถ้าชอบและเชื่อว่าบ้านพี่จะทำให้การศึกษาสำเร็จด้วยดีพี่ก็ยินดีอยากให้กล้วยกับอ้อยอยู่...เห็นเรือนไม้นั่นไหม? เรียกช่างมากั้นวันเดียวก็เสร็จ”
“เล็กน่าอยู่ กระทั่งผมคิดว่ามาทำลายความสุขของพี่ทั้งสอง” กล้วยตอบ “แต่เราจะมาเพียงสองปีครึ่ง อ้อยต้องใช้เวลาทำปริญญาอีก ๒ ปี ผมสอบตกปีสามมาครั้งหนึ่ง ต้องใช้เวลาอีกเท่าครึ่งของนิสิตธรรมดา... แต่เอ้อ! พี่ครับ คุณพ่อสั่งผมว่าในขณะที่มาอยู่บ้านนี้ เรื่องไม้ให้ผมเอาที่บริษัทสมวงศ์ เรื่องสีและตะปูให้เอาที่บริษัทสันติภาพ”
“โธ่! คุณลุง รอบคอบถึงเพียงนี้ อ้อ! พอดีพี่ผู้หญิงลงมา”
๒
ม.ร.ว.หญิง ลำดวนศิริรับความเคารพของญาติฝ่ายสามีอย่างหญิงที่มีรสสังคมสูง แต่การศึกษาต่ำ
“ผมให้กล้วยกับอ้อยอยู่ที่เรือนต้นไม้” ประชาพูดด้วยความรักภรรยาคล้ายรายงาน “เราซ่อมแซมเพิ่มเติมอะไรอีกนิดหน่อย เช่น ห้องน้ำ...”
“เข้าใจว่าคงไม่น้อยกว่า ๓๐๐ บาท” คุณหญิงกล่าวดุจไม่แยแส
“คุณลุงรอบคอบเหลือเกินในเรื่องนี้ กล้วยบอกว่าท่านสั่งเรื่องไม้เรื่องสีอะไรต่ออะไรมาเสร็จ”
“เออ! นี่ฉันยังไม่รู้คนไหนชื่อ ‘กล้วย’ คนไหนชื่อ ‘อ้อย’
“ผู้ชายเป็นพี่ชื่อ ‘กล้วย’ ผู้หญิงเป็นน้องชื่อ ‘อ้อย’ ประชารายงานอีก “ชื่อจริงของกล้วยคือ ‘โอภาศ’ ชื่อจริงของอ้อยคือ ‘ศิริณี’
“เรื่องอาหารล่ะคะ...? หญิงอยากให้ทั้งกล้วยและอ้อยรับกับเราข้างบน” เสียงนี้ไม่บริสุทธิ์ แต่ก็แสดงมุทิตาอย่างไม่เคยเลย
“แต่อ้อยตกวิชา Nutrition ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ จึงอยากจะขอร้องทำเองในปีแรกครับ” กล้วยตอบแทนน้องสาว “ถ้าปีสองตกอีกก็ต้องให้ไปรับใช้อยู่กับบริษัทเทียนห้อย”
“ตามใจ! ขอให้ถือเป็นบ้านของเธอก็แล้วกัน ต้องการอะไรบ้างให้สั่งตาแก้ว” พูดอย่างค่อนข้างเข้าใจยากตามน้ำเสียงซึ่งเป็นธรรมดาของชาวพระนครกับชาวนอกพระนคร ผู้แรกมาพักอาศัยอยู่ ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่างมนุษย์ แม้เพียงแรกพบมีจริงๆ...เลือด สิ่งแวดล้อม การศึกษา ช่วยมนุษย์ได้มากสักเพียงใด!
ตาแก้วผู้รัก “ชาวสวรรค์” ของแกแต่แรกพบกับแม่หวานคนครัว ช่วยให้เรือนไม้เป็นห้องนอนชั่วคราวเท่าที่สวยที่สุดเท่าที่จะสวยได้วันนั้น”
๓
“ไม่รัก ไม่เกรงใจหญิง ทำไมไม่มาพูดข้างบนก่อน!” ฝ่ายภรรยาเริ่มเรื่องค่อนข้างดึกดื่นวันเดียวกัน “เอาผู้คนมาตั้งสองคน”
“ทำไมไม่บอก” สามีตื่นงัวเงีย คิดแต่เหตุการณ์ของวันใหม่ “ตอนปลุกก็บอก ในจดหมายของคุณลุงก็อธิบายแจ่มแจ้ง”
“แต่ตอนอนุมัติให้มาอยู่ที่นี่ ประชาไม่ปรึกษาหญิงแม้แต่นิดหนึ่ง บ้านเราหรือแสนจะเล็ก เรือนไม้อีกไม่กี่วันก็จะจมลงไปอยู่ก้นสระ”
“ก็แขกมาพร้อมกับจดหมาย เรื่องเช่นนี้ใครๆ ก็ช่วยไม่ได้”
“ช่วยอะไรไม่ได้?”
“ช่วยไม่ให้อ้อยกับกล้วยพักนะซิ คุณลุงมีพระคุณกับผมล้นกล้า... นอนเถอะง่วงเต็มที... มีโอกาสสนองคุณท่านครั้งนี้เป็นความสุขที่สุด หญิงควรร่วมจิตร่วมใจ”
ฝ่ายภรรยาไม่ฟังเสียง บุรุษหรือสตรีที่ได้รับการศึกษาไม่ถึงขนาด ย่อมไม่ต้องการฟังเหตุผลของใคร แม้เหตุผลนั้นจะประเสริฐเพียงใดก็ตาม ชายผู้มีการศึกษาสูงได้หญิงทรามปัญญามาคู่เคียงย่อมเป็นเครื่องเศร้าหมองอัปลักษณ์จนวันตาย
“แล้วนี่จะให้ทำอย่างไร? สารพัดภาระที่จะต้องเพิ่มขึ้น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าข้าวสาร ฯลฯ ถึงแม่อ้อยจะแยกไปทำวิชาอะไรของแกก็อยู่ในบ้านเดียวกัน”
“ก็อย่ายุ่งซี!” สามีรำคาญ “เรื่องเล็กน้อยทำเป็นเรื่องใหญ่เสมอ” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันตั้งแต่แต่งงานกันมา ประชาหลบตา อีกสักครู่พึมพำว่า “ขอ...โทษ”
“ก็ประชาเป็นผู้ชาย” ลำดวนศิริสะอื้นเต็มที่ในตอนนี้ “ไม่เคยเป็นแม่บ้านจะรู้เรื่องอะไร มีเงินเท่านั้น ไม่มีความรักความเข้าใจบ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม่ครัวเปลี่ยนเดือนละ ๓ คน เสียงนินทาข้ามบ้านข้ามเมือง... อย่างแม่อ้อยอย่างนี้...”
สามีผุดลุกขึ้นนั่ง
“นี่จะไม่ให้นอนหรืออย่างไร?”
“ทำไม...? ภรรยาซึ่งบัดนี้ลืมตัวและโกรธถึงที่สุด ผุดขึ้นเผชิญ “ตั้งแต่ลดเกียรติลงมาแต่งงานกับประชา เราเคยทะเลาะกันกี่ครั้ง?”
“ลดเกียรติมาแต่งงาน”
“แน่ล่ะซิ! แม่เตือนฉันกี่สิบครั้ง เรื่องความสุขชนิดไพร่กับราชตระกูล”
เหมือนไฟลุกวาบจี้ตรงดวงใจ
“ถ้าเช่นนั้น ขณะที่แต่งงานคุณ- พวกคุณและบริวารมิคิดหรือว่า ฉันช่างเป็นไพร่เสียสิ้นดี” ประชาโกรธจัดและพูดอย่างไม่เคยพูด “ขอบคุณ นี่เพิ่งรู้ ถ้าอ้อยกับกล้วยไม่มาพักด้วยก็เห็นจะไม่รู้ แต่ขอให้คิดว่าขณะที่แต่งงานกับคุณนั้น ฉันมีมนุษยธรรมพอ ไม่เคยคิดว่าคุณเป็นธิดาหม่อมนั้น หม่อมเจ้านี่หรือเป็น ‘ณ อยุธยา’ สายนั้นสายนี้ ฉันแต่งงานกับคุณเพราะฉันรักคุณไพร่รักเจ้าฟ้าหญิง หรือเจ้าฟ้าหญิงรักไพร่มีถมไป...คุณเป็นเพียงหม่อมราชวงศ์!”
“แล้วยังไง?”
“แล้วก็เป็นอย่างเดี๋ยวนี้ ฉันได้คุณมาเคียงข้าง เสียเงินเสียทองไปบ้างก็ธรรมดา แต่เหนือสิ่งใดคือเวลาที่ต้องอบรมสั่งสอนคุณแม้ในการแต่งงานของคุณเอง...แม้จะทำคัตเส็ต หรือละเลงขนมเบื้อง...”
“หมดหรือยัง?”
“การให้เหตุผลแก่อิสตรีชั่วชีวิตก็ไม่หมด!”
“พูดซี! เพื่อฉันจะพูดกับเธอ เพียงครึ่งชีวิต”
“พวกคุณต้องการให้เราเกิดเป็นของสูงสุดเหนือเกล้า...โดยคุณมี ‘ความน่ารัก’ น้อยที่สุด สิ่งที่ลึกซึ้งที่มีค่าจริงๆ ย่อมละเอียดอ่อนแลต้องไม่ให้เพศชาย ‘รู้สึก’ ได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งมีผู้เขียนว่า ‘ต้องใช้เวลา ๑๐ ปี ที่จะสอนผู้หญิงให้รู้จักความงามกับมรรยาท’ และไม่ต้องถึงกับปลุกสามีมาทะเลาะกลางดึกซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง...ลำดวนศิริ! ไพร่อย่างฉันทนไม่ได้ นี่เธอจะให้ความรักของฉันสิ้นสุดลงเมื่อไหร่?”
“คืนเดียว-คืนนี้-เดี๋ยวนี้!” หม่อมราชวงศ์หญิงลำดวนศิริร้องเกือบสิ้นเสียง
ในเรือนไม้ตอนที่ ๔ ของคืนวันนั้น กล้วยผู้ได้ยินการทะเลาะและเห็นเจ้าของบ้านออกไปตอนดึก พูดกับน้องสาวว่า
“อ้อย! Prototype ของ ultraroyalist ของเธอเป็นอันตรายเสมอ อยู่ไหนก็เป็นอันตราย ถึงเธอจะเงียบเป็นหอยโบราณที่บ้าน เป็นหัวโจกชิมแปนซีที่โรงเรียน ก็ยังเป็นอันตราย พี่ขอทำนายว่าจะมีเรื่องคาดไม่ถึงยิ่งกว่านี้”
๔
อีก ๘ วัน ลำดวนศิริก็กลับมาที่บ้านของสามี
ประชาไปทำงาน อ้อยกับกล้วยอยู่ที่มหาวิทยาลัย หวานไปตลาด
“โอ้โฮ! เรือนไม้เหมือนวิมาน ชายฝาแบบ “เท็กซัน” นี่เราอยากได้มาสัก ๑๐ ปี!” ชื่นชมพลางเดินตรวจอย่างละเอียดเกือบทุกซอกทุกมุม ตาแก้วเดินตามมีน้ำตาคลอ
“ร้องไห้ทำไมกัน!”
“คิดถึงคุณหญิงครับ หวานกับผมอยากให้คุณหญิงกลับเราอยู่สุขด้วยกันกว่า ๒ ปี แม่อ้อยกับพ่อกล้วยแกก็มีแต่เรียนหนังสือ เช้าไปค่ำมา ว้าเหว่จริงๆ ครับที่บ้านขาดแม่บ้าน”
“เออแน่ะ! ในส้วมแม่หวานกับแก้วก็มีพัดลมด้วย หรูจัง!” เธอไม่แยแสต่อเสียงของคนใช้ผู้ซื่อสัตย์ “ตั้งแต่ฉันไม่อยู่นี่ คุณผู้ชายกลับตามปรกติหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยครับ”
นั่งปล่อยอารมณ์ไปสักครู่หนึ่ง เธอถามคนใช้เบาๆ
“แก้วอย่าประจบนะ แม่อ้อยกับฉันน่ะใครสวยกว่าใคร?”
“แหม! เรื่องสวยเรื่องงามจริงๆ นี่ผมไม่สู้รู้ดีครับ สำหรับแม่อ้อยแกคงไม่ประสาทางนี้กระมัง ผมก็ไม่ตัด ปากก็ไม่ทา เล็บก็ไม่ทา... เสียงรถของคุณผู้ชายมาแล้วครับ ผมจะไปเปิดประตู”
หนุ่มสาวเดินไปนั่งบนระเบียงเรือนไม้ด้วยความอึดอัดทั้งสองฝ่าย ในที่สุดลำดวนศิริเอ่ยขึ้นก่อนมีเสียงเครือ
“ประชา เรามีความสุขล้นเหลือมาด้วยกันร่วมสองปี...”
“และจะมีต่อไปกระทั่งพระเจ้าพราก” ประชาล้อรู้นัย
“เดี๋ยวนี้ฉันต้องการเปลี่ยนชีวิต ประชาเคยสอนฉันว่า พระเจ้าสร้างโลกนี้จริง แต่สร้างไม่สมบูรณ์ เราจำเป็นต้องเป็นพระเจ้าสร้างโลกต่อ ความรักของฉันวิญญาณ...ทุกอย่างต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูรณ์ ฉันปรึกษาท่านแม่แล้ว ท่านขอให้ฉันใคร่ครวญดู ๒ เดือน แต่ฉันไม่เชื่อว่าประชาไม่ตามใจฉัน ครั้งสุดท้ายนี้”
“ลำดวนคิดรอบคอบแล้วหรือ?”
“ประชามีความเห็นอย่างไร?”
“เรื่องของเรา ไม่เป็นเรื่องสักนิดหนึ่ง โง่ทั้งสองฝ่าย!” ประชาพูดอย่างเหน็ดเหนื่อยและเสียดาย “แต่ชีวิตครอบครัวไทยมักเป็นเช่นนี้ทั่วไป...ปลาตกน้ำตัวโตทุกที เรื่องไม่สำคัญกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย มักง่ายหัวโต ขาลีบ ตัดสินใจง่าย ส่วนเรื่องที่สำคัญจริงๆ กลับหวาดกลัว”
“นั่นเป็นเหตุผลของประชา แต่เรายังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ!”
“แน่นอนสำหรับข้อนั้น” ประชาประคองกอดภรรยารัดแน่น “มีใครบ้างไม่อาจเป็นมิตรกับใครได้ถ้าต้องการในโลกนี้! ผมแปลกใจว่าทำไมวันนี้กลิ่นผมของลำดวนหอมชื่นใจอย่างประหลาด แต่นี่คุณดูเรือนต้นไม้ทั่วแล้วหรือ?”
“ฉันอิจฉาคนอยู่จะตายแล้ว!”
๕
๖ เดือนผ่านไป โดยลำดวนศิริและประชาหย่ากันอย่างเรียบร้อย แก้วกับหวานร้องไห้เมื่อทราบข่าวอันไม่น่าเชื่ออยู่หลายวัน ในระหว่างเวลา ๖ เดือนก่อนนั้น ประชาพบลำดวนไปเต้นรำที่สวนอัมพร ๒ ครั้ง ที่รัตนโกสินทร์ครั้งหนึ่ง ทุกๆ ครั้งประชาไม่ได้สังเกตว่า “กล้วย" เจ้าของเรือนไม้ชายฝาแผน “เท็กซัน” และผู้พยากรณ์ว่าในบ้านที่ตนมาพักจะมีเรื่องคาดไม่ถึงอีก...เป็นผู้พาลำดวนศิริมา!
อีก ๑๘ เดือนหลังจากกล้วยได้รับปริญญาแล้ว พระวนกิจโกศล บิดาของกล้วยกับอ้อยก็ลงมากรุงเทพฯ เพื่อทำพิธีหมั้นหม่อมราชวงศ์ลำดวนศิริ พิลาศ ณ อยุธยา ให้นายโอภาศ ณ นครสวรรค์ บุตรชาย!
ประชากำลังเดินทางไปตรวจรับซื้อซากหินประหลาดซึ่งเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเคยขุดพบและขายให้กับบริษัทกรุปป์ก่อนมหาสงครามโลกครั้งที่ ๑ ที่จันทบุรี เขาสงสัยว่ามันเป็นพลูโทเนียมในคืนที่กล้วยหมั้นนั้น!
นอนกับประชา กินกับประชา เกี่ยวกับประชา ตลอดเวลาที่อยู่ในกรุงเทพฯ กระทั่งจะจากไปนครสวรรค์ พระวนกิจฯ ถามหลานชายว่า
“ลุงเคยทราบว่าแว่วๆ ว่า แกมีภรรยาเชื้อเจ้าเหมือนกันแล้วนี่ไปไหน?”
“ตายหลายปีแล้ว เธอตกทะเลตายที่ปัตตาเวีย! คุณลุงมีอะไรหรือครับ?”
“ก่อนตาย พ่อแกกำชับลุงหนักหนา... ขอให้ดูแลแกให้ตลอดอยู่เป็นโสดนานๆ ปีอย่างนี้ชั่วหลายอย่าง ลุงเป็นห่วงแกในเรื่องนี้ ยิ่งทราบว่า แกเป็นหัวหน้ากรรมการค้นคว้าระเบิดปรมาณูยิ่งเป็นห่วงมาก แกจะทำงานเพื่อบ้านเกิดเมืองนอนมนุษยชาติได้ดีรอบคอบยิ่งกว่านี้ถ้าแกรีบแต่งงาน”
(ลวดลายของเรื่องนี้ มีอนุสนธิมาจากมรณกรรมและความพยายามของศาสตราจารย์ ดร. หลวงพรตฯ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้นำการค้นคว้าเกี่ยวกับพลังปรมาณูในประเทศไทย ศิษย์ของท่านกลุ่มหนึ่งมี “ประชา” เป็นหัวหน้าได้ค้นคว้าต่อโดยรัฐบาลสนับสนุน ความเป็นจริงต่างๆ หลายตอนถูกตัดออกเพื่อความลับ ข้าพเจ้าผู้เขียนรู้จักประชามานาน และการสนับสนุนเขาเต็มที่... แม้ในชีวิตส่วนตัว ได้สนับสนุนกระทั่งการแต่งงานระหว่างศิริณี ณ นครสวรรค์กับเขา เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเขาตรองไม่ตกว่า การที่ต้องไปเป็น “เขย” ของภรรยาที่เพิ่งหย่านั้นจะเป็นไปได้อย่างไร!)
ลงใน “พิมพ์ไทยรายเดือน” ฉบับเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๒