วิญญาณที่ท่องเที่ยวไป

ที่งอบยาว :

นงราม ศิลปมณฑล จุมพิตข้าพเจ้านานและแรงที่สุด แต่ในด้านอารมณ์ที่ลืมตนนั้น ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่า “นั่นคือจุมพิต” ชีวิตของเธอ ๑๐๐ ใน ๑๐๐ ของความภักดีที่เธอมอบแก่ข้าพเจ้าแล้ว

ผิดทฤษฎี :

“แต่เราแต่งงานกันไม่ได้หรอกนงราม มันผิดทฤษฎี ฉันต้องการแต่เพื่อนและความรัก ฉันกลัวที่สุดว่าถ้าแต่งงานแล้ว ลูกของฉันจะโง่กว่าฉัน นี่ไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าเด็กโง่นั่นจะไปเพิ่มจำนวนโง่แก่ฝูงมนุษย์! ฉันไม่ใช่คนฉลาดเท่าไหร่ก็จริง แต่ลูกของเรา เธอเชื่อหรือว่ามันจะได้ผ่าน ๒ มหาวิทยาลัยเหมือนแม่? ขอให้เรารักกันอย่างนี้ “อาณาจักรจุมพิต” เป็นจักรวาลที่ฉันบูชา จุมพิตคือศาสนา ฉันรักเธอมากที่สุดเหมือนกัน”

ดำฤษณา

นงรามประคองศีรษะข้าพเจ้าตั้งตรง ตาแพรวพราวของเธอจ้องดูข้าพเจ้าเหมือนตาเก้งที่ตายแล้ว ริมฝีปากที่เคยเต้นน้อยๆ หยุดนิ่ง ความรู้สึกนึกคิดของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์เหนือเหตุผล อา! เทพธิดาแห่งอารมณ์ ในที่สุดก็เหลือแต่อารมณ์อันเปลือยเปล่า “ยุกติอาจจะมีเหตุผลพิเศษ นงไม่แคร์ นงจะรักอยู่อย่างนี้แล้วแต่ความรักจะจูงไป จะไปถึงไหนก็ตามแต่ อย่าลืมว่าความรักเป็นทั้งหมดในชีวิตนง ถ้าไม่รักนงจริงๆ แล้ว ทำไมไม่นั่งเบื้อเป็นหอยโบราณอยู่กรุงเทพฯ? มาหานงทำไม? แต่โอ! ยุกติ-เหตุผลของเธอ..ทำไมนงจึงรักเธอ? นงต้องการจะเป็นบุคคลผู้เดียวกับเธอไม่รู้ละ!”

“รักนงอย่างเปรม นงจ๋า ยุกติไม่เคยรักเธออย่างดำฤษณาระหว่าง ๒ อย่างนี้ นงจะเลือกเอาอย่างไหน?” ข้าพเจ้ากดศีรษะของเธอโอบแนบแน่นกับทรวงอก

“ทำไมต้องถาม? นงไม่ตอบ มีใครบ้างที่ไม่บูชาเปรมเหมือนพระในศาสนา ซึ่งในที่สุดก็ต้องสึก! สึกเพื่อเปรมหรือ? แล้วมีใครบ้างที่ชนะดำฤษณา นอกจากนิยาย?”

“ถ้าเช่นนั้น เธอมีความรักเพื่ออยากมีลูกเช่นนั้นสิ?”

“ปรกติชนช่วยได้ไหมเล่า?”

“แต่ยุกติพูดทำไม?” นงรามรัดข้าพเจ้าแน่นใต้แขนซ้าย ดวงตามหึมาของเธอมีฝ้า

“ได้! ลองคิดดู ความรักเป็นของขวัญแห่งชีวิตแต่การครองเรือน และการมีลูกเป็นภาระแห่งมนุษยธรรม โลกเราไม่เจริญพอที่จะประคบประหงมมนุษย์ เหมือนเมื่ออยู่ในท้องแม่เลย”

นงราม ยอดรัก

มือของนงรามค่อยๆ คลายออก แววตาวาววับขึ้นอย่างน่ากลัว แต่ข้าพเจ้ากลับพยายามรัดเธอแน่นขึ้นอีก

“เราเป็นผู้แทนมนุษยชาติรุ่นที่เลวมาก นง ฝูงมนุษย์ทั่วโลกถือเอาความตะกละเป็นศาสนา การหักหลัง การโกหก การฟังความข้างเดียว ความริษยา การกินเหล้าเมายา ความโง่ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเทพารักษ์อันสูงศักดิ์ในศาสนาตะกละ”

“แต่พลังของแรงงานเอตอมส์จะต้องล้างผลาญศาสนาบ้านั้นในพริบตาเดียว” นงรามแย้งมีความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์ จุมพิตข้าพเจ้าที่แอ่งศอก

“ฉันจะแต่งงานกับเธอในพริบตานั้น!” ข้าพเจ้าปลอบ แต่เกรงว่า ‘พริบตาเดียว’ ของเธอจะนานถึง ๑๐ ปี

“ผู้หญิงที่ดื้ออาจจะคอยความรักแท้ถึง ๑๐ ปี”

“ขอบคุณละ! แต่สิ่งที่จะร้ายแรงกว่าแรงงานของเอตอมส์คือลูกมนุษย์”

“อะไรกัน! ลูกของเรา นงรามมันอาจจะเป็นคนดีที่สุด เก่งที่สุดเหมือนแม่ แต่ตามทฤษฎีแล้วมันต้องโง่ที่สุด ถ้าเป็นผู้หญิงก็งอนเป็นบ้าเป็น มีมารยาเหมือนลา ถ้าเป็นผู้ชายก็ต้องเป็นคนเห็นแก่ตัว บ้ากาม - - หน้าไหว้หลังหลอก เหมือนมีบรรพบุรุษเป็นยิวในเจนัว มีนิสัยโหดร้าย ใจแคบที่สุดเหมือน ๕+๔-๓+๒=๑+๐ - - -”

“แต่ยุกติ” นงรามจับคางข้าพเจ้าลูบไปมา

“อย่าใช้คำ ‘มัน’ กับคนเล็กของเราซิ! นงเป็นแม่ นงเชื่อในความรักของแม่ว่าจะสามารถอุ้มชูโลกให้พ้นจากศาสนาตะกละ”

“ไม่มีความรักของแม่ก่อนมหาสงครามโลกครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ หรือ? - - - แต่พูดเรื่องลูกของเรายังไม่ทันจบ ลูกของมนุษย์ที่เสียมีทางกลายเป็นศัตรูของมนุษยชาติง่ายที่สุดตัวอย่างก็คือ ถ้าลูกมนุษย์มีแต่แม่และพ่อเป็นอย่างเรา”

“โลกคิดเหมือนยุกติไหม?”

“โลกผิดมาแล้ว! แต่เดี๋ยวนี้โลกก็ยังคิดไม่ถึง !! โลกจะต้องผิดอีก และจะต้องมีสงครามที่โหดร้ายรุนแรงกว่าคราวที่ ๒ นี้มากนัก ยุคเอตอมส์ คือยุคเซียนในพงศาวดารจีนนั่นเอง อุปกรณ์ทุกอย่างของมนุษย์คงจะเปลี่ยนจากเหล็กมาเป็นแก้ว แต่ยุคเซียนทุกยุคต้องมีปีศาจ ปีศาจจากศพนั้นไม่เท่าไหร่เลย ปีศาจจากคนเป็นหรือ Mad genius นี่ซิ จะทำลายมนุษยชาติที่ถือศาสนาตะกละด้วยอาวุธที่ร้ายที่สุด! เธอรู้ดีแล้วว่า แรงงานเอตอมส์ไม่จำเป็นต้องแยกจากยูเรเนียม อาจจะแยกออกจากโคลนตม ตามท้องคู่นี้ก็ได้ และอาวุธร้ายๆ จะมีแต่บอมบ์เอตอมส์เท่านั้นหรือ?”

“เธอคิดมากเกินไปยุกติจ๋า!”

“เธอดูในหนังสือฝรั่ง ๑๙๔๕ สี่ห้าสิบเล่มที่ฉันหอบมาให้เธอแล้วหรือ? เห็นอะไรบ้างตามถนนสายต่างๆ ในเบอลินและในญี่ปุ่น- - - เด็กกำพร้าน่ะยังดีกว่า ความแก่ชราก็ยังดี ความเป็นหม้ายก็ยังดี ฯลฯ แต่มันยังพินาศหลายหมื่นเท่ายิ่งกว่านั้นที่- - - ไม่มีอาหาร ไม่มีเสื้อผ้า หนาวตาย ฯลฯ ด้วยจำนวนกี่สิบกี่ร้อยล้าน จากการกระทำของปีศาจคนเพียงไม่กี่คน! มหาสงครามครั้งที่ ๑ มีคนก่อไม่ถึง ๓๐ คน แต่คนตายเพียง ๑๒ ล้าน มหาสงครามครั้งที่ ๒ มีคนก่อเพียง ๘ คนเท่านั้นที่- - - เป็น Mad genius ทั้งสิ้น แต่มีคนตายร่วม ๒๐ ล้าน! อาชญากรที่แท้จริงต้องเป็น Mad genius เท่านั้น เราจะต้องเตรียมตัวใหญ่โตที่สุดในที่นี้ มาเราเอื้อสันติภาพ”

“เรา- - - ยุกติกับนงน่ะหรือ?”

“หือ! เราอย่าเพ่อแต่งงานกันเลย”

“คนอื่นล่ะที่เขาแต่งงานกันทั้งโลก เราจะฝืนโลกอย่างไร- - - ? เราต้องคิดว่าเราไม่มีความสำคัญเลยซิจ๊ะ?”

“อยู่เหมือนปะการังและตายเหมือนปะการัง ตามคติโบราณของเธออีกละซิ!” ข้าพเจ้ารำคาญเต็มที่จุมพิตเธอที่ศีรษะอย่างเลื่อนลอย

“นงอยากให้ยุกติมาอยู่ที่งอบยาว ดวงจันทร์ที่นี่ไม่มีราคี ทุกสิ่ง ไร้เดียงสา เราจะอยู่สุขอย่างอยู่ร่วมกันเมื่อชั่วชีวิตอยู่ที่นี่ปลอดภัย 900 เปอร์เซ็นต์จริงๆ” นงรามจุมพิตต้นแขนข้าพเจ้า คลึงเคล้าเหมือนนกอ่อน ไซร้ขนใต้อกชราของแม่นก

“ชั่วชีวิตหนึ่ง”

“จ้ะ! ชั่วชีวิตหนึ่ง เราอย่าไปต้องการอะไรมากนัก หนังสือพิมพ์ก็คัดเลือกอ่านแต่ที่ดีและจำเป็นที่สุด - - เราจะคืนไปสู่ธรรมชาติด้วยกัน งอบยาวมีความบริสุทธิ์หลายร้อยหลายพันอย่าง เราจะอยู่ด้วยกันเหมือนนกกำพร้าฝูงที่ลมพัดหลงทางมา”

อนิจจา! ความฝัน!

เมื่อข้าพเจ้าลืมตาขึ้นรู้สึกเสียดายที่นิยายรักของข้าพเจ้าเป็นเพียงความฝัน ในตอนเย็นวันนั้นข้าพเจ้าพบ “นงราม ศิลปมณฑล” ที่หยาดฟ้า เธอเป็นภริยาของรัฐมนตรีผู้หนึ่ง เราเผชิญหน้ากันอย่างจังที่สุด แต่ตาดีของเธอเหมือนตาบอด เธอสูงศักดิ์เกินไปที่จะมองข้าพเจ้า

แม้กรุงเทพฯ กำลังจะรื้อไข้จากซากมหาสงครามครั้งที่ ๒ นงรามก็เพริศพราย เธอแต่งตัวด้วยอาภรณ์สมัยรุ่นสุดท้าย และรุ่นนำของสังคม ก้าวทุกก้าวของเธอเท่าที่ข้าพเจ้าเห็น เหมือนหงส์ขาว ปากของเธอแดงเหมือนจงอยปากการะเวกดอย เล็บล่างและเล็บบนแดงเหมือนเพชรเทียมที่เริ่มร้าว สามีรัฐมนตรีของเธอเล่าก็ดูเหมือนจะมีความสุขในอาการช้อยชดชั้นสูงของภริยา!

แต่กรุงเทพฯ ไม่ใช่งอบยาว ท้องร่องตามท่อในกรุงเทพฯ สกปรกที่สุดและยุงในกรุงเทพฯ มีมากที่สุดในโลก ในฝันของข้าพเจ้าจำได้ว่า ได้บอกแก่นงรามว่า มนุษย์ทั่วโลกเดี๋ยวนี้หรือเดี๋ยวไหนก็ตามถือ “ศาสนาตะกละ” ทั้งนั้น และนงรามยังแย้งว่าบอมบ์เอตอมส์จะทำลายศาสนาตะกละนั้น โดยมีความรักของแม่ของเพศเธอช่วยกันทำลาย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวาดกลัวเหลือเกินเรื่อง “ปีศาจคน” หรือ Mad genius-- และโอ! ศาสนาตะกละกับกรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยเทพารักษ์ของศาสนานั้น!

“นงราม ศิลปมณฑล” จะมีนามสกุลใหม่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าไม่วิตก ข้าพเจ้าไม่รู้จักรัฐมนตรีผู้นั้น แต่อยากจะดูความรักของแม่ของนงราม จะขอคอยดูซิว่า “ชั่วชีวิตหนึ่ง” ของนงราม- - - ซึ่งมีคนสอพลอค้างชำระบางคนเรียกเธอว่า “คุณนายรัฐมนตรี” และครั้งหนึ่ง คุณนายรัฐมนตรีผู้นี้รู้จักข้าพเจ้า เธอบอกว่า “ยุกติจะเป็นอะไรร้อยสีพันอย่างในอนาคตก็ตาม ยุกติต้องไม่ลืม ยุกติเป็นชายคนแรกที่นงรัก และเป็นคนสุดท้ายในชีวิตบริสุทธิ์ของนง”

เธอก้าวออกจากภัตตาคารแห่งความสุรุ่ยสุร่ายเหมือนหงส์สลัดปีกร่อนไปที่รถยนต์ใหญ่หลังค่อมนิดๆ ข้าพเจ้าหัวเราะและสงสัยขึ้นฉับพลัน

“ยุกติ ปรัชญาทัศน์...เจ้าโข่ง! เมื่อไรเจ้าจะก้มหน้าเดินไปเปลื้องเสื้อผ้าออกทั้งร่าง และถือศาสนาตะกละเหมือนโลก เหมือนนงราม เหมือนคนทุกคน โกหกเก่งที่สุด และเมื่อไรเจ้าจะไปนั่งเสี่ยงเซียมซีกับเทพารักษ์แห่งความริษยา เพื่อที่จะกลายเป็นทูตของความปลิ้นปล้อนหลอกหลอน...ทูตแห่งการโกงและความโง่ซึ่งเป็นม่านสวรรค์ในเมืองสัตว์มนุษย์?”

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ