สุภาพบุรุษจากนครศรีธรรมราช

ด้านหลังของการ์ดกระดาษสาที่เขาได้รับจากกรรณิการ์ เจ้าของการ์ดและสกุลที่เขายิ่งกว่ารังเกียจเดียจฉันท์ “กรรณิการ์ ณ นราธิวาส” อ.บ., ป.ม., ธ.บ. และ Ph.B. อิสตรี ๓ มหาวิทยาลัยที่เห่อปริญญาบัตรติดเต็มทั้งหน้าการ์ด! มีข้อความสองสามบรรทัดเขียนอย่างหวัด อักษรกลม ประณีตในช่องไฟความชัดที่สุดว่า “จำเป็นต้องพบเอื้อเดี๋ยวนี้โปรดอนุญาต ขอรบกวนเวลาอย่ามาก ๑๕ นาที ทั้งโกมลและกรรณิการ์ตกลงคืนหมั้นแล้วแต่จันทร์ก่อน”

“ผู้หญิงสวยน่ากลัวที่สุดครับ” เจ้าจ้อยผู้รับการ์ดรายงาน

เขางง แต่พลันมโนภาพอันประหลาดล้ำแวบเข้ามา เขามองดูเจ้าจ้อยอย่างถมึงทึง พลางรำพรรณอย่างเบื่อหน่าย

“แล้วไม่รู้แล้วเลย กรรณิการ์ จากกันมาร่วม ๖ ปี เธอก็ยังจุ้นจ้านแต่เรื่องรัก ไหนเธอบอกว่าทางรักของเธอจะตรงลิ่วไปสู่สวรรค์? ฉันสู้สะกดมาตามทางของฉันแล้ว แม้ตามทางที่ฉันหลีกดำเนินมา... ไม่มีอะไรนอกจากความทรยศขมขื่น ฉันก็ยังเป็นตัวของฉันมีความสำนึกอันดีเลิศเรื่องตระกูล เธอเคยอุทานว่า “ฉันเป็นคนเลว-เลวที่สุด ฉันเหมือนงูมีลิ้นสองแฉกสีดำ” อย่างไรก็ตาม ฉันมองไม่พบความรัก โลกนี้ไม่มีความรัก...ไม่มี! ไม่มีแม้ความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อยที่ควรมีก็ไม่มี! จากนครศรีธรรมราชมาสงขลา ฉันพบแต่ความหยาบกระด้าง เหนือไปกว่านั้นฉันพบความสวยที่ “หยาบ คาย” ขรุขระโง่ และเต็มไปด้วยความตะกละ! เธอเป็นคนดี-ดีที่สุด กรรณิการ์! นัยน์ตาของเธอเห็นสีดำที่เหมือนนิลสีขาว เธอมี Ph.B. เหมือนฟ้ากับดิน ยามฤดูแล้งที่โหดร้ายสุดทารุณ... ที่สื่อฝนแม้กึ่งห่าก็มิมี ฉันเป็นดิน ถึงจะเคยรักเธออย่างบ้าคลั่ง ครั้งหนึ่งก่อนเธอเป็น อ.บ. แต่เราทั้งสองต่างก็มีทิฐิร้าย เราจากกันโดยเด็ดขาดที่ลานเสาชิงช้า-เด็ดขาดโดยเราเข้าใจกันอย่างสมบูรณ์ แต่เธอก็ยังหวลกลับมาอีก ๖ ปี! เธอควรมีลูก ๖ คน กลับ...มาทำไม? สันดานของฉันเกลียดความหลัง เจ้า อบ., ป.ม., ธ.บ. และ Ph.B. ของเธอเหมือนปีศาจร้ายแดนกาลี ฉันเกลียดเธอ-เกลียดเธอจนถึงที่สุดของคำ “เกลียด”

แต่แล้ว! ร่างระหงของกรรณิการ์กลับปรากฏดั่งดาวร้าย!

เอื้อเงยหน้าขึ้นในร่างที่กำลังเผชิญหน้านั้นเป็นร่างของกรรณิการ์ ณ นราธิวาส อ.บ., ป.ม., ธ.บ. และ Ph.B. โดยบริบูรณ์! ลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสุดที่รัก อนิจจา! ๖ ปี...กรรณิการ์คล้ายหมองหม่นซ้ำซากทุกแรมปี ประกายนิลแสนคมเมื่อ ๖ ปีก่อนแม้จนชั่วโมงนี้ยังคมขลับแต่แววท้าทายการจุมพิตตามธรรมชาติดูร้างหายชะรอยจะถูกข่มจุมพิตจนลบคม เสื้อกระโปรงสีเขียวอ่อน-ภาพนกคีรีบูนสองตัวพลอดกันบนกิ่งชำมะนาดคู่บนหน้าอกซ้ายแทนที่จะปักด้วยไหมสีสดกลับกลืนสี มิหนำซ้ำผมยังคลุมด้วยป่านพิษณุโลกสีแดงดำคล้ำเหมือนสีของสายนาฬิกา น่าเสียดาย! ช่างทำให้ความเพริศพรายทั่วสรรพางค์กายแต่อดีตไร้ชีวิต...เซียวซีด เศร้า-เศร้าอย่างสุดที่จะฝืนพิศ... ‘สวยน่ากลัวที่สุดของเจ้าจ้อย’ และอย่างเลยเกินที่จะประพันธ์ได้เป็นภาษาประพันธ์!

เขาข่มสติ และแทนที่จะถามอย่างสุภาพหรือมีอารัมภบทฉัน คนเคยรักที่จากกันไปนาน เขาเอ่ยขึ้นอย่างชาเย็นรวบรัด

“โกมลทำอะไรผิด?”

หญิงสาวผู้สมญาว่า “ราชินีแห่งปริญญา” นิ่งสนิท ไม่มีคำตอบใดๆ เลยหลบตาจากผู้ถามมองดูงูแม่ลูกเคลือบรอบแก้วน้ำครึ่งแก้วบนโต๊ะ ควันบุหรี่ของเอื้อวิ่งขึ้นสู่เพดานห้องคล้ายหญิงเปลือยกายเต้นรำ เธอนิ่งตายเสมือนไม่มีคำถาม เขาจึงนิ่ง เสียงนาฬิกาดังติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก นับจังหวะให้ความนิ่ง ซึ่งชั่วขณะนั้นทั้งสองต่างฝ่ายต่างกระวนกระวาย ๖ ปีมาแล้ว “ความรัก” แยกเขาไปจากเธอ-เธอไปจากเขา ในการวิจารณ์ของกรรณิการ์ ขณะที่ใช้ความนิ่งเป็นอาวุธ เธอเห็นเอื้อผอมและดำกว่าเมื่อ ๖ ปีก่อน ตาของเอื้อคล้ำต่ำ ส่อถึงความเด็ดขาดและความทะนง กระดูกแก้มขึ้นเป็นรูปแสดงถึงความตรากตรำและความฝืน ไหล่ยังคงบาน นิ้วมือเหลืองไหม้เกรียมไปด้วยนิโคติน ที่น่าสะดุ้งที่สุดคือริมฝีปากที่ส่อความเหี้ยมโหดร้าย ผิดกับชายหนุ่มผู้ไม่เดียงสาแต่ก่อนอย่างคนละคน ๖ ปีของความรัก... ๖ ปีที่เอื้อคิดว่าแขกของเขาควรมีลูกสัก ๖ คน และไม่มี!

ในสายตาของเอื้อ บำเพ็ญงาม...

หญิงชื่อ “กรรณิการ์ ณ นราธิวาส” ผู้นี้ ก่อนได้ อ.บ. เป็นเสมือนตุ๊กตาแสนซนในวงแขน แต่พอกรรณิการ์ทำปริญญาธรรมศาสตร์ ควบกับประกาศนียบัตรครูจิตวิทยากลายเป็นอารมณ์วิตถาร กรรณิการ์บอกเขาหน้าชื่นตาบานว่า รักเดียวนั้นสู้รักหลายมิได้ เธอต้องการรักกับ “โกมล อสิรวาท” ข้าราชการกรมมหาวิทยาลัยอีก ถ้าเอื้อมีการศึกษาสูงพอที่จะไม่ริษยา เธอได้บอกกับเอื้อเป็นภาษาต่างประเทศ...Anythings anywhere is a flux as well us love and desire and pluralistic loves with simple desires are of the best of modes... เอื้อจนปัญญา เขาบอกอำลากรุงเทพฯ อย่างฉับพลัน คิดว่าเขาเสียสละกรรณิการ์ผู้นี้กับโกมล ภาคภูมิในชั่วโมงที่บอกกล่าว อิ่มสุขเมื่อได้เดินลงจากเรือนน้อยของกรรณิการ์...แต่เมื่อถึงบ้าน เอื้อประสบกับความช้ำชอกเช่นเดียวกับสาธุชนที่จำเป็นต้องเสียสละทั้งหลาย ๖ ปีมาแล้วคล้ายกับเรื่องของเมื่อวานนี้ ความอ่อนระโหยของกรรณิการ์เบื้องหน้า-ปรากฏการณ์! เขาเกือบไม่เชื่อตา แต่ไม่ทำให้เขานึกจะปลอบโยนแม้แต่น้อย จริตอิสตรีคือวัณโรคของความแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใด ใครก็รู้ ก็แต่สำหรับกรรณิการ์ซึ่งขณะนี้กำลังนิ่ง และซึ่งเขาไม่รู้จักต้นสายปลายเหตุ จะมีความยุติธรรมอะไรเล่าดีกว่าปล่อยให้ความน่าสังเวชของหญิงสาวเป็นสมาธิชั้นต่ำของเธอเอง?

ในวินาทีหลังที่สุด หญิงสาวจำต้องเอ่ยขึ้นก่อนเสียงเครือวิงวอนและเบา

“เอื้อเห็นไหม ฉันผ่ายผอมลงเพียงใด?”

“นี่หรือความจำเป็นของกรรณิการ์” เอื้อก้มหน้าสลัดเถ้าบุหรี่

“โธ่! เอื้อ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความปวดหัวทั้งสามฝ่าย และต่างฝ่ายต่างก็ทรมานซึ่งกันและกัน เอื้อเสียสละฉันให้ไปทรมานเป็นภรรยาของโกมล...”

ดวงตาของเอื้อวาวขึ้นอย่างเดือดดาล

“แต่ก่อนเสียสละฉันเตือนกรรณิการ์กี่ครั้ง...เมียของเขาลูกของเขา เวลานี้กรรณิการ์พลาดหวังจากวิมานที่เหตุผลของเธอชนะฉัน ๑๐๐ เปอร์เซนต์ เธอกลับมาประณามฉัน! เธอไม่คิดเลยหรือว่าฉันขมขื่นและเกลียดเธอเพียงใดโดยที่เธอไม่หวั่นวิตกว่า โกมลจะมีลูกแล้วตั้งสองสามคน!”

ขณะที่พูดถ้อยคำเหล่านี้ กระแสของความเจ็บช้ำเย้ยหยัน กระแสของความแค้นความน้อยใจรวมทั้งความรู้สึกว่า ตนมีเลือดตระกูลสูงกว่า ปรากฏออกมาอย่างเต็มที่ กรรณิการ์ยังคงนิ่ง-นิ่งด้วยเธอคิดว่าจิตวิทยาของความนิ่งเกี่ยวกับอารมณ์จะสามารถระงับได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่ขุ่นหมองเกี่ยวกับอารมณ์

เขาพูดอีกเช่นที่เธอจะคิด

“พูดถึงโกมลเถิด กรรณิการ์ อย่าให้ฉันต้องไม่เป็นตัวเป็นตนมากขึ้นเลย..ยอดมานพของเธอเขาทำอะไรผิด?”

“ทำไมต้องถามว่า เขาทำอะไรผิด?”

“อ้าว!” เอื้อแค่นหัวเราะเสียงต่ำลงอย่างคนที่กำลังหมดหวังใน ‘ความเจริญ’ ของโลก “ในเรื่องราวของความรักที่ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายผิดเคยมีหรือ? ยิ่งหญิงชั้นสูงเด่นหรูหราเช่นเธอโกมลต้องทำผิด เขาต้องเป็นจำเลย เธอเป็นโจทก์ คนสอพลออย่างโกมลเป็นคนที่ไม่เคยไม่น่าเอ็นดู ครั้งนี้เขาต้องทำผิดอะไรอย่างแรงอย่างหนึ่งโจทก์จึงถอนหมั้น”

หญิงสาวทรุดลงบนเก้าอี้เหมือนจะสิ้นหวัง! แบบสำรองอันแท้จริงของเธอค่อยคลายออกมาเพราะความไม่ยอมแพ้ของชายผู้ไม่มีลักษณะของสุภาพบุรุษ! เธอหวลกลับมาครั้งนี้เพราะเธอต้องการเอาชนะชายทรนงผู้นี้ เธอต้องการชนะนิยายสวาทในปวงวรรณคดี! แต่พลันกรรณิการ์กลับสะอื้นด้วยความหลัง บุคลิกลักษณะของเธอที่ก่อจากความงามมั่งมีและความรู้...กรรณิการ์ ณ นราธิวาส อ.บ., ป.ม., ธ.บ. และ Ph.B. คนหรูคนหราแห่งสังคมเมืองนครฯ และสงขลา ประดาสิ่งอันมากมายในตัวเธอ (บัญชีของการรักเล่นและการเต้นรำในวังสุลต่านสลังงอร์ และในทำเนียบสามัคคีชัย!) แนะให้เธอประมูลราคาของชายหนุ่มผู้ป่าเถื่อน ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทการแร่นครศรีธรรมราช ผู้เคยเป็นคู่รักเก่าซึ่งบัดนี้นั่งอยู่เบื้องหน้า...ดูดู๋ ชายผู้ไร้ทั้งเกียรติและปริญญา! ช่างไม่สำนึกถึงราคาต่ำของตนแม้แต่น้อยใน “เมืองปริญญา” และช่างไม่คิดว่าเป็นกุศลสูงเพียงใดอันได้มาเหยียบบ้าน หรือ “รัง” ของอัยการสงขลา-เพื่อนของเธอ นี่ไม่มีอะไรนอกจาก I.Q. ที่ต่ำกว่าที่จะเป็นรัฐมนตรีและหนังสือ ดอกไม้ นาฬิกาและหนังสือ!

ด้วยสุ้มเสียง และด้วยจังหวะแห่งจ้าวสังคมปักษ์ใด้อย่างสมบูรณ์ กรรณิการ์ตั้งใจจะพูด-พูดเช่นที่เธอคิดว่าจะต้องพูด...แต่แล้วเธอกลับพูดว่า

“ถ้าพูดด้วยภาษาและความรู้สึกที่กระด้างอย่างนี้เราจะรู้เรื่องกันได้อย่างไร เอื้อลืมแล้วหรือว่า ฉันเป็นสุภาพสตรี สุขภาพของฉันกำลังเสีย และฉันเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเธอโดยความนิ่งของเธออนุญาต ทั้งกำลังจะขอความช่วยเหลือจากเธอผู้เคยเป็น “สุภาพบุรุษ” หญิงสาวเน้นคำ “สุภาพบุรุษ” ด้วยหลักชั้นเชิงแห่งอักษรศาสตร์ หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาผู้มีนิสัยนิ่งอยู่แล้วพลอยนิ่งเงียบตาม

“ที่จริงฉันไม่ควร...ไม่ควรมาหาเธออีกเลย เรื่องของเราเป็นเรื่องที่พึงปิดบังกันอย่างผู้ดี แต่เธอไม่ใช่ผู้ดี เธอไม่ใช่เอื้อ บำเพ็ญงาม ของเมื่อ ๕-๖ ปีก่อนนี้ เธอไม่มีหัวใจ เธอสาปเพศของฉัน อย่างน้อย” กรรณิการ์สะอื้นอย่างขมขื่น “อย่างน้อยเธอก็กำลังเชื่อว่า หญิงมีความรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งมีความจริงในเรื่องรักน้อยเพียงนั้น เรื่องมันรุนแรงพอที่ฉันจะกล้าพูดกับเธอได้เหมือนกัน...”

“ฉันไม่เคยพูดว่าเธอขี้ขลาด” เอื้อกระชากเสียง

“แน่ละ! เพราะฉันกล้า! เธอเป็นผู้ชายที่โง่ที่สุดที่เชื่อความรักคือแผลฉกาจในทรวงอก...เปล่า! ความรักคือความรัก แต่อย่างฉันนี้เคราะห์ร้าย ฉันเคยรักเธอมากที่สุดจนกระทั่งต้องไปรักกับชายอื่นเพื่อรักษา “รัก” ของเราไว้ แต่เธอไม่เข้าใจ เธอเคยว่าฉัน “บ้ากาม” ไปแย่งผัวของอิสตรีโบราณกาลที่มีลูกมีหลานแล้ว! แต่ฉันไม่เคยถือโกรธเธอเลย เธอโง่...ฉันรู้ แต่ฉันก็ยังรักเธอ เธอมี Innocent simplicity ที่มีความแพงยิ่งกว่าจักรภพแห่งความตะกละ...”

เอื้อหัวเราะน้อยๆ อย่างเย้ยหยัน

กรรณิการ์จุมพิตดอกเอื้องแห่งความรักโรย-ซึ่งเธอไม่รู้และบังเอิญ ลมพัดโน้มลงมาปะทะกับดวงหน้ารำพรรณต่อ

“เอื้อลืมแล้วหรือ เอื้อเคยพูดกับฉันถึงเรื่องบ้านเรื่องการแต่งงาน เรื่องปลูกมะละกอ เรื่องสวนครัว และเรื่องคนเล็กที่เราตกลงกันว่าจะมีเพียง ๒ คน ? รองเดวูส์ของเราที่เบตงปลิสและกรุงเทพฯ จุมพิตแรกที่สุดของเราในพ.ศ. ๒๔๘๒ ในโรงหนังเฉลิมนคร ขณะที่ฉาย Prisoners without Bars เอื้อบอกว่ารักฉันมากที่สุด ฉันก็จุมพิตเธอทั้งตรงไหล่และริมฝีปากเพราะฉันรักเธอมากที่สุด”

“แล้วอะไรอีก?” เขาแทรกขึ้นอย่างสัปเหร่อที่เผาศพอย่างซ้ำซาก และแลเห็นน้ำตาของมนุษย์เป็นสิ่งที่ต่ำช้าที่สุดของมายา “เธอพูดเก่งมากกรรณิการ์ ๖ ปีแล้วเธอยังพูดเก่ง จำเก่ง แต่ถ้าพูดกับยอดมานพของเธอ ฉันอยากได้ยิน มันคงไพเราะกว่านี้ เธอจะพูดเพราะและถูกต้องตามหลักวรรณคดีสักเพียงใด?”

“มาจับมือกันก่อน” หญิงสาว Display จิตศาสตร์ชั้นสูง

“ฉันอนุญาตให้เอื้อด่าฉันทุกจังหวะ”

“กรรณิการ์ไปอยู่โลกไหนตลอดเวลาทั้ง ๖ ปี”

“โลกเดียวกับเธอ แต่อยู่ในด้านที่สกปรกกว่า ฉันรู้ดีว่าโลกด้านนี้เป็นอาณาจักรแห่งกาม และฉันต้องอยู่ Something ทำให้ฉันต้องอยู่ แม้แต่ว่าเธอจะสละฉัน”

“สกปรกเท่ากัน!” เอื้อประสานสุภาพ “น้อยใจอยู่นิดเดียวว่า เธอต้องการความอบอุ่นมากเกินไป เมืองไทยไม่ใช่ธิเบตผัวมีถมไป แต่ต้องมีผัวคนเดียว! ลูกศิษย์ของเธอทุกคนต้องมาตำหนิกับฉันว่า ความรู้สึกของเธอสูงเกินกว่าที่จะกลมกลืนกับความรัก ขณะที่เสียดายเธออย่างแสนเสียดาย ฉันก็ได้แต่อุทาน...ปรัชญาแห่งชีวิตรักของเธอไม่แพงกว่านาฏกรรมข้างบาทวิถี! บางคืนฉันร้องไห้ ฉันไม่มี Something ที่มีอำนาจเหนือความรักเลย ฉันไม่เหมือนเธอ แต่พูดตรงๆ เดี๋ยวนี้ฉันเอือมความหลัง...เมื่อเธอไม่พูดถึงความผิดของโกมล เธอต้องการอะไร?”

กรรณิการ์นิ่ง เหมือนศึกษาถึงผลมหึมาของแรงงานอะตอมมิค ความรักเยี่ยงมารดาไร้ค่าเสียแล้วหรือ? ขณะนี้ความโกรธ ความเคียดแค้นเป็นปมขมขื่นปรากฏซ่าที่แก้มในดวงตาและริมฝีปาก ใจหนึ่งเร้าหญิงสาวให้ตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรงที่สุด ถ้าสุขภาพของเธอดีพอ เธอสุดที่จะทนฟังได้แล้ว บุคคลที่ปราศจากการศึกษาสูงเป็นเช่นนี้...ขรุขระ โหดร้าย ทารุณ หยาบ กักขฬะ แต่อีกใจหนึ่งบังคับให้เธอพูดว่า

“ฉันมาหาเอื้อครั้งนี้ ฉันอยากให้เอื้อเป็นโจทก์...” เป็นเสียงของความวิงวอนสั่นเครือ รู้สึกจะเป็นครั้งที่สุดของครั้งสุดท้าย

ชายหนุ่มหัวเราะก้องด้วยเสียงแสบและแค้นต่อความรู้สึกทางอมงคลนิยมอย่างไม่เคยมี

“แต่ตลอดชีวิตฉันเป็นจำเลยของคนทั่วโลก! ปริญญาของเธอเข้าใจอะไรในสิ่งที่ฉันกำลังเสียสละบ้าง กรรณิการ์... แม้เธอจะบอกว่าเธอเรียนวิชาปรัชญา? ฉันมีผิดอะไรกับคำที่เจ้าโกมลมันประจาน...ไอ้เป็ดอ้วนขนเขียว คอตรง ตาไม่เดียงสา หนักเกือบ ๕ กิโล และเหมาะอย่างเดียวเท่านั้น คือเป็นเครื่องสังเวยในงานตรุษ! โปรดจำไว้กรรณิการ์ ฉันไม่เคยรักเธอเกินเลยความสงสารเลย เดี๋ยวนี้มนุษยชาติน่าสงสารที่สุด จนความสงสารที่ฉันเคยมีต่อเธอและต่อตัวฉันเอง ต้องอุทิศไปสมทบเป็นแรงงานใหม่หมดสิ้นแล้ว ความรักเรื่องเพศคือการจองเวร ฉันเพิ่งชนะความโง่ ฉันจะเป็นโจทก์ของมนุษย์คนใดไม่ได้เป็นอันขาด!”

“แต่ฉันรักเธอ” หญิงสาวสะอื้น

“ครั้งทรามวัยฉันก็เคยเชื่อ ยิ่งผู้ชายที่ไร้แม่อย่างฉันยิ่งเชื่อว่า ผู้หญิงนอกจากแม่ทุกคนคือแรงใจ กรรณิการ์คือสวรรค์แห่งดวงใจ แต่พอหนุ่มแลสูงอายุขึ้น ฉันค้นพบว่า ความรักคือแบคทีเรียของวัณโรค มันทรมาน... กรรณิการ์ เธอคงจำได้ว่าฉันเคยเขียนจดหมายถึงเธอมากกว่า ๒๐๐ ฉบับ ทรมานเหลือเกิน! ความรักของมนุษย์ไม่เคยทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้นเลย ตรงกันข้ามยิ่งรักยิ่งขมขื่น และยิ่งกลายเป็นทางที่เลื้อยคลานของ เหล้า การพนันและหญิงงามเมือง

ชายหนุ่มหยุดชั่วขณะหนึ่ง ลุกขึ้นจับไหล่ของหญิงสาว

“ถ้าไม่มีน้ำตา...กรรณิการ์เธอไม่มีอะไรคล้ายกับความสวยสดเมื่อ ๕-๖ ปีก่อน เธอแก่ เธอเหี่ยวแห้ง แต่เธอไม่รู้สึก...และแม้ไม่เคยศึกษา Rhetoric เธอก็พูดสู้ฉันไม่ได้หรอก เพราะเท้าของเธอติดดิน! ลองเชื่อฉันดูบ้างปะไร บางทีเธอคงเคยเห็นภาพโบราณวัตถุชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับความรัก ซึ่งเป็นภาพที่น่าหัวเราะเยาะมากที่สุด ในภาพนั้นเป็นภาพโครงกระดูกของผู้หญิงที่อาจมีอายุร่วม ๑๐,๐๐๐ ปี หรือมากกว่านั้น ที่คอยังสวมสายสร้อยทองคำนั่งขาอ้าแขนทั้งสองเหยียดโง้งเป็นที่โอบอุ้มและที่ข้างเคียงมีโครงกระดูกผู้ชายนอนอยู่ โครงกระดูกทั้งคู่นั้นในสมัยของเขาอาจมีเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เราไม่รู้ แต่เหลือให้เพื่อนมนุษย์รุ่นหลังยิ้มเยาะชมแต่นาฏกรรมของโครงกระดูก!...โปรดอย่าเชื่อเรื่องความรักซึ่ง ‘ไม่มีเลย’ ในโลกนี้ จงเชื่อแต่ผลของการแต่งงานและมนุษยชาติเท่านั้นเป็นมงคลที่สุด”

กรรณิการ์เงยหน้าขึ้นจ้องชายหนุ่ม ดุจเพ่งอนุสาวรีย์

“เมื่อไหร่เอื้อจะแต่งงานกับกรรณิการ์”

“กลับบ้านเถอะ!” เขาตัดบท

“จะกลับ-ถ้าเอื้อตอบที่ฉันถาม”

“อีก ๓ เดือนถ้ากรรณิการ์ปรารถนา และถ้าเธอเป็นตัวตนของเธออย่างเมื่อ ๕ ปีก่อน” เขาจุมพิตเธออย่างซังกะตายที่หน้าผาก พอร่างของกรรณิการ์ลับหลังไปเขาได้ยินแผ่นเสียงจากบ้านครูหญิงโรงเรียนวรนารีเฉลิมข้างบ้านเป็นเพลงเบา ชื่อ Alone

วิญญาณของกรรณิการ์

พบกับเอื้อเมื่อวานนี้แล้ว เคารพและบูชาตัวของเอื้อมากกว่าเดิม แต่หมายความว่าสำนึกถึงความผิดของฉันด้วยนะคะ ตลอดทั้งคืนฉันนอนไม่หลับ มีทั้งแสนสุขกระวนกระวาย จิตสำนึกของเราคงจะเจรจากันทุกระยะ แต่ฉันกลัว-กลัวที่สุดว่าเอื้อจะทำให้ชีวิตที่มีค่าของเอื้อจบลงเหมือนหนังสือเลวๆ เล่มหนึ่ง มนุษยชาติคือความละเมอ ความรักสิความจริง โปรดเอ็นดูกรรณิการ์เหมือนเก่าก่อน ฉันเชื่อสนิทว่าความรักและความสงสารที่เอื้อเคยมีต่อฉัน... ถึงเอื้อจะว่าหมดสิ้นไปแล้วก็คงเหลือเกร็ดกรังอยู่บ้างในดวงใจ ถ้าเอื้อไม่รังเกียจฉันหนึ่งในจำนวนมนุษยชาติที่เอื้อสงสาร โปรดอนุญาตโปรดให้ฉันใช้น้ำตาและความสำนึกผิดชุบชะโลมเกล็ดแห้งของความสงสารนั้น... จนชุ่มชื่นจนมีชีวิต และจนเป็นอนาคตทั้งหมดของหญิงหนึ่งซึ่งชายหนึ่งนายเรียกว่า “วิญญาณของแม่และเอื้อ” ด้วยเถิด

เรื่องเกี่ยวกับโกมลไม่มีอะไร นอกจากฉันรู้สึกสงสารภรรยาและบุตรชายของเขาเกินกว่าที่จะเห็นแก่ตัวอีกต่อไป เขาโทรเลขว่าจะมาวันนี้

อนุญาตให้ฉันพบเอื้อค่ำวันนี้ตลอดเวลาที่เธอว่าง- ของเอื้อทุกชีวิต

เขียนจดหมายเสร็จ และมิทันจะจ่าหน้าซองกรรณิการ์จุมพิตกระดาษที่บรรจุความในใจอย่างแสนสุข เธออ่านมันซ้ำซาก...อีก ๓ เดือน! โอ! สุภาพบุรุษของกรรณิการ์ เธอเป็น “สุภาพบุรุษ” โดยสมบูรณ์ แต่ในชั่วขณะที่ปิดจดหมายและจะเขียนชื่อของเอื้อ บำเพ็ญงาม บังตาในห้องของหญิงสาวเปิดออกมา เป็นบุรุษร่างค่อนข้างอ้วน ผมสีดำละเลื่อม ดวงตาสีดำจัดคมวาว...อายุอยู่ในวัย ๓๕ ถึง ๓๘ ปี... ทุกอย่างวาว-วาม พอที่หญิงสาวจะลุกขึ้นถอยหลังอย่างหวาดกลัวและตื่นเต้น

“ต้อย ผมมาแล้ว” เขาพูดอย่างแคล่วคล่องอ้าแขนอ้า...

กรรณิการ์สวนขึ้นอย่างอาจหาญ “ฉันชื่อกรรณิการ์! อย่าลืมว่า ฉันไม่ใช่ Sex-partner ฉันเกลียดโกมล”

“เอ๊ะ! มีอะไรเกิดขึ้น?”

“เราคืนหมั้นกันแล้ว!”

“อนิจจาเอ๋ย! ต้อยของโกมล ผมเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ รู้ไหม เราถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ ๑ คิดถึงต้อยใจเจียนขาด ผมกลับมาพร้อมกับหนังสือหย่าเรียบร้อยแล้วพร้อมทั้งเงินรางวัล อย่าลืมว่าเรารักกันมาแล้ว ๖ ปี เราจะไปอยู่ที่จันทบุรีด้วยกัน ยอดรัก..เราจะแต่งงานกันอาทิตย์นี้”

หญิงสาวเสมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งโลก นอกจากคำ “หนังสือหย่า!”

ชีวิตอันเป็นอุดมคติ !

เราเองไม่เคยเป็นเทพธิดายิ่งไปกว่าคนธรรมดา!

หนังสือหย่า-การแต่งงาน-งอบยาว-จันทบุรี-บ้านกับความสุข-สุขอย่างธรรมดา-สวนส้ม-คนเล็ก-แสงจันทร์กับชายผู้ไม่ขัดใจเธอเลย และความเป็นผู้ดี- ผู้ดีอย่างธรรมดา!

เธอตะลึง โสตทั้งคู่แว่วถึงลูเกรโต๊สครวญถึงวีนัส “โอ! วีนัส เธอคือนายหญิงแต่ผู้เดียวของธรรมชาติ ของสิ่งทั้งหลาย หากปราศจากเธอไม่มีอะไรแล้วที่จะเกิดขึ้นในอาณาจักรของชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความน่ารัก ไม่มีความเพลิดเพลินยินดี เบื้องบนภูเขาเขียวในทะเล ในธารน้ำที่ไหลอยู่อย่างฉาดฉาน บนรังนกที่มีใบไม้ย้อยออกจากรังและในทุ่งหญ้าที่ลื่นโน้ม--- เธอคือผู้จู่โจมตีทรวงอกของสิ่งที่น่ารักทั้งหลายด้วยความรักที่อ่อนหวานเยือกเย็นเธอคือผู้ประทานให้สิ่งเหล่านี้สืบพงษ์พันธุ์ของมันด้วยความปรารถนาอันร้อนเร่าและเธอเล่า กรรณิการ์ หญิงผู้ปราศจากแง่งอนในชีวิตตลอดอายุที่กำลังถึง ๓๐ ปี --- เธอมิใช่บุตรีคนหนึ่งของวีนัสผู้ชนะในครั้งที่สุดดอกหรือ?

ในที่สุดคำถามต่อไปนี้คือคำถามของกรรณิการ์

“โกมลแวะที่บ้านนครฯ หรือเปล่า?”

“จิตใจของผมอยู่ที่ต้อย” เขาตอบยิ้มย่องผ่องใสไขว่คว้าหญิงสาวให้นั่งลงข้างเคียงจุมพิตเธอที่แก้มที่เคยจุมพิตมาแล้วกว่า ๑,๐๐๐ ครั้ง แต่แผ่วเบาทะนุถนอมกว่าที่เคย

“เธอไม่มีอะไรเป็นห่วงอีกแล้วหรือด้อย?”

กรรณิการ์งงงุน ส่วนใหญ่ของจิตใจซ่านซ่ากับรสสัมผัส--- คุณค่าของการศึกษา อุดมคติ วีนัสและอายุที่ควรแก่วัยวิวาห์!

“จ๊ะ โกมล ฉันไม่ห่วงอะไรเลย...”

เขาจุมพิตเธอซ้ำ พลางโอบอุ้มเธอเข้าสู่วงแขนคางคลึงอยู่ที่ทรงผมกับงามสลวยกรุ่นไปด้วยกลิ่นระหุ่งอบ เธอหลับตา-ดวงใจระทึกไปด้วยการตัดสินใจ

“ไม่มีอะไรเสียดาย..?” เขาถามอีก

“จ้ะ ไม่มีอะไรเสียดาย”

“แต่-เงยหน้าขึ้นซีจ๊ะ ต้อย ทำไมริมฝีปากเธอซีด?”

และโดยวิถีหนุ่ม ฉับพลันนั้นความชำนิชำนาญในการจูบของชายทำให้แก้ม ริมฝีปาก ดวงตา และจมูกของหญิงสาวกร่ำไปด้วยเลือด เขาจุมพิตเธอดุจศิลปิน จดหมายซองสีเขียวอ่อนฉบับนั้น ยังคงวางอยู่ใต้ร่มแจกันซึ่งมีเอื้องฟ้ามุ่ยคล้ำเหลือง- - - เครื่องหมายของความรักโรยรายิ้มเยาะอยู่อย่างแห้งแล้ง---

“ไม่มีอะไรเสียดาย-แม้แต่-แม้แต่คนบ้าคนนั้น!”

“จ้ะ ไม่เสียดาย--- เสียดายแม้แต่นิดเดียว เขาต้องการอะไรจากโลกมากเกินไป โดยโลกมีให้เขาน้อยที่สุด แต่ถ้าจะมีอะไรเสียดายก็คือความรักของเธอยอดรัก” กรรณิการ์จุมพิตเขาบนเปลือกตา “ความรักของเธอซึ่งฉันไม่มีโอกาสชนะใจได้ในครั้งแรก ฉันต้องเป็นคนที่ ๒ และลูกของฉันจะต้องมีพี่ที่ไม่ได้เกิดจากแม่ของเขาเอง...”

ลงใน “ฉันทนา” พ.ศ. ๒๔๘๙

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ