วัน ๖ ๑๔ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘

เรืออรรคราชวรเดช ที่เกาะกระดาษ

ณวัน ๖ ๑๔ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘

เราตื่นนอน แต่งตัวมากินเข้าแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า คอยดูจัดคนที่จะขึ้นไปก่อน มีเรือฉลอม ๓ ลำมารับทหารแลคนในเรือขึ้นบก เวลา ๔ โมงเช้าเราลงเรือเล็กขึ้นไปบก ที่หาดทรายเกาะกระดาษด้านตวันออกเฉียงใต้ ตรงต้นโพทเลที่เราเคยนั่งแต่ก่อน เคยได้เนื้อมาทำที่นั้น แล้วเราเดินเข้าไปในป่า กาพย์กับทหารมหาดเล็กหลายคนนำน่า จมื่นสราภัยเดินใกล้ตัวเรา ข้างหลังนั้น ท่านเล็ก กรมนเรศร์ กับเจ้านายขุนนางมาด้วยกันหมด ทหารถือปืนวินเชศเตอร์ทุกคน เราถือปืนไปหน่อยหนึ่ง เดินลำบาก ให้พระยาภาษรับถือตามไป เมื่อเดินไปนั้นในป่ามีต้นไม้ใหญ่ๆ แต่ต้นเอนๆ ไม่ใคร่จะตรง ไม้ล้มมาก ไม้ที่ล้มนั้นเปนต้นสนใหญ่ๆ มากกว่าอื่น กล้วยไม้มีแทบทุกต้นดูไม่ใคร่จะเว้น ลางแห่งมีกล้วยไม้ขึ้นเปนชั้นๆ ตามลำต้นไม้ เหมือนกับฉัตรดูงามนัก มีต้นหางสิงห์ชุม ขึ้นเปนกอ ๆ ใหญ่ก็มี เล็กก็มี บางแห่งเปนที่ใบไม้แห้งรก บางทีเปนที่หญ้าบ้าง แต่น้อยแห่ง เราเดินตามทางที่กาพย์ทหารเขาตัดมาถึงริมฝั่งใกล้กับที่เราขึ้น แต่เราเข้าใจผิดไปว่าเปนท่าหนึ่ง จึงสั่งกาพย์ให้นำตัดกลางเกาะลงข้างหนึ่ง เมื่อเดินมาถึงกลางเกาะพบเนินเราเดินขึ้นไปบนนั้น เลียบไปตามไหล่เนิน ดินที่เดินนั้นเปนดินสีแดงๆ มีรอยเนื้อมาก รอยใหม่ๆ ก็มี เมื่อเดินมาถึงกลางเนินนั้น เนื้อแกรกมาข้างน่าเราก็หยุดแล้วร้องไปว่าอย่าให้ข้างหลังอึง ข้างหลังไม่หยุดให้เลย ยิ่งบอกว่าอย่าอึงเหมือนยิ่งยุ เพราะว่าอย่าอึงก็ร้องต่อๆกันไป ว่าอย่าอึง กลับดังหนักขึ้นกว่าเมื่อยังไม่ได้ห้ามเสียอิก พอเนื้อก็เหลือทนที่จะอยู่ได้ เราเดินลัดป่ากลับมาลงชายทเลด้านตวันออก แลเดินเลียบชายหาดหมายจะมาที่นั่งเดิม แต่เหนื่อยนักด้วยทางที่เดินมานั้นประมาณ ๑๕๐ เส้นเศษแล้ว พอมาพบเสด็จยายท่านนั่งเก็บหอยอยู่ที่แหลม เหนือแหลมที่เราจอดเรือมาแหลมหนึ่ง เราจึงหยุดพักอยู่ใต้ต้นโพทเลริมน้ำเปนที่ร่มสบาย แต่กรมขุนกับหมอสายนั้น เดินล้าหลังมากับพระยาภาษด้วย กรมขุนท่านมาน่า หมอสายกับพระยาภาษเห็นเนื้อมานอนอยู่ริมหาดทีเดียว พอทักขึ้นวิ่งไป แต่กรมขุนท่านไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงเมื่อเนื้อออกวิ่ง ในขณะนั้น เหมาวิ่งมาบอกว่าพบเนื้ออยู่ข้างโน้นตัวหนึ่ง ให้กระลาสีต้อนไว้ เราถามว่าใกล้ฤๅไกล เขาบอกว่าไกล เรากำลังเหนื่อยมาไปไม่ไหว แล้วกลัวจะไปเสียแล้ว ก็จะเสียทีเดินด้วย จึงสั่งให้เขาไปต้อนลงน้ำ เมื่อเวลานั้นท่านกลางเอาหีบปิกนิกไป เธอเอาขนมปังกับหมูแฮมมาให้กินกับน้ำแลมเน็ดด้วย แล้วพระยาราชพงษานุรักษ์บุกป่ามา พาหลวงภิรมย์สมบัติกองส่วยรงเมืองตราด ซึ่งมาในเรือท่านกรมท่า เอาผ้าตราสมุก ๓ ผืนกับหมู ๒ ตัวมาให้ แล้วนั่งอยู่กับเราที่นั้นด้วย ในเวลานั้น คุณแพเอาเข้าตามมาให้กิน แต่เรากินของท่านกลางอิ่มอยู่แล้ว กับอยากจะลองไล่เนื้อดูอิกสักคราวหนึ่ง จึงจัดให้ทหารมหาดเล็กซึ่งไปด้วยกับเราเตรียมตัวจะเข้าไปไล่ แต่ทหารไม่ได้กินน้ำเหนื่อยนัก พอคนน้ำร้อนเอาน้ำตามมา เราเอาน้ำของเราให้ทหารกินแต่ไม่พอ ได้คนละนิดหน่อย พอคุณแพเอาซ่มมา เราก็ได้แจกทหารกินพอหายเหนื่อย ในเมื่อถึงหาดนั้นพบพระยามหามนตรี๘๒ เราได้ขอให้คนเข้าช่วยต้อนด้วย ครั้นพร้อมกันแล้ว กาพย์ มิศเตอร์อาลบาสเตอร์ พาทหารไป ตั้งแถวกันต้อนดาน่าไปตวันออกเฉียงเหนือ แต่คนเราน้อยนักรายๆกันไปห่างกันกว่าเส้น กับทหารเล็กๆของเราอิกสองคน คือ ดิศ กับวัฒนา ก็ช่วยกันด้วย เราเดินไปริมหาดทรายกับท่านเล็ก กรมนเรศร์ หมอสาย พระยาภาษ เทวราช พระยาราชพงษา จมื่นสราภัย ค่อยๆเดินไปพักละน้อยๆ ตามเสียงที่โห่ไป แต่พระนายไวยนั้น เมื่อเราไปยังนอนหลับแล้วเขาตามไป เรานั่งพัก ให้พระยาราชพงษานุรักษ์ เทวราช ดูข้างหนึ่ง จมื่นสราภัยนั้นคอยข้างในป่า เมื่อเราได้ยินเสียงแล้วตามไป.

หน่อยหนึ่งอาลบาสเตอร์กลับออกมา บอกว่ากวางตัวใหญ่วิ่งตลบหลังผ่านน่าแถวไป เราเดินไปได้ยินเสียงโห่เร้าๆเข้าทีไรเราก็คอยดูอยู่เสมอ.

ในเวลานั้นเราหิวเข้าจึงรีบเดินไปตามคันหาดทราย ไปนั่งลงจะกินเข้าที่เกาะเล็กซึ่งเก็บหอยเมื่อวานนี้ แต่เข้ายังไม่มาถึงพร้อม เราจึงลองยิงปืนไปที่เกาะเล็กดูทาง พอนั่งลงจะกินเข้า พระนายไวยร้องมาว่าเนื้อออก เราจับปืนวิ่งมาหมายว่าจะทัน พอมาใกล้เห็นคนยืนอยู่ปลายหาดข้างโน้น ก็นึกว่าถึงเนื้อมาจริงก็ยิงไม่ได้ เพราะคนเดินอยู่ข้างน่า เราก็เดินอ่อนลง พอมาถึงที่พระนายไวยนั่งอยู่ พระนายไวยบอกว่าเนื้อมาถึงหาด พอเห็นคน ๓ คนนั้นยืนอยู่ก็วิ่งกลับไป ในขณะนั้นกาพย์ออกมาเล่าว่า เมื่อเอาคนเดินเข้าไปจัดแถวแล้วเดินไล่มา ตัวเขาเดินมาคนเดียว พอหนองน้ำ ๆ ใส แต่มีน้ำขุ่นเปนทางไป จึงเดินลุยข้ามน้ำตามทางที่ขุ่นนั้น ไปพบกับทหารอิก ๒ คนพากันเดินไป ได้ยินเสียงแกรกๆ ก็เดินตามหนักเข้าไป เห็นกวางตัวใหญ่ไปข้างน่า จึงตามหนักเข้าไป พอพบต้นไม้ใหญ่ล้มขวางหน้าอยู่ กวางวิ่งข้ามต้นไม้ใหญ่ไปล้มลง เขาวิ่งไปร้องให้ช่วยกันต้อนว่าเนื้ออยู่ที่นี่แล้ว คนก็มาไม่ใคร่จะทันเพราะระยะทางห่างกันนัก แล้วได้ยินเสียงปืนที่เรายิงเกาะเล็กนั้น หมายว่าเรายิงเนื้อข้างนอกก็โห่ส่งหนักออกมา เห็นตัวเนื้อวิ่งมายืนเลือกลักอยู่ แล้วเห็นคนเดินเข้ามา ๓ คน จึงวิ่งออกมาไล่ พอเนื้อตลบเข้าป่าไปเสียแล้ว กาพย์เสียใจนัก ทหารของเราเหนื่อยมากจริง.

อาลบาสเตอร์ เขาได้ทำการมากเหมือนทหารเหมือนกัน เราถามเขาว่าเหนื่อยมากฤๅ เขาว่าไม่สู้เหนื่อย แต่เห็นเขาสนุกด้วยเรามาก เหมือนกับคนของเราเอง กวางคราวนี้คงจะมี ๓ ตัวเปนแน่ ด้วยคนไปไล่ก็พบหลายพวก พูดถึงกวางนี้เหมือนกันทั้งนั้น คราวนี้ไม่ได้ตัวเพราะม้าฬ่อเสียงเบานัก แล้วคนขึ้นไปเที่ยวเดินอยู่เสียรอบหาดไปทั้งนั้น ถ้ากวางจะวิ่งลงด้านไร คงเห็นคนทุกด้าน ห้ามกันไม่ไหวเลย เมื่อคราวก่อนนั้นไม่ใคร่จะมี แล้วพระนายไวยไปไล่ได้แตรทั้งวง เข้าไปเป่าเสียงกึกก้องจับหัวอกหัวใจมาก ไม่อาจเข้าป่า แล้วก็มีหมาคอยไล่อยู่ด้วย จึงต้องลงน้ำเรายิงได้ง่ายๆ เสียดายนักที่ไม่ได้คราวนี้ กาพย์เขาว่าถ้าอิกวันหนึ่งจะจัดให้ดีขึ้นจงได้ แต่ขัดที่เรือทุกลำน้ำน้อยไม่พอที่จะกินไปได้อิกวันหนึ่ง จะลำเลียงก็ไม่ทัน จึงจะต้องไปจันทบุรี เราจะเดินไปกินเข้าที่เดิมซึ่งกินค้างอยู่นั้น ก็เดินไม่ไหว ต้องหยุดกินที่นั้นเอง เมื่อเรามาถึงกลางทางนั้น ให้เทวราชไปบอกคุณแพว่า ให้เอาเข้ามาแต่พอเรากิน ๖ คน เพราะหมายว่าจะกินตามชายหาด เมื่อเราเดินมาหกคนเท่านั้น ครั้นถึงเวลากินเดี๋ยวนี้พร้อมกันเข้าหลายคน ของกินก็ไม่พอ เรากินคนละเล็กละน้อย ไม่อิ่มสักคนหนึ่ง ทหารนั้นจูเขาเอาขนมปังหีบใหญ่มาส่งหีบหนึ่ง ถึงกินไม่พอกันก็ดูสนุกมาก พอกินเข้าแล้วท่านกรมท่าก็มา พูดกันถึงเรื่องไล่เนื้อ ในเมื่อกินเข้านั้นเวลา ๕ โมงเย็นแล้ว ๆ ทีหลังคุณแพได้เข้ามาเติมอิกหน่อยหนึ่ง แต่เราขี้เกียจกินอิก ด้วยหมายจะมากินที่เรือก็ให้ทหารตัวนายกับเทวราชแลคนอื่นๆกินเสีย พอกรมขุนเดินถือไม้เท้ามากับท่านกลางแลเจ้านายตามมานั่งอยู่ที่นั่นด้วย เรือเล็กที่เราไปนั้นให้ไปตามก็ไปไม่ได้ น้ำแห้งนักต้องอ้อมมาข้างตวันตก เราจึงมากับท่านกรมท่า มานั่งอยู่ที่ปลายแหลมตวันตก เราให้ทหารเขากองไฟเปนที่หมายเรือจะได้มาถูก ทหารเขาเหนื่อยๆมาแล้วยังหักต้นไม้หากิ่งไม้แห้งมากองไฟแขงแรงนัก แล้วก็มีต้นสนริมน้ำตายจมอยู่ในหาด เขาพากันเข้าดึงหักเอามาทำฟืนจนเหลือแต่ต้นกิ่งใหญ่ เขาเอามีดบากแล้วช่วยกันโหนตัวกันเปนแถว พอไม้หักก็ล้มครืนแล้วหัวเราะสนุกมาก ไม่เหมือนทหารเลวๆ เพราะออฟพิศเซอรทั้งนั้น เราขอบใจเขามาก แต่นั่งพูดกับท่านกรมท่าจนทุ่มหนึ่งแล้ว เรือก็ยังไม่มา จึงให้กาพย์ไปกองไฟต่อๆกันไปให้หลายกอง เราจะเดินเลื่อนไปทีละน้อย พอแลเห็นเรือมาเราก็เดินเลียบไป พบพระสาครคชเขตรจางวางด่านเกาะช้าง มาช่วยกองไฟอยู่ปลายแถว เรือเราจะเข้ามาถึงหาดไม่ได้ เพราะน้ำตื้นคืบเดียวเท่านั้น เราจึงคิดจะลงเรือท่านกรมท่าไปขึ้นเรือใหญ่ข้างนอก แต่ถึงเรือท่านกรมท่าก็ยังเข้าไปริมหาดที่แห้งไม่ได้ เราต้องขอให้ใครมาให้เราขี่หลังไปคนหนึ่ง ซายันดั่นทหารมหาดเล็กเขาเปนคนแขงแรงมารับเราไปถึงเรือท่านกรมท่า แล้วเข็นต่อไปเรือก็ไปไม่ได้ คนในเรือเราต้องลงเข็นหมด เว้นแต่กรมนเรศร์คนเดียวไม่ได้ลง แต่เข็นแล้วขึ้นเรือหมายว่าจะไปได้แล้ว กลับติดศิลา ต้องลงเข็นอิกหลายหนจึงอออกฦกได้ เรือโบดคราวนี้เห็นจะเสียทีเดียว เรามาถึงเรืออรรคราช ๒ ทุ่มครึ่งแล้ว ตามหาคุณแพว่ายังลงมาไม่ได้.

พระอินทรเทพ๘๓หาเข้าให้กินก่อน เขายังมีนกเปล้ามาให้กินอิก วันนี้วรวรรณกับวัฒนามากินเข้ากับเราด้วย เราชวนวัฒนาไว้เรืออรรคราช แต่วรวรรณนั้นกลับไปเรือเขจร เมื่อกินเข้าแล้วทหารลงเรือฉลอมมาถึงเรือยามเศษ ให้เรือไปตามคุณแพจนกินเข้าแล้วจึงมา บอกว่าเรือติดที่ตื้นหว่างเกาะหมากกับเกาะกระดาษ ที่นั้นเปนปการังมาก ต้องลงเข็นด้วยกันหมด คุณแพแลช่วงกับคนที่มาด้วย ปการังบาดตีนยับเยินทีเดียว ถึงร้องไห้กันก็มี.

อนึ่งคุณแพนั้นถึงเปนผู้หญิงก็จริง แต่แขงแรงยิ่งกว่าผู้ชายอิก ไปถึงไหนๆ ก็เอาเข้าไปให้กินทันทุกแห่ง ไม่ขาดเลย ไปเรือก็ถือท้ายเอง ไปบกก็เดินจนสุดหาด ๒ เที่ยว ๓ เที่ยวด้วยกันไม่ถอยเลย เราได้คนทำครัวดังนี้เปนดีจริง ถ้าคนอื่นทำ เห็นจะได้ความลำบากกับตัวเราไม่เหมือนคุณแพทำเปนแน่ ถึงอยู่ในเรือก็นอนอยู่กับเตาไฟยังค่ำ แต่ทำมาอย่างนี้ ๕ ปี ๖ ปีมาแล้ว ไม่เห็นบ่นว่าเหนื่อยฤๅบิดเบือนเปนเกียจคร้าน คนทั้งปวงที่มาในเรือที่นั่งต้องรักคุณแพหมด จะกินเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้นไม่รู้จักถือตัวเลย.

อนึ่งในหมู่เกาะเหล่านี้ ดูเหมือนกับเปนเกาะจะงอกไปอิกตื้นไปทั้งนั้น แต่เกาะหมากนั้นใหญ่กว่าเกาะกระดาษมาก แล้วก็มีน้ำจืดด้วย หมอสายกับอาลบาสเตอร์ ว่าคนเยอรมันคนหนึ่งชื่อแซนเบิกมาทำไม้ยางกับไม้แกแลย้อมผ้า ได้เอาฝรั่งมาไว้สามคน มิศเตอร์เบจีที่ได้รับเงินเดือนในการโทรเลขคนหนึ่ง ในระหว่าง ๓ คนนั้นด้วย เขามาตั้งทำหน่อยหนึ่ง ก็ไปเมืองไซ่ง่อน ไปทำสัญญากับลูกค้าว่าจะส่งไม้ ครั้นเขาเอาเรือมาถึงเกาะหมากก็ไม่มีอะไร เพราะเขาไม่ได้จัดการเรียบร้อย เขาก็เลยไปไช่ง่อนเสีย แต่ฝรั่งที่จ้างมานั้นได้อยู่ที่เกาะนี้เกือบปีหนึ่งต้องกลับมาบางกอกเอง แล้วแซนเบิกกลับเข้ามากรุงเทพฯ ได้ช่วยความที่จีนเปนความกับพระยานคร๘๔ แล้วได้ขออนุญาตทำดีบุกที่เกาะสมุย พอได้อนุญาตแล้วก็ไม่ได้ไปทำ ประมาณ ๖ เดือนก็ตาย เราเข้านอนเวลา ๒ ยาม ทอมอเมตเตอร์เช้า ๗๘ ดิครี กลางคืน ๗๗ ดิครี

อนึ่งเราลืมไปไม่ได้พูดถึงทำงานเลย เราได้หอยสังข์ตัวหนึ่ง กับหอยกาบลายงามเหมือนผีเสื้อ เราให้เจ้าต๋งซึ่งเราลืมออกชื่อ เมื่อพูดถึงคนลงเรือที่แปลกมานั้น เขียนอย่างแล้วให้กมลาศเขาให้ช่างทองซึ่งเอามาด้วย ๒ คนทำเปนปิ่นปักผ้าผู้กฅอ ทำมาหลายวันแล้ว แต่มาถึงวันนี้ยังไม่แล้ว เรามีเพ็ชรมาสำหรับฝังด้วย.

อนึ่งเมื่อเดินไปในป่านั้น ชุมพล เก็บได้เขากวางกิ่งหนึ่ง แล้วกะลาสีเก็บได้อิกกึ่งหนึ่ง เฉภาะได้คู่กันทีเดียว เราให้รางวัลกะลาสีบาทหนึ่ง.

  1. ๘๒. พระยาพิไชยสงคราม (อ่ำ)

  2. ๘๓. พระอินทรเทพ (ทับ)

  3. ๘๔. เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พร้อม ณ นคร)

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ