- คำนำ
- วัน ๑ ๙ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๒ ๑๐ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๓ ๑๑ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๔ ๑๒ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๕ ๑๓ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๖ ๑๔ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๗ ๑๕ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๑ ฯ๑ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๒ ฯ๒ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๓ ฯ๓ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๔ ฯ๔ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- --ว่าด้วยแผ่นดินแลเรือกสวนไร่นาในเมืองจันทบุรี
- วัน ๕ ฯ๕ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๙
- วัน ๖ ฯ๖ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๗ ฯ๗ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๑ ฯ๘ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๒ ฯ๙ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๓ ฯ๑๐ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๔ ฯ๑๑ ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
วัน ๕ ๑๓ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
หาดทรายเกาะกระดาษตวันออก
วัน ๕ ๑๓ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก
เวลาย่ำรุ่ง เราออกเรือจากเกาะช้างมาถึงเกาะกระดาษ ทอดสมอเวลา ๒ โมง ๔๐ มินิต เรามาจอดคราวนี้ไม่ใช่ที่ๆเราจอดเมื่อคราวก่อน ด้วยลมมาก ต้องมาจอดด้านใต้ของเภาะ แต่ก่อนเราจอดด้านตวันตก เมื่อมาตามระยะทางในทเลนั้น กรมนเรศร์บอกว่าเรือเดินมาสัก ๕๐ มินิตถึงท้ายเกาะช้าง มีเกาะกลม ๒ เกาะ เรียกว่าเกาะสลัดคอกที่พระยาตราดเอาดินสอพองไป เกาะนี้แลเห็นแต่ที่ๆเรือจอดน่าเกาะช้างแต่เย็นแล้ว ถ้าจะว่าไปก็อยู่ในหมู่เกาะช้างแต่ขาดตอนไปมีช่องทเลกลาง เรือเราไปในระหว่างเกาะสลัดคอกกับอ่าวสลัดคอก พอพ้นท้ายเกาะช้าง ก็แลเห็นเกาะหวายข้างขวามือแลลิบๆ แล้วมาในระหว่างเกาะทั้งสองข้าง ข้างขวาเรียกเกาะเปราะ แต่ข้างซ้ายนั้นไม่รู้ชื่อว่าเกาะอะไร ต่อเกาะเปราะไปเกาะหลักเบ็ด นอกเกาะหลักเบ็ดไปนั้น เปนรังนกเรียงกันไป ๒ เกาะกับเภาะยา แล้วมาเห็นเกาะไม้ซี้ แลเกาะเล็กอิกสามเกาะ ไม่รู้ว่าชื่อไร เกาะเหล่านี้ดูเปนเทือกกันไป ตรงฝั่งนั้นแหลมข้างปลายแหลมที่สุดเรียกแหลมศอก มีหินกองอยู่ใต้น้ำ ตรงกับเกาะไม้ซี้ เลี้ยวแหลมนี้ไป จึงเปนปากอ่าวเมืองตราด เวลาเช้า ๒ โมงเห็นเขาประทัดต่อแดนเขมร เรือเราจอดในระหว่างเกาะกระดาษกับเกาะหมาก แลเห็นเกาะกูดด้วย เวลา ๓ โมงเช้าเกือบ ๔ โมงขึ้นบก ในเวลาวันนี้เรือโบดใหญ่เรามาถึงแล้ว คนลงมาครบตัวกันเหมือนแต่ก่อน มาขึ้นที่หาดด้านใต้ตรงเรือ แล้วเดินเลียบหาดมาทางตวันออก มีเบี้ยแลหอยต่างๆมากเก็บไม่ไหว เราตั้งใจจะไปที่ปลายเกาะ เพราะเกาะนี้แต่ก่อนเรามา ได้เคยเดินเกือบรอบเกาะคราวหนึ่งแล้ว ในกลางเกาะนั้นไม่มีเขาศิลาเหมือนเกาะทั้งปวง เปนแต่ดินราบๆเปนเนินสูงอยู่ในกลาง คนเดินได้ตลอดเกาะ ข้างปลายเกาะตรงทิศตวันตกเฉียงเหนือนั้นมีทรายเปนคันเหมือนกับถนน โอนๆอยู่หน่อยหนึ่ง แต่ก่อนดูเล็ก มาเที่ยวนี้ดูกว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน บนหลังที่ทรายราบนั้นกว้างประมาณ ๘ ศอก สองข้างลาดลงไปเปนที่น้ำซัด ถ้าน้ำขึ้นก็แคบเข้า น้ำลงก็กว้างออก แต่เห็นว่าคงจะหนาขึ้นทุกที ด้วยทรายสาดมาปะๆเติมทุกๆฤดู แต่เปนถนนคันยาวไปนั้นประมาณ ๓ เส้น ไปจดเกาะเล็กอิกเกาะหนึ่งเปนต้นไม้ที่ดินราบเปนเนินบ้าง ริมน้ำมีแต่ศิลาแดงๆทิ้งจมน้ำอยู่มาก เกาะนี้เล็กไม่สู้ใหญ่ เห็นว่านานๆไปจะติดกับเกาะใหญ่เปนเกาะเดียว กับที่ตรงทิศตวันออกเฉียงเหนือ มีเกาะเล็กๆทีเดียว อิกเกาะหนึ่งมีต้นไม้ใหญ่สองสามต้น อยู่กลางน้ำห่างเกาะใหญ่ประมาณ ๔ เส้น ๕ เส้นดูงามนัก กาพย์เขาเขียนรูปเกาะนี้ด้วย ที่หาดเกาะกระดาษเปนที่น่าเล่นจริงๆ ด้วยไม่มีเขาไม้เปนที่น่ากลัวอะไรเลย ถ้าจะเก็บเบี้ยหอยก็เปนมากกว่าทุกๆ แห่งที่เคยไปมาแต่ก่อนแล้ว แต่ไม่มีหอยกระปุก เปนหาดรอบเกาะ เบี้ยหอยเก็บไม่ไหว ที่ถนนคันเกาะต่อกันนั้นมีมากจริงๆ ดูระกะไปทั้งนั้นเหมือนกับคนแกล้งมาโปรยไว้ให้เก็บ.
อนึ่งเนื้อแลกวางมีในเกาะนี้ อาไศรยเนินกลางเกาะแลหนองน้ำในเกาะนั้น เมื่อเรามาคราวก่อน ให้พระนายไวยเอาแตรเข้าไปเป่าไล่ทั้งวง เนื้อวิ่งออกมาริมน้ำข้างตวันตกตัวหนึ่ง ทหารยิงถูกแล้ว ท่านกรมท่ามาพบซ้ำอิกล้มลง ท่านกรมท่ารับใส่เรือไป อิกตัวหนึ่งนั้นลงน้ำไปข้างตวันออกเฉียงใต้ เราคอยอยู่ข้างตวันออกเฉียงเหนือคนวิ่งมาบอก ต้องยกเรือข้ามคันถนนมาลงเรือไป พบเนื้อออกไปห่างฝั่ง เราเอาปืนยิงสองนัด แล้วเอาขึ้นเรือไป พบกับท่านกรมท่าพากันไปชำแหละทำครัวริมหาดข้างใต้ ในคราวนี้ท่านกรมท่าก็เตรียมม้าฬ่อมาถึง ๘ ใบจะเข้าไล่ เราจึงเดินเลียบหาดมาอยู่ที่เกาะเล็ก เพราะถ้าเนื้อลงมาทางไหนก็จะได้ไปได้เร็วทั้งสองข้าง แล้วจะเก็บหอยด้วย เดินมาทางสัก ๕๐ เส้น แดดร้อนนักต้องพักครู่หนึ่ง แล้วเดินมาอิกประมาณสัก ๓๐ เส้นเศษ ต้องเดินคดไปคดมาหลีกไม้ที่เกะกะหลายแห่ง ไปพักอยู่ที่เกาะเล็กสักสองชั่วโมงเศษ แดดบ่ายร้อนมาถึง จึงกลับมานั่งที่หาดเกาะใหญ่ เห็นพระไพรัชกับนายเปีย๗๗วิ่งมาเต็มกำลัง เราดีใจนึกว่าเนื้อลงน้ำแล้ว เดินไปถาม บอกว่าไล่เนื้อมาคนน้อยกลับตลบเข้าไปเสียในรก แลเห็นตัวแล้ว ๓ ตัวรอยมีมาก เราให้เขาลงเรือโบดไปเอาทหารในเรือเล็กแลเรือรบขึ้นมาช่วยต้อนอิก เรานั่งคอยอยู่ที่เกาะจนบ่าย ๓ โมง คอยคุณแพก็หายไป นายแฉ่ได้ไปตาม เมื่อเรายังนั่งอยู่เกาะเล็กคราวหนึ่ง แล้วจมื่นสราภัยตามไปอิกก็ยังไม่มา พอเห็นเรือคุณแพกับพวกเดินบกหลายคน คือ อ้ายเที่ยง เจ้าช่วง๗๘ เอาหีบเขียนหนังสือของเราตามไปเห็นเหนื่อยเต็มกำลัง ด้วยหีบอยู่ข้างจะเขื่อง เจ้าอิ่ม๗๙ เอาขันอาบน้ำกับเครื่องแต่งตัวตามไป กับพวกบ๋อยหลายคนเดินบกมา ก็ตื่นว่าเนื้อลงน้ำ พอมาถึงเราก็เขียนหนังสือ แล้วกินเข้าเวลาบ่าย ๓ โมง ที่กินเข้านั้นไม่มีโต๊ะเก้าอี้ เอาผ้าปูลงกับหญ้าใต้ต้นไม้นั่ง ของที่มาพอหมดกันพอดีกับคนที่ไป จู๘๐ เขาเอาเข้ามาเลี้ยงทหารที่ไปกับเราด้วย วันนี้เดินมากกว่าทุกวัน กรมขุนท่านว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเดินถึงเท่านี้เลย ท่านประมาณว่าทางสัก ๓๐๐ เส้น เราได้เบี้ยแลหอยมาก แต่นั่งคอยอยู่จนเย็น เราเขียนจดหมายนี้อยู่ ต้องพากันนอนตามหาดลมเย็นสบาย ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษเห็นหายไป เราจึงพากันไปเดินเก็บหอยที่หาดทราย น้ำลงไปจนตลอดคันที่ว่ามาแล้วจนถึงเกาะเล็ก แล้วเดินไปตามริมหาดน่าโน้นเพียงที่นั่งเดิม แล้วเดินตัดป่ามาตรงลงหาดมาอิก จนถึงแหลมจึงพบท่านกรมท่า บอกว่าคนน้อยไล่ไม่ออก ไล่ๆก็กลับตลบเข้าไปเสียในป่าอิก จะต้องนัดคนให้พร้อมกันขึ้นไปพรุ่งนี้ไหม่ แต่จะให้พรานนั่งกองดูว่า จะข้ามไปเสียเกาะหมากฤๅอย่างไร ถ้าข้ามไปที่เกาะหมากแล้ว จะได้ไปเล่นที่เกาะหมากทีเดียว เราก็พากันลงเรือ เอาเทวราชมาด้วยอิกคนหนึ่ง มาถึงเรือเวลาย่ำค่ำแล้ว.
อนึ่งวันนี้ เราได้ต้นไม้หลายอย่าง เปนกล้วยไม้บ้าง ต้นไม้หลายอย่าง กาพย์ กับจมื่นสราภัย หลวงศัลยุทธ กับทหารมหาดเล็ก เขาช่วยกันฉุดกับเจ้าต๋ง๘๑ เอากล้วยไม้มาให้อิก ๒ อย่าง ๓ อย่าง ๆ หนึ่งลงหัวเหมือนว่าน อย่างหนึ่งเรียกว่าต้นเทียนคะโมย ถ้าแห้งๆใช้จุดไฟติด กับอ้ายเที่ยง แลพวกพ้องเขาห้าคน ช่วยกันถอนหางสิงห์ต้นหนึ่งงามดีทีเดียวต้นใหญ่ เขาผลัดกันหามลงมาที่เรือ.
อนึ่งตั้งแต่วานนี้มาจนวันนี้ มีลมเสมออยู่ แต่ว่าบ่ายสงบหน่อยหนึ่งแล้วก็มีมาอิก เรือโคลงบ้างเล็กน้อย.