วัน ๓ ฯ๑๐ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘

ค่ายหลวงตำบลอ่างศิลา

ณวันที่ ๓ ๑๐ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘

เวลาเช้าตื่นนอนแล้ว ลงไปเล่นอยู่ในสวน จนเวลาบ่าย ๔ โมง แต่งตัวแล้วได้ไปลงเรือใบ คนเหมือนเมื่อวานนี้ แต่กรมขุนไม่สบายท่านไม่ไปด้วย เอดเดอแกมป์กรมอดิศรไปด้วย ถึงบางปลาสร้อยเวลา ๓ โมงครึ่ง ขึ้นบกไปซื้อของต่างๆ แล้วกลับมาลงเรือ เมื่อเราไปถึงตพานนั้น พระยาจางวางเมืองชลเอาผ้าพื้นมาคอยให้ ๑๐ ผืน กับของกินเครื่องซ่ม มีน้ำปลากุ้งแห้งมาด้วย เราลงเรือแล่นใบมาถึงอ่างศิลาเวลาย่ำค่ำ ๕๐ มินิต ขึ้นไปบนพลับพลาแล้ว เมื่อเวลา ๒ ทุ่มเศษกรมการเมืองชล กับเมืองบางลมุง เมืองพนัสนิคม ๑๗ คน เอาผ้าพื้นแลเอาของต่างๆ มาให้ๆ เสื้อคนละตัว วันนี้มีมิศเตอร์ยุกเกอร์๑๑๑ กับมิศเตอร์ฟอช๑๑๒ ห้างบอเนียวกัมปนีมาหา เราให้ผ้าโสร่งจันทบุรีคนละผืน แล้วไปกินเข้า เวลา ๕ ทุ่มเข้านอน ทอมอเมตเตอร์ ๗๐ ดีกรี เราอยากจะว่าด้วยตำบลอ่างศิลานี้สักหน่อยหนึ่ง ได้ขอให้ท่านกรมท่าจดหมายการต่างๆ ในที่ตำบลนี้ แต่ท่านกรมท่าได้เรียงเปนเรื่องราวมาเรียบร้อยดีแล้ว เราเห็นว่าไม่ควรจะแต่งใหม่ จึงคัดเอาของท่านกรมท่าเรียงมานั้นลงต่อไป ตำบลบ้านอ่างศิลา แขวงเมืองชลบุรี มีบ้านราษฎร ๑๘๙ เรือน ราษฎรที่เปนไทย ๑๘๐ คนเศษ ราษฎรจีนมาแต่เมืองจีน แลเกิดเมืองไทย ๕๖๐ คนเศษ รวมราษฎรไทยจีนชายหญิงในบ้านอ่างศิลา ๗๔๐ คนเศษ ในแขวงบ้านอ่างศิลานั้น หลวงฤทธิศักดิ์ชลเขตร หลวงพิทักษ์จีนประชา สองนายนี้เปนปลัดเมืองชลบุรี เปนผู้ใหญ่บ้าน เพราะหลวงฤทธิศักดิ์ชลเขตร หลวงพิทักษ์จีนประชา ได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ณบ้านอ่างศิลา ในบ้านอ่างศิลามีวัดสองวัด เรียกชื่อว่าวัดนอก วัดใน วัดในมีพระสงฆ์ ๑๐ รูป วัดนอกมีพระสงฆ์ ๑๓ รูป เปนวัดเดิมมีมาแต่โบราณ ไม่ปรากฎว่าผู้ใดสร้าง แลมีตำบลบ้านใกล้เคียง ๕ ตำบล ตำบลบ้านข้างเหนือต่อเมืองชลบุรี คือบ้านเสม็ด ทางไปจากบ้านอ่างศิลา ๑๖๐ เส้น มีราษฎรชาวบ้านชายหญิงไทยจีน ๘๐ คนเศษ บ้านยิสุดทางไปจากบ้านอ่างศิลา ๗๐ เศษ มีราษฎรชาวบ้านชายหญิงไทยจีน ๔๐ คนเศษ บ้านหัวโปรงทางไปจากบ้านอ่างศิลา ๘๐ เส้น มีราษฎรชาวบ้านชายหญิงไทยจีน ๑๒๐ เศษ บ้านโรงนอกทางไปจากบ้านอ่างศิลา ๘๐ เส้น ราษฎรชาวบ้านชายหญิงไทยจีน ๒๐๐ คนเศษ ข้างใต้ต่อพรมแดนกับบางลมุง บ้านเนินมกอก ทางไปจากอ่างศิลา ๑๐๐ เส้น มีราษฎรชาวบ้านชายหญิงไทยจีน ๒๐๐ คนเศษ รวมคนบ้านอ่างศิลาแลบ้านใกล้เคียง ๑,๓๘๐ คนเศษ ราษฎรตำบลบ้านอ่างศิลาทำการหากินด้วยทำโป๊ะจับปลาในทเลลงเฝือกจับปลาตามชายทเล ลากเบ็ดในทเล ถีบกระดานเก็บหอยตามเลน แลปักหลักจับหอยแมงภู่ ในฤดูเดือน ๑๒ จนถึงเดือน ๒ เปนฤดูปลาทูเข้าโป๊ะ ราษฎรเจ้าของโป๊ะได้ปลาแล้ว ทำเปนปลาทูเค็ม บรรทุกเรือเข้าไปจำหน่ายณกรุงเทพฯ เปนสินค้าไปเมืองต่างประเทศปีหนึ่งเปนปลาสิบหมื่นตัวเศษ ตั้งแต่เดือน ๕ ไปจนถึงเดือน ๗ ราษฎรจับหอยแมงภู่ที่หลักปักไว้ในทเลมาต้มแล้วเก็บเนื้อหอยผึ่งแดดแห้งแล้ว บรรจุกระสอบบรรทุกเรือเข้าไปขายณกรุงเทพฯ ชั่งน้ำหนักเปนสินค้าจำหน่ายไปเมืองต่างประเทศปีหนึ่ง ๑๓๐๐ หาบเศษ.

แลราษฎรที่ทำโป๊ะจับปลาในทเลนั้น ทำได้แต่ฤดูเดือน ๑๒ ไปจนถึงเดือน ๓ เปนฤดูลมตเภาพัดกล้าคลื่นจัดโป๊ะแตก ต้องหยุดการจับปลาไปจนเดือน ๑๒ ในระหว่างที่หยุดการจับปลาทำโป๊ะไม่ได้นั้น ราษฎรทำมาหากินด้วยลงเฝือกลากอวนจับปลา แลถีบกระดานเก็บหอยชายทเล แลผู้หญิงเด็กนั้นต่อยหอยนางรมด้วยค้อนเหล็กตามก้อนศิลาชายทเลเมื่อเวลาน้ำลงขอด แลปลาที่จับได้ในเฝือก แลลากอวนลากเบ็ด กับหอยนางรมที่ต่อยได้นั้น ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันกินอยู่ในแขวงบ้านอ่างศิลาแลบ้านใกล้เคียง ไม่ได้เปนสินค้าใหญ่ไปต่างเมือง แลปลาทูกับหอยแมงภู่ที่มีกำหนดว่าราษฎรทำได้ปีหนึ่งเปนปลาเท่านั้นตัว หอยแมงภู่เท่านั้นหาบนั้น คเนตามปีที่ได้เปนอย่างกลาง ลางปีก็ได้น้อยลงไปกว่านี้บ้าง แต่ผิดกันไม่มากทั้งปลาทูแลหอยแมงภู่

ราษฎรชาวบ้านเสม็ด บ้านยิสุด บ้านหัวโปรง บ้านโรงนา บ้านเนินมกอก ที่เปนบ้านดอนอยู่ใกล้เคียงกับบ้านอ่างศิลานั้น ราษฎรชาวบ้านทำการหากินด้วยทำนาเข้า สิ้นฤดูทำนาแล้วทำไร่แตงอุลิดไร่สั่วยะสง ซื้อขายแลกเปลี่ยนกันกินอยู่ในแขวงบ้านใกล้เคียง แต่ถั่วยะสงนั้นบรรทุกเกวียนไปขายที่เมืองชลบุรี ทำน้ำมันถั่วเปนสินค้าจำหน่ายเข้าไปณกรุงเทพฯ แลจำหน่ายไปตามหัวเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านอ่างศิลานั้น พาหนะที่ราษฎรใช้สอยอยู่ในพื้นบ้านเมืองนั้น ใช้เรือฉลอม กระบือ เกวียน กระบือนั้นใช้ทำนาแลใช้เทียมเกวียน ราษฎรที่บ้านอยู่ริมชายทเลใช้เรือฉลอม สำหรับออกเที่ยวจับปลาในทเล แลบรรทุกปลาไปขายต่างเมืองที่อยู่ใกล้เคียง เรือฉลอมนั้นใช้ใบสาคู รูปใบเปนสี่เหลี่ยม เรือยาว ๔ วา ๒ ศอกบ้าง ๕ วาบ้าง ๖ วาบ้าง ตัวเรือนั้นมีช่างสำหรับทำขายที่เมืองชลบุรี ทำด้วยไม้ตะเคียน แต่เกวียนนั้นราษฎรทำใช้เองทุกบ้าน ในตำบลบ้านอ่างศิลานั้น ราษฎรไทยจีนชาวบ้านถือว่าเปนที่ดีไม่มีป่วยไข้สิ่งไร เพราะในเวลาที่คนเปนโรคป่วงใหญ่มาแต่ก่อนทุกครั้งทุกคราวนั้น คนชาวบ้านอ่างศิลาก็ไม่ได้เปนโรคป่วงใหญ่เลย คนชาวบ้านอ่างศิลาก็มิได้เปนอันตรายด้วยโรคป่วงใหญ่

แลที่เรียกชื่อว่าอ่างศิลานั้น เพราะมีแผ่นดินสูงเปนลูกเนิน มีศิลาก้อนใหญ่ๆเปนศิลาดาด แลเปนสระยาวรีอยู่ ๒ แห่ง ๆ หนึ่งฦก ๗ ศอก กว้าง ๗ ศอก ยาว ๑๐ วา แห่งหนึ่งฦก ๖ ศอก กว้าง ๓ วา ๒ ศอก ยาว ๗ วา เปนที่ขังน้ำฝน น้ำฝนไม่รั่วซึมไปได้ ท่านเจ้าพระยาทิพากรวงษ์มหาโกษาธิบดี เห็นว่าเปนประโยชน์กับคนทั้งปวง จึงให้หลวงฤทธิศักดิ์ชลเขตร ปลัดเมืองชลบุรี เปนนายงานก่อเสริมปากบ่อกันน้ำ มิให้น้ำที่โสโครกไหลกลับลงไปในบ่อได้ ราษฎรชาวบ้านแลชาวเรือไปมาได้อาไศรยใช้น้ำฝนในอ่างศิลานั้น ลางปีถ้าฝนตกมาก ถ้าใช้น้ำแต่ลำพังชาวบ้านก็ได้ใช้น้ำทั้งสองแห่ง แลบ่ออื่นบ้างพอตลอดปีไปได้ ลางปีฝนน้อยราษฎรได้อาไศรยใช้แต่เพียง ๕ เดือน ๖ เดือนก็พอหมดน้ำในอ่างศิลา แต่น้ำในบ่อที่แห่งอื่นๆ ที่ราษฎรขุดขังน้ำฝนไว้ใช้นั้นมีอยู่หลายแห่งหลายตำบล ถึงน้ำในอ่างศิลาสองตำบลนี้แห้งหมดไปแล้ว ราษฎรใช้น้ำบ่อแห่งอื่นๆ ได้ จึงได้เรียกว่าบ้านอ่างศิลามาจนทุกวันนี้ ซึ่งท่านกรมท่าจดหมายนั้นมีความเพียงเท่านี้ แต่เราอยากจะพูดต่อไปอีกสักสองสามคำ ด้วยที่บ้านอ่างศิลานี้ เราไม่รู้ว่าได้เปนที่สำคัญขึ้นในปีไรเปนแน่แต่ในแผ่นดินทูลกระหม่อมมาแล้ว ฝรั่งเขานับถือว่าที่นี่เปนที่อากาศดี พอใจมีคนที่เจ็บไข้ไม่สบายแล้วมาอยู่ในที่นี้บ่อยๆ ทูลกระหม่อมก็ได้เสด็จมาหลายครั้ง โปรดว่าเปนที่อากาศดีนัก แต่หาได้ทำเปนรั้ววังอะไรขึ้นไม่ มีแต่พลับพลาเล็กหลังหนึ่ง เมื่อเสด็จไปในที่นั้นก็ประทับอยู่ในเรือพระที่นั่ง ทรงม้าไปประพาสที่ตกาษหลังเขาสมมุขบ้าง ที่อื่นๆบ้าง แต่ท่าที่ขึ้นนั้นมีศิลามาก ถ้าเวลาน้ำแห้งก็เปนเลนออกไปท่างฝั่งหลายสิบเส้น จึงโปรดให้เจ้าคุณกรมท่าที่ตายออกมาทำตพานศิลายาวออกไป พอพ้นที่ศิลาในน้ำ ตพานนั้นก็ยังได้ใช้อยู่จนทุกวันนี้ ในขณะนั้นสมเด็จเจ้าพระยาท่านก็ได้มาสร้างตึกขึ้นไว้ สำหรับคนป่วยใช้ได้อาไศรยหลังหนึ่ง ของเจ้าคุณกรมท่าสร้างหลังหนึ่ง ภายหลังคุณสุรวงษ์ไปทำไว้ข้างใต้ตพานลงไปอิกหลังหนึ่ง ก็เปนที่คนต่างประเทศไปมาอาไศรยอยู่เสมอ ครั้นมาเมื่อปีวอกจัตวาศกเราขึ้นไปรับพระเสวตรสุวภาพรรณที่เมืองสระบุรี แล้วไปพระพุทธบาทพระฉาย แล้วเดินลงไปทางบ้านนครนายก ถึงเมืองปราจิณบุรี ลงเรือที่เมืองปราจิณบุรีไปอ่างศิลา ในครั้งนั้นท่านกรมท่าออกมาทำพลับพลารับเรา คือหลังที่อยู่นี้ แต่การที่ทำนั้นไม่ได้คิดจะรื้อ หมายจะเอาไว้เปนที่เราไปเที่ยวต่อไป จึงได้ทำเปนค่ายหลวงใหญ่ มีท้องพระโรงแลพระที่นั่ง เรือนข้างน่าข้างในใหญ่โตพร้อมทุกพนักงาน ในพลับพลาที่ทำนั้นออกจากความคิดท่านกรมท่าทั้งนั้น ตัวพลับพลานั้นทำดีนัก ใช้ฝาแผงทาสีขาวเขียวลายคราม วางที่พระที่นั่งเปนที่เปิดออกอยู่ข้างน่า มีเฉลียงรอบ เมื่อเราออกมาที่เฉลียงแล้วก็แลเห็นทเลตลอดทีเดียว เปนที่รับลมไม่ร้อน แลฝาที่เปนฝาปิดข้างชั้นบนชั้นล่างใช้ไม้ระกำทั้งลำทาขาว เชิงล่างทาดำรอบเรือน บนเรีอนเรานั้นกั้นห้องสามห้อง ห้องหนึ่งเปนห้องนอน ห้องหนึ่งเปนห้องนั่ง อิกห้องหนึ่งนั้นยาวกว่าห้องทั้งปวง เปนที่กินเข้า เพราะเจ้านายไปด้วยเราคราวละมากๆ ได้กินเข้าพร้อมๆ กัน เฉลียงด้านน่านั้นเปนข้างน่า เฉลียงด้านหลังเปนข้างใน ที่ตามช่องกบประตูมีผ้าแดงเปนฝากรุกั้นทุกๆช่อง ถึงโดยจะเปิดน่าต่างประตูก็ยังเปนข้างน่าข้างในอยู่ ที่ตามพนักเสารายเฉลียงนั้น มีม่านผ้าแดงร้อยสายลวดขึงตลอด มีมู่ลี่ทำด้วยไม้ระกำแขวนทุก ๆ ช่อง ในเรือนนั้นมีเครื่องเรือนพร้อมทุกอย่าง คือติดกระจกรูปภาพต่างๆมาก ในห้องนอนเรามีเตียงทองเหลืองแลเตียงลด ทั้งตู้ผ้านุ่งแลที่ล้างหน้า กระจกแต่งตัว เครื่องใช้ในห้องนอนพร้อมทุกอย่าง ที่ห้องนั่งนั้นมีโต๊ะเก้าอี้แพร แลตู้เขียนหนังสือ โต๊ะตั้งหอยต่าง ๆ แลขวดปักดอกไม้ ดูพอดีกันกับห้องทีเดียว ที่ห้องกินเข้านั้นก็มีตู้สำหรับตั้งถ้วยชาม แล้วลงบันไดที่ปลายเฉลียงเรือนมาถึงท้องพระโรงข้างใน ติดกันกับท้องพระโรงน่า มีผ้ากั้น แต่ท้องพระโรงนี้พื้นต่ำกว่าที่อยู่ทำเปนที่โถงๆ เกลี้ยงๆ มีแท่นสำหรับเรามานั่งแลเพดานมีระบาย พื้นปูเสื่อลวดจันทบุรี รอบนอกเปนเฉลียงโถง มีเกยเสลี่ยงติดอยู่กับเฉลียงท้องพระโรงด้วย รอบรั้วค่ายนั้นมีห้องเครื่องมหาดเล็ก แลห้องพนักงานต่างๆ ทิมดาบตำรวจ พร้อมทุกอย่าง มีเสาธงปักอยู่ในหมู่ต้นไม้ มีต้นมะม่วงงามๆ หลายต้น พื้นเปนหญ้าเขียว เว้นแต่ทางที่เดินข้างในนั้นมีตำหนักเสด็จยายหลังใหญ่แลเรือนอิกหลายหลัง ริมท้องพระโรงข้างในนั้นเปนครัวคุณแพ ต่อไปมีประตูออกไปสวน ที่ในสวนนั้นมีต้นมะม่วงหลายสิบต้น เปนที่ร่มรื่นสบายนัก ตามต้นมะม่วงนั้นมีชิงช้าหลายชิงช้า มีโรงที่สำหรับนั่งในกลางสวน เมื่อคราวแรกที่เราไปนั้น ท่านกรมท่าได้เอาใบไม้มาทำเปนเขาวงกฏ ได้เล่นกันสนุกมาก ต่อออกมานอกค่ายด้านน่านั้น เปนหนทางใหญ่ลงมาถึงท่าน้ำแต่ไม่ตรง คดไปตามศิลาที่เปนเนินสูงแลต่ำ สองข้างนั้นมีศิลาของเติมแต่ช่วยตกแต่งบ้าง เหมือนหนึ่งกับเปนเขามอให้ทั้งนั้น ทางที่จะไปเที่ยวมีหลายแห่ง ไปเมืองชลบุรีก็ได้ อิกทางหนึ่งไปที่ตกาษแลไปที่บ่อน้ำร้อน แลในเร็วๆนี้ ได้เกิดตึกขึ้นใหม่อิกหลังหนึ่ง เปนของท่านกรมท่าทำใหญ่โตแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ถ้าเราไปอยู่ที่นั้น จะขี่ม้าเล่นฤๅลงเล่นเรือก็ได้ โป๊ะมีหลายโป๊ะที่น่าอ่างศิลา จะไปดูจับปลาก็สนุก ฤๅเวลาน้ำลงไปที่ชายเลน ก็จะได้เห็นชาวบ้านถีบกระดานดูรวดเร็วคล่องแคล่วนัก ที่อ่างศิลาเปนที่สนุก แลเปนสบายมาก เราอยากจะใคร่อยู่นานๆ แต่ไม่ใคร่จะมีเวลาที่จะไปอยู่พ้น ๑๐ วันเลย

  1. ๑๑๑. มิศเตอร์ยุกเกอร์

  2. ๑๑๒. มิศเตอร์ฟอช

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ