วัน ๓ ๑๑ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘

เรืออรรคราชวรเดช ที่แสมสาร

วัน ๓ ๑๑ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก

เราตื่นขึ้นเปิดดูนาฬิกาพกวางข้างที่นอน เห็นเปนเวลารุ่งแล้ว ๖ มินิตเรือยังไม่ออกเดิน ถามพระนายไวยบอกว่าพึ่งมีสติม ต่อเวลา ๔๐ มินิตจึงได้ถอนสมอ แต่เรือเปิดจักรแล้วไม่เดิน กลับลอยลงมาปะเรือเขจร เรืออรรคราชขวางท้าย มาใกล้น่าเรือเขจร เรือเขจรก็ถอยหลังไม่ได้ เดินน่าพัดมา หัวเรือเขจรโดนเรืออรรคราชแคมขวาที่ซุ้มจักร โดนนั้นเบาๆไม่หนัก ไม่มีอันตรายสิ่งไรกับเรือใหญ่ แต่เรือโบดยุบเข้าไปเสียใช้ไม่ได้ลำหนึ่ง เมื่อเรือเขจรแล่นใกล้เข้ามานั้น เห็นตาโสณยืนกางปีกอยู่บนดาดฟ้า แต่เกษมศรีนั้นเห็นยังยืนง่วงอยู่ ใครใครนอกนั้นอิกไม่ทันเห็นสนัด เวลาเช้า ๒ โมง ๒๑ มินิตถึงช่องแสมสาร กินเข้าเช้าแล้วลงเรือโบดสิบสองกันเชียงไป พร้อมด้วยคนตามเคยที่ลงเรือเหมือนเมื่อกลับมาวานนี้ ไปที่เรือไรซิงซัน ทูลให้เสด็จยายขึ้นบก แต่ผู้หญิงลำนี้ขึ้นไปก่อน ครั้นบอกแล้วเราก็มาตีกันเชียงไปตามปลายแหลมออกช่องใน ชื่อกุลาจำทอง ไปขึ้นที่หาดด้านนอก เวลา ๓ โมงถึงหาด ขึ้นเก็บหอยแล้วไปตามหาดข้างใต้ประมาณ ๑๑ เส้นเศษ แล้วเดินทางกลับมาตามทางเดิม หยุดพักที่ปรำเขาทำไว้ ต้นทางที่จะลัดป่ามาหน่อยหนึ่ง ต่อหายเหนื่อยแล้วออกเดินมาตามทางลัด ตัดปลายแหลมมาลงเรือที่ในช่องตรงเรือใหญ่จอด ในกลางทางแดดร่มสบาย ด้วยเปนต้นไม้ครึ้มทั้งสองข้าง เมื่อมาถึงปรำข้างพลับพลา เห็นมีจีนหลายคน ได้แวะไปถามได้ความว่า เปนจีนสลัดยิงเรือเขาเมื่อเช้านี้ ได้ความว่าจีนจำปาเปนที่ขุนประมูลราชทรัพย์กองส่วยรง ออกจากกรุงเทพฯ มาจะไปเมืองจันทบุรี มีเงินประมาณ ๔๐๐๐ บาทกับสินค้าหลายสิ่งมาก เรือจีนจำปาแล่นใกล้เข้าไป พบเรือปากใต้ ๒ ลำกับศีศะฉลอมลำหนึ่ง เรือจีนจำปาแล่นใกล้เข้าไป เห็นคนในเรือศีศะฉลอมเอาปืนมาที่หัวเรือ พอเรือจีนจำปาตรงก็ยิงมานัดหนึ่ง สองกระสุน ๆ ตกข้างเรือจีนจำปา เรือจีนจำปาก็รีบแล่นเข้าฝั่ง ไปแจ้งความต่อพระศรีสมุทโภคเจ้าเมืองระยอง ซึ่งมาคอยรับอยู่ที่นั้น พอท่านกรมท่าขึ้นไปบนฝั่ง พระระยองก็แจ้งความ ท่านกรมท่าทราบแล้วจึงให้พระไพรัช กับหลวงภิรมย์๖๕ ลงเรืออรรคเรศไปตามได้เรือลำนั้นมา พระไพรัชกับหลวงภิรมย์ ลงไปค้นเรือเห็นเครื่องมือเปนสลัด จึงเอาตัวกับสิ่งของต่างๆขึ้นไปบนบก ในเรือนั้นมีจีนเก้าคน มีหนังสือสำหรับลำ เปนหนังสือสำหรับพระชลธาร๖๖เข้าทุนกับจีนกิมค้าขายฉบับหนึ่ง อิกฉบับหนึ่งนั้น มีหนังสือเบิกล่องฝรั่งเศส อาวุธที่ในเรือมีปืนใหญ่ขนาดกระสุน ๒ นิ้ว ประจุพร้อมทั้ง ๒ บอก ปืนหามแล่นบอกหนึ่ง ปืนคาบศิลา ๒ บอก สามง่ามหนึ่ง ขอมีปลายหอกสองหอก ปลายปืนมีด้ามหนึ่ง ดินดำไหหนึ่ง ดินดำใส่หีบหีบหนึ่ง เป๋าหนังใส่ดินดำใส่กระสุน ๓ เป๋า มีหม้อสำหรับใส่ดินดำ ๙ ใบ แต่ของในเรือที่ค้นขึ้นไปได้ในเวลานั้นแต่เท่านี้ ของยังอยู่ในเรืออิกมาก ครั้นจะชำระไต่ถามที่นอกก็ไม่มีเวลา จึงเอาตัวจีนกิมนายเรือลงเรือรบไปคน ๑ แต่คนนอกนั้นให้พระศรีสมุทโภคเมืองระยอง คุมตัวส่งเข้าไปณกรุงเทพฯ ในฤดูนี้เปนเวลาคลื่นลมสงบสลัดจึงได้เปนช่องออกทำอันตรายกับเรือลูกค้ามาก แต่ในฤดูที่เปนเวลาคลื่นลมสบายเข้าคราวนี้แล้ว ได้สั่งให้ท่านกรมท่าคิดทำเรือลาดตระเวนหัวเมืองทุกๆเมืองแล้ว แต่คราวฤดูนี้เห็นไม่ทัน ครั้นเมื่อมาพักที่พลับพลา พระไพรัชเขาพาพระศรีสมุทโภคเจ้าเมืองระยอง กับหลวงปลัด หลวงผู้ช่วย หมื่นพัฒนสมบัติ จีนเล่งหัวผู้จำหน่ายสุรา จีนซางเจ้าภาษีหมู กับจีนอยู่ จีนไทสาน จีนจงชิว จีนโอเฮียว จีนโก๋ จีนสงเมา จีนโอสิด จีนเอง เปนลูกค้าเมืองระยอง เอาของมาให้ มีผ้าไหม ผ้าพื้นตาสมุก กับเข้าสารของสดต่างๆเปนอันมาก เราคิดว่าจะให้เสื้อเขาบนบกก็กลัวจะไม่ทันเวลาจะสายไป จึงนัดให้เขาลงมารับที่เรือ อนึ่งที่พลับพลานั้นเขาทำดีกว่าที่บางลมุง มีเก้าอี้ไม้ไผ่ แลพูนทรายเปนเนินกั้นคอกไว้กระจงหลายตัว กับมีกระสองตัว ไก่ฟ้าสองตัว แล้วมีที่ทำครัวเครื่องมีพร้อมทุกอย่าง เรากลับมาถึงเรือเวลา ๕ โมง ๔๗ มินิต เรือต้องมาจอดอยู่ที่นี่เพราะฟืนหมดแทบทุกลำ จึงต้องรอรับฟืนอยู่จนเรากลับมาเรือยังไม่แล้ว พระระยองกับคนที่เอาของมาให้นั้นลงมารับเสื้อในเรือ แต่พระระยองนั้นลองสองตัวแล้วใส่ไม่ได้ ท้องแกโต ต้องขอผัดไว้กลับมาจึงจะให้ ที่จอดเรือที่แสมสารนี้ ตั้งแต่เหนือมาตลอดตวันตกเฉียงใต้เปนฝั่ง ต่อไปตรงใต้เปนเกาะแรด ต่อมาตวันตกเฉียงใต้เปนเกาะยุ้งเกลือ แล้วด้านตวันออกเปนเกาะแสมสาร น่าแสมสารนั้นเกาะโรงโขนเกาะโรงหนัง อิกเกาะหนึ่งเรียกเกาะหลักเบ็ด นอกออกไปเห็นไกลๆนั้นเกาะจวงเกาะจันทน์ นอกออกไปอิกเรียกเกาะเสร็จถลาง ไม่มีต้นไม้ ที่ฝั่งและเกาะแถบนี้ไม่มีคนอยู่ เพราะไม่มีน้ำจะกิน ที่แสมสารนั้นมีชาวด่านมาตั้ง ที่บ้านชาวด่านนั้นมีบึงน้ำอยู่ข้างหลัง แต่น้ำไม่พอกินตลอดปี ที่แขวงนี้เปนแขวงบางลมุง แต่ชาวด่านนั้นเปนคนระยองมาช้านานแล้ว เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเรือใช้จักรออกจากช่องแสมสาร เวลาบ่าย ๓ โมง ตรงเกาะเสม็ด บ่าย ๓ โมง ๑๕ มินิต ตรงเจดีย์อ่าวเมืองระยอง เวลาบ่าย ๓ โมงครึ่งเข้าไปนอน ท่านเล็กเปนผู้ดูเวลาแลถิ่นต่างๆ เธอว่าเมื่อเวลา ๔ โมง ๑๕ มินิตนั้น เรือตรงบางกระเชอ ต่อนั้นมาเขาหินดำเนินเนินกลายๆอยู่ริมน้ำ ต่อมานั้นอ่าวบ้านยาง แลดูเปนหมู่ต้นยางขาวไปเปนอันมาก ข้างขวาเรือมานั้นนำร่องแจ้งความว่ามีศิลาอยู่ใต้น้ำตรงเขาหินดำออกไป เฉภาะอยู่ตรงช่อง เรือจะมาไม่มีที่สังเกตอะไร สังเกตได้แต่เขาหินดำกับตรงช่อง ถ้าเรือมาในช่องตรงมาแล้วต้องถูกหิน เพราะอย่างนั้นเรือต้องเดินอ้อมเข้าไปข้างฝั่ง ฤๅออกไปริมเกาะเสม็ดจึงจะพ้น ถ้าน่าเดือน ๔ เดือน ๕ น้ำงวดคลื่นจัดแล้ว เห็นน้ำแตกซ่าๆ เมื่อเราทราบความดังนี้ได้สอบดูในแผนที่ก็ไม่มี ดูเปนที่น่ากลัวนัก ถ้าเรือลูกค้าไปมาไม่รู้แล้วจะโดนเปนแน่ คิดไว้ว่าเวลาควรแล้วจะให้ออกมาเซอร์เว ลงแผนที่เสียสักคราวหนึ่ง แล้วจะทำทุ่นไว้เปนที่หมายเรือด้วย เวลาบ่าย ๔ โมงเรือตรงแหลมหญ้าเปนเขายื่นออกมาถึงน้ำคล้ายๆสมมุข แต่ใหญ่ลาดขึ้นไป มีหญ้าดาด ถ้าเวลาน่าฝนเขียว แต่เวลานี้เปนหญ้าแห้ง ที่นี้อยู่ข้างฝั่ง ต่อมาอิก ๗ มินิตจึงตรงเกาะเสม็ดข้างขวามือ แล้วแล่นเข้ามาในช่องจอดเรือทอดสมอเวลาบ่าย ๕ โมง ในเวลานั้นเราไม่ได้นอนหลับ ขึ้นไปบนดาดฟ้า ถามนำร่องด้วยที่ต่างๆแลที่ในศิลาในน้ำนั้น เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่งลงเรือโบดคนไปตามเคย เติมแอดเดอร์แกมป์ของเราอิก ๒ คน ทุ้ย๖๗ กับ เจิม๖๘ ได้ไปด้วย ทางยังไกลไม่พอกับเวลา จึงให้เรือภิรมย์เร็วจรลากไป เพราะประสงค์จะไปดูที่บ้านทำเยื่อเคย เรือไปประมาณครึ่งชั่วโมงถึงฝั่ง แต่หมายว่าที่คลองนั้นจะข้ามไม่ได้ จึ่งให้ตั้งหัวเรือไปตรงบ้านฟากคลองข้างซ้ายตีกันเชียงหาท่าขึ้นไม่ได้ เปนแต่ศิลาระกะไปทั้งนั้น ต้องกลับหัวเรือมาขึ้นฟากคลองข้างตวันตกตรงต้นสนใหญ่สองต้น ที่หาดนี้เปนทรายแน่นเดินสบาย แต่น้ำลงแห้งลงมาในทเลมาก ขึ้นอยู่ข้างจะลำบาก ในที่หาดนั้นไม่ใคร่จะมีหอยเล็กๆ เปนแต่หอยใหญ่ๆ มีหอยสังข์เปนต้น เบี้ยใหญ่มีบ้างรายๆ ที่บนบกนั้นมีต้นสนมาก แต่ดูไม่สู้งามเหมือนหนึ่งฝั่งทเลข้างตวันตก อย่างแหลมสนที่เมืองสงขลานั้นดูงามดี แล้วเราเดินไปตามริมหาดถึงโรงทำเยื่อเคยโรงหนึ่ง แต่เปนเหตุขัดข้องเสียจะต้องให้ข้ามคลองนั้นจงได้ เพราะเจ้าของโรงที่มานั่งอยู่น่าโรงนั้นเปนโรคเรื้อน เราตกใจด้วยไม่เคยเห็นเลย ร้องเดาถามไปว่าเปนโรคเรื้อนฤๅ พอมันรับเออออกก็ต้องรีบเดินหนีโดยเร็ว ไปถึงริมคลองๆนั้นเปนทรายเต็ม มีน้ำเฉภาะร่องกว้างประมาณ ๓ ศอกบ้าง ๔ ศอกบ้าง ไม่รู้ที่จะข้ามอย่างไร สรรพเพธเขาถือดาบไป จึงส่งดาบให้ท่านเล็กถือ แลขี่สรรพเพธข้ามน้ำไปถึงฟากข้างโน้น แลสรรพเพธมารับท่านเล็กอิก แต่หมอสายกับจมื่นสราภัยนั้นลงลุยน้ำตามไป น้ำนั้นตื้นไม่สู้ฦกนัก พอข้ามไปถึงฟากข้างโน้น มีโรงสองโรงติดกัน มีที่ไสเคยอยู่ที่น่าโรง มีผู้ชายมาพบกับเราสองคน หญิงสองคน เห็นมีเบ็ดเลี้ยงอยู่ในคอกข้างเรือน เหม็นคาวเต็มที ได้ถามเขาว่าหากินอย่างไร เขาว่าทำเยื่อเคยกับนาบ้าง ข้างโรงนั้นเห็นมีไร่ล้อมรั้วเขาปลูกฝ้าย ตามน่าโรงปลูกอุลิด เข้าที่ทำนานั้นไม่พอกิน ต้องไปซื้อที่เมืองระยองบ้าง เมืองแกลงบ้าง เยื่อเคยนั้นบางทีลูกค้าเขาให้ทุนมาทำ บางทีก็ทำเองแล้วลูกค้ามารับไปถังละบาท ร้อยถังเปนเกวียน ถ้าเปนปีดีได้ ๒ เกวียนบ้าง ลางทีก็มีเศษ กับว่าที่หลังบ้านนั้น มีทางมาแต่เมืองระยองถึงคลองกรุน คลองกรุนนั้นคือคลองที่เราขึ้นไปนี้ ทางนั้นกว้างประมาณ ๓ ศอก ๔ ศอก ว่าเปนของพระระยองทำไว้ เมื่อเวลามืดมากขึ้น เราจึงรีบกลับมาลงเรือ ที่ขึ้นเก่า เวลาย่ำค่ำแล้ว เรือปานมารุตลากมาถึงเรือครึ่งโมงเศษ วันนี้เรือโบดรั่วมาก ด้วยถูกคลื่นแต่เมื่อคราวก่อนชำรุดอยู่แล้ว มาถูกวันนี้ไปก็รั่วซึมเกือบบ่อยๆ แล้วไปถูกฟาดกับหาดทราย.

อนึ่งจะไม่จดไม่ได้ด้วยเวลาวันนี้ หลวงศัลยุทธ๖๙ เก็บได้กัลปังหาแดง ๒ กิ่ง กัลปังหาขาวกิ่งหนึ่ง เราชอบใจนัก ด้วยเปนของหายากจริงๆ เราให้รางวัลผ้าตาสมุกของกำนันเขาผืนหนึ่ง.

อนึ่งเมื่อกลางวันๆนี้ ท่านกลางให้เอานกมาให้อย่างหนึ่ง เรียกว่านกนางแอ่น กับไข่จัลเม็ด แลปริงทเล ครั้นเวลากลับจากบนบกสักทุ่มหนึ่ง ท่านกลางมาหาอิก เจ้านายก็มาด้วยกันมาก เธอเล่าถึงเรื่องนกนี้มาก บ่าวเธอมาทำภาษีไข่อยู่แถบนี้เขาเอามาให้ ว่านกนี้คล้ายกับนกที่ทำรังด้วยน้ำลาย อย่างเช่นเก็บรังนก แต่ไม่ทำรัง เปนแต่อาไศรยอยู่ในเกาะ คล้ายกับนกพวกนั้น เกาะที่อยู่นั้นก็เปนเกาะกลางน้ำเหมือนกัน ว่ากินอร่อยนัก เธอสั่งให้เอาไปกรุงเทพฯ ก็ไปไม่ถึง ตายเสียกลางทางหมด เราจึงรับกับเธอว่า จะลองกินดูวันนี้ ท่านกลางกลับไปเวลา ๒ ทุ่ม คุณแพแกงนกนางแอ่นมาให้กินวันนี้ อร่อยจริงเหมือนท่านกลางว่า ดูรสชาดคล้ายๆกับนกพริก กับมีของดีมาอิกหลายอย่าง ชอบใจด้วยกันหมด คือคุณแพทำไส้กรอกนั้นก็ตามธรรมเนียม แต่ทอดเสียดูอร่อยขึ้นกว่าตามธรรมเนียมมาก กินเข้าได้กว่าทุกวัน.

อนึ่งที่จอดเรือในช่องเสม็ดนี้ ตั้งเข็มดูข้างทิศเหนือ เปนฝั่งตลอดมาจนถึงตวันตกเฉียงใต้ ในระยะตั้งแต่เหนือมานั้น แลเห็นศิลาขาวเปนที่สังเกตว่าคลองเมืองแกลงอยู่ที่นั้น ต่อมานั้นคลองกรุนที่ขึ้นไปเย็นวันนี้ ต่อไปนั้นอิกระยะหนึ่งเรียกว่าบ้านแพ ทิศใต้ไปจนตวันตกเฉียงใต้เต็มนั้นเกาะเสม็ด นอกเสม็ดไปนั้นเกาะท้ายจำเปรียง นอกเกาะนี้ออกไปเกาะเสม็ดฉลาม ทิศตวันตกเฉียงใต้นั้นเกาะกูดเปนเกาะใหญ่เกาะหนึ่งเล็กอยู่เกาะหนึ่ง ใกล้กัน แต่เรียกชื่อเดียวเท่านั้น ต่อเกาะกูดไปนั้นเกาะทลุเกาะทลาย เกาะปลาตีนนี้เกือบเปนตวันออกแล้ว อนึ่งแลเห็นเกาะมันอยู่ลิบๆ เกาะมันนี้เปนสามเกาะ แต่ถ้าเหลือบไปจากเรือเห็นเหมือนเกาะเดียว ต่อเพ่งๆจึงเห็นเปนสองเกาะ ยังไม่ครบสาม.

อนึ่งในวันนี้เราขอตัวเสียไม่คิดโคลง แต่กรมพิชิตกับกรมขุนได้คิด

ฉันท์ ๑๑ อินทรวิเชียรฉันท์

ปางไทเสด็จดล คณะเกาะเสม็ดพรรค์
พื้นพวกคิรีอัน สุพิเศษหลากหลาย
หลายพรรคหลายพรร ณขจิตรจรูญราย
หาดลาดสะอาดพราย ก็เลอียดลอองาม
ริมชายเฉนียนมี ปะกะรังและหอยหนาม
นานาอเนกนาม คณนับมิหวาดไหว
เฌอชื้อชอื้อเย็น ระกะดอกระบัดใบ
อวลอบตระหลบใน วนะเพียงผดุงถวาย

ก. ม. พ.

ศักระวาคิดระยะพระที่นั่ง ประทับฝั่งเกาะเสม็ดสิบเอ็ดค่ำ เสด็จลงเรือน้อยเที่ยวลอยลำ ข้ามลำน้ำขึ้นประพาศบนหาดทราย ข้างฟากฝั่งเมืองแกลงตำแหน่งนั้น หอยต่างพรรณหลายหลากมีมากหลาย สีขาวแดงดังศิลาโมราราย น่าสบายลมเฉื่อยรื่นเรื่อย เอย.

ก. ข. บ.

อนึ่งเราลืมไปไม่ได้พูดถึงกรมนเรศร์เลย ด้วยในการที่จดจำตามการที่เห็นแลได้ลงในจดหมาย กับทั้งดูนาฬิกานั้น ได้อาไศรยกรมนเรศร์มาก ต้องเปนธุระอยู่เสมอ ขอบใจเธอมาก วันนี้ทอมอเมตเตอร์ชั้นล่างเวลายามเศษ ๘๐ ดิครี ชั้นบน ๕ ดิครี เวลา ๔ ทุ่ม ๑๕ นาทีเข้าที่นอน.

  1. ๖๕. หลวงภิรมย์โกษา

  2. ๖๖. พระชลธารพินิจจัย (ฉุน)

  3. ๖๗. พระยาราชานุประพันธ์ (ทุ้ย)

  4. ๖๘. เจ้าพระยาสุรศักดิมนตรี (เจิม)

  5. ๖๙. พระยาไกรโกษา (ทัด)

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ