วัน ๒ ๑๐ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘

เรืออรรคราชวรเดช ที่สัตหีบ

วัน ๒ ๑๐ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘

เมื่อวานนี้เรือจุบรั่วต้องแก้อยู่ยังรุ่ง เวลาย่ำรุ่งได้ติดไฟ เช้าโมง ๑ กับ ๑๕ มินิตได้อออกเรือ ในห้องนอนเมื่อดึกๆ ออกร้อนไม่หนาว ต่อจวนรุ่งจึงค่อยเย็นหน่อยๆ เมื่อเช้าท่านเล็กว่ามีหมอกลงมาก เวลาสองโมงเศษเรือมาใกล้เกาะนกเห็นหาดแลต้นไม้สูงงามดี แลเห็นข้างนอกไกลๆนั้นเกาะเหลือมเกาะไผ่แล้วต่อไปเปนเกาะเล็กๆ สองเกาะ เขาเรียกเกาะตรึงเพดาน เกาะวิมานไชย เวลา ๓ โมงเศษมาตรงเกาะล้านเหนือ นำร่องเรียกเกาะครก ในระหว่างนั้นเกาะล้านใหญ่แลเกาะล้านตวันออกเรียกเกาะสาก แล้วแลดูข้างซ้ายมือเปนฝั่งตลอด เพราะที่นี้มีศิลาอยู่ข้างนอก จึงเดินชิดตลิ่ง เวลา ๓ โมงครึ่ง ตรงแหลมพัทยา ดูต้นไม้เขียวมีหาดทรายแลเขา ๔ โมงเช้าเรือตรงเกาะริ้น เกาะรำฟาง เกาะยักกโดง ห่างๆไปเปนลำดับ อยู่ข้างขวามือไกลๆ ไม่เห็นต้นไม้ เรืออรรคราชแล่นมานั้น เรือกมุทมาลากับเรือปานมารุตไปน่า เรือภิรมย์ไปตรงเรือพระที่นั่ง เรือบุษบาแบ่งกลีบไปตรงท้ายเรือ ข้างหลังนั้นเรือไรซิงซันมาขวา เรือเขจรชลคดีมาซ้าย เรือกันโบดมากลาง ดูเปนหมู่กันงามงามดี เวลา ๔ โมงเศษพบเรือปากใต้ชักธงอังกฤษ เขาลดธงคำนับด้วย ต่อมาอิกข้างขวามือนั้นมีเกาะเล็ก เรียกว่าเกาะร่างเกวียน แลดูไกลๆเปนศิลาขาวเปนน่าผา.

อนึ่งตั้งแต่ ๔ โมงเช้า เราขึ้นมานั่งบนดาดฟ้า ดูตลิ่งเกาะแลเรือที่มาเปนหมู่กัน เมื่อ ๕ โมงเช้านั้น มาถึงที่เกล็ดแก้วอยากจะดูวิ้ว อาลบาสเตอร์ชมว่างาม จึงได้ลงเรือโบด ๑๒ กันเชียง คนที่ไปด้วยเหมือนเมื่อวานนี้ ขาดแต่ไชยันต์ เติมหมอสาย กรมพิชิต อาลบาสเตอร์ ไปด้วยเรือบุษบาลาก แล้วให้อาลบาสเตอร์กับพระยาภาษไปเรือบุษบา เรือแล่นไปในช่องหลังเกาะ ที่ฝั่งนั้นเปนเขาซับซ้อนกันเปนชั้นๆ เหมือนฉากหลังเทียเตอร์ (โรงลคร) บางเขาดูเหมือนกับรูปปีริมิดทีเดียว แต่นับยอดเขาแรกเข้าไปแลเห็นประมาณ ๑๑ ยอด ๑๒ ยอด พอเรือเดินเกินไปก็เปนยอดเลื่อนๆออกมาอิกหลายยอด ตันไม้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างก็เขียวแก่เขียวอ่อน ที่เหลืองก็มี ๆ ต้นไผ่เล็กใบเปนสีใบโสกแซมยาวๆ ดูงามนัก แต่เสียอยู่หน่อยหนึ่งที่เปนกลางวัน เขาแลไม้ไม่มีเงาแดดส่องทั่วกันไป ถ้าเปนเวลาเย็นฤๅเช้าจะงามขึ้นกว่านี้มาก เรือแล่นไปตามคุ้งบ้างแหลมบ้าง บางแห่งเปนเหลี่ยมศิลามาตกถึงน้ำ มีน่าผาเปนศิลาเกลี้ยงไม่มีต้นไม้บนหลังศิลานั้น.

โคลงเราคิดสำหรับเกล็ดแก้ว ๒ บทข้างต้น ต่อไปอิกสองบทนั้นเปนของกรมพิชิต โคลงสี่บทนั้นว่าดังนี้.

๏ เรือน้อยลอยล่องเลี้ยว หลังเกาะ
ตามช่องชื่อไพเราะห์ เกล็ดแก้ว
ผายื่นคลื่นซัดเซาะ เซนซ่า
ชายหาดสอาดแผ้ว ผ่องพื้นทรายขาว
๏ พิศเพ่งพนัศพื้น ภูผา
หลายส่ำแสงเศลา เลื่อมพร้อย
ไม้ฉอุ่มพุ่มลัดา วัลล่าม เลื้อยแฮ
เฉกชนิดฉากน้อย ช่างฟ้าผจงเขียน
๏ เกล็ดแก้วแก้วเกล็ดนั้น อยู่หน ไรนอ
แลบเห็นแก้วยล แต่ไม้
กับทิวถมอบน ฝั่งสลับ สลอนแฮ
หาจักหาแก้วให้ พบนั้นแสนเข็ญ
๏ เฉกเช่นนรชาติทั้ง โลกา
จักจัดผู้สัตย์หา ยากแท้
คิดดูคู่เสลา หลายหลาก
เพ่งจะพบแก้วแม้ สักน้อยฤๅมี

ตามฝั่งต่อมาอิก มีต้นไม้เปนเขาบ้าง หาดบ้างเปนตอนๆไปจนถึงทุ้งโปลง เมื่อเรือจะเลี้ยวเข้าในทุ้งนั้น ดูที่ปากทุ้งข้างซ้ายมือ ปลายเขาที่เปนแหลมเหลื่อมกัน ดูเหมือนกับจะเปนคลองไปได้ ที่นี้ดูน่ารักมาก แล้วเข้าไปอิกหน่อยหนึ่งก็เปนอย่างนั้นอิก ที่ทุ้งโปลงนี้เปนวงกลมกว้างมีเขารอบเปนที่บังลม ถ้าเรือลูกค้ามามีลมจัดได้อาไศรยจอดเรือในที่นั้นมาก ต่อไปนั้นที่อิกทุ้งหนึ่งเรียกว่าทุ้งไก่เตี้ย กว้างกว่าทุ้งโปลงแต่ดูไม่สู้งามเหมือนทุ้งโปลง เปนที่เรือลูกค้าอาไศรยเหมือนกัน ในทุ้งไก่เตี้ยนี้ เราได้มาด้วยเรืออรรคราชนี้ ไปจอดนอนอยู่ที่นั้นคืนหนึ่งเมื่อปีกุญสัปตศก ต่อไปนั้นก็เปนเขาเปนหาดเหมือนเช่นว่ามาแล้ว ข้างตวันตกตรงปากช่องเกล็ดแก้วมีเกาะครามน้อย ต่อมาครามใหญ่ เกาะนี้เราไปตามเสด็จทูลกระหม่อมครั้งหนึ่งแล้ว วันนั้นเวลาเย็นแล้วคลื่นจัด เรากับเจ้านายทั้งปวงพากันเก็บหอยบ้าง ลุยน้ำริมหาดบ้าง ถ้าคลื่นมาแล้ววิ่งหนีเปนสนุกที่สุด ที่สูงขึ้นไปริมไม้นั้น มีหอยเม่นฤๅพวกที่เราเรียกว่าหอยกระปุกบ้าง ตั้งกองเที่ยวหากันขนานใหญ่ บ้างก็เล่นลูกหญ้าที่เรียกว่าลูกลมกลิ้งตามลมวิ่งไล่กัน ครั้นเวลาเย็นจวนค่ำทูลกระหม่อมรับสั่งว่า “ลูกจ๋ากลับไปเถิด” ต่างคนต่างก็พากันวิ่งมา แต่ฟ้าน้องหญิง๖๐ กับเจ้าอิก ๒ คน คือภักตรนั้นคนหนึ่ง กับใครอิกจำไม่ได้หายไป ทูลกระหม่อมรับสั่งให้เที่ยวค้นจนค่ำก็ไม่ได้ตัว เราก็เที่ยวเดินตามหาก็ไม่พบ จนค่ำมืดทีเดียวจึงได้ตัวมา เพราะหลงเดินไปไกลกลับมาไม่ไหว.

อนึ่งเมื่อเรามาครั้งก่อน ก็ได้แวะที่น่านอก แต่ไม่มีหอยกระปุก เพราะไม่เปนฤดูคลื่นลมจัดเหมือนคราวโน้น แต่ได้พบไข่จะละเม็ดหลายใบทีเดียว ต่อมานั้นเกาะร่า ในหว่างเกาะร่ากับเกาะคราม แต่ห่างออกไปนั้นขี้ปลา กับมีศิลาอยู่นอกออกไปอิกดูเปนเกาะเล็กๆ แต่ไม่มีต้นไม้ เขาเรียกยายกับตา แล้วเรากลับมาขึ้นเรืออรรคราชเวลาเที่ยง ๒๕ มินิต เรือก็แล่นต่อมาถึงสัตตหีบเวลาบ่ายโมง ๑ กับ ๑๐ มินิต เวลานี้หาวนอนนักไปนอนกลางวันยังไม่ทันหลับ คุณแพไปบอกว่าท่านกรมท่ามาที่เรือนี้ แลให้บอกว่าจะให้ไปไล่เนื้อ มาที่ชายทเลกลัวจะนอนหลับเสีย ในเวลานั้นครั้นจะลุกขึ้นมาพูดกับท่านกรมท่า ก็เปลื้องเครื่องแต่งตัวเสียแล้ว อนึ่งก็หาวนอนนักไม่สู้สบาย จึงสั่งคุณแพให้ไปบอกท่านกรมท่าว่าไว้บ่ายๆ จึงจะขึ้นไป ได้ฝากผ้าห่มสักลาดอ่อนสองสีไปให้ท่านกรมท่าผืนหนึ่ง เวลาบ่าย ๓ โมงตื่นนอนแล้วกินเข้า เวลาบ่าย ๔ โมง ๔๐ มินิต ได้ลงเรือโบด คนลงเหมือนอย่างเคย ยกแต่กรมพิชิต เติมศรีวิไลย๖๑คนเดียว แต่เมื่อกลับหมอสายกับเจ้าเพ่ง๖๒มาด้วย แล้วไปขึ้นที่น่าบ้านสัตตหีบ ได้ไปนั่งอยู่ที่ศาลาแต่ก่อนเคยมานั่ง ชาวบ้านซึ่งเปนคนรู้จักกันได้มาหา มียายนกเปนหัวน่า ได้เอาหอยต่างๆ กับเบี้ยขัดผ้ามาให้ ได้ถามถึงศุขทุกข์แกต่างๆ แล้วได้แจกเงินให้แก่ชาวบ้านที่เอาของมาให้คนละบาทหนึ่งบ้าง สามสลึงบ้าง สองสลึงบ้าง เด็กเด็กนั้นสลึงหนึ่งบ้าง สองสลึงบ้าง สิ้นเงิน ๑๐ บาท ๒ สลึง ในขณะนั้นท่านกลางกับเจ้านายที่เรือเขจรขึ้นไปบนบก แล้วท่านกรมท่าเดินมาแต่พลับพลากับออฟพิซเซอรทหารมหาดเล็ก ซึ่งขึ้นไปคอยอยู่ก่อน มารับในที่นั้น ท่านกรมท่าบอกว่าให้คนไปไล่เนื้อให้ลงมาตรงพลับพลา เราจึงได้เดินแต่ศาลานั้นไปที่พลับพลาเขาทำไว้รับ พลับพลานี้เมืองบางลมุงทำ ยกพื้นกลางเปนข้างน่าข้างใน มีปรำใบไม้รอบ ครั้นมาพักที่พลับพลาแล้ว ในขณะนั้นเสด็จยายกับผู้หญิงทั้ง ๒ ลำขึ้นไปอยู่บนบกด้วย ท่านกรมท่าว่าพระระยอง๖๓ได้จัดเรืออวนไว้ ๓ ลำจะให้ลง เรากับคนที่ไปด้วยกันพากันเดินมาตามชายหาด หอยไม่ใคร่จะมีเลย มีแต่หอยเลวๆ ถึงกระนั้นศรีวิไลยกับสวัสดิ์เขายังเก็บได้คนละห่อผ้าเช็ดหน้า เมื่อถึงที่ลงอวนนั้นเปนเวลาไม่ดี เพราะน้ำขึ้นมากปลาไม่ติดเลยสักตัวหนึ่งทั้ง ๓ อวน เว้นแต่ได้ปูม้า ๒ ตัวเท่านั้น เราจึงได้เดินกลับจากอวนที่สามมาพลับพลา เข้านั่งบังแดดอยู่สักครู่หนึ่ง ท่านกรมท่าว่าถ้าลงเรือไปริมน้ำคอยเนื้อเผื่อจะลงมาเห็นจะดี จึงพากันลงเรือไปคอยอยู่ใต้ตพานหน่อยหนึ่ง ประมาณสักครึ่งโมง เวลานั้นจวนจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว เห็นว่าคนที่จะไปไล่เนื้อนั้นไล่ไม่ได้ เพราะในป่าจะมืดกว่าในทเล จึงพากันกลับมา เมื่อถึงเรืออรรคราชนั้นเวลาย่ำค่ำครึ่งมีเศษ แต่เขาได้เห็นเปนอันมากว่าเมื่อเวลาบ่ายนั้นคนไปไล่เนื้อข้างใน เนื้อได้วิ่งลงมาถึงริมน้ำตรงน่าเรือ แต่ไม่มีผู้ใดยิง ด้วยเปนเวลากลางวันเราไม่ได้อยู่ที่นั้น แลคนที่ไล่ตามมาก็ไม่ทันเนื้อๆ ไม่ลงมาถึงน้ำ วิ่งหวนกลับเข้าไปเสียในป่า.

อนึ่งที่ว่าคนบนบกนั้น เห็นว่าไม่ควรจะลืมเสีย ด้วยพระยาบางลมุง๖๔คนใหม่ กับกรมการเขามาคอยรับ ได้ถามเขาบอกว่ามาแต่วันขึ้นค่ำหนึ่งนั้นแล้ว เมื่อมาถึงเรือเราได้นั่งเขียนระยะทางนี้อยู่ จะว่าด้วยทำเลที่จอดเรือที่สัตตหีบนี้ ข้างทิศเหนือนั้นตรงฝั่งสัตตหีบเปนแหลมยื่นออกมาจนเกือบถึงตวันตก ต่อในทิศตวันตกตรงๆ แลตวันตกเฉียงใต้นั้นเปนแถวนอก เกาะเตาม่อเหลื่อมกับเกาะพระอยู่ข้างบนต่อไปเกาะนางเลา ไปอิกเกาะยอ ต่อไปนั้นเปนหินกอง ในเข้ามาอิกชั้นหนึ่งนั้น เปนเกาะพระใหญ่ยาวเต็มทิศตวันตกตามที่ตาเห็นในที่เรือจอด ทิศใต้ตรงๆนั้นเกาะกรวย เกาะหมู ตวันออกเฉียงใต้นั้นเห็นเกาะกรวยนอก เกาะหมูเยื้องเข้ามา แล้วถึงเกาะจรเข้ ถัดเข้ามามีเกาะเล็กหนึ่ง เรียกเกาะนางรำ ต่อมานั้นเปนเขายอดสูงบนฝั่งริมน้ำ เรียกว่ากระทะคว่ำ ต่อนั้นมาจนทิศตวันออกเปนฝั่งสัตหีบมาประจบที่เดิม มีคำชมสัตหีบเปนคำโคลงที่ได้ทำไว้ในวันนี้ เหมือนกับที่เกาะสีชัง เราถูกเกณฑ์ให้ว่าโคลงดั้นบาทกุญชรแฝดหนึ่ง ได้ว่าดังนี้

บาทกุญชร

๏ ไม้เลมาะเกาะแก่งกั้น กรรกง
แปดทิศเทียมมณฑล ถิ่นนี้
เว้นว่างระหว่างวง เปนช่อง
สัตหีบเก่ากี้ชี้ ชื่อแดน
๏ คิดใดไป่คล่องแม้น เขาบัง
เขาขอบบขาดแคลน ว่างบ้าง
อย่าท้อจิตรเจียวยัง จักต่อ คิดแฮ
เพียรมากบไร้ร้าง เริศผล

กรมขุนท่านคิดโคลงสุภาพบทหนึ่ง วิวิธมาลีแฝดหนึ่ง ดังนี้

สุภาพ

๏ สัตหีบดังหีบน้อง ลายเขียน
หมากดิบประจงเจียน จัดไว้
พลูจีนจีบแนบเนียน น่ารัก มือเอย
หวนเช่นหีบสลาใช้ แต่ตั้งตลึงหลง

วิวิธมาลี

๏ เรือพระที่นั่งเจ้า จอมสยาม
บรรลุสัตหีบราย รอบล้อม
ยลเกาะเรียบเรียงตาม ชายฝั่ง ทเลนา
แลลิ่วทิวไม้อ้อม ขอบคัน
๏ มีช่องชวากรุ้ง เรือจร
แลเล่ห์วงกฏบรร พตโค้ง
หาดเตียนเลี่ยนน่านอน นั่งเล่น
หว่างช่องมองเวิ้งโว้ง หวั่นสวิง

แต่กลอนที่สี่นี้ท่านติดอยู่ เราช่วยเติมให้ท่านทั้งกลอน

๏ พระเสด็จดลอ่าวอ้าง นามสัต หีบเฮย
เขาโขดเคียงๆขนัด แน่นล้อม
วงกลางว่างลมสงัด คลื่นเรียบ
แลเกาะกลปีกป้อม พิทักษ์ไท้แทนเวียง

ก. ม. พ.

บ้านนี้สมถิ่นอ้าง เอกขนาน
สัตยอดปาสาณ สพรั่งพร้อม
ตลิ่งเคิฟโอฬาร ล้วนหาด ทรายนา
หีบพฤกษตฤณแน่นล้อม เลิศวิ้วควรชม

พ. ย. ภ.

อนึ่งเมื่อค่ำนี้เขาลงอวนอิกได้ปลามาก คุณแพทำเจี๋ยนมาให้กินบอกชื่อว่าปลาโฉมงาม เปนเวลากำลังโคลงจัด ก็เลยคิดต่อไปบทหนึ่งว่า

๏ โฉมงามนามเพราะเพี้ยง โฉมงาม พี่เอย
ปลาอร่อยร่วมนาม แต่เนื้อ
งามนุชพี่สุดตาม เต็มรัก งามนา
งามเสนาะนรลักษณ์เกื้อ กอบให้เห็นงาม

เวลาค่ำ ๔ ทุ่มเศษ ทอมอเมตเตอร์บนหลังคาเก๋ง ๕๗ ดิครี ชั้นล่าง ๘๐ ดิครี เวลา ๔ ทุ่มครึ่งเข้าห้องนอน.

  1. ๖๐. สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์

  2. ๖๑. พระเจ้าพี่นางเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี

  3. ๖๒. นายเพ่งศรีสรรักษ์

  4. ๖๓. พระศรีสมุทโภค ผู้ว่าราชการเมืองระยอง

  5. ๖๔. พระยาสาครสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองบางลมุง

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ