- คำนำ
- วัน ๑ ๙ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๒ ๑๐ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๓ ๑๑ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๔ ๑๒ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๕ ๑๓ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๖ ๑๔ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๗ ๑๕ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๑ ฯ๑ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๒ ฯ๒ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๓ ฯ๓ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๔ ฯ๔ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- --ว่าด้วยแผ่นดินแลเรือกสวนไร่นาในเมืองจันทบุรี
- วัน ๕ ฯ๕ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๙
- วัน ๖ ฯ๖ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๗ ฯ๗ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๑ ฯ๘ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๒ ฯ๙ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๓ ฯ๑๐ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
- วัน ๔ ฯ๑๑ ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
วัน ๒ ๑๐ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
เรืออรรคราชวรเดช ที่สัตหีบ
วัน ๒ ๑๐ฯ ๒ ค่ำปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘
เมื่อวานนี้เรือจุบรั่วต้องแก้อยู่ยังรุ่ง เวลาย่ำรุ่งได้ติดไฟ เช้าโมง ๑ กับ ๑๕ มินิตได้อออกเรือ ในห้องนอนเมื่อดึกๆ ออกร้อนไม่หนาว ต่อจวนรุ่งจึงค่อยเย็นหน่อยๆ เมื่อเช้าท่านเล็กว่ามีหมอกลงมาก เวลาสองโมงเศษเรือมาใกล้เกาะนกเห็นหาดแลต้นไม้สูงงามดี แลเห็นข้างนอกไกลๆนั้นเกาะเหลือมเกาะไผ่แล้วต่อไปเปนเกาะเล็กๆ สองเกาะ เขาเรียกเกาะตรึงเพดาน เกาะวิมานไชย เวลา ๓ โมงเศษมาตรงเกาะล้านเหนือ นำร่องเรียกเกาะครก ในระหว่างนั้นเกาะล้านใหญ่แลเกาะล้านตวันออกเรียกเกาะสาก แล้วแลดูข้างซ้ายมือเปนฝั่งตลอด เพราะที่นี้มีศิลาอยู่ข้างนอก จึงเดินชิดตลิ่ง เวลา ๓ โมงครึ่ง ตรงแหลมพัทยา ดูต้นไม้เขียวมีหาดทรายแลเขา ๔ โมงเช้าเรือตรงเกาะริ้น เกาะรำฟาง เกาะยักกโดง ห่างๆไปเปนลำดับ อยู่ข้างขวามือไกลๆ ไม่เห็นต้นไม้ เรืออรรคราชแล่นมานั้น เรือกมุทมาลากับเรือปานมารุตไปน่า เรือภิรมย์ไปตรงเรือพระที่นั่ง เรือบุษบาแบ่งกลีบไปตรงท้ายเรือ ข้างหลังนั้นเรือไรซิงซันมาขวา เรือเขจรชลคดีมาซ้าย เรือกันโบดมากลาง ดูเปนหมู่กันงามงามดี เวลา ๔ โมงเศษพบเรือปากใต้ชักธงอังกฤษ เขาลดธงคำนับด้วย ต่อมาอิกข้างขวามือนั้นมีเกาะเล็ก เรียกว่าเกาะร่างเกวียน แลดูไกลๆเปนศิลาขาวเปนน่าผา.
อนึ่งตั้งแต่ ๔ โมงเช้า เราขึ้นมานั่งบนดาดฟ้า ดูตลิ่งเกาะแลเรือที่มาเปนหมู่กัน เมื่อ ๕ โมงเช้านั้น มาถึงที่เกล็ดแก้วอยากจะดูวิ้ว อาลบาสเตอร์ชมว่างาม จึงได้ลงเรือโบด ๑๒ กันเชียง คนที่ไปด้วยเหมือนเมื่อวานนี้ ขาดแต่ไชยันต์ เติมหมอสาย กรมพิชิต อาลบาสเตอร์ ไปด้วยเรือบุษบาลาก แล้วให้อาลบาสเตอร์กับพระยาภาษไปเรือบุษบา เรือแล่นไปในช่องหลังเกาะ ที่ฝั่งนั้นเปนเขาซับซ้อนกันเปนชั้นๆ เหมือนฉากหลังเทียเตอร์ (โรงลคร) บางเขาดูเหมือนกับรูปปีริมิดทีเดียว แต่นับยอดเขาแรกเข้าไปแลเห็นประมาณ ๑๑ ยอด ๑๒ ยอด พอเรือเดินเกินไปก็เปนยอดเลื่อนๆออกมาอิกหลายยอด ตันไม้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างก็เขียวแก่เขียวอ่อน ที่เหลืองก็มี ๆ ต้นไผ่เล็กใบเปนสีใบโสกแซมยาวๆ ดูงามนัก แต่เสียอยู่หน่อยหนึ่งที่เปนกลางวัน เขาแลไม้ไม่มีเงาแดดส่องทั่วกันไป ถ้าเปนเวลาเย็นฤๅเช้าจะงามขึ้นกว่านี้มาก เรือแล่นไปตามคุ้งบ้างแหลมบ้าง บางแห่งเปนเหลี่ยมศิลามาตกถึงน้ำ มีน่าผาเปนศิลาเกลี้ยงไม่มีต้นไม้บนหลังศิลานั้น.
โคลงเราคิดสำหรับเกล็ดแก้ว ๒ บทข้างต้น ต่อไปอิกสองบทนั้นเปนของกรมพิชิต โคลงสี่บทนั้นว่าดังนี้.
๏ เรือน้อยลอยล่องเลี้ยว | หลังเกาะ |
ตามช่องชื่อไพเราะห์ | เกล็ดแก้ว |
ผายื่นคลื่นซัดเซาะ | เซนซ่า |
ชายหาดสอาดแผ้ว | ผ่องพื้นทรายขาว |
๏ พิศเพ่งพนัศพื้น | ภูผา |
หลายส่ำแสงเศลา | เลื่อมพร้อย |
ไม้ฉอุ่มพุ่มลัดา | วัลล่าม เลื้อยแฮ |
เฉกชนิดฉากน้อย | ช่างฟ้าผจงเขียน |
๏ เกล็ดแก้วแก้วเกล็ดนั้น | อยู่หน ไรนอ |
แลบเห็นแก้วยล | แต่ไม้ |
กับทิวถมอบน | ฝั่งสลับ สลอนแฮ |
หาจักหาแก้วให้ | พบนั้นแสนเข็ญ |
๏ เฉกเช่นนรชาติทั้ง | โลกา |
จักจัดผู้สัตย์หา | ยากแท้ |
คิดดูคู่เสลา | หลายหลาก |
เพ่งจะพบแก้วแม้ | สักน้อยฤๅมี |
ตามฝั่งต่อมาอิก มีต้นไม้เปนเขาบ้าง หาดบ้างเปนตอนๆไปจนถึงทุ้งโปลง เมื่อเรือจะเลี้ยวเข้าในทุ้งนั้น ดูที่ปากทุ้งข้างซ้ายมือ ปลายเขาที่เปนแหลมเหลื่อมกัน ดูเหมือนกับจะเปนคลองไปได้ ที่นี้ดูน่ารักมาก แล้วเข้าไปอิกหน่อยหนึ่งก็เปนอย่างนั้นอิก ที่ทุ้งโปลงนี้เปนวงกลมกว้างมีเขารอบเปนที่บังลม ถ้าเรือลูกค้ามามีลมจัดได้อาไศรยจอดเรือในที่นั้นมาก ต่อไปนั้นที่อิกทุ้งหนึ่งเรียกว่าทุ้งไก่เตี้ย กว้างกว่าทุ้งโปลงแต่ดูไม่สู้งามเหมือนทุ้งโปลง เปนที่เรือลูกค้าอาไศรยเหมือนกัน ในทุ้งไก่เตี้ยนี้ เราได้มาด้วยเรืออรรคราชนี้ ไปจอดนอนอยู่ที่นั้นคืนหนึ่งเมื่อปีกุญสัปตศก ต่อไปนั้นก็เปนเขาเปนหาดเหมือนเช่นว่ามาแล้ว ข้างตวันตกตรงปากช่องเกล็ดแก้วมีเกาะครามน้อย ต่อมาครามใหญ่ เกาะนี้เราไปตามเสด็จทูลกระหม่อมครั้งหนึ่งแล้ว วันนั้นเวลาเย็นแล้วคลื่นจัด เรากับเจ้านายทั้งปวงพากันเก็บหอยบ้าง ลุยน้ำริมหาดบ้าง ถ้าคลื่นมาแล้ววิ่งหนีเปนสนุกที่สุด ที่สูงขึ้นไปริมไม้นั้น มีหอยเม่นฤๅพวกที่เราเรียกว่าหอยกระปุกบ้าง ตั้งกองเที่ยวหากันขนานใหญ่ บ้างก็เล่นลูกหญ้าที่เรียกว่าลูกลมกลิ้งตามลมวิ่งไล่กัน ครั้นเวลาเย็นจวนค่ำทูลกระหม่อมรับสั่งว่า “ลูกจ๋ากลับไปเถิด” ต่างคนต่างก็พากันวิ่งมา แต่ฟ้าน้องหญิง๖๐ กับเจ้าอิก ๒ คน คือภักตรนั้นคนหนึ่ง กับใครอิกจำไม่ได้หายไป ทูลกระหม่อมรับสั่งให้เที่ยวค้นจนค่ำก็ไม่ได้ตัว เราก็เที่ยวเดินตามหาก็ไม่พบ จนค่ำมืดทีเดียวจึงได้ตัวมา เพราะหลงเดินไปไกลกลับมาไม่ไหว.
อนึ่งเมื่อเรามาครั้งก่อน ก็ได้แวะที่น่านอก แต่ไม่มีหอยกระปุก เพราะไม่เปนฤดูคลื่นลมจัดเหมือนคราวโน้น แต่ได้พบไข่จะละเม็ดหลายใบทีเดียว ต่อมานั้นเกาะร่า ในหว่างเกาะร่ากับเกาะคราม แต่ห่างออกไปนั้นขี้ปลา กับมีศิลาอยู่นอกออกไปอิกดูเปนเกาะเล็กๆ แต่ไม่มีต้นไม้ เขาเรียกยายกับตา แล้วเรากลับมาขึ้นเรืออรรคราชเวลาเที่ยง ๒๕ มินิต เรือก็แล่นต่อมาถึงสัตตหีบเวลาบ่ายโมง ๑ กับ ๑๐ มินิต เวลานี้หาวนอนนักไปนอนกลางวันยังไม่ทันหลับ คุณแพไปบอกว่าท่านกรมท่ามาที่เรือนี้ แลให้บอกว่าจะให้ไปไล่เนื้อ มาที่ชายทเลกลัวจะนอนหลับเสีย ในเวลานั้นครั้นจะลุกขึ้นมาพูดกับท่านกรมท่า ก็เปลื้องเครื่องแต่งตัวเสียแล้ว อนึ่งก็หาวนอนนักไม่สู้สบาย จึงสั่งคุณแพให้ไปบอกท่านกรมท่าว่าไว้บ่ายๆ จึงจะขึ้นไป ได้ฝากผ้าห่มสักลาดอ่อนสองสีไปให้ท่านกรมท่าผืนหนึ่ง เวลาบ่าย ๓ โมงตื่นนอนแล้วกินเข้า เวลาบ่าย ๔ โมง ๔๐ มินิต ได้ลงเรือโบด คนลงเหมือนอย่างเคย ยกแต่กรมพิชิต เติมศรีวิไลย๖๑คนเดียว แต่เมื่อกลับหมอสายกับเจ้าเพ่ง๖๒มาด้วย แล้วไปขึ้นที่น่าบ้านสัตตหีบ ได้ไปนั่งอยู่ที่ศาลาแต่ก่อนเคยมานั่ง ชาวบ้านซึ่งเปนคนรู้จักกันได้มาหา มียายนกเปนหัวน่า ได้เอาหอยต่างๆ กับเบี้ยขัดผ้ามาให้ ได้ถามถึงศุขทุกข์แกต่างๆ แล้วได้แจกเงินให้แก่ชาวบ้านที่เอาของมาให้คนละบาทหนึ่งบ้าง สามสลึงบ้าง สองสลึงบ้าง เด็กเด็กนั้นสลึงหนึ่งบ้าง สองสลึงบ้าง สิ้นเงิน ๑๐ บาท ๒ สลึง ในขณะนั้นท่านกลางกับเจ้านายที่เรือเขจรขึ้นไปบนบก แล้วท่านกรมท่าเดินมาแต่พลับพลากับออฟพิซเซอรทหารมหาดเล็ก ซึ่งขึ้นไปคอยอยู่ก่อน มารับในที่นั้น ท่านกรมท่าบอกว่าให้คนไปไล่เนื้อให้ลงมาตรงพลับพลา เราจึงได้เดินแต่ศาลานั้นไปที่พลับพลาเขาทำไว้รับ พลับพลานี้เมืองบางลมุงทำ ยกพื้นกลางเปนข้างน่าข้างใน มีปรำใบไม้รอบ ครั้นมาพักที่พลับพลาแล้ว ในขณะนั้นเสด็จยายกับผู้หญิงทั้ง ๒ ลำขึ้นไปอยู่บนบกด้วย ท่านกรมท่าว่าพระระยอง๖๓ได้จัดเรืออวนไว้ ๓ ลำจะให้ลง เรากับคนที่ไปด้วยกันพากันเดินมาตามชายหาด หอยไม่ใคร่จะมีเลย มีแต่หอยเลวๆ ถึงกระนั้นศรีวิไลยกับสวัสดิ์เขายังเก็บได้คนละห่อผ้าเช็ดหน้า เมื่อถึงที่ลงอวนนั้นเปนเวลาไม่ดี เพราะน้ำขึ้นมากปลาไม่ติดเลยสักตัวหนึ่งทั้ง ๓ อวน เว้นแต่ได้ปูม้า ๒ ตัวเท่านั้น เราจึงได้เดินกลับจากอวนที่สามมาพลับพลา เข้านั่งบังแดดอยู่สักครู่หนึ่ง ท่านกรมท่าว่าถ้าลงเรือไปริมน้ำคอยเนื้อเผื่อจะลงมาเห็นจะดี จึงพากันลงเรือไปคอยอยู่ใต้ตพานหน่อยหนึ่ง ประมาณสักครึ่งโมง เวลานั้นจวนจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว เห็นว่าคนที่จะไปไล่เนื้อนั้นไล่ไม่ได้ เพราะในป่าจะมืดกว่าในทเล จึงพากันกลับมา เมื่อถึงเรืออรรคราชนั้นเวลาย่ำค่ำครึ่งมีเศษ แต่เขาได้เห็นเปนอันมากว่าเมื่อเวลาบ่ายนั้นคนไปไล่เนื้อข้างใน เนื้อได้วิ่งลงมาถึงริมน้ำตรงน่าเรือ แต่ไม่มีผู้ใดยิง ด้วยเปนเวลากลางวันเราไม่ได้อยู่ที่นั้น แลคนที่ไล่ตามมาก็ไม่ทันเนื้อๆ ไม่ลงมาถึงน้ำ วิ่งหวนกลับเข้าไปเสียในป่า.
อนึ่งที่ว่าคนบนบกนั้น เห็นว่าไม่ควรจะลืมเสีย ด้วยพระยาบางลมุง๖๔คนใหม่ กับกรมการเขามาคอยรับ ได้ถามเขาบอกว่ามาแต่วันขึ้นค่ำหนึ่งนั้นแล้ว เมื่อมาถึงเรือเราได้นั่งเขียนระยะทางนี้อยู่ จะว่าด้วยทำเลที่จอดเรือที่สัตตหีบนี้ ข้างทิศเหนือนั้นตรงฝั่งสัตตหีบเปนแหลมยื่นออกมาจนเกือบถึงตวันตก ต่อในทิศตวันตกตรงๆ แลตวันตกเฉียงใต้นั้นเปนแถวนอก เกาะเตาม่อเหลื่อมกับเกาะพระอยู่ข้างบนต่อไปเกาะนางเลา ไปอิกเกาะยอ ต่อไปนั้นเปนหินกอง ในเข้ามาอิกชั้นหนึ่งนั้น เปนเกาะพระใหญ่ยาวเต็มทิศตวันตกตามที่ตาเห็นในที่เรือจอด ทิศใต้ตรงๆนั้นเกาะกรวย เกาะหมู ตวันออกเฉียงใต้นั้นเห็นเกาะกรวยนอก เกาะหมูเยื้องเข้ามา แล้วถึงเกาะจรเข้ ถัดเข้ามามีเกาะเล็กหนึ่ง เรียกเกาะนางรำ ต่อมานั้นเปนเขายอดสูงบนฝั่งริมน้ำ เรียกว่ากระทะคว่ำ ต่อนั้นมาจนทิศตวันออกเปนฝั่งสัตหีบมาประจบที่เดิม มีคำชมสัตหีบเปนคำโคลงที่ได้ทำไว้ในวันนี้ เหมือนกับที่เกาะสีชัง เราถูกเกณฑ์ให้ว่าโคลงดั้นบาทกุญชรแฝดหนึ่ง ได้ว่าดังนี้
บาทกุญชร
๏ ไม้เลมาะเกาะแก่งกั้น | กรรกง |
แปดทิศเทียมมณฑล | ถิ่นนี้ |
เว้นว่างระหว่างวง | เปนช่อง |
สัตหีบเก่ากี้ชี้ | ชื่อแดน |
๏ คิดใดไป่คล่องแม้น | เขาบัง |
เขาขอบบขาดแคลน | ว่างบ้าง |
อย่าท้อจิตรเจียวยัง | จักต่อ คิดแฮ |
เพียรมากบไร้ร้าง | เริศผล |
กรมขุนท่านคิดโคลงสุภาพบทหนึ่ง วิวิธมาลีแฝดหนึ่ง ดังนี้
สุภาพ
๏ สัตหีบดังหีบน้อง | ลายเขียน |
หมากดิบประจงเจียน | จัดไว้ |
พลูจีนจีบแนบเนียน | น่ารัก มือเอย |
หวนเช่นหีบสลาใช้ | แต่ตั้งตลึงหลง |
วิวิธมาลี
๏ เรือพระที่นั่งเจ้า | จอมสยาม |
บรรลุสัตหีบราย | รอบล้อม |
ยลเกาะเรียบเรียงตาม | ชายฝั่ง ทเลนา |
แลลิ่วทิวไม้อ้อม | ขอบคัน |
๏ มีช่องชวากรุ้ง | เรือจร |
แลเล่ห์วงกฏบรร | พตโค้ง |
หาดเตียนเลี่ยนน่านอน | นั่งเล่น |
หว่างช่องมองเวิ้งโว้ง | หวั่นสวิง |
แต่กลอนที่สี่นี้ท่านติดอยู่ เราช่วยเติมให้ท่านทั้งกลอน
๏ พระเสด็จดลอ่าวอ้าง | นามสัต หีบเฮย |
เขาโขดเคียงๆขนัด | แน่นล้อม |
วงกลางว่างลมสงัด | คลื่นเรียบ |
แลเกาะกลปีกป้อม | พิทักษ์ไท้แทนเวียง |
ก. ม. พ.
บ้านนี้สมถิ่นอ้าง | เอกขนาน |
สัตยอดปาสาณ | สพรั่งพร้อม |
ตลิ่งเคิฟโอฬาร | ล้วนหาด ทรายนา |
หีบพฤกษตฤณแน่นล้อม | เลิศวิ้วควรชม |
พ. ย. ภ.
อนึ่งเมื่อค่ำนี้เขาลงอวนอิกได้ปลามาก คุณแพทำเจี๋ยนมาให้กินบอกชื่อว่าปลาโฉมงาม เปนเวลากำลังโคลงจัด ก็เลยคิดต่อไปบทหนึ่งว่า
๏ โฉมงามนามเพราะเพี้ยง | โฉมงาม พี่เอย |
ปลาอร่อยร่วมนาม | แต่เนื้อ |
งามนุชพี่สุดตาม | เต็มรัก งามนา |
งามเสนาะนรลักษณ์เกื้อ | กอบให้เห็นงาม |
เวลาค่ำ ๔ ทุ่มเศษ ทอมอเมตเตอร์บนหลังคาเก๋ง ๕๗ ดิครี ชั้นล่าง ๘๐ ดิครี เวลา ๔ ทุ่มครึ่งเข้าห้องนอน.