องก์ที่หนึ่ง
ไทย
ปรียทรรศิกา
องก์ที่หนึ่ง
[เบิกโรง]
[คำขอพร]
แม้เนตร์นางจะขยิบเพราะควันขณะชำเลือง ยังแพรวเพราะแสงเรือง พระจันทร์;
แลด้วยรักณพระพักตร์พระสามิละก็พลัน ก้มพักตร์เพราะขวยครัน พรหมา;
เคืองเห็นเงาหรชัดณผิวบทนขา ว่าทูนพระคงคา สมร,
แต่ยิ้มยามศิวะทรงกระชับพระวรกร. ขอเคาริบังอร ธโปรด ! (๑)๑
อนึ่ง-
เขาไกรลาสลั่นสนั่นโฆษ อมรคณะก็โลด ต่างก็กล่าวโจษ เพราะตกใจ;
องค์มารดาอุ้มกุมารไว้ วิษมุจิก็พุไฟ ตาก็โรจน์ใหญ่ เพราะโกรธนัก;
เทพกดด้วยนิ้วพระบาทหนัก; และอสุรทศพักตร์ จมถลำอัก ณบาดาล;
ยามโกรธเมื่อต้องอุมาท่าน ก็ปิยหทยบาน. ศีวะชัยชาญ ประสาทพร! (๒)
(เมื่อจบคำขอพรแล้ว)
สูตรธาร. (๓) (เดินวนไปมา) ในพิธีวสันโตตฺสวะวันนี้ (๔) ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้ไปยังที่ประชุมท้าวพญา (๕) ผู้ได้มาจากนานาทิศ; เพื่อเฝ้าพระบัวบาทสมเด็จพระศรีหรรษเทพ, และได้ฟังถ้อยดั่งนี้: ‘เราได้ทราบข่าวเล่าระบือต่อๆกันมาว่า, สมเด็จพระศรีหรรษเทพ, ผู้เปนเจ้านายของเรา, ได้ทรงพระราชนิพนธ์นาฏิกา(๖) เรื่องหนึ่ง ชื่อปรียทรรศิกา, ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเรื่องอันแปลก; แต่เรายังหาได้เห็นเรื่องละคอนนั้นออกโรงไม่. ฉะนั้น ท่านควรที่จะจัดให้เล่นละคอนเรื่องนั้นอย่างดีเลิดเพื่อแสดงความเคารพต่อสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน, ผู้ทรงบันดาลความชื่นบานให้บังเกิดมีในใจคนทั่วไป, และด้วยความตั้งใจกระทำคุณให้แก่เราทั้งหลายด้วย.’ เหตุฉะนี้, เมื่อได้ผะจงจัดเนปัถย์(๗) ไว้พรั่งพร้อมแล้ว, ข้าพเจ้าก็จะได้กระทำตามคำที่ร้องขอ (เหลียวแลทั่วไป) ข้าพเจ้าแน่ใจว่า ใจของคนที่ตั้งดีอยู่แล้ว. เพราะว่า,
ศรีหรรษาธิบดีสิเปนกวิประเสริฐ, คนดูก็รู้เลิด ณคุณ;
ชนรู้เรื่องวรวัตสราชะสุวิบุล, ฝ่ายพวกละคอนคุ้น แสดง;
เหตุเหล่านี้สิประหนึ่งพะยานวจะแถลง ผลดีสมิทธิ์แห่ง ละคอน;
แต่รวมปวงคุณะถ้วนประมวญคุณะซ้อน เสริมส่งคุณากร ถนัด !
(แลดูไปทางในโรง) อ้อ, น้องชายของข้าพเจ้าจะมาอยู่แล้วในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวคำเบิกโรง; เขาได้ทราบความประสงค์ของข้าพเจ้า, แล้วและเลือกเปนตัวกัญจกินของท้าวทฤฒวรมัน, ราชาแห่งองคราษฎร์(๘) ฉะนั้น ข้าพเจ้าก็จะได้เล่นละคอนต่อนต่อนี้ไปทีเดียว. (เข้าโรง)
จบตอนเบิกโรง
[วิษกัมภก](๙)
(กัญจุกิน ออก)
กัญจุกิน. (แสดงแหมือนหนึ่งเศร้าสลดและถอนใจ) ร้ายนัก, โอ้, ร้ายนัก !
พระราชะตกยาก ดนุพรากสพันธุ์เหิน
จำจากประเทศเดิน ทุรถิ่นระอาใจ;
อ้ากรรมสินำผล ณชิวีจิรํไสร้
เพราะกรรมกระทำให้ ผลชวดและขื่นขม.(๑๐)
(ด้วยความเศร้าและหลากใจ) ใครเลยจะนึกได้ว่าเหตุร้ายเช่นนั้นจะมีมาถึงพระเจ้าทฤฒวรมัน ผู้ทรงศักดิ์ทั้งสามประการ,(๑๑) ผู้เสมอด้วยพระเจ้ารฆุ, พระเจ้าทิลีป และพระเจ้านล.(๑๒) แต่ท้าวกลิงค์ผู้ชั่วแสน, (๑๓) คุมแค้นเพราะพระเจ้าทฤฒวรมันได้ยกพระธิดาของพระองค์ให้แก่พระเจ้าวัตสราช, ทั้ง ๆ เมื่อท้าวกลิงค์ได้ไปสู่ขอแล้วฉะนั้น, และประสพโอกาสที่พระเจ้าวัตสราชยังคงตกอยู่ในความเปนชะเลย, (๑๔) จึ่งจู่ไปโดยพลันและบันดาลเหตุร้ายอันนี้ขึ้น. นึกดูก็ไม่น่าจะเปนได้เลย, แต่มันก็ได้เปนไปแล้ว, เคราะห์เช่นนี้มีมาในเรา! เพราะข้าพเจ้าได้จงใจที่จะรักษาพระวาจาของเจ้านาย โดยเชิญเสด็จพระราชบุตรีมาถวายพระเจ้าวัตสราชให้จงได้โดยทางใดทางหนึ่ง; ฉะนั้นข้าพเจ้าได้เชิญเสด็จพระราชบุตรีพ้นจากการรบอันร้ายกาจราวประลัยกาล, และฝากพระองค์ไว้ณเรือนของท้าววินธยเกตุผู้จอมแห่งชาวบ้าน, ผู้มีมิตรจิตต์ต่อพระเจ้าทฤฒวรมันเจ้านายของข้าพเจ้า. ครั้นเมื่อข้าพเจ้าได้ไปแล้วยังอคัสตยเดียรถ์(๑๕)เพื่ออาบน้ำ, ด้วยคิดว่าไม่ไกลนัก, โดยฉับไวได้มีข้าศึกไปโจมตีโดยแรงดุจพวกผีราน, ผลาญชีพแห่งวินธยเกตุ, ทำลายคนทั้งหมด, และเผาสถานที่นั้นเสียสิ้น. บัดนี้ ข้าพเจ้าจึ่งหารู้ไม่เลยว่าพระองค์หญิงเปนอย่างไร, และ, แม้เมื่อข้าพเจ้าได้ค้นดูณที่นั้นโดยทั่วแล้ว, ข้าพเจ้าก็ยังหาทราบไม่ว่าเธอได้ถูกอ้ายคนป่านั้นๆมันพาไปหรือว่าได้ถูกไฟคลอกเสียแล้ว. ดั่งนี้ จะให้ข้าพเจ้าผู้เศร้าใจทำอย่างไรต่อไปเล่า? โชคร้ายจริง!
(รำพึง) เออ, ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าพระเจ้าวัตสราชได้หนีพ้นแล้วจากความเปนชะเลย, พาเอาพระดนยาของท้าวประโท๎ยตไปด้วย, และได้เสด็จถึงเกาศามพีแล้ว. ข้าพเจ้าไปที่นั้นเถอะหรือ? (ถอนใจใหญ่เมื่อเล็งเห็นว่าตนตกอยู่ในที่อย่างไร) จะเอาอะไรเล่าไปกล่าว เมื่อข้าพเจ้าไปที่นั้นปราศจากพระราชบุตรี? อ้อ, วินธยเกตุได้บอกข้าพเจ้าวันนี้เองว่า: ‘อย่าหวั่นหวาดเลย. มหาราชาทฤฒวรมันยังคงพระชนมชีพอยู่ดอก, แต่พระองค์บอบช้ำเพราะถูกประหารและถูกจับได้เปนชะเลย.’ ฉะนั้นข้าพเจ้าจำจะต้องไปเฝ้าเจ้านายณบัดนี้ มอบถวายชีวิตของข้าพเจ้าที่ยังคงเหลืออยู่เพื่อบำเรอบาทท่ามสืบไป. (เดินวนไปมาและเหลือบแลขึ้นไป) โอหนอ, ความร้อนแรงแห่งแดดในฤดูสารทนี้ร้ายกาจนักหนา! ซึ่งแม้ว่าตัวข้าพเจ้าระทมอยู่ด้วยทุกข์เปนหลายประการแล้ว ยังรู้สึกร้อนเปนพิษ.
ตะวันพ้นเมฆพัวพัน ยกออกจากกันย์ สู่ดุลกระจ่างผ่องใส,
ดุจองค์วัตสราชฦๅชัย พ้นทุกข์หฤทัย กลับแสนสว่างรูจี. (๑๖)
(เข้าโรง)
จบวิษกัมภก
(ราชาและวิทูษก ออก)
ราชา.
เราเชื่อแน่คณะภัจจะเฝ้าสุประติบัติ, มนตรีก็เห็นชัด ฉลาด;
อีกทั้งมิตระก็รู้หทัยสมะมิขาด, ชาวเมืองก็รักราช ฤหย่อน;
เราเคยปลื้มขณะฝ่าภยันตร์ณรณกร, อกได้สมรรัตน์ นรี;
ทุกสิ่งได้เพราะดนูประสพอริกลี, เหมือนทำพิธีพรต พิบุล.
วิทูษก. (ออกเคือง) พอเจ้าประคุณ, ทำไมจึ่งสรรเสริญอ้ายการถูกขังขี้ครอกนั่นนักหนอ? ลืมมันเสียเถอะ. เพราะว่า เปรียบเหมือนช้างพลายจ่าโขลงที่พึ่งถูกจับ, ซึ่งตีนคอยแต่สะดุดสายโซ่อันล่ามไว้ที่มีเสียงกร่างๆอยู่, จ้องขมึงทึงด้วยความเคืองจัด, มีความรุ่มร้อนใจเดือดพลุ่งด้วยหวังอากาศที่โล่ง, ซึ่งขุดคุ้ยดินอยู่ด้วยงวงอันแข็งแรง,-พระองค์ก็เคยถูกจำจองไว้โดยไร้ความบรรทมสบายจนหลายคืน.
ราชา. วสันตกะ, สูนี่เปนคนชั่วแท้ ๆ ละ นี่แน่ะ !
สูเห็นห้องชรอำมหันธ์และบมิเห็น แสงอินทุเพ็ญคือ พระพักตร์;
สูเดือดร้อนเพราะนิมิตตะพันธนะอะดัก, ไม่ยินมธูรลักษ- ณะเสียง;
สูนึกเพียงคณะคุมดุร้ายผรุสเคียง ไม่เห็นพระเนตรเนียง พะพราว;
สูเห็นแต่พหุโทษณพันธนะอะคร้าว ลืมคุณธิดาท้าว ประโท๎ยต!
วิทูษก. (วางปึ่ง) เออเจ้าข้า, ถ้าพันธนาการเปนการผูกพันเพื่อความสำราญ, ไฉนเล่าพระองค์จึ่งกริ้วท้าวกลิงค์เพราะเอาท้าวทฤฒวรมันไปขังไว้?
ราชา. (หัวเราะ) บ้าจริง ๆ ละ! มิใช่จะเปนวัตสราชได้ทุกคน เมื่อรอดจากพันธนาการได้เช่นนี้ยังพาวาสวพัตตามาเสียด้วยซ้ำ. ฉะนั้น ขอระงับเรื่องนั้นเสียทีเถิด. เวลาได้ล่วงมาหลายวันแล้วตั้งแต่เราได้ใช้วิชัยเสนไปรบวินธยเกตุ, แต่ก็ยังหามีใครรับใช้มาจากเขาไม่. ฉะนั้น จงให้หาอมาตย์รุมัณวันต์มาบัดนี้เถิด. เราอยากจะใคร่พูดจากับเขาสักหน่อย.
(เฝ้าที่ออก)
เฝ้าที่. ทรงพระจำเริญ ๆ เถอะล้นเกล้าล้นกระหม่อม. วิชัยเสนกับท่านอมาตยรุมัณวันต์มาคอยอยู่ที่พระทวารเพคะ.
ราชา. ให้เขาเข้ามาบัดนี้.
เฝ้าที่. เพคะล้นเกล้าล้นกระหม่อม. (เข้าโรง)
(รุมัณวันต์ กับ วิชัยเสนออก)
รุมัณวันต์. (รำพึง)
ยามเข้าเฝ้าเจ้านายนั้น ข้าย่อมใจพรั่น ประดุจผู้มีโทษผิด
แม้เมื่อไร้โทษทุกชะนิด, แต่ห่างทรงฤทธิ์ ไปเพียงแม้แต่อึดใจ. (เดินเข้าใกล้) ชยตุ เทวะ!
ราชา. (ชี้ที่นั่ง) รุมัณวันต์, นั่งตรงนี้เถิด.
รุมัณวันต์. (ยิ้มพลางทางนั่ง) วิชัยเสน, ผู้ชำนะวินธยเกตุ, มาเฝ้าประณตพระองค์.
(วิชัยเสนถวายบังคม)
ราชา. (กอดเขาด้วยดี) ท่านสบายดีอยู่หรือ?
วิชัยเสน. เดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม.
ราชา. วิชัยเสน, นั่งเถิด.
(วิชัยเสนนั่งลง)
ราชา. วิชัยเสน, จงแถลงข่าวเรื่องวินธยเกตุเถิด.
วิชัยเสน. เทวะ จะต้องพูดอะไรอีกเล่า เขานั้นได้รู้สึก อำนาจของพระองค์แล้ว
ราชา. ฉะนั้นก็ดี เราใคร่ทราบเรื่องอีก.
วิชัยเสน. เทวะ, โปรดทรงฟัง. เมื่อข้าพระองค์ได้ทูลลาจากฝ่าพระบาทไปพร้อมด้วยกองทัพใหญ่แล้ว, ได้เดินทางไปจากที่นี้, แม้เปนระยะไกล, ก็ถึงได้ในสามวัน. เวลารุ่ง, เมื่อเขา [ข้าศึก] ยังมิทันรู้ตัว, ฝ่ายเราได้เข้าโจมตีวินธยเกตุ.
ราชา. ต่อไป, ต่อไป.
วิชัยเสน. แล้วก็พอได้ยินสำเนียงกึกก้องแห่งกองทัพฝ่ายเรา, ตัววินธยเกตุเองก็แล่นออกมาราวกับพญาไกสรจากถ้ำในเขาวินธยะ, และ, โดยมิได้รอรี้พลหรือพาหน, และมีคนกำลังเพียงจำนวนน้อยที่เผอิญอยู่ใกล้, เขาได้ร้องประกาศชื่อตนเองแล้วเข้าต่อสู้กับฝ่ายเราโดยพลัน.
ราชา. (แลดูรุมัณวันต์, ยิ้มพลาง) งดงามมาก วินธยเกตุ. ต่อไป, ต่อไป.
วิชัยเสน. แล้วก็, ด้วยเสียงร้องว่า ‘อยู่นั่นแน่’ และด้วยกำลังอันทวีคูณโดยความแรงของเรา, ฝ่ายเราผลาญพวกข้าศึกเสียได้โดยการตีหนักของเรา. แต่วินธยเกตุ, แม้อยู่โดยลำพังดั่งนั้นก็ดี, โดยเหตุที่ถูกโจมตีอย่างแรงนั้น ทำให้เขายิ่งโกรธมากหนักขึ้น, เขาจึ่งยิ่งทำการรบหนักขึ้นอีก.
ราชา. ดีมาก, วินธยเกตุ! ดีมาก, ดีมาก.
วิชัยเสน. จะพรรณนาได้ฉันไรเล่า? เทวะ, จะขอทูลเล่าโดยสังเขป.
หนึ่งเขาเดียวยืนณรงค์หาญ รณะรุทะอุระราน ทับทหารราบ ระเนนอน;
แล้วว่องไวใช้ธนูศร ประชิตะหยะนิกร ราวกระจงจร กระจายไป;
เมื่อเขาหมดเครื่องประหารไกล กะระมละศะระไสร้ เขาบท้อใจ ก็ชักตาว,
บัดนั้นฟันงวงกรีราว กทลิฉะฉะอะคร้าว เล่นกิฬาห้าว สนุกใจ.(๑๗)
ผู้เดียวสอาจรณกระหน่ำ พลตรีระส่ำได้;
ไหล่อันตระหง่านรุธิระไหล เพราะวะดาพประชุมฟัน;
อีกทั้งระบมอุระถนัด ศตศัสตระรุมรัน;
จึ่งวินธ๎ยะเกตุวิรนั้น ชิวสิ้นณกลางรบ.
ราชา. รุมัณวันต์, จริงๆ นะ กูรู้สึกละอายแก่ใจด้วยความตายแห่งวินธยเกตุ, ผู้สิ้นชีพไปแล้ว โดยอาการสมควรแก่ชายผู้กล้าหาญ.
รุมัณวันต์. เทวะ, สำหรับบุคคลเช่นพระองค์, ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ, แม้คุณสมบัติแห่งข้าศึกก็ทำให้เปนที่พอพระหฤทัย.
ราชา. วิชัยเสน, มีลูกของวินธยเกตุอยู่บ้างหรือไม่, ซึ่งกูจะพอแสดงความพอใจให้เปนพะยานเห็นชัด.
วิชัยเสน. เทวะ, ข้าพระบาทขอกราบทูลถึงข้อนั้นด้วย. เมื่อวินธยเกตุได้ตายลงแล้วพร้อมเผ่าพันธุ์และบริวาร, และสหธรรมจาริณีของเขาได้ตายตามเขาไปแล้ว, (๑๘) และชาวบ้านได้หนี ขึ้นไปอาศัยบนยอดเขาวินธยะแล้ว, ที่นั้นโล่งเตียนหมด, จากภายในเรือนของวินธยเกตุนั้น เราได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่ง, ซึ่งมีโฉมงามสมแก่กำเนิด, ร้องคร่ำครวญว่า ‘โอ้พ่อ, โอ้พ่อ.’ โดยสำคัญคิดว่าหล่อนเปนธิดาของเขา, ข้าพระเจ้าจึ่งได้พานางมาณแห่งนี้ด้วย, และบัดนี้มายืนคอยอยู่แทบพระทวาร. การจะควรประการไรสุดแท้แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า.
ราชา. ยโศธรา,ไป, ไปบัดนี้. พานางนั้นไปฝากแก่วาสวทัตตาเองนะ. จงทูลเทวีด้วยว่าให้เธอถือเปนเหมือนอย่างพระภคินี, และจงจัดให้นางได้ศึกษาตามที่สมควรแก่หญิงผู้ดี, คือในทางขับร้อง, ฟ้อนรำ, ดีดสีและความรู้อย่างอื่นๆ. เมื่อใดนางนั้นมีอายุสมควรจะออกเรือนได้, ก็, ให้พระนางเตือนกูด้วย.
เฝ้าที่. เพคะล้นเกล้าล้นกระหม่อม. (เข้าโรง)
(ไวตาลิก (๑๙) พูดจากในฉาก)
บัดนี้ปวงคณะนงพะงาวรภิมณฑ์ ในวังพระจุมพล พิศาล,
กำลังเตรียมพระสุคนธะเครื่องวรสนาน เพื่อทรงสราญบาน หทัย;
แลโดยมุ่งธุระกิจก็บางนริสะใบ ลุ่ยจากอุราไสร้ สยาย,
นมสาวเต่งตะละโออุไรระจิตะราย เรียงแต่งถวายยาม สนาน.
ราชา. (แลขึ้นไปสูง) เออ, พระผู้ทรงสหัสสรังสีได้ขึ้นถึงท่ามกลางนภากาศแล้ว. บัดนี้สิ –
น้ำในอ่างแก้วพะแพรวโรจน์ เพราะพหุศผรโดด (๒๐)
ราวเดือดเพราะแสงโชติ์ รวีจัด;
นกยูงแผ่แพนประดุจฉัตร, ชิ! มยุรลิละนัฏ
อ่อนระอาจัด บเจียมตน; (๒๑)
นางเนื้อทรายอยากอุทกสน ฤดิและติระณต้น
พฤกษดื่มชล และร่มพลาง;
ฝ่ายผึ้งพรากจากขมับช้าง (๒๒) และจรดลและพราง
แฝงณหูอย่าง สบายดี.
รุมัณวันต์, ลุกขึ้น, ลุกขึ้นเถิด. เรามาไปข้างในแหละ, เมื่อได้กระทำกิจอันควรของเราแล้ว, จงต้อนรับวิชัยเสนแล้วและให้เขาไปปราบท้าวกลิงค์ต่อไปเถิด.