องก์ที่สอง

(วิทูษกออก)

วิทูษก. บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับคำบอกเล่าจากอินทีวริกาว่า: ‘ท่านเจ้าขา, เวลานี้พระเทวีวาสวทัตตากำลังทรงบำเพ็ญบุญโดยทรงอด และขอเชิญท่านไปสำหรับพิธีโสตถิวาอณะ.’ (๒๓) ฉะนั้น เมื่อได้อาบน้ำในอ่างที่สวนโรงน้ำบัวแล้ว, ข้าพเจ้าก็จะได้ไปเฝ้าพระเทวีและทำเสียงขันเปนไก่. ถ้ามิฉะนั้นพวกเราที่เปนพาห์มจะได้อะไรเล่าที่ในวัง. (แลไปทางในโรง) อ้อ, พระเพื่อนรักของข้าพเจ้าเสด็จมานี่แล้ว, กำลังจะเสด็จไปสวนโรงน้ำบัว เพื่อบันเทาความกะสันเพราะความว้าเหว่พระหทัย. ฉะนั้น ข้าพเจ้าก็จะเลยไปกับพระเพื่อนของข้าพเจ้าและทำตามเช่นว่า.

(พระราชาออก, แสดงท่าคิดถึงนาง)

ราชา.

ทรงแต่มังคลมาตระมัณฑะนะภฤตา นางซูบและตรัสช้า และอ่อน; (๒๔)

ทั้งผิวพักตระก็ซีดประหนึ่งพระศศธร ยามจวนทิวากร. รุจี;

อีกใจนางก็ระทดเพราะทำวรพิธี; จึงจิตต์ดนูนี้ ประสงค์

ใคร่เห็นโฉมปิยนาริเหมือนขณะอนงค์ แรกเริ่มพะวงจิตต์ เพราะรัก.

วิทูษก. (เดินเข้าใกล้) สวัสดีเถิดเจ้าประคุณ. เจริญเถิดเจ้าข้า.

ราชา. (เหลียวดู) วสันตกะ. ทำไมจึ่งดูสบายใจเช่นนั้น?

วิทูษก. ก็เพราะพระเทวีท่านกำลังจะทรงใจดีต่อพาห์มน่ะสิ.

ราชา. ก็เมื่อเช่นนั้นแล้ว อย่างไรต่อไปอีก ?

วิทูษก. (วางปึ่ง) อ๋อ, เจ้าประคุณ, นี่ไม่ใช่พาห์มเลิดคนหนึ่งหรือ. เพราะข้าพระเจ้านี่แหละจะได้รับของโสตถิวาอณะจากพระหัตถ์พระเทวีที่ในวังก่อนเพื่อน, ทั้งๆ เมื่อที่นั้นเต็มไปแล้วด้วยพาห์มตั้งพันคนผู้รู้พระเวททั้งสี่, ทั้งห้า, ทั้งหก.

ราชา. (สำรวลพลาง) ลักษณะพราหมณ์ ย่อมรู้ได้โดยจำนวนพระเวทของเขาสิ. ฉะนั้น มาเถิดท่านมหาพราหมณ์, ไปด้วยกันที่สวนโรงน้ำบัวเถิด.

วิทูษก. สุดแท้แต่จะโปรด.

ราชา. เดินไปหน้าสิ.

วิทูษก. เจ้าประคุณ, ไปก็ไปเถิด. (เดินไปมาและเหลียวแล) เออ, พ่อเจ้าประคุณ, ดู, ดูความงามแห่งสวนโรงน้ำบัวนี้เถิด; หน้าศิลานี้ละมุนไปด้วยดอกไม้ต่าง ๆ ที่ร่วงลงบนนี้มิได้ขาด, มีดอกพอุลและดอกมะลิเลื้อยหล่นลงเพราะความหนักแห่งแมลงภู่เปนอันมากซึ่งกลั้วกลิ่นเกสร, มีก้านดอกพันธูอะถูกลมอันอมกลิ่นบัวหลวงมาเขย่าอยู่, และมีต้นตมาลอันหนาทึบเปนเครื่องกำบังแดดและความร้อน. (๒๕)

ราชา. พูดเหมาะดี, เพื่อนรัก; เพราะที่นี้-

ก้านดอกเศผาลิกาพรั่ง อวนิประดุจดั่ง แปงปะการัง ประดับลาน;

หอมกลิ่นสัปตัจฉทาหวาน ดุจะคชะมทะซ่าน ทราบจมูกดาล ฤดีเย็น;

ที่นี้ผึ้งซึ่งระคนเล่น ณปทุมะละก็เห็น กายะเหลืองเปน ประหลาดชม,

อีกร้องราวเมาเพราะดูดดม มธุรสะอภิรม เมามธูสม หทัยปอง.(๒๖)

วิทูษก. พ่อเจ้าประคุณ, โปรดดู, ดูทางนี้อีกด้วย, ดูต้นสัตตวัณณ์ (๒๗) พร้อมด้วยดอกเยอะแยะร่วงหล่นอยู่เสมอ, ดูราวกับมันมีหยาดน้ำหยดเรื่อยอยู่ระหว่างใบในปลายหน้าฝนเทียวละ.

ราชา. ช่างเปรียบจริง ๆ ละ, เกลอเอ๋ย. จริงหนอ ดูมันคล้ายปลายหน้าฝนมากอยู่; เพราะว่า-

ที่นี้เคยพสุธาละมุนเพราะตฤณงาม ยิ่งดอกศิรีษราม ระยับ,

อีกเคยเหมือนมรกตวิไลและก็ประดับ ป่นโรยณพื้นขลับ ขจี;

บัดนี้พันธุกมาลิเกลื่อนณปฐพี พ่างพื้นก็แปลงสี พิลาส,

ทำให้พื้นพสุธาสีแดงประดุจดาด ด้วยอินทรโคปก์กลาด กระจาย. (๒๘)

(เจฏีออก)

เจฏี. พระเทวีวาสวทัตตาได้มีรับสั่งแก่ดิฉันว่า: ‘นี่แน่ะ, อินทีวริกา, วันนี้กูจะต้องกระทำการไหว้พระอคัตถิผู้เปนใหญ่. ฉะนั้น เจ้าจงไปหาพวงมาลัยดอกเสหาลิอามาโดยเร็ว; แล้วก็ให้อารัณยกานี่ไปเก็บดอกบัวหลวงที่บานแล้วมาจากในอ่างสวนโรงน้ำบัวโดยเร็ว ก่อนที่มันจะหุบเสียหมดเพราะสิ้นแสงตะวันที่เร่งจะตกอยู่.’ แม่คนนั้นหรือก็ไม่รู้จักอ่างนั้น, ฉะนั้น ดิฉันจะต้องเรียกหล่อนและพาหล่อนไปที่นั้นด้วย. (เหลียวไปทางในโรง) ทางนี้, ทางนี้, อารัณยกา, มาเถอะ.

(อารัณยกาออก)

อารัณยกา. (น้ำตาคลอและไม่สบาย, บ่น) โอ้มานึกถึงตัวเรา, ผู้ได้กำเนิดในวงศ์อันสูงปานนั้น, ซึ่งเคยเปนนายผู้อื่น, มาบัดนี้ต้องรับใช้ผู้อื่น ! นี่มิใช่ความลำบากเพราะผลกรรม; มันเปนโทษผิดของเราเอง. เพราะ, แม้เมื่อได้รู้อยู่แล้ว, เราก็หาได้ฆ่าตัวของเราเสียไม่. ฉะนั้น บัดนี้เราจะทำอย่างไรเล่า? แต่ข้อที่เรารำพึงมาแล้วนั้นก็เปนการร้ายแรงมากอยู่. แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าที่เราจะทำให้ตัวของเราถ่อยไปโดยแสดงกุลวงศ์อันประเสริฐของเรา. ก็จะมีหนทางหลีกพ้นได้อย่างไรเล่า? จำเราจะต้องกระทำตามที่เราได้ว่าไว้นั้นแหละ.

เจฏี. อารัณยกา, มาทางนี้.

อารัณยกา. ฉันมาเดี๋ยวนี้. (แสดงท่าอ่อนใจ) หล่อนจ๋า, อ่างนั้นยังอยู่อีกไกลหรือ?

เจฏี. อยู่ตรงนี้เอง, หลังกอเสหาลิอา. มาเถอะหล่อน, ลงไปนั่นเถอะ.

(แสดงท่าลงไป)

ราชา. เกลอเอ๋ย, เหตุไฉนเกลอจึ่งดูประหนึ่งว่านึกถึงอะไรอื่นอยู่? ฉันได้กล่าวแล้วไม่ใช่หรือว่า: ‘ดูราวกับปลายหน้าฝนทีเดียว.’

(เธอกล่าวฉันท์บท ๑๕ ที่เริ่มว่า ‘ที่นี้เคยพสุธาละมุน’ นั้นอีกครั้งหนึ่ง)

วิทูษก. (ออกโกรธ ๆ) เจ้าข้า, พระองค์สิในขณะที่ทรงตะลึงหลงมักจะดูนี่บ้างหรืออะไรอื่นบ้าง; ส่วนสำหรับตัวข้าพระเจ้าผู้เปนพาห์มสิ, เวลาที่ควรรับของโสตถิวาอณะมันกำลังเดินหนีไป. ฉะนั้น ข้าพระเจ้าจะรีบอาบน้ำในอ่างแล้วจะได้ไปเฝ้าพระเทวี.

ราชา. อ้าว, ตาบ้า, เราได้เดินเลยอ่างนั่นมาแล้วละ. ทั้งๆ ที่สูได้รับความสุขมามากมาย โดยทางอินทรีย์ทั้งหลายของสูแล้ว, สูก็หารู้สึกไม่. ดูสิ!

เสียงหงส์ทองร้องระหริ่งหวาน ดุจะปิยนริคราญ ใส่กำไลผ่าน สบายกรรณ;

เห็นเรือนหลวงเลิดวิไลฉัน ณตรุและชลอัน ส่งสง่าสรรพ์ สบายเนตร;

หอมกลิ่นบัวหลวงภิรมเยศ กมลวิมลเกสร์ ส่งสุคนธ์เศรษฐ์ สบายฆาน;

ลมเย็นรวยรื่นเพราะพัดผ่าน ชลธิสรสถาน ถูกณกายซ่าน สบายกาย.

ฉะนั้นมาเถอะ. เดินเข้าไปสู่ปากอ่างนั้นเถิด. (เดินพลางเหลียวไปมาพลาง) เกลอเอ๋ย, ดูสิ, ดูสิ.

อ่างแก้วกอบบงกชหลาย ล่อจิตต์สบาย แม้เพียงเมื่อทอดทรรศนา

งานเหมือนเนตรเทวดา เฝ้าสวนโศภา ผู้เนตรงามยิ่งบัวหลวง.

วิทูษก. (ด้วยความหลากใจ) ดูหน่อย, ดูหน่อย, เจ้าประคุณ! นางนี้ใครหนอ, มีแมลงภู่ตอมอยู่ที่ผม อันหอมไปด้วยกลิ่นดอกไม้, และมือคล้ายดอกไม้ตูมแดงเรื่อราวกับกิ่งปะการัง, และแขนงาม, อ่อน, และนิ่มนวล? ดูราวกับเปนนางฟ้ารักษาสวนมาเดินอยู่ให้เราเห็นเทียวละ.

ราชา. (แลดูด้วยความความหลากใจ) เกลอเอ๋ย, โฉมของหล่อนอันงามหาที่เปรียบมิได้ทำให้นึกเอาไปหลายอย่าง. ฉันเองก็หารู้แน่ได้ไม่. ดูสิ!

ฤๅนางเปนวรนาคกันยะจรจาก บาดาลเพราะอยากเยี่ยม พิภพ?

ไม่ใช่แน่เพราะหนูก็เคยจริกะจบ ถิ่นนั้นบ่พบใคร เสมอ.

ฤๅแสงจันทร์จะประชุมและส่งสิริละเออ? เห็นผิดละเหนอนี่ ทิวา.

ใครหนองามตะละองค์พระศรีวรศุภา ถือบัวสง่างาม ณหัตถ์ ?

วิทูษก. (เพ่งดู) คนนี้นะแน่ละคืออินทีวริกาข้าหลวงของพระเทวี. ฉะนั้น เราไปแอบดูเขาข้างหลังกอไม้นั่นเถอะ.

(ทั้งสองทำเช่นว่า)

เจฏี. (ทำท่าเด็ดใบบัว) อารัณยกา, หล่อนเก็บดอกบัวหลวงเถอะ, ฉันจะเก็บดอกเสหาลิอาใส่ในใบบัวนี้แล้วจะได้ไปเฝ้าพระเทวี.

ราชา. เกลอเอ๋ย, ดูเขากำลังพูดจากันอยู่. ฉะนั้น เราฟังให้ดี ๆ หน่อยเถอะ, บางทีเราจะได้เนื้อถ้อยกระทงความโดยเหตุนี้บ้าง.

(เจฏีทำท่าจะไป)

อารัณยกา. อุ๊ย, อินทีวริกา, เมื่อหล่อนจะไม่อยู่แล้ว ฉันจะอยู่นี่อย่างไรได้?

เจฏี. (หัวเราะ) ตามที่ฉันได้ทั้งพระเทวีรับสั่งวันนี้แล้ว, หล่อนจะต้องอยู่พรากจากฉันไปอีกนานละ.

อารัณยกา. (พรั่นใจ) พระเทวีตรัสว่ากระไร?

เจฏี ว่าอย่างนี้: ‘ทูลกระหม่อมแก้วตรัสเมื่อเวลานั้นว่า, ถ้าเมื่อใดลูกสาวของวินธยเกตุมีอายุควรแต่งงานได้ละก็, ให้กราบทูลเตือน. ฉะนั้น กูจะทูลเตือนทูลกระหม่อมแก้วในเร็วๆ นี้, เพื่อท่านจะได้ทรงพระดำริเรื่องหาผัวสำหรับแม่คนนั้น.’

ราชา. (ปลื้ม) อ้อนี่เองธิดาของวินธยเกตุ! (ด้วยความเสียดาย) เราได้ชวดหลอนไปเสียนาน. เกลอเอ๋ย, การดูนางสาวคนนี้ไม่มีโทษแน่ละ. บัดนี้เรามาดูหล่อนโดยปราศจากตะขิดตะขวงเถิด.

อารัณยกา. (เคือง, อุดหู) หล่อนไปให้พ้น. ฉันไม่ชอบหล่อนเลย เมื่อหล่อนพูดเหลวใหล.

(เจฏีเดินเลี่ยงไป. ทำท่าเก็บดอกไม้)

ราชา. เออกำเนิดดีของหล่อนแลเห็นได้ถนัดโดยท่าทางอันสง่าของหล่อน, เกลอเอ๋ย, ผู้ใดมีเคราะห์ดีได้กอดตัวหล่อนละก็, จะได้มีความสุขมากเทียวละ.

(อารัณยกาทำท่าเก็บดอกบัว)

วิทูษก. เจ้าประคุณ, ดู, ดู. อัศจรรย์, อัศจรรย์. เมื่อหล่อนเก็บดอกบัวช่อนั้นแล้ว หล่อนทำให้ความงามของมันทรามไปด้วยความงามอร่ามแห่งมือของหล่อนอันเหมือนดอกไม้ตูม ในเมื่อผ่านไปมาในน้ำ.

ราชา. เกลอเอ๋ย, จริงเช่นนั้นเทียว. ดู!

หล่อนชายตาฤก็ยวนฤดีปริดิเสบย เหมือนได้เสวยหยาด อมฤต;

หล่อนงามยามอุระไร้สะไบนะบ่มิปิด ปานจันทร์บมิดเมฆ วิไล;

ยามนางเก็บผิปทุมจะหุบก็ดนุไสร้ หาเห็นประหลาดไม่, เพราะว่า

ได้ถูกหัตถ์นรินวลบ่พ่ายศศธรา เหมือนแสงศศีมา กระทบ.

อารัณยกา. (ทำท่าเหมือนถูกแมลงภู่ตอม) อุ๊ย, อุ๊ย! แมลงภู่นี่, ที่ผละจากดอกบัวหลวงมาเกาะที่ช่อนิโลบลนี่. มันมากวนและรังแกฉันไม่หยุดหย่อน (คลุมหน้าด้วยผ้าห่ม, เสียงกลัว) อินทีวริกาจ๋า ช่วยฉันด้วย, ช่วยฉันด้วย. แมลงภู่เหล่านี้มันจะทำให้ฉันเสียทีเสียแล้ว.

วิทูษก. เจ้าประคุณ, สมประสงค์ของท่านละ. ก่อนที่อีนางลูกขี้ครอกนั้นจะมาได้, เชิญย่องเข้าไปเงียบ ๆ เถอะ, หล่อนคงนึกว่าอินทีวริกามา, เมื่อได้ยินเสียงฝีพระบาทในน้ำ, แล้วก็หล่อนคงเข้าเกาะพระองค์เปนแน่ละ.

ราชา. ดีมาก, เกลอ, ดีมาก. คำแนะนำของสูเหมาะแก่เวลาเทียวละ (เธอเดินไปหาอารัณยกา)

อารัณยกา. (ทำท่าได้ยินฝีเท้า) อินทีวริกา, มาไวๆ, มาไว ๆ. ฉันแทบจะคลั่งแล้วเพราะแมลงภู่เหล่านี้. (เกาะพระราชาแน่นไว้)

(พระราชาเอาแขนกอดคอนาง. อารัณยกา, เปิดผ้าห่มจากหน้า, ยังไม่เห็นพระราชา, ทำท่าดูแมลงภู่เหล่านั้น)

ราชา. (ปัดแมลงภู่ด้วยผ้าห่มของพระองค์เองพลาง)

อ้าภีรุอย่ากลัว ภมราบ่ทำอะไร

มันตอมณพักตร์ไสร้ ก็เพราะพักตระปานปทุม.

เนตรตื่นและกายสั่น เพราะวะพรั่นก็ยังประชุม

งามแม้นอุบลกลุ่ม ภมราจะร้างไฉน.(๒๙)

อารัณยกา. (เห็นพระราชา, ทำท่าตกใจ) อ้าว, นี่ไม่ใช่อินทีวริกา. (ผละจากพระราชาด้วยความกลัวและถอยออกห่าง) อินทีวริกา, มาไว ๆ, มาไว ๆ ช่วยฉันด้วย.

วิทูษก. แม่คุณ, เมื่อหล่อนอยู่แล้วในความป้องกันแห่งพระเจ้าวัตสราช, ผู้ทรงสามารถป้องกันโลกทั้งหมด, หล่อนยังเรียกอินทีวริกาผู้เจฏีอีก.

(ราชากล่าวฉันท์ที่เริ่มว่า ‘อ้าภีรุอย่ากลัว’ นั้นอีก)

อารัณยกา. (แลดูพระราชาด้วยความใคร่และเสงี่ยม, พูดกับตนเอง) อ้อนี่เองแหละพระมหาราชเจ้าที่บิดาของเรายกตัวเราถวาย. บิดาของเราช่างเลือกเหมาะฐานะจริงนะ. (ทำท่าสะเทินอาย)

เจฏี. อารัณยกาถูกแมลงภู่กวนนัก, ฉะนั้น เราต้องไปปลอบหล่อนเสียหน่อย, อารัณยกา, อย่ากลัวเลย; ฉันมานี้แล้ว.

วิทูษก. ไปเถิด, พระเจ้าข้า, ไปเถิด. อินทีวริกามานี่แล้ว. ถ้ามันได้เห็นความเปนไปเข้าละก็, มันคงเอาไปทูลฟ้องพระเทวีละ (ชี้ด้วยนิ้ว) ฉะนั้น เรามาเข้าไปในซุ้มกล้วยนี้และคอยดูเวลาอันเหมาะเถอะ.

(ทั้งสองทำเช่นว่า)

เจฏี. (เดินเข้าไปหาและตบแก้มหยอก) แม่อารัณยกา, มันเปนความผิดของหน้าหล่อนที่คล้ายดอกบัวนั้นเอง, แมลงภู่มันจึงได้กวนตอมนัก (จับมือจูง) เถอะหล่อน, ไปกันเสียที. วันเกือบหมดแล้ว.

(ทำท่าเดินไป)

อารัณยกา. (แลไปทางซุ้มกล้วย) แม่อินทีวริกา, ดูตีนมือของฉันนี้ชาไปอย่างไรเสียแล้ว เพราะถูกน้ำเย็นจัดมากเกินไป. เราเดินไปอย่างช้า ๆ เถอะนะ.

เจฏี. ได้สิ.

(เข้าโรงทั้งสองนาง)

วิทูษก. มาเถอะ, พระเจ้าข้า, ออกไปจากนี่เสียทีเถอะ. นางทาสีอินทีวริกาพาตัวเจ้าหล่อนไปแล้ว.

ราชา. (ถอนใจ) อ้าว, หล่อนไปแล้วหรือ? เพื่อนวสันตกะ, ชนผู้เคราะห์ร้ายมักไม่ได้อะไรสมใจโดยปราศจากความขัดขวาง. (เหลียวดู) ดูเถอะ, เพื่อน, ดูเถอะ.

ช่อบัวแม้หน้าหุบไซร้ ยังบอกแจ้งได้ ประหนึ่งจะส่งภาษา

โดยเกสรชันนั้นว่า มันสุขนักหนา เพราะถูกมือหล่อนละมุน

(ถอนใจ) เพื่อนเอ๋ย, มีอุบายอย่างไรบ้างหรือที่จะใช้เพื่อได้เห็นหล่อนอีก?

วิทูษก. เออ, บัดนี้พระองค์มาร่ำฉาวเพราะได้ทำตุ๊กกะตาหักไปเอง. พระองค์ไม่ทำตามคำแนะนำของตาพาห์มบ้านี่นะ.

ราชา. ฉันไม่ได้ทำอะไรเล่า?

วิทูษก. ลืมเสียแล้วละหรือ? ข้าพระเจ้าทูลว่า: “ย่องเข้าไปเงียบๆ.” ส่วนพระองค์น่ะหรือ, ครั้นเมื่อถึงเวลาสำคัญเข้าสิ, โดยตื่นพระองค์ว่าเปนผู้มีความรู้ เลยทำให้เจ้าหล่อนตกใจเสียด้วยคำว่า ‘อ้าภีรุอย่ากลัว,’ และคำดุด่าอะไรอื่นอีก; ฉะนั้น เวลานี้มาร่ำฉาวเอาอะไร? แล้วมีหน้ามาถามด้วยว่าทำอย่างไรจะได้พบเจ้าหล่อนอีก.

ราชา. อะไร! เราปลอบหล่อนแท้ ๆ ตาบ้าเรียกว่าดุด่า!

วิทูษก. ใครเปนบ้าในที่นี้ก็แลเห็นง่าย ๆ อยู่แล้ว. ฉะนั้นเปนไรไปพระผู้เปนเจ้าสหัสสรังสีใคร่จะตกอยู่แล้วละ. ฉะนั้น มาเถอะ, เข้าไปในเรือนเถอะ.

ราชา. (เหลียวดู) เออ, วันจวนจะหมดอยู่แล้ว. โอ้โอ๋ ! เพราะบัดนี้

ความงามแห่งทิวะผ่านเพราะโฉมปิยนรี รึงช่อปทุมศรี จรัล;

แสงแดงเรื่อก็ระยับณดวงสุริยนั้น เช่นในอุราฉัน เฉลา;

นกจักราวะกะยืนณบึงประดุจะเรา คิดถึงวธูเศร้า กมล;

ทั่วแดนดินฤก็สิ้นสุรังสิสุริยน เยี่ยงจิตต์ดนูอน- ธการ.

(เข้าโรงทั้งหมด)

จบองก์ที่สอง

  1. ๑. เสหาลิอา คือดอกไม้ที่เรียกตามภาษาสันสกฤตว่า “เศผาลิกา” นางนี้พูดภาษาปรากฎต, ฉะนั้น พระอคัสตยะ ก็เรียกว่า “พระอคัตถิ.”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ