ฉากที่ ๗ (พระลอจากแมนสรวง)
(จัตุรงคพิริยโยธา เทียบขะบวนพิชัยยุทธพยูห์พร้อมอยู่หน้าฉาน พระชนนีนาถ กับกำนัลนาฏราชบริพาร คอยส่งสมเด็จพระลูกเจ้าอยู่แทบพาหิรราชมนเทียร ปี่พาทย์ทำเพลงบาทสกุณี พระลอออก มเหสีสาวสนมนางโดยเสด็จ)
ร้องลำลาวสมเด็จ รับมะโหรี ๏ ยามเอยยามวิโยค พระเรืองลอดิลกโลกกรมโศกศัลย์ (ชื่นผกาช่อสงสารพระลอของเผือนิเอย) ยุรยาตรจากปราสาทสุวะพรรณ ออกหน้าพระโรงคัลมโหฬาร (โชติช่อวิเชียร พระเทวะมนเทียรของธนิเอย) มเหสีสาวสนมระทมเทวศ โดยเสด็จภูเบศเนืองขนาน (พุ่มพิกุลร่วง สงสารสาวแมนสรวงของเผือนิเอย) บรมกษัตริย์ทัศะนาหน้าพระลาน เพียบพิริยะทวยหาญเหิ่มณรงค์ (ช่อพุมะเรียง จัตุรงค์เชียงเฉียงของเผือนิเอย) เทียบพยูหะแสนยาโยธาทัพ พร้อมสรรพขะบวนประพาสไพรระหง (ช่อการะเกด พระจะจากนิเวศเสียแล้วนิเอย) เห็นสมเด็จมารดรฉะอ้อนองค์ กำสรวลทรงเทวนาโศกาลัย (ช่อกรรณิการ์ โอ้พระพันวรรษาของข้านิเอย) พระโฉมยงลงกราบบัวบาท ทูลลามาตุราชละห้อยไห้ (ก่องมรกต พระราชปิโยรสของเขือนิเอย) ขอพระพรปกเกศคุ้มเภทภัย สวัสดีมีชัยในไพรวัน (ช่อมะลิซ้อน ขอให้สมพระพรพระแม่นิเอย) ๚ ๘ คำ
ร้องลำลาวชมดง ๏ เมื่อนั้นเจ้าประคุณบุญเหลือสะอื้นอั้น (สร้อย) โอ้อ่อนไท้แม่เหลืออาลัยเสียแล้วนิเอย ยอดเยาวราชใจแม่จะขาดเสียแล้วนิเอย) แสนห่วงพระลูกเจ้าท่าวจาบัล เฝ้ารำพันโอภาศประสาทพร (สร้อย) พ่อหวังใดจงได้ดังถวิล ไร้ราคินภิญโญสโมสร (สร้อย) ชัยเดชะชะนะดัสกร พบอ่อนท้าวสาวสมรเหมือนหมายไป (สร้อย) ธพร่ำแล้วพร่ำเล่ากระเส่าสั่ง กอดจูบลูบหลังกันแสงไห้ (สร้อย) เพียงพระแม่แผ่พินาศอนาถใจ ฤทธิ์อาลัยพันผูกพระลูกยา (สร้อย) ๚ ๖ คำ โอด
ร้องลำลาวดำเนิรทราย ๏ แสนเอยแสนสมเพช พระเยาวะเรศมะเหสีนินักหนา สาวสุรางค์นางสนมกรมอุรา สงสารพระพันวรรษาเสียวทรวง พิลาปร่ำกำสรวลหวนโหย อาดูรโดยแดสยองก้องวังหลวง ท้าวพญาพาหลพลทั้งปวง น้ำตาร่วงสะอื้นไห้ไปด้วยกัน ๚ ๔ คำ โอด
ร้องลำลาวครวญ ๏ ยลเอยยลยิน พระเรืองลอเลิศนรินทร์ปิ่นถวัลย์ หวั่นวาบปลาบฤทัยอาลัยครัน แซ่เสียงโศกศัลย์สะท้านทรวง ยามฤทธิ์กฤตยาซาเสน่ห์ พระหวนเหห่วงแคว้นเมืองแมนสรวง เสียดายแสนสาวสุรางค์นางทั้งปวง ทั้งเป็นห่วงมาตุเรศเกศสตรี คิดถึงประยูระวงศาเสนามาตย์ ไพร่ฟ้าประชาชาติชาวกรุงศรี จะเงียบเหงาไร้เจ้าเจิดบุรี ร่ำทวีอาทะวาเป็นอาจิณ พระรั้งรอระย่อยับกลับคิด บัดเดี๋ยวพิษภยาคมระทมถวิล ทับหทัยใฝ่ปองสองยุพินทร์ พระภูมินทร์หมองอารมณ์บังคมลา ไหว้พระบาทวระนาถมาตุรงค์ ระทวยองค์โอวาทราชกะถา เกิดเป็นคนจะต้องทนทุกข์ระอา ชาติชราโรครึงจนถึงตาย สิ่งใดรักจำจักพลัดพราก กรรมวิบากของตนควรขวนขวาย สงวนจิตต์คิดมุ่งผะดุงกาย อย่าครวญคร่ำระส่ำระสายเสียใจ ผิวะรักสมัครกูอยู่เป็นเจ้า จงนอบเกล้ารับคำแนะนำให้ อวยพรเผือเมื้อดีอย่ามีภัย สั่งแล้วท่านไท้ก็ยาตรา ๚ ๑๔ คำ เสมอ
ร้องลำลาวเล็ก ๏ เสด็จขึ้นเกยชัยมหัยยะอาสน์ พระลอราชรำพึงตะลึงผวา คอยพระฤกษ์จะเบิกโยธา ร้าวอุราเหลียวหลังสั่งเวียง โอ้พระมนทิราลัยไอศวรรย์ เคยถวัลยราชด้าวกรุงลาวเฉียง จะเหินห่างร้างไร้ไกลเชียง คนเคยเคียงก็จะคลาดบาทยุคล สิ่งเคยเห็นก็จะเว้นเห็นแต่อื่น สิ่งเคยชื่นก็จะเฉระเหระหน สิ่งเคยคุ้นก็จะหมุนมุ่นกมล สิ่งมิเคยจะระคนทุกคาบคืน โอ้แมนสรวงเมืองหลวงดิลกแก้ว ขอลาแล้วเมืองเอ๋ยกูเคยชื่น ไม่แน่ใจเมื่อไรจะได้คืน เลวงองค์ทรงสะอื้นตื้นอาลัย ๚ ๘ คำ โอด
ร้องลำลาวพวน ๏ สงสารท้าวธทุกข์ระทมพระแด สงสารพระแม่ท้อแท้แปล้พระใจ สงสารพระเมียธปลกเปลี้ยเศร้าเสียพระทัย สงสารพระสนมนางใน เจ้าสะอื้นอาลัยพระเรืองลอ สงสารมุขมนตรีโยธีแทบใจจะขาด สงสารไพร่ฟ้าประชาราษฎร์หัวใจห่อ เสียงแต่กันแสงสะอึกสะอื้นกลคลื่นคลั่ง พะว้าพะวังวิโยคระย่อ น้ำตาเจ้าแม่เอ๋ยนิฤๅคลอๆคราบๆทุกดวงตา เหตุพระผู้เป็นเจ้าปกเกล้าอยู่สุข พระจะละให้ทุกข์ทั้งนัครา เสด็จจากด้าวจากแดน จากมิ่งอมรเมืองแมนไปสู่แคว้นอรัญญะวา สลัดอเนกนิกรประชา เนาเชียงคอย โอ้สงสารเอ๋ย สุดที่ว่าจะแสนสงสาร สงสารไพร่บ้านพลเมือง จะว้าจะวุ่นจะขุ่นจะเคือง จะเหงาจะเงื่องจะหงิมจะหงอย โอ้แสนสงสารพระลอราช จะเริดจะร้างเหินห่าง พระปรางคะปราสาท ห่างไพร่ฟ้าฝูงประชาชาติ ห่างข้าพระบาทใหญ่น้อย โอ้น้ำตาจะพูน โอ้น้ำมูลจะย้อย เพราะวิโยคโศกสร้อย เสมือนลูกน้อยพลัดพ่อตัว เสมือนผัวพลัดเมีย ก่นแต่ละเหี่ยละห้อย ทุกเช้าทุกค่ำร่ำโศกสำออย ถึงองค์พระเรืองลอ พระพ่อเจ้าณหัวของตัวนิเอย โอ้พระทูลกระหม่อมแก้ว ๚ โอด
ร้องลำมหาฤกษ์ รับมะโหรี ๏ ลุเพลามหามหุรดิฤกษ์ ลั่นฆ้องชัยไหว้เบิกพระ (วิบุลยะ) พรเฉลิมโห่หีว นบนิ้ว (ทศนัข) ประณมเจิม กระหึ่มเหิมหทัยมั่นกตัญญุตา ปราโมทย์อุโฆษอินทะเภรี แซ่ศรอัคคะนีสนั่นหล้า โสมนัสส์เสี่ยงสัตย์สุมังคะลา บ่ายหน้าน้อมกายถวายบังคม ๚ ๔ คำ รัว
(ลั่นฆ้องชัยโห่ ๓ ลา ยิงพลุเป็นปืนใหญ่ ท้าเปิงมางเตรียมขะบวนกะทั่งกรับ ขุนวังชูช่อสุวรรณมาลา ละครลงนั่งบ่ายหน้าตรงหน้าพระที่นั่ง ถวายบังคมพร้อมกันสามลา แล้วลุกขึ้นประจำท่าร้องถวายพระพรพร้อมกัน)
ถวายพระพร
ต้นบทร้องลำพันธุ์ฝรั่ง
พระทาน
๑ ๏ บรมะบพิตร์ เอิบอมระสุจริต ทรงพระราชู(อุ)ทิศ วระทาน บำรุง ทั้งพุทธจักร์ ศาสนะรักษ์ และผะดุง สยามิกะราษฐ์ เฉลิมกรุงอยุธยะมหาอาณาจักร์ ๚
๏ พระชุบเลี้ยง ขัตติยะเสนิคณา โดยยศถา เที่ยงธรรม อุประถัมภ์ ให้พำนัก น่าจงรัก กตัญญู ต่อเบื้อง ยุคละวระรัต ตะนะบงกชมาศ อภิวาทประณต พระบทมาลย์ ๚
๏ ผลพระราช ซะอะจัละศรัทธา พระมหาบริจจาค ธนะมากมุลนุกูล จึงเพิ่มพูน ราชะวิตร์ พระพิพิธ อนันตะพัสดุ สุพรรณหิรญ รัตนประดล ธนะสาร ๚
๏ อุดมะโชค อะเนกะลาภะประโยค ถั่งพระราชวระโภคะ อุประโภคะ ศฤงคาร เอกโอฬาร อดิเรก ราชสมบัติ ดังบรมะจักระพรรดิ์ เพียบคลังกษัตริย์ มีสาระพัตร ไม่ขัดใด ๚
(ลูกคู่รับพร้อมกันคำหนึ่ง หมาย ก.)
พระปิยวาจา
๒ ๏ พระพจะนา มธุระรศะอาทร มโนหรณ์ น่าชม ชื่นอารมณ์ สมเป็นเจ้า เย็นเกล้า เย็นกระหม่อม ทั่วหน้า แช่มชื่นชีวิต ชูชิดมนะสา เอิบอุราสาโรช โปรดปราศรัย ๚
๏ เสนาะโสต ดังอมฤตะวระโอช อุ่นศิราปราโมทย์ มโนบาน สมานใจ ชวนจงรัก สวามิภักดิ์พึงไท้ ประยูรวงศะอมาตย์ นระชาติชาวไทย ล้วนปีติต่อใต้ ฝาละอองธุลี ๚
๏ ผลพระปิโยวาท พระกรุณาข้าบาท โปรดโอภาศทักทาย บวายราชะมุทิต ปลุกน้ำจิตต์เยี่ยงให้ไทนิยม เปลี่ยนนิสสัยวาจา กิริยาอารมณ์ ชุบคณาสมาคม สมราศรี ๚
๏ เอิบอิ่มใจ ทุกคณะนิกระไท ชื่นเวียงชัยไพร่ฟ้า ปรีดาสามัคคี เฉลิมพระ การุญญะ บารมี บันลือพระคุณ อดุละยะปรานี สะเทื้อนธาษตรี เพียบเพ็ญ ๚
(ลูกคู่รับพร้อมกันคำหนึ่ง หมาย ข.)
พระอรรถจริยา
๓ ๏ พระทรงพระกรุณา เอื้ออนัญญะสาธาร เอาพระธุระอภิบาล ช่วยประชาโดยปราโมทย์ เกื้อประโยชน์ ทำนุก ผะดุงสุข ฟื้นฝึกศึกษา เพิ่มค้าปลอบปลุก ฉุกร้ายเร็วระงับ ดับทุกข์เข็ญ ๚
๏ ใครเดือดร้อน ทุมะนัสขัดข่อน พระก็ช่วยผัน ผ่อน สรรพะภยา ให้หาเย็น ยอมถือเป็น ราชคำนึง ที่พึ่ง เหมือนมหาโพธิ์ร่ม ยั่วนิยมทั่วถึง แน่วหนึ่งพระกรุณา จึ่งน่ารัก ๚
๏ ผลพระอรรถะจริยา ท่วมพระราชมนะสา ทรงพระเมตตา ไพร่ฟ้า คณามนุษย์
เสมอพระบุตร กับ บิตุรงค์ ทรงอาทระถนอม โอบออมจำนง โดยพระราชประสงค์ ทรงสมัคร ๚
๏ จึ่งรวยราช ขัตติยะ เสวกคณา สะพรั่ง ประชาราษฎร สโมสร สวามิภักดิ์ ๚
เพรียกพร้อมพรัก มอบกาย มอบชีวิตฉลองคุณ เฉลิมบาท ยำเกรงราชอาญาสิทธิ์ สุจริตยากร้าย ยอมตาย ถวายแทน ๚
(ลูกคู่รับพร้อมกันคำหนึ่ง หมาย ฃ.)
พระสมานัตตา
๔ ๏ พระธำรง ราชสวัสดิวัตร์จำนง ทรงสมรรถธรรมศาสตร์ วิเทศะศาสตร์ ราชะนิติ์
กอบราชะกิจ สรรพะ กรณีย์ ตามโบราณะศาสตร์ นวะราชะวิธี สลวยล้วนถ้วนถี่ ดีแสน ๚
๏ พระมั่นคง ถ่องพระพิริยะยง ขัตติ (โย) ยะราโชบาย เคร่งกฎหมาย ไม่คลายแคลน
เป็นแบบแผน แม่นยำ น่าชม สมสมัยปัจจุบัน คติโลกคติธรรม์ นักปราชญ์ประสังสรรค์ นิยม ยอม ๚
๏ ผลพระสัมมะจริยา พระอุตมางคะปัญญา โดยวิรัติปรีชา ทรงอุตส่าห์ ประพฤติ
เหมือนย้อมยึด ปลูกฝึก น้ำใจ เปลี่ยนบูรพะนิสสัย ส่อคติสิวิไลส์ อูรอื้ออาลัย ไทยถนอม ๚
๏ จนบ้านเมือง เทิดถาวระประเทือง รุ่งเรืองมากประเมิน น่าสรรเสริญ เจริญพร้อม
พระนามหอม ตระหลบ ทุกประเทศ แซ่ประสังสะเสาวคุณ เกริกอดุลยะกฤษดิเดช เพราะเหตุพระร่ำ กลิ่นธรรมเอย ๚
(ลูกคู่รับพร้อมกันคำหนึ่ง หมาย ค.)
ลูกคู่ร้อง
สวัสดี
ก ๏ ขอพระองค์ ปะระมิศวริยะวงศ์ เสด็จดำรง มงคลวิมละมหา เศวตะฉัตร
ทรงสิริสวัสดิ์ เถลิงรัชย์ พิพัฒน์เพิ่ม นิรันดระสุข นิรทุกข์สะเทิ้ม เจิดจุลจักรเริ่ม เฉลิมศรี ๚
ทีฆายุ
ข ๏ เจริญพระชนม์ นิระทุพละโรคา รื่นพระรัชะ พรรษา วุฑฒา กว่าร้อยปี
สรรพะ ภัย พิบัติ อุปัทวะ อย่ามี อรินทระพินาศ ทุพภิกขะภัย กษัยขาด ฤๅ มาแผ้วพาน ๚
ลุมุ่ง
ฃ ๏ ใดพระองค์ ปิยะมนาปะจำนง ปองพระราชะ ประสงค์ นั้นนั่น จงประสิทธิ์
เลิศพระฤทธิ์ ทั่วสารทิศ เกริกกฤษฎา เรืองราชวระยศ ปรากฏบุญญา พระอภินิหาระ เดชาฉาน ๚
กรุงเจริญ
ค ๏ ผะดุงแผ่นดิน เพิ่มพณิชย์ กิจกสิณ ปราบโจรสิ้น ภิญโญ ชินิสสะโร มโหฬาร
โสตถิ์ สมมาน มวญหมู่ มนุษย์ไท อยากพึ่งพระเป็นเจ้า ปกเกล้าสืบไป เหมือนข้าพระบาท ทั้งหลาย หมายใจเอย ๚
(แล้วร้องพร้อมกันทั้ง ๔ คำ มะโหรีรับเมื่อจบ)
สรรเสริญพระบารมี
ข้าวรพุทธเจ้า เหล่าคุณานุภักดี ฯลฯ
----------------------------