ใบบอกเจ้าพระยาบดินทรเดชา

หนังสือเจ้าพระยาบดินทรเดชา ที่สมุหนายก มาถึงพระยามหาอำมาตย์ ได้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ด้วยข้าพระพุทธเจ้าบอกเข้ามาแต่ก่อนว่าข้าพระพุทธเจ้าจะกราบถวายบังคมลาเร่งยกออกไปตั้งฟังราชการอยู่ณเมื่อโพธิสัตว์ แต่ณวันเดือน ๔ ขึ้น ๑๔ ค่ำปีชวดโทศกเพลาบ่าย ถ้าพระยาเสนาภูเบศร์แจ้งความว่าสืบสวนข้อราชการได้ประการใด ข้าพระพุทธเจ้าจะบอกเข้ามากราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทต่อครั้งหลัง ข้อราชการแจ้งมาในบอกข้าพระพุทธเจ้าแต่ก่อนนั้นแล้ว ข้าพระพุทธเจ้ายกออกไปถึงเมืองโพธิสัตว์แต่ณวันเดือน ๔ แรม ๓ ค่ำ ปีชวดโทศก ได้ถามพระยาเสนาภูเบศร์ด้วยราชการทางเมืองสำโรงทอง พระยาเสนาภูเบศร์แจ้งความว่า พระยาเสนาภูเบศร์นายทัพนายกองยกไปถึงเมืองบาทีแต่ณวันเดือน ๓ แรม ๑๐ ค่ำปีชวดโทศก พระยาพระเขมรซึ่งมาพร้อมกันอยู่ณเมืองบาที แต่ที่ได้มาหาพระยาเสนาภูเบศร์ขุนนางเมืองพนมเปญ พระยาโสเดช พระยาเอกราช พระยาเชต พระยาวงศาธิราช กับขุนนางผู้น้อย ๔ คน ๕ คน พระยาพิศณุโลกเจ้าเมืองตรังคน ๑ พระยาวงศานุชิตเจ้าเมืองบาทีคน ๑ มีไพร่พลกองทัพประมาณ ๑๐๐๐ เศษ เมืองสำโรงทองพระยาอุไทยธิราชกับสนองกลาภาษเมืองสำโรงทอง มีไพร่พลกองทัพประมาณ ๓๐๐๐ เศษ พระยาเสนาภูเบศร์ได้พูดกับพระยาพระเขมร ว่าพระยาพระเขมรทั้งปวงได้ความเดือดร้อน ด้วยอ้ายญวนข่มเหงจับเอาเจ้านายไปทำโทษแล้วฆ่าฟันขุนนางผู้ใหญ่เสียก็หลายคน พระยาพระเขมรทั้งปวงพากันกำเริบสู้รบกับกองทัพอ้ายญวนทุกบ้านเมือง แล้วก็มีหนังสือบอกขอพระองค์ด้วงออกไปเป็นเจ้าครอบครองบ้านเมืองอาณาประชาราษฎร พระยาพิบูลยราชพระยาพระเขมรก็ได้เข้าไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหยู่หัวณกรุงเทพพระมหานคร ทรงพระมหากรุณาเมตตากับพระยาพระเขมรโปรดพระราชทานให้พระองค์ด้วงออกไปพร้อมพระยาพิบูลยราช พระองค์ด้วงไปถึงเมืองปัตบองณวันเดือน ๓ ขึ้น ๑๒ ค่ำปีชวดโทศกแล้ว ใจพระยาพระเขมรทั้งปวงจะให้พระองค์ด้วงอยู่ที่เมืองปัตบองก่อนหรือ ๆ จะให้พระองค์ด้วงออกไปตั้งอยู่ที่เมืองใด พระยาพระเขมรทั้งปวงว่ากับพระยาเสนาภูเบศร์ว่า ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานให้พระองค์ด้วงเจ้าของพระยาพระเขมร ออกไปครอบครองบ้านเมืองสืบวงศ์กษัตริย์ในแผ่นดินเมืองเขมรนั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ พระยาพระเขมรทั้งปวงมีความยินดีนัก แต่เมืองพนมเปญเป็นใหญ่อ้ายญวนก็ยังมาครอบงำอยู่ จะขอให้พระองค์ด้วงยกออกไปตั้งอยู่เมืองโพธิสัตว์ก่อน พระยาพระเขมรทั้งปวงจะได้ตั้งใจทำราชการ ต้านทานสู้รบกับกองทัพอ้ายญวนให้แข็งแรง พระยาพระเขมรจะจัดขุนนางที่มีไพร่พลน้อยให้เข้ามาอยู่กับพระองค์ด้วง แล้วจะเกณฑ์คนผลัดเปลี่ยนกันมารักษาพระองค์ด้วงสัก ๑๐๐๐ คน พระยาเสนาภูเบศร์ถามพระยาพระเขมรว่า กองทัพอ้ายญวนซึ่งตั้งอยู่เมืองพนมเปญและหัวเมืองเขมรทั้งปวง แต่กำลังพระยาพระเขมรจะรวบรวมไพร่พลยกเข้าตีกองทัพอ้ายญวนให้แตกยับเยิน กำจัดเสียจากเมืองเขมรจะได้หรือไม่ได้ พระยาพระเขมรทั้งปวงแจ้งว่า ไพร่พลเมืองเขมรแต่ก่อนก็มาก ครั้งนี้พาครอบครัวอพยพหลบหนีเข้าซุ่มซ่อนอยู่ตามป่าดง จะเกณฑ์เอาไพร่พลทุ่มเทเข้ามาสู้รบกับกองทัพอ้ายญวนไม่ใคร่จะได้ ทั้งปืนใหญ่น้อยกระสุนดินดำก็ขัดสน จะกำจัดอ้ายญวนให้ยกไปจากบ้านเมืองแต่กำลังเขมรเห็นไม่ได้ แต่คงจะตั้งใจทำราชการสู้รบกับกองทัพอ้ายญวนเอาชีวิตฉลองพระเดชพระคุณ ราชการจะสำเร็จด้วยอำนาจพระบารมีสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อพระยาเสนาภูเบศร์ยกกองทัพออกไปถึง ได้ให้นายทัพนายกองไปชันสูตรกองทัพพระยาพระเขมร เห็นไพร่พลในกองทัพผลัดเปลี่ยนกันไปมาหาครอบครัวอยู่ไม่ขาด ดูท่วงทีพระยาพระเขมรจะว่ากล่าวงานสิ่งใดต้องเอาใจไพร่พลหาตัดสินขาดไปได้ไม่ เมื่อพระยาเสนาภูเบศร์ยกกองทัพลงไปพระยาพระเขมรเรี่ยรายเข้าสารตามพวกครัวมาจ่ายกองทัพพระยาเสนาภูเบศร์ ๓ ครั้งเป็นเข้าสาร ๒๐๐ ถัง พระยาเสนาภูเบศร์ไปตั้งอยู่แพรกโตนดแขวงเมืองบาทีได้ ๘ วัน ครั้นณวันเดือน ๔ ขึ้น ๓ ค่ำปีชวดโทศก อ้ายญวนยกกองทัพมาสู้รบกับกองทัพพระยาพระเขมร ๆ แตกถอยไป พระยาอุไทยธิราชจึงให้พระยาเสนาภูเบศร์ถอยทัพมาตั้งฟังราชการอยู่ณเมืองโพธิสัตว์ก่อน พระยาเสนาภูเบศร์จึงให้พระนรินทรโยธาปลัดเมืองปัตบอง กับพระพล พระวัง อยู่ฟังราชการณเมืองสำโรงทอง แต่พระยาพิบูลยราชเข้ามาอยู่กับพระองค์ด้วงณเมืองโพธิสัตว์ ข้าพระพุทธเจ้าได้ให้พระยาพิบูลยราชถือหนังสือพระองค์ด้วงออกไปสืบต่อราชการว่ากล่าวตักเตือนเอาใจพระยาพระเขมรอย่าให้ท้อถอยหนีกองทัพอ้ายญวน ให้รวบรวมไพร่พลสู้รบให้แข็งแรง ข้าพระพุทธเจ้ากับพระองค์ด้วงยกออกไปตั้งอยู่เมืองโพธิสัตว์แล้ว ถ้าและพระยาพระเขมรจะต้องการกองทัพปืนใหญ่น้อยกระสุนดินดำก็ให้รีบบอกเข้ามาโดยเร็ว จะได้ยกออกไปช่วยให้ทันท่วงที พระยาพิบูลยราชได้ไปจากเมืองโพธิสัตว์แต่ณวันเดือน ๔ แรม ๕ ค่ำปีชวดโทศก ครั้นณวันเดือน ๔ แรม ๖ ค่ำปีชวดโทศก พระยาสังขโลกคนเก่า พระยาเอกราช พระยาธรรมาธิบดี พระยาอุไทยธิราช พระยาเสนาราชกุเชน พระยาพระเขมรทั้งปวง มีหนังสือบอกข้อราชการมาถึงพระนรินทรโยธาปลัดเมืองปัตบอง ว่ากองทัพอ้ายญวนยกขึ้นมาทางแพรกโตนด ยกเข้าประชิดกับกองทัพพระยาสังขโลก พระยาเอกราช พระยาวงศานุชิต ได้สู้รบป้องกัน ถอยมาถึงแพรกกะบ้านสวาย กองทัพอ้ายญวนยกติดตามไปถึงทัพพระยาอุไทยธิราชซึ่งตั้งอยู่ที่สตึงมีไชยโมงพญาลำ พระยาอุไทยธิราชก็ถอยทัพยกมาตั้งอยู่ชุดกะหอม พระยาสังขโลก พระยาอุไทยธิราช พระยาเอกราช พระยาวงษานุชิต เกณฑ์ไพร่พลเมืองสำโรงทอง เมืองบาที ยกเพิ่มเติมไปอีกทุกทาง อ้ายญวนเห็นไพร่พลกองทัพพระยาพระเขมร ก็ถอยทัพไปตั้งค่ายที่ดอนพระศรี ทัพพระยาอุไทยธิราช พระยาวงศานุชิต นายทัพนายกองก็ไปตั้งอยู่ที่สนองสตึงมีไชยโมงพญาลำดังเก่า แล้วพระยาภิมุขวงศา พระยาไชยชนะสงคราม มีหนังสือมาถึงพระยาสังขโลกคนเก่าฉะบับ ๑ ว่าพระยาภิมุขวงศา พระยาไชยชนะสงคราม มาขอกองทัพเรือณเกาะกง พบพระยาวิชิตณรงค์ พระยาพิพัฒโกษานอกราชการ พระพิพิธภักดี แต่ณวันเดือนยี่แรม ๑๓ ค่ำปีชวดโทศก ได้เอาหนังสือพระยาสังขโลก พระยาอุไทยธิราช พระยาเอกราชส่งให้พระยาวิชิตณรงค์ พระยาพิพัฒโกษานอกราชการ พระพิพิธภักดี ๆ แจ้งหนังสือแล้ว พระยาวิชิตณรงค์ พระยาพิพัฒโกษา พระพิพิธภักดี ได้สั่งพระยาภิมุขวงศา พระยาไชยชนะสงครามเข้ามากรุงเทพพระมหานครแต่ณวันเดือน ๓ ขึ้น ๓ ค่ำปีชวดโทศก อยู่ณวันเดือน ๔ แรม ๖ ค่ำปีชวดโทศก หลวงอาสารณรงค์ พระศรีสุลาศ เจ้าเมืองเชียงแตง อุปฮาดราชวงศ์ พระศรีมหาเทพเจ้าเมืองแสนปาง อุปฮาด เจ้าเมืองศรีธันดร ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าให้ยกกองทัพไปทางเมืองสมบุกสมบูรณ์ บอกข้อราชการทางเมืองสมบุกเมืองสมบูรณ์ลงมาณเมืองโพธิ์สัตว์ ว่าได้ยกทัพไปจากเมืองสมบูรณ์ แต่ณวันเดือนยี่แรม ๒ ค่ำปีชวดโทศก ไปตั้งค่ายอยู่ณเมืองสมบุก ห่างค่ายอ้ายญวนประมาณ ๑๕ เส้นเศษ แล้วว่าณวันเดือนยี่แรม ๒ ค่ำ อ้ายญวนยกกองทัพเรือมา ๖๐ ลำ ทั้งอ้ายญวนและเขมรแขกจามประมาณ ๒๐๐๐ เศษ จอดอยู่หน้าค่ายเมืองสมบุก กองทัพอ้ายญวนในค่ายเมืองสมบุกเก่าใหม่ประมาณ ๓๐๐๐ เศษ ครั้นณวันเดือนยี่แรม ๕ ค่ำเพลาเช้า อ้ายญวนยกกองทัพออกจากค่ายมารบกับกองทัพหลวงอาสารณรงค์ ได้สู้รบกันแต่เช้าจนเที่ยง อ้ายญวนตาย ๕ คน เขมรเมืองสมบูรณ์ตายคน ๑ อ้ายญวนยกกองทัพถอยเข้าค่าย แล้วหลวงอาสารณรงค์จึงให้ออกยาธรรมาธิบดีเจ้าเมืองสมบูรณ์คนเก่าคนใหม่ ออกยาราชาโชเจ้าเมืองสตึงตรอง เกณฑ์ไพร่เขมรเมืองสมบูรณ์ได้ ๑๕๐ คน หลวงอาสารณรงค์ให้หาตัวพระยาวรชุนเจ้าเมืองตบงขมุมคนเก่า ว่าที่สมเด็จเจ้าพระยา ออกยายมราช ออกยานเรนทรเสนามาให้เกณฑ์คนเข้ากองทัพช่วยกันระดมตีค่ายอ้ายญวน สมเด็จเจ้าพระยา ออกยายมราช ออกยานเรนทรเสนา แจ้งความว่า พระยาพระเขมรเมืองกระแจะ เมืองกระจอ เมืองฉโลง เมืองตบงขมุม เมืองศรีถ่อ พาครอบครัวเข้าซุ่มซ่อนอยู่ในป่าดง จะเกณฑ์เอาไพร่พลหาได้ไม่ แล้วสมเด็จเจ้าพระยา ออกยายมราช ออกยานเรนทรเสนาแจ้งความว่า พระยาพระเขมรขุนนางเมืองพนมเปญ และเจ้าเมืองยังเข้าอยู่กับอ้ายญวน ขุนนางเมืองพนมเปญ ๒๘ คน เจ้าเมือง ๕ เมือง หลวงอาสารณรงค์กับเจ้าเมืองอุปฮาดราชวงศ์ทั้งปวง มิไว้ใจแก่ราชการ จึงให้สมเด็จเจ้าพระยา ออกยายมราช ออกยานเรนทรเสนา คิดอ่านจับอ้ายญวนมาสืบสวนเอาข้อราชการให้แน่ สมเด็จเจ้าพระยา ออกยายมราช ออกยานเรนทรเสนา จับอ้ายญวนได้ ๔ คน มาส่งให้หลวงอาสารณรงค์ ๆ ได้ซักถามอ้ายอ้าวญวนให้การว่า อ้ายองอานผู้ซึ่งอยู่รักษาค่ายเมืองสมบุกบอกขอกองทัพลงไปเมืองเว้ อ้ายองตาเตียงกุนเกณฑ์กองทัพเมืองเว้ เมืองไซ่ง่อน ๑๕๐๐ คน เรือรบ ๓๐ ลำ ยกมาถึงค่ายเมืองสมบุกณวันเดือน ๑๐ ปีชวดโทศก แล้วว่าในค่ายเมืองสมบุกขัดเข้าเกลือ คนกองทัพในค่ายอดอยากเป็นอันมาก อ้ายอ้าวญวนกับพวก ๔๐ คนหนีออกจากค่ายจะกลับไปบ้านเมือง หลวงอาสารณรงค์กับเจ้าเมืองอุยฮาดราชวงศ์ทั้งปวง จำอ้ายญวน ๔ คนส่งลงไปทางเมืองนครจำปาศักดิ์ แล้วขอกองทัพเมืองนครจำปาศักดิ์ ยกอุดหนุนให้ขึ้นไปช่วยกันระดมตีค่ายอ้ายญวนนั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้มีหนังสือไปถึงหลวงอาสารณรงค์ ว่าให้เกณฑ์กองทัพเมืองนครจำปาศักดิ์ เมืองศรีธันดร เมืองแสนปาง เมืองเชียงแตง ยกเข้ากองทัพอ้ายญวนให้แตกเลิกถอนไปในฤดูแล้งนี้ให้จงได้ แล้วให้แต่งคนไปเกลี้ยกล่อมพระยาพระเขมรและไพร่พลซึ่งพาครอบครัวซุ่มซ่อนอยู่ในป่าดง ให้ออกมาช่วยกันทำราชการสู้รบกับกองทัพอ้ายญวนให้ได้ด้วย ครั้นณวันเดือน ๔ แรม ๙ ค่ำปีชวดโทศก พระยานุภาพไตรภพเจ้าเมืองนครเสียมราบ พระองค์แก้ว พระยาวิเศษสุนทร พระฤทธิฦๅไชยเจ้าเมืองบำเหน็จณรงค์ พระยาเสนาราชกุเชน มีหนังสือบอกข้อราชการทางเมืองสโทงกะพงสวายฉะบับ ๑ ส่งต้นหนังสือพระยาแสนท้องฟ้าฉะบับ ๑ พระยาวังฉะบับ ๑ พระยามนตรีเสน่หา ๓ ฉะบับ พระยาเชตว่าที่ฟ้าทะละหะฉะบับ ๑ พระยาวงศาสัตรีว่าที่พระยากลาโหม ๒ ฉะบับ เป็นหนังสืออักษรเขมร ๘ ฉะบับมาณเมืองโพธิสัตว์ ใจความในหนังสือพระยานุภาพไตรภพนั้นว่า พระยานุภาพไตรภพ นายทัพนายกองยกไปถึงเมืองสโทงแต่ณวันเดือน ๔ ขึ้น ๘ ค่ำปีชวดโทศก พบครัวพระยาเดโชเจ้าเมืองกะพงสวาย และครัวพระยาพระเขมร ไพร่พลเมืองชีแครง เมืองสโทง เมืองกะพงสวาย ยกจากเมืองมาซุ่มซ่อนอยู่ในป่าดงแห่งละ ๒ ครัว ๓ ครัว ๒๐ ครัว ๓๐ ครัวก็มีบ้าง ยังหารวบรวมกันเข้าเป็นหมวดกองตั้งอยู่แห่งใดตำบลใดไม่ พระยานุภาพไตรภพไม่ไว้ใจกับราชการเกลือกกองทัพอ้ายญวนจะมากวาดเอาครอบครัวไปได้ก็จะเสียราชการ จึงให้พระยาเสนาราชกุเชน หลวงภักดีสงคราม นายไพร่ ๓๐๐ คนไปป้องพิทักษ์รักษาครอบครัวไว้ พระยาเดโชเจ้าเมืองกะพงสวาย กลับไปจากเมืองปัตบอง ปรึกษาหารือกันจะให้ครอบครัวไปตั้งอยู่แห่งใดตำบลใด จึงจะรวบรวมเข้าไว้ให้เป็นหมวดกอง แล้วพระยาเดโชเจ้าเมืองกะพงสวายเกณฑ์รวบรวมไพร่พลได้จึงจะให้พระยาเสนาราชกุเชน พระยาเดโชภักดีอีไปคิดราชการกับพระยาเดโชเจ้าเมืองกะพงสวาย แล้วได้มีหนังสือไปถึงพระยาพระเขมรหัวเมืองทั้งปวงให้จัดซื้อเข้ารวบรวมสะเบียงอาหารขึ้นใส่ยุ้งฉางไว้สำหรับจับจ่ายกองทัพ จะได้คิดทำราชการสู้รบกับกองทัพอ้ายญวน กันเอาเขตต์แดนครอบครัวไว้ให้เป็นข้าขอบขัณฑเสมาฉลองพระเดชพระคุณต่อไป ครั้นณวันเดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำปีชวดโทศก เจ้านครจำปาศักดิ์ให้เพี้ยเมืองแพน เพี้ยคำวงศา ถือหนังสือบอกข้อราชการทางเมืองสมบุกสมบูรณ์ และได้ชำระส่วยเมืองนครจำปาศักดิ์ให้เพี้ยศรีสุนนคุมมาทางเรือ แล้วบอกอาการเจ้านครจำปาศักดิ์ป่วยไปณเมืองโพธิสัตว์ ใจความว่าหลวงอาสารณรงค์ยกกองทัพลงไปตั้งอยู่เมืองสมบุก ได้รบกับกองทัพอ้ายญวนครั้งหนึ่ง หลวงอาสารณรงค์บอกขอกองทัพขึ้นมาเมืองนครจำปาศักดิ์ เจ้านครจำปาศักดิ์ได้เกณฑ์กองทัพเมืองนครจำปาศักดิ์ ๕๐๐ คน พร้อมสรรพไปด้วยเครื่องศัสตราอาวุธกระสุนดินดำสะเบียงอาหาร ให้เพี้ยสุโพคุมไปเข้ากองหลวงอาสารณรงค์ แต่ณวันเดือน ๓ ขึ้น ๑๓ ค่ำปีชวดโทศก แล้วหลวงอาสารณรงค์ส่งอ้ายญวนค่ายเมืองสมบุกขึ้นมาณเมืองนครจำปาศักดิ์สองครั้ง เป็นญวนชายสกรรจ์ ๕ คน ให้เพี้ยเมืองแพน เพี้ยคำวงศาคุมมาณเมืองปัตบอง กับว่าได้เร่งส่วยเมืองนครจำปาศักดิ์ ให้เพี้ยศรีสุนนคุมเข้ามาทางเรือ เป็นเงินตราล่าง ๑๖ ตำลึงสลึง เป็นเงินตารลาว ๘ ตำลึง คิดเป็นเงินตราล่าง ๖ ตำลึง เงินน้ำ ๖ สองแท่งหนัก ๒ ตำลึงบาท ๒ สลึง เป็นเงินตราล่างตำลึง ๓ สลึง เงินรางตัดหนัก ๔ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง เป็นเงินตราล่าง ๔ ตำลึงบาทสลึง เป็นเงินแนนตูหนัก ๓ ตำลึง ๓ บาทสลึง คิดเป็นเงินตราล่าง ๓ ตำลึงบาท ๓ สลึง ทองคำผุยหนัก ๖ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึงเฟื้อง คิดเป็นตราล่าง ๓ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๒ สลึง เร่ว ๒๐๐ กระทอ หนัก ๔๙ หาบ ๔๖ ชั่ง คิดเป็นเงินตราล่าง ๙ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๒ บาทสลึง ๒ เฟื้อง ครั่ง ๕๙ กระทอ หนัก ๑๕ หาบ ๔๓ ชั่ง ๑๘ ตำลึง คิดเป็นเงินตราล่าง ๒ ชั่ง ๗ ตำลึง ๒ บาทสลึงเฟื้อง เข้ากันเป็นเงิน ๑๗ ชั่ง ๑๗ ตำลึงบาท ๒ สลึง แต่เพี้ยศรีสุนนที่คุมส่วยมานั้นยังหาถึงเมืองปัตบองไม่ ถ้าเพี้ยศรีสุนนมาถึงเมืองปัตบองแล้วเมื่อใด ข้าพระพุทธเจ้าจะให้คุมเงินทองคำผุย เร่ว ครั่ง จำนวนส่วยลงมาส่งครั้งหลัง อาการเจ้านครจำปาศักดิ์นั้น เมื่อณวันเดือน ๑๒ ข้างขึ้นจับไข้ อาหารรับพระราชทานไม่ได้ มาจนเดือนยี่ข้างขึ้น ให้บวมขึ้นมาจนหน้าอก ได้ให้หมอนวดหมอยารักษาพยาบาลอาการหาคลายไม่ ลมจับสลบไปถึง ๓ ครั้ง มาจนเดือน ๓ ข้างขึ้นอาการค่อยคลาย พอพยุงออกมาปรึกษาราชการฉลองพระเดชพระคุณได้บ้าง ข้าพระพุทธเจ้าได้ให้เพี้ยเมืองแพน เพี้ยคำวงศาคุมอ้ายญวน ๕ คนลงมาส่งณกรุงเทพพระมหานคร อนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าได้ให้นายทัพนายกองคุมไพร่ไทยลาวเขมร ถางที่ตั้งเมืองให้พระองค์ด้วงที่บ้านพุทไทเลียดเหนือเมืองโพธิสัตว์เก่า ทางประมาณ ๒๐๐ เส้นเศษ ฟากตะวันตกด้านรียาว ๑๒ เส้น ด้านสกัดกว้าง ๘ เส้น สูง ๗ ศอกคืบ มีป้อมมุม ๔ ป้อม ด้านรีด้านละป้อม ประตูหอรบด้านรีด้านละ ๒ ประตู ด้านสกัดด้านละประตู เป็นป้อม ๖ ป้อม ประตู ๖ ประตู แต่ป้อมนั้นทำที่ใส่ปืนใหญ่ ป้อมมุมป้อมละ ๕ บอก ป้อมกลางป้อมละ ๔ บอก ป้อม ๖ ป้อมคิดเป็นปืนใหญ่ ๒๘ บอก แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ได้ลงมือขุดรางดินแต่ณวันเดือน ๔ แรม ๖ ค่ำปีชวดโทศก ณวันเดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำฤกษ์ดี ได้ยกเสาระเนียดเมืองขึ้นทั้ง ๔ ด้านแล้ว แต่คูรอบเมืองนั้นจะได้ขุดกว้าง ๔ วาลึก ๔ ศอกซึ่งจะได้เอามูลดินถมเชิงเทินให้แล้วแต่ในเดือน ๕ ถ้าทำเมืองเสร็จแล้วจึงจะได้ทำบ้านเรือนให้พระองค์ด้วงต่อไป ข้าพระพุทธเจ้าได้ส่งต้นหนังสือหลวงอาสารณรงค์ พระศรีสุลาศเจ้าเมืองเชียงแตง อุปฮาด ราชวงศ์ พระศรีมหาเทพเจ้าเมืองแสนปาง อุปฮาดเจ้าเมืองศรีธันดรฉะบับ ๑ ต้นหนังสือพระยานุภาพไตรภพเจ้าเมืองนครเสียมราบ พระองค์แก้ว พระยาวิเศษสุนทร พระยาฤทธิฦๅไชย พระยาเสนาราชกุเชน ฉะบับ ๑ ต้นหนังสือพระยาสังขโลก พระยาอุไทยธิราช พระยาเอกราช พระยาธรรมาธิบดี พระยาราชเดชะฉะบับ ๑ ต้นหนังสือพระยาภิมุขวงศา พระยาไชยชนะสงครามฉะบับ ๑ ต้นหนังสือพระยาแสนท้องฟ้าฉะบับ ๑ พระยาวังฉะบับ ๑ พระยามนตรีเสน่หา ๓ ฉะบับ พระยาเชตว่าที่ฟ้าทะละหะฉะบับ ๑ พระยาวงศาสัตรีว่าที่พระยากลาโหม ๒ ฉะบับ ได้ส่งต้นหนังสืออักษรไทย ๒ ฉะบับ อักษรเขมรทางเมืองสำโรงทอง ๒ ระบับ ทางเมืองสโทง ๘ ฉะบับ เข้ากันเป็นต้นหนังสืออักษรไทยอักษรเขมร ๑๒ ฉะบับ กับพระยาสังขโลก พระยาอุไทยธิราช ส่งขุนมโนปรักบ่าวฟ้าทะละหะซึ่งหนีมาแต่ค่ายอ้ายญวนเมืองพนมเปญ ข้าพระพุทธเจ้าได้ให้ซักถามขุนมโนปรักด้วยข้อราชการ แจ้งมาในคำให้การขุนมโนปรักนั้นแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าได้ส่งคำให้การขุนมโนปรักเข้าผนึกปิดตราให้พระฤทธิสงครามถือเข้ามาแจ้งราชการ แต่ต้นหนังสือเจ้านครจำปาศักดิ์ ๒ ฉะบับ กับหางว่าวจำนวนส่วยฉะบับ ๑ ข้าพระพุทธเจ้าได้ให้เพี้ยเมืองแพน เพี้ยคำวงศาถือเข้ามาแจ้งราชการด้วยแล้ว หนังสือมาณวันเสาร์เดือน ๔ แรม ๑๒ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๐๒ ปีชวดโทศก

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ