หนังสือพระยาวงษานุชิต

ฉะบับหนึ่งว่า พระยาวงษานุชิตมีเจ้าเมืองบาที กราบปรนนิบัติมายังท่านพระยาสังขโลกทั้ง ๒ ได้ทราบ ด้วยณวันเดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีชวดโทศก ข้าพเจ้าอยู่คิดราชการในค่ายเปียมแพรกน้อยในแขวงเมืองบาทีกับอ้ายองภู ในวันนั้นเพลาพลบเห็นขุนนางอ้ายญวนสองคน เรือแงโอ ๕ ลำมาถึงเปียมแพรกน้อยจอดเรืออยู่ตีนท่า แล้วมีคนใช้อ้ายญวนให้มาเรียกอ้ายองภูลงไปในเรือ ประมาณได้สักครู่อ้ายองภูกลับขึ้นมาเรือนมัน และขุนนางอ้ายญวนทั้งสองและออกเรือขึ้นมาพนมเปญ แล้วอ้ายองภูบอกกับข้าพเจ้าว่าอ้ายองทั้งสองนั้นมันเป็นใหญ่ ชื่ออ้ายภาเทืองบินบอคน ๑ ชื่ออ้ายบอทำตรีคนหนึ่ง เจ้าเวียดนามให้ขึ้นมาคิดราชการกับอ้ายองเก่าแต่ก่อน ครั้นณวันเดือน ๙ แรม ๑๐ ค่ำปีชวดโทศกเพลาพลบนั้น มีข่าวราชการมาแต่เมืองพนมเปญ ว่าเสด็จผู้เป็นเจ้าเสวยราชสมบัติ กับผู้เป็นเจ้าสมเด็จพระน้องกลาง สมเด็จพระน้องสุดท้อง ว่าขุนนางอ้ายญวนมันส่งไปเมืองไซ่ง่อน แต่สมเด็จพระเรียมนั้นมันว่ามีโทษ เอาไว้ในค่ายเมืองพนมเปญ และขุนนางเขมรกับจันเกอภอเกอและบุตรขุนนางเป็นคนใช้ในมันนั้น ว่าขุนนางอ้ายญวนนั้นเองมันเรียกเอาไปไว้ในค่าย ครั้นเพลากลางคืนประมาณ ๖ ทุ่ม แล้วจึงเปิดประตูจากค่ายออกไปทุกคน ครั้นณวันเดือน ๙ แรม ๑๒ ค่ำ ปีชวดโทศกนั้น เห็นหนังสือขุนนางอ้ายญวนที่มันเป็นใหญ่อยู่ณเมืองพนมเปญ บอกมาถึงอ้ายองอานภูให้จัดด่านลาดตระเวนทางบกทางน้ำระวัง ข้าพเจ้ากับพนักงานและราษฎรตกใจกลัวสะดุ้งสะเทือน ครั้นมาถึงณวันเดือน ๑๐ ขึ้น ๙ ค่ำ เห็นอ้ายญวนมันเป็นคนใช้นำหนังสือมาถึงอ้ายองภูให้คิดจับข้าพเจ้าสนองกลาภาษจันตงภอตงทำโทษส่งไปค่ายเมืองพนมเปญ ข้าพเจ้ารู้ความดังนั้น ได้คิดกับสนองกลาภาษจันตงภอตงพร้อมกันในวันนั้นแล้ว เพลาค่ำนั้นข้าพเจ้าพอถอนตัวหนีรอดมา ถึงบ้านข้าพเจ้าอยู่ทุ่งนาเกอนั้น ข้าพเจ้ากับพนักงานคิดระลึกมาถึงพระเดชพระคุณสมเด็จพระผู้เป็นเจ้า ด้วยสมเด็จพระราชบุตรทั้ง ๔ พระองค์นั้น ข้าพเจ้าคิดกับสนองกลาภาษนั้น พระยาพระหลวงเจ้าเมืองและราษฎรในแขวง ข้าพเจ้าคิดจะยกเป็นกองทัพ ครั้นถึงณวันเดือน ๑๐ ขึ้น ๑๑ ค่ำปีชวดโทศก ได้ยินข่าวขุนนางอ้ายญวนใช้พระยาเอกราชชื่อพรม พระยาวงษาธิราชชื่อจาบ เป็นบุตรฟ้าทะละหะส่งให้ขึ้นมาแขวงเมืองบาที ให้ห้ามปรามราษฎรอย่าให้กลัวสะกุ้งสะเทือน ครั้นถึงณวันเดือนขึ้น ๑๒ ปีชวดโทศกนั้น ท่านพระยาเอกราช พระยาวงษาธิราชมาถึงในแขวงเมืองบาที พบกับพระยาเสน่หาสงคราม ชื่ออ้อยเป็นสนองข้าพเจ้า แล้วผู้มีชื่อทั้งสองหาได้กลับเข้าไปรับอาสาขุนนางอ้ายญวนไม่ พร้อมคิดลุกกำเริบกับข้าพเจ้าๆได้เกณฑ์กองทัพบกไปรบกับอ้ายองภูอยู่เปียมแพรกน้อยนั้น และได้รับฆ่าฟันไพร่พลอ้ายญวนคนร้ายก็ตายเป็นอันมาก หนีรอดกับอ้ายองภูไปบ้านมัน ที่ค่ายณบ้านที่อ้ายองภูอยู่นั้นได้เผาหมดสิ้นแล้ว ราษฎรเขมรจีนซึ่งอยู่ริมทะเลนั้น ได้กวาดครอบครัวขึ้นมาอยู่ข้างเหนือสิ้นแล้ว ทีหลังอีกเห็นพระยากุเชนบดีคง พระยาธรมาธิบดีชื่อเทพ พระยาสุเดชชื่อมี พระยาราชสุภาวดีสุก พระยามนตรีคชราชแก พระยามนตรีนุชิตมา พระยาเสน่หาธิราชมี พระเทพอินทราธิบดีชื่อมาด พระศรีนครราช พระเทพวรชุนคง พระศรีนครธรรมราชรศ พระราชานุกูลขด พระเทพเสน่หาเอม ได้ถอนตัวหนีรอดแต่เมืองพนมเปญ มาพบประชุมทำการฆ่าฟันอ้ายญวน คนร้ายในแขวงเมืองบาทีกับข้าพเจ้าหมดสิ้นแล้ว ข้าพเจ้าได้คิดทำเป็นทัพตั้งระมัดระวังครบทาง และทุกวันนี้กลัวจะมีอ้ายญวนมันยกมาในเขตต์จะแย่งเอาราษฎร เป็นข้าราชการจะได้ทำราชการตั้งรบฆ่าฟันต่อไปอิกมิได้ประมาท และกำปอดกะพงโสมเปียม พุทไธมาศ กรัง ไพรกะบาด แขวงทั้ง ๕ นี้ และเมื่อแต่เดิมราชการข้าพเจ้าได้ทำหนังสือใช้ทนายให้นำกองทัพไปกำเริบฆ่าฟันข้ายญวนนั้น เจ้าเมืองกับสนองกลาภาษ และออกยาพระยาพระกับราษฎรซึ่งพร้อมกำเริบครบตัว ได้รบฆ่าฟันประจามิตรคนร้ายตายบ้างหนีรอดบ้าง หนีเข้าในค่ายบ้าง ข้าพเจ้าได้ล้อมค่ายอยู่แต่ทุกวันนี้ ท่านพระยาราชเดชน้องได้ถอนตัวหนีรอดจากค่ายไปถึงแขวงบ้านพนมเปญ พบท่านพระยาธรมาเดโชมาดคิดกับเจ้าเมืองทุกเขตต์ฝั่งข้างตะวันออกทั้งปวง พร้อมกำเริบทำเป็นกองทัพฆ่าฟันอ้ายญวนคนร้ายแต่ในเมืองในบ้านหมดสิ้นแล้ว เมืองที่ไหนมีค่ายมีไพร่ญวนอยู่ในค่ายนั้นแลข้าพเจ้าล้อมอ้ายญวนประจามิตรคนร้ายมันออกหาได้ไม่ ข้าพเจ้ากับขุนนางใหญ่น้อยมีชื่อ และออกยาพระเขมรกับราษฎรพร้อมกำเริบทำเป็นกองทัพฆ่าฟันอ้ายญวนคนร้ายทุกวัน และได้เดือดร้อนใจเป็นทุกข์เป็นโศกกำพร้านัก ด้วยอ้ายญวนคนร้ายมันให้พลัดพรากจากเสด็จผู้เป็นเจ้า เอาไปเมืองมันหมดสิ้นไม่มีแล้ว ข้าพเจ้าพร้อมจิตตคิดกำเริบ และเมื่อโบราณเสด็จผู้เป็นเจ้าเมืองเขมร ไอยกาบิดามารดามาถึงเดี๋ยวนี้ ยังแต่เสด็จผู้เป็นเจ้าพระองค์หนึ่ง ด้วยเขมรเป็นขุนนางกับราษฎร ก็พร้อมใจไปถึงคุณบุญสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระธรรมคุณมหาประเสริฐ ซึ่งอภัยโทษโปรดปรานให้คงอายุชีวิตอยู่สำหรับพระบารมี ก็เห็นทนายใช้ไปถึงข้าพเจ้าแล้ว บอกว่าอยู่ณแขวงโพธิสัตวมีกองทัพท่านเป็นทนายทั้งสองนั้น ข้าพเจ้ามีใจยินดีนักหนา ทนายท่านใช้นั้นและได้ส่งไปเขตต์กรัง และท่านพระยาพิศณุโลกกับขุนนางวิตกวิจารณ์ ด้วยคิดกำเริบทำเป็นกองทบเป็นกองทัพทุกเขตต์ทุกแขวง ก็พร้อมทำหนังสือให้พระยาสุริโยไทยมากราบปรนนิบัติ มายังท่านทั้งสองผู้เป็นนายขอได้ทำนุบำรุงด้วย เนื้อความราชการสมควรขอได้นำขึ้นกราบเรียนพณหัวเจ้าท่านสมุหนายกเจ้าคุณแม่ทัพใหญ่ผู้สำเร็จราชการได้ทราบ ขอให้ได้เป็นความที่พึ่งขุนนางกับราษฎรเมืองเขมรให้ได้คงอยู่บ้านเมือง เป็นข้าสำหรับพระบารมีสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระธรรมคุณอันประเสริฐ เหมือนหนึ่งท่านฟ้าทะละหะปกเป็นพระธรรมบิดายังคงอยู่ แต่ทว่าราษฎรง่วงเหงาคิดปรารมภ์กลัวจะไม่เหมือนใจราชการจะไม่ได้ ขอบอกปรนนิบัติมาณวันเดือน ๑๒ แรม ๓ ค่ำปีชวดโทศก ศักราช ๑๒๐๒

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ