หนังสือพระยาเสนานุชิต

ฉะบับหนึ่งว่า ข้าพเจ้าพระยาเสนานุชิตเม้า ปรนนิบัติมายังพระองค์แก้วกับพระยาสังขโลกทั้งสอง พระยาณรงค์ธิบดีแก้ว มีพระเดชพระคุณ ได้ทราบ ด้วยพระยาพิบูลยราชให้ถือสำเนาหนังสือใต้เท้าพระกรุณาเจ้าไปถึงข้าพเจ้ากับเจ้าเมืองทุกเขตต์ ได้ดูใจความในหนังสือสำเนาว่า พระองค์แก้วผู้เป็นนายว่าใต้เท้าพระกรุณาเจ้าเป็นใหญ่ ใช้พระนรินทรโยธาปลัดเมืองปัตบองคุมกองทัพ ๑๕๐๐ คนออกมากับท่านผู้เป็นนาย มาตั้งทัพอยู่ณบ้านสอประหาร คอยฟังข่าวราชการเจ้าเมืองกรมการทุกเขตต์แดนข้างเมืองพนมเปญ แล้วว่าขุนนางกับราษฎรมีในรักข้างตระกูลเขมร ระลึกถึงพระเดชพระคุณสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ซึ่งโปรดชุบเลี้ยงมาแต่ก่อนแล้วตรึกตรองคิดประการใด ให้มีหนังสือบอกเข้าไปถึงท่านผู้เป็นนาย ข้อราชการในเมืองเขมรนั้น ขุนนางญวนชื่อตรงเตอยืน ๑ ชื่อทำตาน ๑ ทั้ง ๒ นี้อยู่ค่ายเมืองพนมเปญ เป็นใหญ่ว่าราชการเมืองเขมรทุกเขตต์แดน ด้วยพระยาสังขโลกหมกทราบความซึ่งราชการทุกประการแล้ว ครั้นณปีกุญเอกศกนั้น อ้ายตรงเตอยืนกับอ้ายทำตานมันส่งฟ้าทะละหะสมเด็จเจ้าพระยา พระยากลาโหมลงไปเมืองเว้ หาได้ยินข่าวกลับมาไม่ ครั้นณวันเดือน ๙ แรม ๑๐ ค่ำปีชวดโทศกนั้น มีขนนางอ้ายญวนชื่อกวานตามัง คุมไพร่แต่เมืองเว้ ขึ้นมาถึงค่ายพนมเปญ จับเอาสมเด็จกระษัตรีทั้ง ๔ พระองค์ และ ๓ พระองค์นั้นมันคุมไปเมืองไซ่ง่อน แต่สมเด็จพระเจ้าพี่นั้นมันทำโทษไว้ในค่ายพนมเปญกับท่านพระยาวัง พระยาสุภามนตรี พระยาวงษาธิบดี และได้ยินข่าวว่ามันจะจับขุนนางกับเจ้าทุกเขตต์แดนทำโทษเสร็จแล้ว มันจะกวาดครอบครัวให้พร้อมเอาลงไปเมืองญวน ด้วยใจมันโลภคิดล้างละลายให้ถือเพศเหมือนญวนให้ละทิ้งเพศเขมร และเจ้าเมืองทุกเขตต์แดนกำเริบจะฆ่าฟันอ้ายญวนหากลัวเกรงไม่ ในแขวงเกาะระแต่ก่อนมีเจ้าเมืองชื่อนนนั้น ขุนนางญวนชื่อองอันสาบเป็นผู้ใหญ่อยู่รักษาค่ายเมืองเปียม ว่าเจ้าเมืองนนนั้นมีโทษผิด ให้จำลงไปเมืองเปียมให้ฆ่าเสีย ซึ่งพระยาพระหลวงและราษฎรจีนจามแขกเขมรคิดพร้อมกันให้ข้าพเจ้าเป็นที่เจ้าเมืองกำปอด ครั้นณวันเดือน ๑๐ แรม ๔ ค่ำปีชวดโทศก ข้าพเจ้าได้คิดเกณฑ์รวบรวมจีนจามแขกสกรรจ์โสด ชราพิการได้ ๓๕๐ คนตั้งเป็นกองทัพสู้รบฆ่าฟันอ้ายญวนที่อยู่ค่ายกะพงเกษ ได้องโดยคน ๑ กับไพร่ ๒๗ คน ปืนหามแล่นบอก ๑ ลูกกระสุนดินดำ แล้วข้าพเจ้ายกกองทัพไปไล่ฆ่าฟันอ้ายญวนซึ่งอยู่ที่ค่าย (ตรงนี้ต้นฉะบับขาดหายอ่านไม่ได้ความ) ข้ามโนฆ่านายตายคน ๑ ชื่ออ้ายพงทู อยู่กับไพร่ ๔๒ คน ได้ปืนหามแล่นบอก ๑ ลูกกระสุนดินดำ และค่ายเขมรนั้น มันหนีทิ้งค่ายเสีย เอาเครื่องสาตราอาวุธลงเรือไปเมืองเปียมสิ้น และค่ายอ้ายญวนทั้ง ๓ ค่ายนั้นข้าพเจ้าได้เผาเสียสิ้นแล้ว ข้าพเจ้าได้กวาดรวบรวมครอบครัวให้ขึ้นไปอยู่ป่าไกลกับค่ายอ้ายญวน ข้าพเจ้าและพวกกล้าหาญทำทั้งนี้ หมายจะพึ่งพระเดชพระคุณพระบารมีสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ให้ได้คงน้ำดินสุจริตเขมรตามประเพณีแต่บุราณมา ซึ่งค่ายใหญ่ในเมืองกำปอด ประชิตกับแพรกกะพงบาย บัดนี้ไพร่อ้ายญวนทางบกทางน้ำออกมาแต่เมืองเปียมตามทางถนน แล้วออกแต่ทางมหาสมุทรนอกเขามาประมาณ ๒๐๐๐ คน เรือแงโอแงซายเรือหายใหญ่น้อยเข้าออกอยู่ทุกวัน ที่กะพงบายประจำหน้าค่ายอ้ายญวนเรือ ๕๐ ลำ ข้าพเจ้าจะสู้รบกับกองทัพอ้ายญวนนั้นเห็นทนไม่ได้ ด้วยไพร่พลก็น้อยนัก ปืนและเครื่องสาตราอาวุธหามีไม่ และบรรดากองทัพมีแต่พร้าปะกัก หน้าไม้ตะบอง จะต่อสู้กับกองทัพอ้ายญวนนั้นไม่ได้ ซึ่งเจ้าเมืองทุกหัวเมืองตั้งทัพกันครัวทุกคน จะได้ให้กองทัพมาช่วยข้าพเจ้าอยู่ประตูเมืองนอกนั้นหามิได้ แต่พระยาพิศณุโลกเจ้าเมืองกรังไชยประเทศเสน่หา เป็นนายคุมไพร่ ๒๕ คน พระยาอุไทยธิราชเจ้าเมืองสำโรงทองใช้พระยาเสน่หาธิราชเอมเป็นนายคุมไพร่ ๔๐ คนมาช่วยข้าพเจ้า ๆ มีความวิตกกับราชการนัก ขอท่านเมตตาเอาเนื้อความที่อันสมควรแก่ราชการ กราบเรียนเจ้าคุณผู้ใหญ่ก็ดี จะนำข้อราชการกราบถวายบังคมแด่สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวให้ทรงทราบ ขอสมเด็จพระอนุชากระษัตรา ขอท่านแม่ทัพแม่กองให้ยกกองทัพมาช่วย ตามแต่จะเมตตาประการใด ให้คงน้ำดินกับราษฎรเป็นข้าสำหรับพระบารมีตามประเพณีแต่บุราณมา ซึ่งข้อราชการกราบเรียนมาขอให้งดกองทัพเจ้าคุณผู้ใหญ่ผู้เป็นเจ้า กับหนังสือเจ้าเมืองทุกหัวเมืองตีตรากราบเรียนมาแต่ก่อน เห็นจะทนทานต่อสู้ไม่ได้ ถ้านายทัพนายกองเมตตาตรึกตรองจะเอาเนื้อความกราบถวายบังคมทูลก็ดี ให้กองทัพรีบยกไปก่อนก็ดี ขอได้มีหนังสือบอกไปให้ข้าพเจ้าทราบ และราษฎรทุกวันนี้ขัดสนเป็นอันมาก เข้าในท้องนาก็สุกแล้วจะเกี่ยวเก็บก็หาได้ไม่ ขอเมตตาช่วยทำนุบำรุงประการใดให้เป็นคงสำหรับบารมีสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวต่อไป กราบปรนนิบัติมาณวันเดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำปีชวดโทศก ศักราช ๑๒๐๒

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ