หนังสือกำหนดการรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามที่เมืองเบตาเวีย

ปีมะแม จ.ศ. ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔

กำหนดเสด็จประพาส

วันที่ ๑ เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามจะเสด็จขึ้นบกเมื่อไร จะยิงสลุตคำนับตามพระเกียรติยศ ยิงสลุตแล้วจะเชิญเสด็จพระราชดำเนินเข้ามาในตึกคอเวอนเมนต์ที่ตำบลเรียกว่ารุสวิก เสด็จเข้ามาในตึกนี้แล้ว จะนำพวกขุนนางฮอลันดาให้เข้ามาเฝ้า พวกขุนนางเข้าเฝ้าแล้ว จะเชิญเสด็จออกทอดพระเนตรที่หอใหญ่ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมขุนนางปรึกษาราชการแผ่นดิน เวลาบ่ายจะเชิญเสด็จให้ขึ้นรถเที่ยวทอดพระเนตรบ้านเมือง เวลาค่ำจะมีการเลี้ยงใหญ่ในโฮเต็ลใหญ่ แลผู้ครองเมืองกับขุนนางที่สองแลขุนนางซึ่งเป็นพนักงานรับเสด็จ มากินเลี้ยงพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม กับเสนาบดีฝ่ายสยามที่ตามเสด็จ เวลายาม ๑ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามจะเสด็จเข้าไปในหอใหญ่แล้ว พวกชาวฮอลันดาที่เป็นผู้ดีทั้งชายหญิงต้องเข้ามาเฝ้า

วันที่ ๒ เวลาเช้า จะเชิญเสด็จไปเที่ยวทอดพระเนตรบ้านเมืองตามถนนที่ทำด้วยรางเหล็กแต่รถเทียมม้า ครั้นเสด็จกลับแล้วจะเชิญเสด็จออกไปทอดพระเนตรที่โรงทำปืนต่าง ๆ แล้วเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรที่ตึกสอนวิชาการทหาร แล้วจะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรที่ตึกสำหรับรักษาทหารเจ็บป่วย แล้วจะเชิญเสด็จไปเที่ยวทอดพระเนตรการทหารในที่ตำบลชื่อเวลเตอพอลเดน เวลาบ่ายจะเชิญเสด็จเที่ยวทอดพระเนตรบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง เวลาค่ำมีการเลี้ยงใหญ่ในที่ตึกประทับสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามอีกครั้งหนึ่ง เวลายามเศษพวกมลายู พวกจีน จะแต่งเป็นกระบวนแห่ถือโคมถือไม้มีเครื่องปี่พาทย์ เดินเป็นกระบวนแห่มาหน้าตึกที่ประทับ ให้สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามทอดพระเนตร

วันที่ ๓ เวลาเข้า ทหารซึ่งมีอยู่ที่เมืองเบตาเวียจะสมทบกันที่ท้องสนามชื่อกอนอิงสเปลน แล้วจะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรเมื่อเวลาทหารหัดกระบวนต่าง ๆ ครั้นเลิกการหัดทหารแล้ว จะเชิญเสด็จทอดพระเนตรที่ตึกสอนหนังสือเด็กหลายแห่ง แลตึกซึ่งเป็นที่เลี้ยงเด็กซึ่งเป็นคนกำพร้ายากจน เวลาบ่ายจะเชิญเสด็จไปเที่ยวทอดพระเนตรบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง เวลาค่ำจะมีการเต้นรำในหอที่เรียกว่าฮาโมนี แล้วจุดโคมพร้อมกันทั่วทั้งเมืองเบตาเวีย

วันที่ ๔ เวลาเช้า จะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรที่ตึกซึ่งเป็นที่ประชุมพ่อค้า แลทอดพระเนตรตามห้างค้าขาย แลที่อื่นๆ ที่เป็นที่สำคัญ เวลาบ่ายจะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรบ้านเมือง เวลาค่ำจะมีการเลี้ยงที่โฮเต็ล

วันที่ ๕ เวลาเช้า จะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรสวนดอกไม้แลที่เลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ในที่นั้นพวกปี่พาทย์แลคนขับร้องมาพร้อมกันขับร้องเพลงต่าง ๆ ถวาย แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรตึกสำหรับไว้ของประหลาดต่าง ๆ เวลาบ่ายจะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรการเล่นต่างๆ ที่ท้องสนามชื่อกอนอิงสเปลน เวลาค่ำจะเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรการเต้นรำที่หอชื่อคองคอเดีย ผู้ที่จะเต้นรำนั้น จะแต่งตัวเป็นเทวดาบ้าง แต่งตัวอย่างกษัตริย์บ้าง แต่งตัวอย่างชาวต่างประเทศบ้าง ให้เป็นการสนุก แล้วในคืนวันนั้นจะมีดอกไม้เพลิงด้วย

รุ่งขึ้นวัน ๒ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงหนึ่ง เกาวเนอเยเนราลผู้สำเร็จราชการอินเดียของวิลันดา ให้ขุนนางนำเรือกลไฟจักรข้างมารับเสด็จแลข้าราชการ แล่นไปในคลองถึงท่าจอด ขุนนางที่ ๒ เกาวเนอเยเนราลแลขุนนางเป็นอันมากมาคอยรับเสด็จอยู่ที่ท่า เชิญเสด็จประทับที่ตึกริมท่าสัก ๒๐ นาที แล้วเชิญเสด็จทรงรถเทียมหกม้า ขุนนางทั้งปวงก็ขึ้นรถตามเสด็จไปที่โฮเต็ลรัฐบาลที่รุสวิก เกาวเนอเยเนราลคอยรับเสด็จอยู่ที่นั่น เชิญเสด็จประทับโธรน ขุนนางวิลันดาแลกงสุลทุกชาติพาภรรยามาเฝ้าเป็นอันมาก แล้วรับสั่งให้ข้าราชการไทยไปอยู่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลวิลันดาจัดไว้นั้น เวลาบ่าย ๕ โมงทรงเครื่องยศตามธรรมเนียม ทรงรถเที่ยวทอดพระเนตรถนนแล้วเสด็จกลับ เวลายามหนึ่ง เกาวเนอเยเนราลพาขุนนางแลกงสุลทุกชาติกับบุตรภรรยามาเฝ้าทั้งหญิงชายประมาณ ๗๐๐-๘๐๐ คน

วัน ๓ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ ทรงรถแตรมไปทางประมาณครึ่งโมง แล้วทรงรถม้าไปทอดพระเนตรที่ตึกทำปืนไรเฟอล (ที่เมืองเมยิสเตอคอเนลิศ) แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรที่ทหารอยู่ ทหารหัดท่าต่างๆ ถวายหลายอย่าง แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรโรงสกูลเรียนวิชาต่าง ๆ แล้วทอดพระเนตรที่ทำแยกธาตุแลไฟฟ้า (ที่โรงเรียนยิมนาเซียมวิลเลี่ยมที่สาม) แลโรงเรียนลูกกำพร้าหัดเด็กหัดทำการต่างๆ แล้วมาทอดพระเนตรหัดท่าทหารในโรงเรียนทหาร แล้วไปที่ตึกรักษาคนไข้ แล้วไปทอดพระเนตรตึกที่ไว้ปืนใหญ่ต่างๆ แล้วไปโรงหมอที่ไว้กระดูกคนตาย แลโรคในตัวศพ (ที่เมืองเวลเตเฟรเตน) เวลาบ่าย ๕ โมงทรงรถประพาสตามถนนแล้วเสด็จกลับเวลายามหนึ่ง พวกราษฎรแขกจีนฝรั่งแต่งเครื่องเล่นต่าง ๆ แห่มาถวายตัวเป็นอันมาก ผู้คนเต็มไปเหมือนเวลาชักพระบรมศพ (ในกรุงเทพฯ เมื่อปีมะเส็ง) ทรงทอดพระเนตรที่หน้าโฮเต็ลรัฐบาลที่เสด็จประทับนั้น เวลา ๕ ทุ่มเลิกการเล่น

วัน ๔ ๕ ค่ำ เกาวเนอเยเนราลเชิญเสด็จทรงรถแต่งเต็มยศไปทอดพระเนตรทหารหัดรบถวายที่ (สนามกอนอิงสเปลน) ประทับบนพลับพลายก ทหารปืนใหญ่ทหารปืนเล็กแลทหารม้าประมาณ ๓,๐๐๐ คน ยิงปืนใหญ่ปืนเล็กต่าง ๆ จนเวลา ๔ โมงเศษเสด็จกลับ เวลา ๒ ทุ่มครึ่ง เกาวเนอเยเนราลเชิญเสด็จไปทอดพระเนตรเต้นรำที่ตึกฮามัวนี (สโมสรพลเรือน) ที่ตึกนั้นแต่งเป็นโธรนที่ประทับมี ๗ ชั้น จุดแก๊สเป็นรูปพระตราไทยแลตราฮอลันดา คนที่ไปเต้นรำนั้นประมาณทั้งชายหญิง ๑,๐๐๐ คนเศษ เล่นอยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเสด็จกลับ

วัน ๕ ๑๐ ๕ ค่ำ เสด็จไปทอดพระเนตรศาลหลวงศาลกรมเมือง (โบรีสภา) แลที่ทำการจักรเล็กน้อยแลโรงประทีปลม แลตึกเก็บภาษี คูสะพานยก เที่ยวตามห้างต่าง ๆ แล้วเสด็จกลับ เวลา ๒ ทุ่มเสวยโต๊ะที่ศาลานคราภิบาล ทั้งไทยฝรั่ง ๑๐๐ คนเศษ

วันที่ ๖ ๑๐ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ เสด็จทอดพระเนตรสวนขังสัตว์ต่างๆ แล้วทอดพระเนตรวัดอังกฤษ (โปรเตสตันส์) แล้วไปวัดฝรั่งเศส (โรมันคโทลิก) เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จทอดพระเนตรตึกมิวเซียม ที่ไว้ของโบราณซึ่งมีในแผ่นดินชวาแลประเทศต่างๆ เวลา ๒ ทุ่มมีการเต้นรำในพวกขุนนางออฟิเซอฝ่ายทหาร (แต่งตัวกันต่างๆ แล้ว) มีดอกไม้ไฟต่าง ๆ ที่ตึกคองคอเดีย (สโมสรทหาร) แล้วเสด็จกลับ

วัน ๗ ๑๒ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ เสด็จทรงรถกลับมาลงเรือพระที่นั่ง เกาวเนอเยเนราลแต่งการส่งเสด็จเหมือนอย่างเมื่อรับนั้น เวลา ๕ โมงเช้า ออกเรือใช้จักรออกจากหน้าเมืองเบตาเวีย

วัน ๑ ๑๓ ๕ ค่ำ เห็นเกาะแลฝั่งเมืองชวา เวลาเที่ยงเห็นเรือกำปั่นทอดท่าเมืองสำมารัง เวลาบ่ายโมง ๒๐ นาที ทอดสมอหน้าเมืองสำมารัง ขุนนางในกำปันรบมาเฝ้า แล้วขุนนางฝรั่งแลแขกลงมาเฝ้า เวลาบ่าย ๓ โมงเรือสยามูมาถึง

วัน ๒ ๑๔ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงหนึ่ง เรสิเดนต์ให้จัดเรือกลไฟเล็ก ๒ ลำมารับเสด็จแลข้าราชการ ขึ้นประทับที่ท่าในคลองใหม่ ทรงรถแห่ไปเหมือนอย่างเมืองเบตาเวีย ถึงที่บ้านเรสิเดนต์จัดไว้รับ เชิญเสด็จขึ้นบนโธรน มีรับสั่งให้นายราชาณัตย์บอกตำแหน่งข้าราชการ เรสิเดนต์ก็คำนับจับมือตามธรรมเนียม แล้วเรสิเดนต์ก็บอกตำแหน่งขุนนางฝ่ายวิลันดาเสร็จแล้ว เสด็จประทับอยู่ในตึกนั้น เวลาเช้า ๔ โมงเสด็จไปทอดพระเนตรโรงทำดินปืน ตึกรักษาคนบ้าแลคนไข้ ดูทำผ้าโสร่งในบ้านแขกชวา แล้วเสด็จกลับ เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จทอดพระเนตรตึกสกูลสอนหนังสือผู้หญิงที่สกูลบาทหลวง ไปดูที่สเตชันตามทางรถไฟ แลที่เครื่องจักรทำรถต่าง ๆ แล้วเสด็จกลับ เวลาทุ่มเศษ เรสิเดนต์เชิญเสด็จแลขุนนางที่อยู่ตึกที่ประทับเลี้ยงโต๊ะ

วัน ๓ ๑๕ ๕ ค่ำ เวลาเช้า เสด็จไปพร้อมทั้งข้าราชการไปทอดพระเนตรรถไฟถึงสะพาน ทางยังไม่แล้ว ต้องกลับมาพักเสวยที่โรงพักรถไฟแล้วเสด็จกลับ เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่ง เสด็จไปทอดพระเนตรถนนขึ้นไปบนเขาแล้วกลับตามถนนมาบ้านเรสิเดนด์ เวลายาม ๑ ทอดพระเนตรเต้นรำที่ตึกประทับ จนเวลา ๕ ทุ่มเลิก

วัน ๔ ๕ ค่ำ เวลา ๒ โมงเช้า เสด็จไปที่ตึกขังคนโทษวิลันดา ทำเป็นป้อมแลอุโมงค์สำหรับทหารทำผิด ลงโทษให้ทำการต่าง ๆ ในเครื่องใช้ทหาร แล้วไปดูตึกชำระความทุกกรมอยู่ในตึกนั้น แล้วดูสุเหร่าแขก เวลา ๒ ทุ่มไปทอดพระเนตรละครชวาของระเด่นอธิปติบันหยี่ คือเจ้าแขกในเมืองกาหลัง เวลา ๕ ทุ่มครึ่งเสด็จกลับ

วัน ๕ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมง ๑ เสด็จทรงเครื่องพลเรือนกลับจากเมืองสำมารัง มีกระบวนแห่เหมือนเมื่อขึ้น เสด็จลงมายังเรือพระที่นั่ง เวลา ๕ โมง ๕๐ นาที ออกเรือพระที่นั่งจากท่าเมืองสำมารังมา

วัน ๖ ๕ ค่ำ เวลา ๗ ทุ่มเห็นปากช่องบังกา เวลา ๓ ยามเห็นไฟตะเกียงที่หาด

วัน ๗ ๕ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมง ถึงเรือนตะเกียงที่ท่าเมืองปูตอก (มินต๊อก) ปากช่องบังกา

วัน ๑ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมง ๑ ถึงเกาะลิงา เวลาเที่ยงถึงปากช่องเรียวข้างใต้ เวลาบ่าย ๔ โมงถึงปากช่องเรียวข้างเหนือ เวลา ๒ ทุ่มถึงที่ทอดสมอหน้าเมืองสิงคโปร์

วัน ๒ ๕ ค่ำ เวลาโมงครึ่ง มิสเตอร์เบิน เสเกรตตารี กับเอดิกงเจ้าเมืองสิงคโปร์ ลงเรือไฟเล็กมาเฝ้าในเรือพระที่นั่ง กราบทูลว่ากาวเนอให้มากราบทูลถามว่าจะเสด็จขึ้นโดยพระเกียรติยศ หรือเป็นการไปรเวต เกาวเนอจะจัดรับเสด็จตามพระราชประสงค์ จึงมีพระบรมราชโองการว่า จะเสด็จเป็นการไปรเวต เวลาเช้า ๕ โมงครึ่ง เกาวเนอ (คือนายพันเอก แอนสัน ผู้รั้งราชการ) มาเฝ้าในเรือพระที่นั่ง เชิญเสด็จขึ้นบนเมือง เวลาเที่ยงทรงเครื่องตามธรรมเนียม เสด็จลงเรือไฟไปกับเกาวเนอ ถึงสะพานที่ท่ายอนสตันเปีย ขุนนางอังกฤษมารับเสด็จ ๑๐ คน เชิญเสด็จขึ้นรถไปบ้านเจ้าเมือง (เชิญเสด็จเสวยกลางวันแล้ว) เวลาบ่าย ๓ โมง เสด็จกลับมาบ้านพระยาอัสดงคต ฯ เวลาบ่าย ๕ โมง ๑๕ นาที เสด็จทรงรถประพาสไปรอบเมือง จนเวลาย่ำค่ำแล้ว ๒๐ นาที เสด็จขึ้นที่บ้านเจ้าเมืองเสวย (เย็นอีกครั้ง ๑) แล้ว เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จทรงรถไปทอดพระเนตรละครม้าทำท่าต่างๆ จนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จกลับลงเรือพระที่นั่ง เกาวเนอแลขุนนางตามส่งเสด็จถึงท่าที่สะพาน จุดคบเพลิงสว่างข้างทางตลอดจนถึงสะพาน

วัน ๓ ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมงออกเรือพระที่นั่งจากท่าเมืองสิงคโปร์

จดหมายเหตุเรื่องเสด็จสิงคโปร์ แลเกาะชวาคราวแรกหมดฉบับเพียงเท่านี้ สอบในหนังสือพิมพ์ข่าวออกในกรุงเทพ ฯ ครั้งนั้นได้ความว่า

วัน ๗ ๑๐ ๕ ค่ำ ปีมะแมตรีศก จุลศักราช ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔ เสด็จกลับมาถึงกรุงเทพฯ มีการรื่นเริงรับเสด็จแลจุดประทีปทั่วพระนครอย่างนักขัตฤกษ์ต่อสงกรานต์อีก ๕ วัน แลในการเสด็จคราวนั้น โปรดให้หล่อรูปช้างด้วยทองสำริด ๒ รูป ให้พระยาสมุทบุรานุรักษ์ เนตร พาไปพระราชทานไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งทรงขอบใจในการรับเสด็จที่เมืองสิงคโปร์รูป ๑ ที่เมืองเบตาเวียรูป ๑ รัฐบาลอังกฤษแลวิลันดาได้ทำฐานศิลาตั้งรูปช้างนั้นไว้ ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

  1. ๑. เจ้าชวาคนนี้ คือมังกนะคะโร เมืองโซโล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ