จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ในรัชกาลที่ ๕ ตอนแรกเสวยราชย์

(ต่อจากเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก)

(คัดจากสมุดไทยดำเส้นดินสอขาว เลขที่ ร. ๕. ๓๙๖/๒ ได้มาจากกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้นฉบับเขียนอ่านยากที่สุด เพราะผู้เขียนไม่สันทัดในวิชาหนังสือ ซ้ำยังมีชำรุดเพราะตัวสัตว์กัด อ่านไม่ออกก็หลายแห่ง ที่อ่านได้แต่สงสัยว่าจะไม่ถูกก็มี)

ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐ พ.ศ. ๒๔๑๑

ณ วัน ๕ ๑๓ ๑๒ ค่ำ เพลาพลบ พระบาทสมเด็จพระจุฬา (ลงกรณ) เกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงสดับพระธรรมเทศนา สมเด็จพระพุฒาจารย์ เทศน์ทศพิธราชธรรมจักรวรรดิวัตราชานุวัฒน์ ถวายไตรเครื่องไทยธรรมเพลายามเศษ เสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๖ ๑๔ ๑๒ ค่ำเพลาสองโมงเช้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงเลื่อนพระบาเรียน พระมหานุ่มเจ็ดประโยค วัดอมรินทร์ เป็นพระกวีวงศ์ (ที่พระราชาคณะ) นิตยภัตรสี่ตำลึง พระปลัดแสง บาเรียนเจ็ดประโยค วัดราชบุรณะ เป็นพระราชมุนี (ที่พระราชาคณะ) นิตยภัตรสี่ตำลึง พระปลัดเมตะคู (เดช) วัดบุปผาราม เป็นพระวิเชียรมุนี (ที่พระราชาคณะ) นิตยภัตรสามตำลึง ฯ เสด็จขึ้นพระแท่นถม ให้พระยามหาอำมาตย์ เป็นที่เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ฯ ถือศักดินา ๑๐,๐๐๐ พระยาสุเรนทรราชเสนาในพระบวรราชวัง เป็นพระยามหาอำมาตย์ ถือศักดินา ๖,๐๐๐ พระยาบุรษรัตนราชพัลลภ เป็นพระยาราชสุภาวดี ถือศักดินา ๕,๐๐๐ ให้พระวิสูตรโยธามาตย์ เป็นพระยากสาปณกิจโกศล ถือศักดินา..... ให้พระณรงควิชิต เจ้ากรมตำรวจในพระบวรราชวัง เป็นพระยาเจริญราชไมตรี ให้พระมหาเทพ เป็นพระยามหาเทพ ให้พระราชรองเมือง๑๐ เป็นพระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง ให้พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร๑๑ เป็นพระยาพิทักษ์ภูบาล จางวางรักษาพระองค์ ถือศักดินา ...... ให้พระยาอัพภันตร๑๒ เป็นพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ถือศักดินา ...... เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ นามบัตรจารึกแผ่นเงิน ห่อแพรสีทับทิม นายสุด๑๓มหาดเล็กเวรสิทธิ์เป็นขุนเพ็ชรอินทรา พระราชวรินทร์๑๔นอกราชการเป็นหลวงวาสุเทพ ถือศักดินา ...... พระยาเทพประชุน๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นผู้ช่วยกรมท่า เพลาย่ำเที่ยงเสด็จขึ้น ฯ เพลาพลบ กรมหมื่นบวรรังษี ฯ ถวายพระสัทธรรมเทศนาว่าด้วยพงศาวดาร เพลายาม เสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน๗ ๑๕ ๑๒ ค่ำ เพลาพลบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสดับพระธรรมเทศนาว่าด้วยมงคลสูตรกัณฑ์หนึ่ง เพลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้นฯ

ณ วัน ๑ ๑ ค่ำ เพลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร ฯ ทรงสดับพระธรรมเทศนารัตนสูตรกัณฑ์หนึ่ง เพลา ๒ ทุ่ม เสด็จขึ้นฯ

ณ วัน ๑ ๑ ค่ำ เพลาบ่าย ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับบนแท่นถม ข้าราชการฝ่ายพลเรือน สวมเสื้อเข้มขาบเฝ้ารับแขกเมือง ยิงสลุด ๑๒ นัด รับแขกเมือง อัดมิรัล เกปเปล พระยาทะเล๑๖เมืองอังกฤษเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาพิพัฒโกษา พระยาราชานุประพันธ์๑๗โปรดให้พาอัดมิรัลไปเฝ้าพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จขึ้น ฯ๑๘

ณ วัน ๔ ๑ ค่ำ เพลา ๕ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาส้าระบับ ฉลองพระองค์ตาดอย่างน้อย ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรง (พระสังวาล) พระนพรัดพระองค์ประดับเพ็ชร ทรงพระ (มหาชฏา) กลีบ เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งพุดตาล มีปืนใหญ่นำริ้วสิบบอก กระบวนแห่อย่างพิชัยสงคราม มีมโหรทึกกลองชนะทองเงินหน้าพระที่นั่งพุดตาล ธงชัยกระบี่ (ธุช ธงพระ) ครุฑ (พ่าห์) พระเสมาธิปัตย์ พระฉัตรชัย พระเกาวพ่าห์ อยู่กลาง ทรงโปรยเงิน เมื่อจะยาตรายิงปืน ๓ นัด กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ กรมหนื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ พระบวรวงศ์เธอสี่คู่แปดพระองค์ พระเจ้าน้องยาเธอสิบพระองค์ ทรงฉลองพระองค์จีบเอวเข้มขาบ ทรงพระมาลาเส้าสะเทิน คาดเจียรบาด ทรงม้าทั้งสิบคู่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ ทรงพระวอตามเสด็จอยู่ในกระบวนทั้งสองพระองค์ พระยาเดโชนำริ้ว๑๙ พระยาสีหราช๒๐ตามริ้ว นุ่งยก ใส่เสื้อโหมดเทศ โพกแพรติดกลีบ นั่งแคร่ พระยาศรีเสาวราช พระยาราชวรานุกูล ขี่ม้านำกระบวน...พยุหยาตรา พระนรินทรเสนี๒๑ หลวงราชเสนา๒๒เดินระวังกระบวนพยุหยาตรา สองข้างทางปักราชวัตร ราษฎรตั้งโต๊ะเครื่องบูชา แห่รอบพระบรมมหาราชวัง จนกระทั่งกำแพงพระอุโบสถวัดพระเชตุพน ฯ

ณ วัน ๖ ๑ ค่ำ เพลาบ่าย ๒ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาปูมเขมร ทรงฉลองพระองค์อย่างน้อยส้าระบับพื้นเขียว ทรงฉลองพระองค์ครุย เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับบนพระแท่นถม เจ้าต่างกรม พระองค์เจ้า ทรงผ้าทรงม่วง ทรงฉลองพระองค์ส้าระบับเข้มขาบ นั่งบนเบาะพับ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน ใส่เสื้อเข้มขาบ ท่านเสนาบดีจตุสตมภ์ นั่งบนเบาะพับ ยิงสลุดรับแขกเมือง ที่ศาลต่างประเทศ แขกเมืองขี่แคร่กั้นสัปทนเข้ามาทางประตูวิเศษไชยศรี ขึ้นมาประทับอยู่กลางศาลากลาโหม พระยาพิพัฒน์โกษา พระยาราชานุประพันธ์นำแขกเมืองเข้าเฝ้า พระยาพิพัฒโกษากราบทูลว่า สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินโปรตุเกตให้ซินยอ วิยันนา เข้ามาเป็นกงซุลเยเนราลโปรตุเกตแทนมิสเตอร์ โป อยู่ที่กรุงเทพ ฯ กงซุลเยเนราลจะได้ขอเปลี่ยนหนังสือสัญญา มีพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท (ว่า) สุดแต่ท่านเสนาบดีปฤกษาพร้อมกัน เพลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้นฯ

ณ วัน ๑ ๑ ค่ำ เพลา ๓ โมงเช้า แห่พระสุพรรณบัฏไปในพระบวรราชวัง สถิตบนแท่นมณฑล เชิญพระพุทธ (บุษย) รัตนจักรพรรดิพิมลมณี (มัย) ไปประดิษฐานบนพระแท่นมณฑล ตั้งแต่ประตูวิเศษไชยศรีจนพระบวรราชวังข้างหน้า ปักราชวัตรสองข้างทาง พลับพลายกปลูกหน้าโรงปืน หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระเจ้าบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เสด็จประทับแรมอยู่ที่นั่น เพลาบ่าย ๓ โมงเศษ ทรงพระภูษาเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์จีบ ทรงพระมาลาเส้าสะเทิน ทรงพระที่นั่งพุดตาลแห่หยุหยาตราอย่างน้อย เสด็จขึ้นไปในพระบวรราชวัง แล้วทรงถอดพระมาลา เปลื้องฉลองพระองค์จีบ ทรงคาดฉลองพระองค์ครุย เสด็จเข้าไปประทับบนพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ทรงถวายไตรพระราชาคณะคามวาสี อรัญวาสี ๕๕ ไตร กรมหมื่นบวรรังษี ฯ ทรงจุดเทียนไชย พระราชาคณะ ๕ รูป ขึ้นไปสวดในที่พระบรรทม พระราชาคณะ ๕๐ รูปสวดที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย สวดท้องภาณ ๓ คืน ๓ เวลา สวดมนต์เสร็จแล้ว เสด็จมาประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เสด็จไปทรงฟังสวดมนต์ ๓ วัน เพลาบ่ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทางสถลมารคทั้งสามเวลา พระเจ้าบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เพลาเช้าเสด็จตามธรรมเนียม ขึ้นไปปรนนิบัติพระในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยทั้งสามเวลา ฯ

ณ วัน ๔ ๑๑ ๑ ค่ำ๒๓ พระฤกษ์โมงหนึ่งกับเก้าบาท แห่เป็นกระบวนพยุหยาตราเหมือนอย่างฟังสวด เสด็จขึ้นพระแท่นสรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานหม้อน้ำทองรด พระมหาสังข์ทักษิณาวัตร พระราชทานให้ กรมหลวงเทเวศร ฯ กรมหลวงวงศา ฯ กรมขุนวรจักร ฯ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ รดถวายทั้งสี่พระองค์ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เจ้าพระยาภูธราภัย รดถวายทั้งสองท่าน ทรงพระภูษาพื้นเขียว ฉลองพระองค์ครุยเขียว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแผ่นพระสุพรรณบัฏ พระอนุราชมงกุฎ พระมาลาเส้าสะเทิ้น พระแสงฝักทอง พระแสงญี่ปุ่นฝักแดง พระแสงญี่ปุ่นฝักถมตะทอง ทองเหรียญถุงหนึ่ง เงินถุงหนึ่ง ฯ พระศรีสุนทรโวหารอ่านคำประกาศตามในแผ่นพระสุพรรณบัฏเลื่อนกรมหมื่นบวรวิไชยชาญ ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล รับพระบัณฑูร ทรงศักดินา ๑๐๐,๐๐๐ โปรดให้โปรยต้นกัลปพฤกษ์ ๘ ต้น ต้นละ ๑๐ ตำลึง เพลาย่ำเที่ยง เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

แต่ ณ ๑ ท่านเสนาบดี เจ้าต่างกรม ปรึกษาพร้อมกัน อัฐฬสมีผู้ทำปลอมระคนปนกับอัฐหลวงเป็นอันมาก ป่าวร้องประดาลูกค้าพานิช ราษฎรในกรุงนอกกรุง ทั่วพระราชอาณาจักร ให้เอาอัฐฬสมาขึ้นกับเจ้าพนักงานคลังมหาสมบัติ เจ้าพนักงานรับแต่อัฐหลวงไว้ อัฐปลอมนั้นทุบเสียหมด แล้วจึงจำหน่ายเงินบาทฬสตีตราพระพานเกล้าข้างหนึ่ง รูปจักรกับช้างข้างหนึ่ง ฬสหนึ่งหนัก ๒ สลึง ๑๖ ฬสเป็นเงินเฟืองหนึ่ง ให้รีบมาขึ้นแต่ใน ๑๕ วัน ซีกเสี้ยวให้ราษฎรทั่วพระราชอาณาจักรให้เอาแต่ซีกเสี้ยวของหลวงมากขึ้น ถ้าไม่ใช่ของหลวงเจ้าพนักงานไม่รับ ขึ้นได้แล้วให้ใช้อัฐเก่า ๔๐ ตัวเป็นเงินเฟืองหนึ่งฬส ๘๐ ตัวเป็นเงินเฟืองหนึ่ง ให้รีบเอามาขึ้นแต่ในแรมสิบสี่ค่ำ เดือนอ้ายฯ๒๔

ณ วัน ๒ ๑ ค่ำ๒๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โปรดให้ขุนประสิทธิ์อักษรสาตร๒๖เป็นขุนสารประเสริฐ เจ้ากรมพระอาลักษณ์ ถือศักดินา ๑๖๐๐ โปรดให้นายทิม๒๗ข้าหลวงเดิมเป็นขุนประสิทธิ์อักษรสาตร ถือศักดินา ๖๐๐ โปรดให้นายทั่ง จางวางข้าหลวงเดิม เป็นหลวงสุนทรภิรมย์ จางวางฝีพายซ้าย เพลา ๕ โมงเช้าเสด็จขึ้นฯ

ณ วัน ๔ ๑ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โปรดให้พระพิเรนทรเทพ๒๘ เป็นพระยาประจิม ฯ โปรดให้พระอินทรเทพ๒๙มาเป็นพระพิเรนทรเทพ โปรดให้หมื่นวรราชบุตรารักษ์๓๐ปลัดกรม ข้าหลวงเดิม เป็นพระอินทรเทพ เพลา ๕ โมงเช้าเสด็จขึ้นฯ

ณ วัน ๕ ๑ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยานประทับท่าราชวรดิตถ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบเสด็จทางชลมารค ประทับวัดอรุณราชวราราม ทรงปรนนิบัติพระ (สงฆ์) ในพระอุโบสถ ๒๐ รูป สดับปกรณ์พระบรมอัฏฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ฯ มีพระราชโองการแก่พระอินทรเทพให้เอาตัวพระยาวิชิตณรงค์๓๑ ไปรับพระราชอาญาโบย ๒๐ ที ไม่มีตรองแปด (เห็นจะเป็นตรัมเปด) นำเสด็จ เพลา ๕ โมงเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

ณ วัน ๖ ๑ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จทรงพระราชยานประทับท่าราชวรดิตถ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบเสด็จทางชลมารค ประทับวัดราชโอรส เสด็จขึ้นทรงปรนนิบัติพระ (สงฆ์) ๒๐ รูปในพระอุโบสถ สดับปกรณ์พระบรมอัฏฐิพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพลาบ่ายโมงหนึ่งเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

ณ วัน ๔ ๑๐ ๑ ค่ำ เพลา ๓ โมง เชิญพระบุพโพขึ้นตั้งบนพระยานุมาศ มีเศวตฉัตร แห่เข้าพระเมรุยอดวัดมหาธาตุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับพลับพลายก ทรงสดับปกรณ์ พระประยุรวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายหน้าฝ่ายในถวายสดับปกรณ์ทุกๆ วัน แล้วถวายพระเพลิง เชิญพระอังคารไปสถิตบนเรือพระที่นั่งไกรสรมุข แห่เปนกระบวนพยุหยาตราไปประดิษฐาน......หน้าวัดยานนาวา เพลาบ่ายโมงหนึ่งเสด็จขึ้น ฯ ครั้นถึงเพลาบ่าย ๔ โมงเศษ เพลิงไหม้กลางตลาดบ้านหม้อ เรือนโรงตึกไหม้ ๑๐๔ หลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชยานเสด็จทางสถลมารค ประทับเชิงตะพานช้าง ริมวัง (กรม) พระพิทักษ์เทเวศร กรมพระราชวัง (บวร) เสด็จมาประทับ ณ ที่นั้นด้วย เพลา ๕ โมงเย็นเพลิงจึงดับ ฯ

ณ วัน ๖ ๒ ค่ำ๓๒ โปรดให้ตั้งพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงละม่อม เลื่อนเป็นกรมพระสุดารัตนราชประยูร ทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐ พระราชทานหีบลงยาหีบหนึ่ง บ้วนพระโอฐลงยาหนึ่ง เจ้ากรมเป็นพระสุดารัตนราชประยูร ถือศักดินา ๘๐๐ ปลัดกรมถือศักดินา ๖๐๐ สมุห์บาญชีถือศักดินา ๓๐๐ ฯ

อ้ายโทนทาษเมาสุรา เสมียนพุกเสมียนน้อยทั้งสองคนพากันลงไปกลุ้มรุมอ้ายโทน ทาษ ว่าอ้ายโทนขว้างบ้านขว้างเรือนเสมียนน้อยเอาหอกซัดแทงถูกท้องข้างขวา ไส้แตกทะลักออกมา...กอง แทงแต่เวลาพลบ ฯ ณ วัน ๒ ค่ำ ยกเอาอ้ายโทนมาอยู่ศาลาริมบ้านพระยาราชรองเมือง๓๓ รุ่งขึ้นวัน ๖ ค่ำ อ้ายโทนตาย ฯ

ณ วัน ๓ ๒ ค่ำ เพลาบ่าย ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยาน เสด็จประทับพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ทรงทอดพระเนตรกระบวนแห่พระยาสีหราชเดโช พระราชทานเงิน ๓๐๐ เฟื้อง พระยาสีหราชเดโชไปหยุดที่โรงพัก ดูพวกนาลิวันขึ้นโล้ชิงช้า พวกนาลิวันลากสายเชือกที่ผูกกระดานโล้ชิงช้าลากไม่ไหว คนเข้าช่วยอีกคนหนึ่ง จึงโล้ไปได้ กระดานสองกระดานสามสี่ เสด็จประทับอยู่ที่พระที่นั่งสุทไธศวรรย์ เพลา ๔ โมงเสด็จขึ้นฯ

ณ วัน ๔ ๑๐ ๒ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย (ทรงพระราชยาน) ประทับท่าราชวรดิตถ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบ เสด็จทางชลมารคประทับบ้านท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ พระราชทานทองเหรียญ ๖๑ เหรียญเป็นปี เงินเหรียญเป็นเดือน ซีกเป็นวัน ประทับอยู่เวลาบ่าย ๑ โมงเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ทำซายิด ถวายของไทยธรรม คิดเป็นราคาถึงองค์ละ ๑๐ ชั่ง เจ้าต่างกรมหากรมมิได้ ข้าราชการทั้งพระบรมมหาราชวังและพระราชวังบวรพร้อมกันไม่ได้ขาดเลยในปาตี้พี่น้องของท่านที่บ้านผูกซุ้มไม่ให้เหมือนกันทั้งหกเวลาทุกๆ บ้าน ฯ

ณ วัน ๖ ๑๒ ๒ ค่ำ๓๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพระที่นั่ง......เลี้ยงพระสงฆ์ ๒๐ รูป สรงน้ำพระอัฏฐิสมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์ เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จพระเทพสิรินทรามาตย์ เปลี่ยนพระโกศใหม่ อัญเชิญพระอัฏฐิประดิษฐานไว้ในพระโกศจำหลักลายกุดั่น ในหลวงทรงสดับปกรณ์ ๑๐๐๐ รูป เจ้าต่างกรมยังไม่มีกรม ท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ สดับปกรณ์ทุก ๆ พระองค์ ในหลวงมีพระสัทธรรมเทศนา ๔ กัณฑ์ ฯ

ณ วัน ๔ ๒ ค่ำ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ ๒๐ รูป จารึกพระสุพรรณบัฏตั้งบนพระแท่นหิน เลื่อนพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ทรงศักดินา ๑๕,๐๐๐๓๕ เวลาย่ำเที่ยงเสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๑ ๒ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นบนเก๋งราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ ประทับเกยทรงพระมหาชฎารับพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณ พระองค์เจ้าจรูญโรจน์ ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอทรงพระเกี้ยวยอด พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณทรงพระเกี้ยวยอด พระองค์เจ้าในพระบวรราชวัง ทรงพระเกี้ยวทิศ เครื่องสูงหักทองขวางสำรับ ๑ ทองแผ่ลวด ๒ สำรับ มยุรฉัตรพุ่ม ดอกไม้เงินทอง มีเหมือนกันทั้ง ๓ พระองค์ มีสะสาว๓๖ กระบวนแห่เหมือนกันกับทุกครั้งแต่เล็กน้อย ราชวัตรฉัตรเบ็ญจรงค์มีกาลบาตเว้นช่อง ๑ ใส่ปี่พาทย์ช่อง ๑ ตลอดประตูพรหม บนพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชาคณะ ๖๐ รูป สวดท้องภาณ กรมหมื่นบวรรังษี ฯ จุดเทียนไชย ฟังสวดมนต์ ๓ เวลา ฯ ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๔ ๒ ค่ำ ได้พระฤกษ์ย่ำรุ่งแล้ว เก้าบาท โสกันต์ทั้ง ๓ พระองค์ เวลาบ่ายสมโภชทั้ง ๓ พระองค์ ฯ ณ วัน ๑๐ - ๑๑ ค่ำ เวลาบ่ายสมโภชแต่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรม ทรงผ้าเกี้ยวเขียนทอง ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนนุ่งผ้าสมปักลาย ใส่เสื้อเข้มขาบ คาดเสื้อครุยหกวันเจ็ดเวลา การสมโภชมีเหมือนทุกครั้ง ฯ

ณ วัน ๒ ๑๔ ๒ ค่ำ เพลาบ่าย ๓ โมง แห่พระราชสาส์น มีทหารนำหน้า พระราชสาส์นตั้งบนพระยานุมาศ แห่ไปถนนเจริญกรุง ไปส่งให้กงซุลฝรั่งเศสฉะบับ ๑ อังกฤษฉะบับ ๑ ใจความในพระราชสาส์นนั้นว่าด้วยในพระบรมโกศสวรรคต อัญเชิญสมเด็จพระจุฬาลงกรณเกล้าขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินสยาม ความเหมือนกันทั้ง ๒ ฉะบับ ฝากเรือรบเขาออกไป ฯ

ณ วัน ๕ฯ๘ ๓ ค่ำ พระประสิทธิ์ ฯ (เสือ) ป่วยไข้ จับได้ ๓ เวลา ถึงมรณภาพ อายุได้ ๖๓ ปี อยู่วัดหงส์ ฯ

ณ วัน ๖ ๓ ค่ำ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงปุก๓๗ ในพระบวรราชวังประชวรพระโรคลมประมาณคืน ๑ สิ้นพระชนม์พระชันษาได้ ๘๕ ปี พระราชทานให้ใส่โกศรุ้ง เชิญพระศพไปไว้วังเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ฯ

ณ วัน ๖ ๔ ค่ำ เชิญพระศพพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนราชสีห์ฯ ไปเข้าเมรุวัดอรุณ โปรดให้มีโขนโรง ๑ หุ่นโรง ๑ งิ้วโรง ๑ หนัง ๒ โรง ไม้ต่ำไม้สูง ต้นกัลปพฤกษ์ ๒ ต้น ๆ ละ ๕ ตำลึง เสด็จทั้ง ๓ วัน ทรงพระภูษาพื้นขาว ฯ ณ วัน ๑๐ ๔ ค่ำ พระราชทานเพลิง ฯ

ณ วัน ๔ ค่ำ ตั้งพระมหาโล้ บาเรียน ๔ ประโยคขึ้นเป็นพระวิสุทธิโสภณ อยู่วัดหนัง๓๘ พระครูมหาพฤกษธาดา เลื่อนเป็นพระพฤกษธาดา๓๙ ราชาคณะ อยู่วัดไชยพฤกษ์ ฯ

ณ วัน ๔ ค่ำ โปรดให้หม่อมเจ้าสิงหนาท เป็นพระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ จารึกลงในแผ่นพระสุพรรณบัฏ ทรงศักดินา ๘๐๐๐๔๐

ณ วัน ๑๐ ๔ ค่ำ พระธรรมเจดีย์ (อุ่น) วัดพระเชตุพน อายุ ๘๓ ปี มีอ้ายผู้ร้ายแหกหลังคา ตีซี่โครงหัก ๓ ซี่ ถึงมรณภาพ เอาผ้าเหลืองผูกตง (ขื่อ?) แขวนไว้๔๑

๏ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โปรดให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี ว่าที่กรมท่าอย่างเดิม คืนตราจากกรมขุนวรจักรธรานุภาพ เชิญใส่เรือเอกชัย ภูษามาลาขึ้นไปมอบให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ฯ

ณ วัน ๑๑ ๔ ค่ำ ตั้งพระราชพิธีตรุษ (ณ พระที่นั่ง) สุทไธศวรรย์ ครั้นถึง ณ วันแรมสิบสี่ค่ำ ได้พระฤกษ์ ๒ โมงกับห้าบาท เกษากันต์หม่อมเจ้าเจ็ดองค์แปดองค์ พระอโนมมุนี๔๒ประกาศเทวดา สิ้นพระราชพิธีตรุษแต่เท่านี้ ฯ

ปีมะเสง จ.ศ. ๑๒๓๑ พ.ศ. ๒๔๑๒

ณ วัน ๕ ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก เพลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาพิพัฒโกษา นำแขกเมือง.........กัปตันเดนดม๔๓กับขุนนาง ๗ คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพลา ๔ โมงเย็นเศษ เสด็จขึ้นฯ กัปตันเดนดมขุนนาง ๗ คน ขึ้นไปเฝ้าพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรมทรงฉลองพระองค์สี ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนใส่เสื้อสีต่างๆ ฯ

ณ วัน ๖ ๕ ค่ำ เพลาพลบ ดาวโรหิณีใกล้เดือน ห่างประมาณคืบหนึ่งทางทิศใต้ ฯ

ณ วัน ๖ ๑๔ ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก เพลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาพิพัฒโกษา นำข้อความขึ้นกราบบังคมทูล ว่าแขวงเมืองนครไชยศรี จีนหลายตำบลคบคิดกันเป็นหมู่เหล่าเข้าปล้นสดม ให้อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน จับตัวจีนกันหน้าไว้กับสมัครพรรคพวก ชำระจีนกันหน้าเป็นสัตย์ มีพระราชโองการปรึกษาท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายก เจ้าพระยายมราช พระยาราชสุภาวดี พระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ พระยาเทพประชุน พระยาราชรองเมือง พระยาเพ็ชรดา๔๔ ปรึกษาพร้อมกันสั่งให้เอาตัวจีนกันหน้าลงพระอาญาเฆี่ยน ๙๐ ที มีป้ายเขียนนำหน้าประจารว่า อย่าให้ราษฎรไทยจีนดูเยี่ยงอย่างเหมือนจีนกันหน้า ไปประหารชีวิตที่...วัดโคก๔๕

ณ วัน ๒ ๔ ค่ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก พระบวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าดวงจันทร์ ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคลรัชกาลที่ ๑ ประชวรพระโรคชราอยู่เดือนหนึ่ง ครั้นถึงเพลา ๔ ทุ่ม สิ้นพระชนม์ในพระบวรราชวัง โปรดให้ใส่พระโกศกุดั่นใหญ่ เชิญพระศพมาไว้ที่วังกรมขุนดารา (กรมขุนนรานุชิต?) พระชันษา ๘๘ ปี ข้าพเจ้าพึ่งทราบข่าวจึงได้เขียนในที่นี้

ณ วัน ๑ ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการ ปรึกษาเสนาบดีเจ้าภาษีนายอากรพระหลวงขุนนางจีน แต่บรรดาเมืองปากใต้ ฝ่ายเหนือ ในกรุง นอกกรุง บรรดาจีนคบคิดกันส้องสุมผู้คนเป็นหมวดเป็นเหล่า คิดตั้งตัวเป็นตั้วเหี่ยเที่ยวตีเรือขึ้นปล้นตามบ้านราษฎร ตื่นแตกกันทั่วนิคมเขตต์บัดนี้ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เห็นว่าจีนที่ดีบ้างชั่วบ้าง ถ้าจะออกไปจับหรือจะรบกัน บรรดาจีนก็จะพลอยตายเสียเป็นอันมาก มีพระประสาทสั่งให้พระยาเทพประชุน๔๖ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี๔๗ พระยาราชรองเมือง กับขุนนางจีนบ้าง พาจีนที่รู้จักตัวว่าเป็นผู้คิดส้องสุมผู้คน ๑๔ จีน ให้ไปสาบานตัวที่วัดกัลยาณมิตรในพระวิหารพระประธานองค์ใหญ่ ว่าแต่บรรดาจีน ๑๔ คนนี้ กับทั้งพรรคพวกไม่ได้คิดประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สนมพลเรือนนำน้ำพระพิพัฒน์สัตยาให้จีน ๑๔ คนรับพระราชทานฯ

ณ วัน ๕ ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก เพลาตี ๒ ยาบเศษ ดาวพระเสาร์เคียงพระจันทร์แง่ข้างใต้ ห่างประมาณศอกคืบ ฯ

ณ วัน ๖ ๕ ค่ำ ปีมะเสง ยังเป็นสัมฤทธิศก เพลาบ่าย ๔ โมงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกบนพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ลงพระราชอาญาอ้ายเปรมข้าหลวงเดิม เฆี่ยน ๖๐ ที ลักนาฬิกาพกในห้องเฟี้ยม๔๘ ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โปรดให้สักเป็นทหาร ฯ เสด็จทอดพระเนตรหัดทหารยิงปืนใหญ่ ยิงปืนตับ เพลาพลบเสด็จขึ้นฯ๔๙

ณ วัน ๑ ๑๓ ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก เพลาสามยามเศษ เพลิงไหม้ติดตึกใหญ่ประมาณ ๑๓ - ๑๔ ห้อง พวกแขกสุหรัตสร้างเรียกว่าตึกขาวฝั่งฟากโน้น๕๐ พระเทพผลู๕๑ซักต้นไฟได้ความว่า “ขีดไฟร้อนนักติดขึ้น”ฯ

ณ วัน ๖ ๑๓ ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก เพลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ขึ้นประทับบนพระแท่นถม กงซุลเยอรมัน อเมริกัน กับนายห้าง ๑๒ คนเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ข้าราชการสวมเสื้อสี พวกฝรั่งแขกเมืองกลับไปเฝ้าพระบรมโกศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพลา ๕ โมงเช้าเสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๑ ๖ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก เวลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับบนพระที่นั่งท่าราชวรดิตถ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบเสด็จทางชลมารคประทับวัดนามบัญญัติ๕๒ ทรงประเคนฉลองพระเจดีย์ทราย เวลา ๕ โมงเช้าเสด็จกลับพระบรมมหาราชวังฯ

ณ วัน ๓ ๖ ค่ำ ปีมะเสงเอกศก ขึ้นจุลศักราชใหม่เป็น ๑๒๓๑ เวลาบ่ายโมงเศษ เพลิงไหม้เชิงตะพานช้างฝั่งตะวันออกข้างวัดเทพธิดา กินข้ามคลองไปข้างฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ไปหยุดอยู่เพียงวัดมหรรณพาราม (ไหม้) โรงเรือนรวม ๑๕๒ หลัง กรมพระราชวัง (บวร) เสด็จมาดับเพลิง ฯ

ณ วัน ๔ ๖ ค่ำ เวลาบ่ายโมงเศษ เพลิงไหม้แพหน้าโรงวิเสสแพ ๑ ฯ เวลาบ่าย ๕ โมงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยานเสด็จทางถนนบำรุงเมือง เฟื่องนคร ประทับวัดบวรนิเวศ ฯ ทรงสรงน้ำพระชินศรี๕๓ เวลาพลบเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

ณ วัน ๕ ค่ำ ปีมะเสงยังเป็นสัมฤทธิศก พระเทพธรรมาจารย์ (คง) อยู่วัตภคินีนาถ ป่วยไข้พิษ ๓ วันถึงมรณภาพ อายุได้ ๘๐ ปี พึ่งทราบ จึ่งได้จดไว้ในที่นี้

ณ วัน ๔ ๖ ค่ำ ปีมะเสงเอกศก พระบวรวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้าสำอาง ประชวรจุกแดก ครั้นถึงเวลา ๔ ทุ่มเศษ สิ้นพระชนม์ พระชันษาได้ ๖๒ ปี โปรดให้ใส่โกศรุ้ง เชิญพระศพไปไว้ที่วังเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ พึ่งทราบจึงได้จดไว้ในที่นี้

ณ วัน ๔ ๑๑ ๖ ค่ำ ดาวฤกษ์มาฆะเข้าพระจันทร์ข้างทิศใต้ เวลาประมาณ ๕ ทุ่มเศษ ฯ

ณ วัน ๕ ๑๒ ๖ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้า เจ้าพระยาภูธราภัยออกไปแรกนา นุ่งผ้า ๕ คืบ โคกินถั่ว ข้าวโพด ฯ

ณ วัน ๔ ๖ ค่ำ เพลา ๔ โมงเศษ กงซุลอังกฤษ๕๔ เชิญพระราชสาส์นใส่เรือศรี มีเรือคู่ชัก ๕ คู่ ประทับท่าศาลต่างประเทศ ยิงสลุตรับพระราชสาส์น ๒๑ นัด เชิญพระราชสาส์นขึ้นตั้งบนพระยานุมาศ มีกระบวนแห่กลองชนะเครื่องสูง กงซุลขี่แคร่กั้นสัปทน นายห้างขี่แคร่ ๕ แคร่ เชิญพระราชสาส์นเข้าไปประทับเก๋งกรงนก ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์ครุย ขึ้นประทับบนพระที่นั่งเศวตฉัตร ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน เจ้าต่างกรมและยังมิได้ตั้งกรมทรงผ้าเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์อย่างน้อยเข้มขาบ ทรงฉลองพระองค์ครุย ตั้งเครื่องยศ (ข้าราชการ) นุ่งสมปักลาย ใส่เสื้ออย่างน้อยเข้มขาบ อัตลัด ใส่เสื้อครุยข้างนอก ตั้งพานหมากเจียด พระยาพิพัฒโกษา พระยาราชานประพันธ์ นำแขกเมืองเข้าเฝ้าทูลว่าสรวมชีพ สมเด็จพระเจ้ากวีน ให้กงซุลเชิญพระราชสาส์นเจริญทางพระราชไมตรีถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กงซุลเชิญพระราชสาส์นถวายต่อพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสทักอยู่ประมาณครู่หนึ่งจึงเสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๓ ๖ ค่ำ เพลา ๓ โมงเช้า ออสเตรียมาเรือกำปั่นรบ ๒ ลำ มีพระราชสาส์นแห่มาประทับท่าศาลต่างประเทศ ยิงสลุต ๒๑ นัด อัดมิรัล๕๕เป็นราชทูต มีทหารนำหน้า ๑๐ โหล ทหารออสเตรีย ๓ โหล นำหน้าราชทูตแห่ขึ้นมาประทับเก๋งกรงนก ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์อย่างน้อยส้าระบับพื้นเขียว ขึ้นประทับบนพระแท่นเศวตฉัตร เจ้าต่างกรมยังมิได้ตั้งกรมทรงผ้าเกี้ยวเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์อย่างน้อยเข้มขาบ ทรงฉลองพระองค์ครุย ตั้งเครื่องยศ นั่งบนเบาะพับ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนนุ่งสมปักลายใส่เสื้อเข้มขาบข้างใน ใส่เสื้อครุยข้างนอก ตั้งเจียดเงินพานทอง มีกลองชนะเงินทอง แตรสังข์ประโคมเวลาเสด็จออก พระยาพิพัฒโกษา พระยาราชานุประพันธ์ นำราชทูตเข้าเฝ้า ราชทูตถวายพระราชสาส์น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระที่นั่งเศวตฉัตร ประทับบนพระแท่นถม รับพระราชสาส์น ในพระราชสาส์นจำเริญพระราชไมตรี จะขอทำสัญญาให้เหมือนปรูเซีย แต่จะผิดกันบ้างเล็กน้อย เวลา ๕ โมงเช้าเสด็จขึ้น อัดมิลัล ราชทูตกับขุนนาง ๕๘ คนไปรับพระราชทานของเลี้ยงที่เก๋งกรงนก ฯ

ณ วัน ๕ ฯ๑๑๖ ค่ำ๕๖ เพลา ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ให้ขุนปฏิภาณ๕๗อ่านคำประกาศสถาปนาเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมันตพงศ์พิสุทธิ์ มหาบุรุษรัตโนดม สมุหพระกลาโหม ให้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในราชการทั้งปวง ให้สำเร็จสรรพอาญาสิทธิ์ถึงประหารชีวิตคนที่ถึงแก่อุกฤษฏโทษได้ มีมหันตเดชานุภาพยิ่งใหญ่ไม่มีผู้เสมอ เป็นอรรคมหาปธานาธิบดีในการทำนุบำรุงศิริราชสมบัติ และสกลราชอาณาจักรทั้งสิ้น พระราชทานให้ดำรงศักดินา ๓๐,๐๐๐ ใหญ่ยิ่งกว่าที่เสนาบดีและจตุสดมภ์สามเท่า ทรงดวงตรามหาสุริยมณฑลเป็นสำคัญ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานอิศริยยศให้ตั้งจางวางทนายเป็นหลวงบำรุงวรามาตย์ ถือศักดินา ๑๐๐๐ ปลัดจางวางทนายเป็นขุนประสาทภักดี ถือศักดินา ๘๐๐ สมุห์บาญชีทนายเป็นหมื่นศรีพยุหรักษ์ ถือศักดินา ๖๐๐ ฯ

ณ วัน ๕ ๗ ค่ำ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเจ้าพระยาภูธราภัย สมุหนายก ท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยาพระคลัง๕๘ พระยาเพ็ชรดา พระยาเพ็ชรปาณี๕๙ พระยาราชรองเมือง พระครูปโรหิต๖๐ พระครูมเหทร (มหิธร ?)๖๑ พระยามนูเนก (มนูเนติบรรหาร ?)๖๒ พระยามนูสารสาตร๖๓ พระศรีสังกร๖๔ ขุนหลวงพระไกรศรี๖๕ หลวงเทพามาตย์ หลวงอัฏยา พร้อมกันนำข้อความพวกอ้ายเหล่าร้ายขึ้นปล้นพระธรรมเจดีย์๖๖ จนท่านถึงชีพิตักษัย ชำระได้ความว่า อ้ายมาก อ้ายหวัด อ้ายอาจ อ้ายคง ๔ คน ผู้ลงมือกระทำการให้ถึงชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงเห็นว่า อ้ายนักโทษ ๔ คนฝ่าฝืนพุทธจักรทั้งพระราชอาณาจักร ลูกขุน ณ ศาลา ลูกขุน ณ ศาลหลวง ให้เอาอ้ายนักโทษ ๔ คนรับพระราชอาญาเฆี่ยน ๓ ยก ๙๐ ที ประหารชีวิต อ้ายคงปล้นที่แขวงเมืองนครไชยศรีชำระเป็นสัตย์ ลงพระราชอาญาเฆี่ยน ๙๐ ที ประหารชีวิต รวมเป็น ๕ คน เอาไปประหารชีวิตที่วัดพลับพลาไชย ฯ

ณ วัน ๑ ๗ ค่ำ เวลาเช้า อัดมิรัล (ราชทูตออสเตรีย) คุมเครื่องมงคลราชบรรณาการ ๑๐ อย่าง เข้าถวายบนพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วกราบถวายบังคมลากลับออกไปเมืองออสเตรีย หนังสือสัญญาประทับพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ พระราชลัญจกรพระเกี้ยวยอด พระราชลัญจกรกรมพระราชวังบวร ประทับพระตรากรมหลวงวงศาธิราชสนิท แทนพระราชวงศานุวงศ์ ประทับดวงตราท่านเจ้าพระยาผู้สำเร็จราชการในพระราชอาณาจักร ประทับตราท่านผู้สำเร็จราชการในพระนคร ประทับตราท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ประทับตราท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม ยิงสลุต ๒๑ นัด ฯ

ณ วัน ๕ ๑๐ ๗ ค่ำ เพลา ๓ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยานประทับท่าราชวรดิตถ์ ทรงเรือพระที่นั่งกราบ เสด็จทางชลมารคประทับวัดเครือวัลย์๖๗ ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ ๒๐ รูป ได้พระฤกษ์ขึ้นทรงบรรจุพระเจดีย์ของพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ๖๘ เวลาย่ำเที่ยง เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

ณ วัน ๗ ๑๒ ๗ ค่ำ เพลา ๗ ทุ่มเศษ ฝนตกใหญ่ อสนีบาตลงถูกพระประธานในโบสถ์วัดมพรรณพ ฯ

ณ วัน ๔ ๗ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงปรนนิบัติพระบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เลื่อนพระปลัดคำ วัดมหาธาตุ เป็นพระคุณาจริยวัตร (ที่พระราชาคณะ) มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ฯ

ณ วัน ๔ ๗ ค่ำ ชักพระศพพระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดวงจันทร์ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสำอาง ไปตั้งบนเมรุผ้าขาว วัดสระเกศ มีโขนโรง ๑ หุ่นโรง ๑ เพลาบ่ายทิ้งทาน ๔ ต้นๆ ละ ๕ ตำลึง เพลาค่ำมีหนัง ๒ โรง ดอกไม้เพลิง ฯ

ณ วัน ๕ ๗ ค่ำ พระบวรวงศ์เรอ กรมหมื่นอมรมนตรี เป็นพระราชโอรสของกรมพระราชวังบวรในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ฯ ประชวรพระโรคอัมพาต ประมาณได้สิบเบ็ด......เพลา ๒ โมงเช้า สิ้นพระชนม์ พระชันษาได้ ๗๖ ปี โปรดให้ใส่โกศกุดั่นน้อย ฯ

ณ วัน ๖ ๑๐ ๗ ค่ำ เพลาบ่าย ๔ โมงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาพื้นขาว เสด็จพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยานเสด็จทางสถลมารค เสด็จทางถนนบำรุงเมือง ประทับพลับพลา เสด็จถวายพระเพลิง ขึ้นทรงโปรยทานบนพลับพลา กรมพระราชวัง(บวร) เสด็จด้วย เพลาพลบเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ การพระศพ ๓ วัน ๓ คืน ฯ

ณ วัน ๑ ๑๒ ๗ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการทั่วพระราชอาณาจักร ท่านเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ผู้สำเร็จราชการในพระราชอาณาจักร ท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ผู้สำเร็จราชการในกรมมหาดไทย ท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ ผู้สำเร็จราชการในกรมพระกลาโหม เจ้าพระยายมราช พระยาเพ็ชรปราณี พระยาเพ็ชรดา พระยาราชรองเมือง ลูกขุน ณ ศาลา พระครูปโรหิตาจารย์ พระครูมเหทร พระยามนูสารสาตร์ ขุนหลวงพระไกรศรี ลูกขุน (ณ ศาลหลวง) พร้อมกันทำข้อความอ้ายด้วงฉุดลูกสาวฆ่าอ้ายเย็น เพื่อนตายที่แขวงเมืองนนท์ ฯ อ้ายจีนเห่า (?) อ้ายจีนเงาฮี อ้ายจีนฮุย คุมสมัครพรรคพวกสี่สิบห้าสิบเข้าปล้นฆ่าเจ้าเรือน เก็บเอาทรัพย์สิ่งของทองเงิน ชำระเป็นสัตย์ คือ อ้ายจีนเห่า อ้ายจีนเงาฮี อ้ายจีนฮุย คุมคนเป็นนาย...ท่านเสนาบดีข้าราชการปรึกษาพร้อมกัน ให้เอาอ้ายด้วงกับอ้ายจีน ๓ คน ลงพระราชอาญาเฆี่ยนสามยก ๙๐ ที โปรดให้ไปประหารชีวิตที่วัดพลับพลาไชย แต่อ้ายจีนที่ปล้นแขวงราชบุรี ให้กรมการรับเอาศีรษะไปเสียบประจารไว้ที่บาง...... สองศีรษะ ให้ไปเสียบประจารไว้แขวงเมืองนครไชยศรี ศีรษะหนึ่ง ฯ

ณ วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีมะเสง เอกศก มีพระประสาทสั่งให้ลงอาญาเฆี่ยนนายตรวจโพ ๖๐ ที แล้วให้จำไว้ ณ คุกปีหนึ่งกับ ๖ เดือน โทษลงเอาแก่เงิน...... เมืองราชบุรี ด้วยเรื่องจับน้ำตาลส้ม ฯ

ณ วัน ๔ ๕ ๖ ๙ ค่ำ ปีมะเสง เอกศก ศักราช ๑๒๓๑ ตั้งโรงพระราชพิธีหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ๒๕ รูป เวลาเช้ารับบิณฑบาต ตั้งเตียงมณฑล พระสงฆ์สวดท้องภาณทั้ง ๓ วัน ครั้น ณ วัน ๗ ๙ ค่ำ เวลาย่ำค่ำแล้วกับ ๒๘ นาที เป็นสุกวารมหามงคล ทรงเททองหล่อพระพุทธปฏิมาไชย โปรดให้ยิงพระแสงปืน ๑๖ นัด พร้อมเวลาพระฤกษ์ ฯ ครั้น (ณ) วัน ๑ ๙ ค่ำ เวลาเช้า เสด็จทรงปฏิบัติพระสงฆ์ ๒๕ รูป ฉันเช้าเสร็จแล้ว ให้เวียนพระเทียนสมโภช ๕ รอบ

<img>

ดวงเมื่อเวลาพระฤกษ์

ณ วัน ๒ ๙ ค่ำ เวลาเช้า พระญาณสมโพธิ (รอด) วัดมหาธาตุ ดับสูญ อายุได้......โรคชรา ฯ

ณ วัน ๗ ๙ ค่ำ เวลายามเศษ เจ้าพระยาพลเทพ (หลง) ถึงแก่อนิจกรรม ฯ

ณ วัน ๔ ๑๐ ๙ ค่ำ มิศเตอร์เลสเลอ กงศลเยอรมัน กับมิศเตอร์อื่น ๕ รวม ๖ นาย เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นปรุสเซีย ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ข้าราชการนุ่งสมปักตามธรรมเนียม สวมเสื้อเข้มขาบอัตลัดไม่ได้ตั้งเครื่องยศ ฯ

ณ วัน ๗ ๑๓ ๙ ค่ำ เวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนินกลับมาจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระพิเรนทรเทพนำเสด็จมาถึงพระทวารเทเวศรรักษา แล้วเสด็จขึ้นข้างใน พอลับพระองค์ พระพิเรนทรเทพขัดกระบี่ที่สำหรับแห่เสด็จนั้น เข้าไปในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทางพระทวารข้างตะวันตกไปออกทางพระทวารข้างหน้า นายรอดทหารซึ่งเป็นผู้รักษาพระทวารเห็นเข้า นำความไปแจ้งแก่พระอินทรเทพๆ ไปกราบเรียน ฯ พณ ฯ สมุหพระกลาโหม ฯ กราบบังคมทูลพระกรุณาทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว มีพระราชโองการให้ถอดเสียจากที่พระพิเรนทรเทพ ฯ

ณ วัน ๒ ๑๐ ค่ำ เวลา ๗ ทุ่ม ๘ บาท พระพิมล (ธรรม) ยิ้ม วัดพระเชตุพน ดับสูญ อายุได้....โรค.....ฯ

ณ วัน ๖ ๑๒ ๑๐ ค่ำ เวลา ๔ ทุ่ม พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายี่สุ่น๖๙ สิ้นพระชนม์ ฯ

ณ วัน ๖ ๑๒ ๑๐ ค่ำ ตั้งพระราชพิธีพระสงฆ์ ๖๐ รูปสวดมนต์ฉันเช้าในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มาจนวัน ๕ ๑๐ ค่ำ เป็นการสมโภชพระพุทธปฏิมาพระชนม์พรรษา มีเทศนา ๕ กัณฑ์ มีเงิน ๑๐ ตำลึง มีเครื่องกัณฑ์ข้างในด้วย เสด็จสรงที่พระแท่นตั้งเศวตฉัตรวัน ๒ ๑๕ ๑๐ ค่ำฯ

ณ วัน ๓ ๑๐ ค่ำ เวลา ๕ โมงเศษ กงซุลเยเนราล๗๐เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นโปรตุคอล ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าราชการนุ่งสมปักตามธรรมเนียม ใส่เสื้อเข้มขาบ อัตลัด สวบเสื้อครุย ฯ

ณ วัน ๔ ๑๐ ๑๐ ค่ำ ตั้งสวดมนต์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ราชาคณะฐานานุกรม ๖๕ รูป ฯ วัน ๕ ๑๑ ๑๐ ค่ำ ฉันเช้า สมโภชสมะกาลบรรจบรอบวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว๗๑ มีเทศนาอภิธรรมสังคหะ ๗ กัณฑ์ พระพิบูลย์พัฒนากร๗๒ให้พระญวนทำกงเต๊กด้วยฯ๗๓

ณ วัน ๕ ๑๑ ค่ำ ขุนนางผู้ใหญ่เป็นเยเนราลกับกงสุลเมืองอเมริกาเปลี่ยนมาใหม่ ถวายอักษรสาส์น ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เวลาบ่ายโมงเข้าเฝ้า ข้าราชการนุ่งสมปักตามธรรมเนียม สวมเสื้อเข้มขาบอัตลัด ฯ

ณ วัน ๓ ๑๒ ๑๒ มองซิเออ ดิลลอง กงซุลฝรั่งเศส ได้เข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จออกรับแขกเมืองอย่างใหญ่ เวลาเที่ยง ข้าราชการนุ่งสมปักตามธรรมเนียม สวมเสื้อเข้มขาบ อัตลัด ฯ

ณ วัน ๔ ๑ ค่ำ เวลาบ่าย ๕ โมง พวกทหารกับจีนกงษีหน้าวังกับข้าในกรมสมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุน (บำราบปรปักษ์) ตีกันขว้างกันอย่างใหญ่จนเวลาพลบ โปรดให้พระยามหาเทพชำระ ฯ๗๔

ณ วัน ๕ ๑ ค่ำ ช้างสำคัญมาถึงท่าพระเวลาวันนั้นไม่ขึ้น ครั้นถึง ณ วัน ๑ ๑ ค่ำ ถึงถอยแพล่องลงไปถึงท่าศาลต่างประเทศ๗๕ เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พลับพลายก ทอดพระเนตรช้างสำคัญ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษช้างขึ้นจากแพแห่มาตามทางหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ เข้ายืนโรงหน้าโรงละครใหญ่ข้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดชันสูตรได้สูง ๒-๑-๓ } ฯ๗๖

ณ วัน ๓ ๑๑ ๑ ค่ำ มองซิเออ ดิลลอง กงสุลฝรั่งเศส ได้เข้าเฝ้าไปรเวต ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ฯ

ณ วัน ๓ ๑๑ ๑ ค่ำ ชักศพเจ้าพระยาพลเทพ (หลง) เข้าเมรุวัดอรุณราชวราราม พระราชทานเพลิงวัน ๕ ๑๓ ๑ ค่ำ ฯ

ณ วัน ๒ ๑ ค่ำ พระสงฆ์ราชาคณะ วันละ ๑๐ รูป สวดพระพุทธมนต์ ๓ วัน ได้รับพระราชทานผ้าไตรจีวร พัด ย่าม เวลาเช้าฉันทั้ง ๓ วัน ได้รับบริขารหลายสิ่ง เวลาเย็นมีเทพทอง เสภา......นอนหอกดาบ ทั้ง ๓ วัน เป็นการสมโภช ฯ

ณ วัน ๕ ๑ ค่ำ ได้เริ่มการสมโภช พระราชทานนามว่า พระเศวตวรวรรณ๗๗ แล้วโปรดตั้งนายแสงเป็นขุนเศวตถนิมพงศผดุง นายใจมาเป็นหมื่นบำรุงวรวรรณผู้ได้เลี้ยงช้าง แล้วพระราชทานเงินขุนเศวตถนิมพงศผดุง ๓ ชั่ง หมื่นบำรุงวรวรรณ ๒ ชั่ง รวม ๕ ชั่ง ฯ

ณ วัน ๓ ๒ ค่ำ แขกเมืองเข้าเฝ้า ฯ

ณ วัน ๗ ๒ ค่ำ แขกเมืองเข้าเฝ้าใหญ่ ฯ

ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒ พ.ศ. ๒๔๑๓

ณ วัน ๗ ๑๔ ๕ ค่ำ ปีมะเมีย โทศก เวลากลางคืนฝนตกมาก ครั้นรุ่งขึ้น (ณ) วัน ๑ ๖ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ พระเมรุรื้อแล้ว เหลือเครื่องชั้นบนอีก ๔ ชั้น ก็ล้มลงเอง ฯ๗๘

ณ วัน ๕ ๖ ค่ำ๗๙ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จพระราชดำเนินไปวัดราชบพิธ ทรงก่อพระฤกษ์แล้วทรงประเคน แล้วเสด็จมาประทับพลับพลา ข้าราชการเฝ้าตามตำแหน่ง เจ้าต่างกรมหากรมมิได้เป็นอันดับ แล้วเสด็จกลับมาประทับ ณ พระอุโบสถวัดราชประดิษฐ์ แล้วเสด็จมาทอดพระเนตรการที่วังสราญรมย์ แล้วเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ฯ เวลาเย็น ๕ โมงเศษ เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จพระราชดำเนินไปท้องสนามหลวง ทรงฟังสวดพระพุทธมนต์พิธีแรกนา ฯ

ณ วัน ๖ ๖ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระอาทิตย์ทรงกรตขอบนอกสีเหลือง พื้นในเป็นสีกุหร่า จนเวลา ๕ โมงเศษจึงค่อยจางไป

ณ วัน ๔ ๑๑ ๖ ค่ำ เวลากลางคืน ฝนตกมาก ฟ้าผ่าที่วัดบรมนิเวศ (บวรนิเวศ ?) ถูกพระเจดีย์แห่งหนึ่ง ถูกต้นสนแห่งหนึ่ง ฯ

ณ วัน ๖ ๑๓ ๖ ค่ำ เวลา ๔ โมงเศษ เชิญพระโกศพระบรมอัฏฐิ ออกไปประดิษฐานบนพระเบ็ญจาทอง ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วเสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงฟังพระ(สงฆ์) สวดพระพุทธมนต์ เวลาพลบมีการเล่น โขน จับระบำ มีต้นกัลปพฤกษ์ ๔ ต้น มีดอกไม้เพลิง ๕๐ ต้น มีหนัง ๔ โรง หุ่น ๑ โรง งิ้วโรง ๑ ทรงฉลองสมโภชพระบรมอัฏฐิเป็นการใหญ่ ฯ

ณ วัน ๗ ๑๔ ๖ ค่ำ เวลาเช้าเสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงประเคนแล้วทรงสดับปกรณ์ แล้วถวายอัฐบริกขารต่างๆ เป็นอันมาก เวลาเที่ยง เสด็จออกพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ข้าราชการเฝ้าตามตำแหน่ง ทรงทอดพระเนตรโขนชักรอก เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงฟังพระ (สงฆ์) สวดพระพุทธมนต์ แล้วเสด็จพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ทรงโปรยทานต้นกัลปพฤกษ์ ๔ ต้น เวลาพลบทรงจุดดอกไม้เพลิงหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีพุ่มดอกไม้เพลิง แล้วทอดพระเนตรการเล่นต่างๆ หนัง ๔ โรง มีโขนชักรอก ทรงสดับปกรณ์วันละ ๖๐ รูป ทรงถวายไตรจีวรอยู่ ๖ วัน ๖๕ รูปวัน ๑ ทรงโปรยทานทิ้งทาน มีต้นกัลปพฤกษ์ ๔ ต้น มีดอกไม้เพลิง มีหนัง ๔ โรง ฯ

ณ วัน ๓ ๗ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระอาทิตย์ทรงกรต มีสัณฐานเหมือนครั้งก่อน ไปจน ๕ โมงเศษจึงเปลื้อง ฯ

ณ วัน ๕ ๑๑ ๗ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จทางสถลมารค พระราชทานเพลิงคุณบัวที่วัดจักรวรรดิราชาวาส เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จกลับทางสถลมารคเข้าประตูวิเศษไชยศรี ขึ้นข้างในฯ

ท่านเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ผู้สำเร็จราชการต่างประเทศ ป่วยเป็นโรคนิ่วมูตรพิการมาได้ ๑๑ วัน ครั้นถึง ณ วัน ๑ ๑๔ ๗ ค่ำ ปีมะเมีย๘๐โทศก เวลาบ่ายโมง ๑ ถึงแก่พิราลัย เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปพระราชทานน้ำ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทางชลมารคกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

เดือน ๖ แรม ๘ ค่ำ เสด็จพระราชดำเนินไปพระปฐมเจดีย์ เสด็จประทับอยู่ ๒ ราตรี ทรงยกยอดพระปฐมเจดีย์แล้ว เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ๘๑

ณ วัน ๖ ๗ ค่ำ อ้ายแก้ว อ้ายเนตร นักโทษ บีบคอภรรยาหลวงวิชิตชลไชย ไปประหารชีวิตที่ทุ่งนาวัดโคกทั้ง ๒ คน ฯ

ณ วัน ๔ ๗ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จพระที่นั่งราชฤดี จีนก๊กถวายลับแลลายคราม กว้างชั่วห้องหนึ่งราคา ๒๐๐ เศษ แล้วเสด็จเข้าประทับในพระฉาก ฯ

โปรดเกล้าให้พระยาราชวรานุกูล พระราชเสนา เป็นผู้ถือรับสั่งไปปฤกษาเพิ่มเติมข้อสัญญาว่าด้วยทะเลสาบ๘๒ ได้รับพระราชทานเสื้อปักไหมทอง หมวกทรงประพาศ เครื่องทองคำทุก ๆ นาย แต่พระยาราชวรานุกูลนั้นพระราชทานภัทราภรณ์เป็นของติดเสื้อเครื่องราชอิศริยยศอย่างวิเศษ ที่มีความชอบในพระองค์ ฯ

ณ วัน ๕ ๑๑ ๗ ค่ำ พระยาราชวรานุกูล๘๓ พระราชเสนา๘๔ นายราชาณัตยานุหาร๘๕ ได้รับพระราชทานเสื้อส้าระบับคนละเสื้อ กับเสื้อยศเสื้อแพร ๒ ชั้น คนละ ๒ เสื้อ กราบถวายบังคมลาไปลงเรือพิทยัมภ์รณยุทธ์ เรือกลไฟออกวันนี้ ฯ

ณ วัน ๖ ๑๒ ๗ ค่ำ ตั้งแต่วัน ๑๐ ค่ำ ทรงชักพระรูป

ณ วัน ๕ ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงถวายไตรจีวรเครื่องอัฐบริกขาร เครื่องขึ้นกุฏิวัดส้มเกลี้ยง (แก่) พระสงฆ์ ๑๐ รูป ฯ

ณ วัน ๑ ๘ ค่ำ เวลา ๕ โมง เสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคไปวัดราชบพิธ ฯ ทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ๑๐ รูป ฯ (ครั้น) รุ่งขึ้น ณ วัน ๒ ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินไปถวายไทยธรรม พระสงฆ์ขึ้นกุฏิใหม่วัดราชบพิธ แล้วทรงตั้งเจ้ากรมปลัดกรม๘๖ ข้าพระวัดราชบพิธ......เวลาเที่ยงเสด็จกลับทางวัดราชประดิษฐ์ ประทับ ณ พระอุโบสถ ทรงบูชาพระแล้ว เสด็จมาเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี แล้วเสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๔ ๘ ค่ำ เวลาเย็น ๕ โมงเศษ เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงเวียนเทียนพระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโชค พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย พระองค์เจ้าทองแถม (ถวัลยวงศ์) พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช พระองค์เจ้าสนั่น (ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) หม่อมเจ้าบรรเทิง หม่อมเจ้า ......... หม่อมเจ้า......... หม่อมเจ้า ......... หม่อมเจ้า ......... พวกข้าราชการ เจ้าพนักงาน ขาดหาพร้อมไม่ มีพระบรมราชโองการรับสั่งให้เกาะให้มีกระทู้ถามทุก ๆ คน ฯ

ณ วัน ๕ ๑๐ ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมง เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วเสด็จไปประทับพลับพลาหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทอดพระเนตรพระองค์เจ้าโปรยทาน แล้วเสด็จเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ฉัน แล้วทรงถวายไตรจีวรเครื่องอัฐบริขารพร้อมทุก ๆ พระองค์เจ้าที่ทรงผนวชเณร หม่อมเจ้า ๕ พระองค์ แล้วเสด็จกลับมาประทับเก๋งพระที่นั่งราชฤดี ทรงประทับพระเก้าอี้ พระอินทรเดช (อินทรเทพ?)๘๗ ถวายคำสารภาพข้าราชการที่ไม่ได้มาเวียนพระเทียน จึงมีพระบรมราชโองการรับสั่งว่า ทีหลังจะเอาโทษลดเบี้ยหวัดทุก ๆ คนแล้วเสด็จขึ้นข้างใน ฯ

ณ วัน ๖ ๑๑ ๘ ค่ำ เวลาเย็น ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงเวียนพระเทียนหม่อมเจ้าราชวงศ์บวชเป็นภิกษุ ๙ องค์ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพลับพลาหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงทอดพระเนตรหม่อมเจ้าราชวงศ์โปรยทาน แล้วเสด็จเข้าในพระอุโบสถทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ฉัน แล้วหม่อมเจ้าราชวงศ์บวช แล้วทรงถวายไตรจีวรเครื่องอัฐบริกขาร เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จกลับ แล้วเสด็จขึ้นข้างใน ฯ

ณ วัน ๑ ๑๓ ๘ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปเยือนเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน๘๘ เสด็จกลับประทับท่าราชวรดิตถ์ บ่าย ๕ โมง แล้วเสด็จขึ้นข้างใน ฯ

ณ วัน ๒ ๑๔ ๘ ค่ำ เวลาเย็น ๔ โมงเศษ เสด็จออกประตูเทวาพิทักษ์ไปวัดราชประดิษฐ์ แล้วเสด็จกลับเข้าทางประตูเทวาพิทักษ์ ขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ขึ้นข้างใน ฯ

ณ วัน ๓ ๑๕ ๘ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จจากเกยเทเวศรรักษาไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ฉัน แล้วทรงถวายพุ่มเทียน ๑๐๐ ตามธรรมเนียมทุกๆ ปี เวลาบ่ายเสด็จกลับขึ้นข้างใน ฯ เวลากลางคืน ๙ ทุ่ม ๒๖ นาทีมีจันทรุปราคาจับข้างทิศตะวันออกหมดดวง โมกขบริสุทธิ์ โมงเช้า ๑๔ นาที ฯ

ณ วัน ๔ ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมง เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ฉัน แล้วทรงสดับปกรณ์ ถวายพุ่ม แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงเปลื้องเครื่องทรงพระแก้วมรกต แล้วเสด็จกลับขึ้นข้างใน ฯ เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคไปถวายพุ่มวัดพระเชตุพน เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ฯ

ณ วัน ๕ ๘ ค่ำ เวลาบ่ายโมงเศษ เสด็จออก ณ พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พวกต้องสู้เข้าเฝ้าถวายหมี ๑ ม้าขาว ๑ แล้วพระราชทานเสื้ออัตลัดคนละเสื้อ แล้วเสด็จขึ้นข้างใน ฯ เวลาเย็น ๔ โมง เสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคไปวัดราชบพิธถวายพุ่มแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๖ ๘ ค่ำ เวลาเย็น ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคทรงม้า ข้าราชการนำเสด็จตาม (เสด็จ) ขี่ม้าทั้งนั้น เป็นกระบวน ไปวัดบวรนิเวศ ฯ ถวายพุ่มแล้ว (เสด็จกลับ) ถึงพระบรมมหาราชวังเวลาย่ำค่ำ เสด็จขึ้น ฯ

ณ วัน ๑ ๘ ค่ำ เวลาเที่ยง เสด็จออกขุนนาง ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พวกข้าราชการนุ่งสมปักตามธรรมเนียม สวมเสื้อแพรที่พระราชทาน เข้าเฝ้าตามตำแหน่ง เจ้าต่างกรมหากรมมิได้ พร้อมทุก ๆ พนักงาน แขกเมืองกะลันตัน ตะรังกานู เข้าเฝ้าถวายต้นไม้ทองเงินทั้งสองเมือง ๆ ๒ ต้น เป็นเครื่องราชบรรณาการ กะลันตันสูงหกศอกห้านิ้ว ตะรังกานูสูงห้าศอกคืบหกนิ้ว ฯ

ณ วัน ๔ ๙ ค่ำ เวลาบ่าย พระราชาคณะ ๒๑ รูปสวดพระพุทธมนต์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วตั้งกระบวนแห่ที่ฉนวนในพระที่นั่งนงคราญสโมสร ออกประตูราชสำราญไปเข้าประตูพิมานไชยศรี ประทับเกยหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกขปราสาท เสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงฟังพระพุทธมนต์ เสร็จแล้วแห่กลับ ฯ ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๕ ๙ ค่ำ๘๙ เวลาย่ำรุ่ง ตั้งกระบวนแห่ออกประตูราชสำราญเหมือนแห่ฟังสวด ครั้นย่ำรุ่งแล้ว ๓ โมงเศษได้พระฤกษ์ เสด็จเข้าที่สรงเขาไกรลาศ ครั้นสรงเสร็จแล้วแต่งพระองค์อย่างพระราชกุมาร ครั้นเวลาเช้าโมงกับนาฑี อาลักษณ์อ่านคำยอพระเกียรติ ประกาศถวายชัยมงคล พระราชทานพระสุพรรณบัฏ เสร็จแล้วพระราชาคณะฉัน เสร็จแล้วแห่กลับเข้าพระราชวัง ครั้นบ่ายตั้งกระบวนแห่เหมือนอย่างแห่ฟังสวด มาประทับเกยหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกขปราสาท เสด็จพระที่นั่ง (ดุสิต) มหาปราสาท ประทับบนพระแท่น ตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน ชีพ่อพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช เสร็จแล้วแห่กลับพระราชวังตามทางเก่า ฯ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยที่มีตำแหน่งเฝ้า ให้ปรนนิบัติพระสงฆ์ รับแว่นเวียนเทียนตามกำหนด ให้ข้าราชการนุ่งสมปักตามธรรมเนียม ใส่เสื้อเครื่องพระราชทานทั้ง ๒ วัน ๓ เวลา ฯ

๏ ณ วัน ๑ ๑๑ ๙ ค่ำ ตั้งสวดมนต์ ที่วังสราญรมย์ ๓ วัน เสด็จพระราชดำเนินเป็นไปรเวต เวลาเย็นวัน ๑๔ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์ฉัน ฯ

๏ ณ วัน ๔ ๑๔ ๙ ค่ำ เวลาเที่ยงเสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แขกเมืองกะลันตัน ตะรังกานู เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยนุ่งผ้าสมปักสวมเสื้อยศตามธรรมเนียม เข้าเฝ้าตามตำแหน่งทุกพนักงาน แขกเมืองทูลลาจะกลับไปเมือง ฯ

๏ ณ วัน ๕ ๑๕ ๙ ค่ำ เวลาบ่าย ๓ โมง ฝนตกมาก ฯ

๏ ณ วัน ๔ ๙ ค่ำ เวลาบ่าย พระสงฆ์ ๑๐ รูปจะได้สวดพระพุทธมนต์ที่ตำหนักพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ ในพระบรมมหาราชวังข้างใน รุ่งขึ้น ณ วัน ๕ ๙ ค่ำ๙๐ เวลาเช้าเสด็จเข้าที่สรง แล้วจะได้รับพระราชทานพระสุพรรณบัฏ พระสงฆ์จะได้รับพระราชทานฉัน ฯ

(ยังมีต่อ)

(คัดจากวารสารศิลปากรปีที่ ๒ เล่ม ๓-๕)

  1. 1. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (พรหมรังษี-โต)

  2. 2. ๖ ๑๔ ๑๒ ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐ – วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันตั้งคณะและขุนนาง

  3. 3. พระราชมุนี (ปัญญาทีโป แสง) - สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

  4. 4. พระยามหาอำมาตย์ (มั่ง สนธิรัตน)

  5. 5. พระยาสุเรนทรราชเสนา (ชื่น กัลยาณมิตร)

  6. 6. พระยาบุรษรัตนราชพัลลภ (เพ็ง เพ็ญกุล)

  7. 7. พระวิสูตรโยธามาตย์ (โหมด อมาตยกุล)

  8. 8. พระณรงค์วิชิต (ตาด อมาตยกุล)

  9. 9. พระมหาเทพ (แย้ม บุณยรัตพันธุ์)

  10. 10. พระราชรองเมือง (เนียม รุ่งไพโรจน์)

  11. 11. พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (สิงห์โต)

  12. 12. พระยาอัพภัน [ตริกามาตย์] (เผือก เศวตนันทน์)

  13. 13. นายสุด สนธิรัตน

  14. 14. พระราชวรินทร์ (สิงห์ บุณยรัตพันธุ์)

  15. 15. พระยาเทพประชุน (ท้วม บุนนาค) - เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี

  16. 16. SEA LORD

  17. 17. พระยาราชานุประพันธ์ (วรรณ บุนนาค) - พระยาศรีสรราชภักดี

  18. 18. เรื่อง อัดมิราล เกปเปล เข้าเฝ้านี้ พึงดูเรื่องราวที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๑ ข้อ ก. หน้า ๑๔๖

  19. 19. พระยาสีหราชเดโช (พิณ)

  20. 20. พระยาสีหราชฤทธิไกร (บัว รัตโนบล)

  21. 21. พระนรินทรราชเสนี (จัน ชูโต)-พระยาสุนทรบุรี

  22. 22. หลวงราชเสนา (เดช คฤหเดช)-พระยาจ่าแสนยบดี

  23. 23. ๔ ๑๑ ๑ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐)-วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันทำพระราชพิธีอุปราชาภิเษก พระเจ้าบวรวงศ์เธอ กระหมื่นบวรวิไชยชาญ เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
    อนึ่ง พระราชพิธีอุปราชาภิเษกนี้ พึงดูเรื่องราวละเอียดในหนังสือพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๕

  24. 24. เรื่องนี้ดูเรื่องราวที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๑ ข้อ ข. หน้า ๑๔๗

  25. 25. ๒ ๑ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐) – วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑

  26. 26. ขุนประสิทธิ์อักษรสาตร (น้อย อาจารยางกูร)

  27. 27. นายทิม ชาตะปัทมะ

  28. 28. พระพิเรนทรเทพ (ขลิบ อมาตยกุล) เป็นพระยาประจิม (พระยาอุไทยมนตรี ผวก. จ. ปราจินบุรี)

  29. 29. พระอินทรเทพ (เปี่ยม บุณยรัตพันธุ์)

  30. 30. หมื่นวรราช บุตรารักษ์ (อ่ำ อัมรานนท์)

  31. 31. พระยาวิชิตณรงค์ (แก้ว)

  32. 32. ๖ ๒ ค่ำ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐) วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันทรงตั้งพระองค์เจ้าหญิงละม่อม เป็นกรมพระสุดารัตนราชประยูร. สำเนาประกาศดูหนังสือจดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์

  33. 33. พระยาราชรองเมือง [พระยาอินทราธิบดี สีหราชรองเมือง] (เนียม รุ่งไพโรจน์)

  34. 34. ณ วัน ๖ ๑๒ ๒ ค่ำ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐) - วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันทรงสถาปนาพระนามพระอัฐิเป็นกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์. สำเนาคำประกาศดูหนังสือจดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์

  35. 35. จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ว่า “ทรงศักดินา ๒๐๐๐๐” และวันประกาศทรงเฉลิมพระบามเป็นสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีนั้น เป็นวัน ๑ ๒ ค่ำ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐) -วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๑. สำเนาประกาศดูหนังสืองจดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์

  36. 36. สะสาว คือ เด็กหญิงแต่งตัวใส่เกี้ยว นุ่งผ้าลายพื้นเขียว ห่มแพรสีแสด เดินพนมมือตามกระบวนแห่

  37. 37. พระองค์เจ้าหญิงปุก พระราชธิดาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท

  38. 38. อีกฉบับหนึ่งว่า วัดนางนอง

  39. 39. อีกฉบับหนึ่งว่า ทรงตั้งพระครูกุศลธรรมธาดา วัดไชยพฤกษ์มาลา เป็นพระกุศลธรรมธาดา ที่พระราชาคณะ มีนิตยภัตเดือนละ ๓ ตำลึง

  40. 40. จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ว่า “ทรงศักดินา ๑๕๐๐” และวันทรงสถาปนาเป็นวัน ๖ ๔ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐) - วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๑๑

  41. 41. เรื่องผู้ร้ายนี้ดูเรื่องราวที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๑ ข้อ ค. หน้า ๑๔๙

  42. 42. พระอโนมมนี (อโนมศิริ ศรี) - สมเด็จพระพุฒาจารย์

  43. 43. นายทหารเรืออเมริกัน

  44. 44. พระยาเพ็ชรดา (นก สินสุข) - พระยาพิไชยสงคราม

  45. 45. วัดโคก – วัดพลับพลาไชย และเรื่องจีนกำเริบนี้ ดูเรื่องราวที่ภาคผนวกก เอกสารหมายเลข ๑ ข้อ ฆ. หน้า ๑๕๑

  46. 46. พระยาเทพประชุน (ท้วม บุนนาค) - เจ้าพระยาภาณุวงศ์ ฯ

  47. 47. พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (จ๋อง อิงคานนท์) - พระยาราชานุชิต

  48. 48. อีกฉบับหนึ่งว่า ในห้องพระฉาก

  49. 49. มูลเหตุของเรื่องเสด็จทอดพระเนตรทหารหัดยิงปืนนี้ ดูที่เรื่องจีนกำเริบ เอกสารหมายเลข ๑ ข้อ ฆ. หน้า ๑๕๑

  50. 50. อยู่ตรงข้ามวัดจักรวรรดิ์ราชาวาส ข้างถนนท่าดินแดง คู่กับตึกแดงซึ่งอยู่เหนือขึ้นมา

  51. 51. พระเทพผลู (บัว) - พระยาพิษณุโลกาธิบดี

  52. 52. วัดมกุฎกษัตริยาราม

  53. 53. อีกฉบับหนึ่งว่า ทรงสรงน้ำกรมหมื่นบวรรังษีฯ

  54. 54. มิสเตอร์ ทอมัส ยอช น๊อคส์

  55. 55. บารอนอันโธนี เปตส์

  56. 56. ๕ ๑๑ ๖ ค่ำ (ปีมะเส็ง จ.ศ. ๑๒๓๑) - วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๑๒ เป็นวันสถาปนาเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการ. สำเนาประกาศดูหนังสือเรื่องตั้งเจ้าพระยากรุงรัตนโกสินทร์ และควรดูหนังสือสมเด็จพระเจ้าบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อเป็นผู้สำเร็จราชการในตอนต้นรัชกาลที่ ๕ ของธนิต อยู่โพธิ์ ซึ่งกรมศิลปากรพิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑

  57. 57. ขุนปฏิกาณ [พิจิตร] (ทับ) - ขุนมหาสิทธิโวหาร

  58. 58. เจ้าพระยาพระคลัง - เจ้าพระยาภาณุวงศ์ (ท้วม บุนนาค)

  59. 59. พระยาเพ็ชรปาณี (ยัง สถานุวัตร) – พระยาวิชิตชลธี

  60. 60. พระครูปโรหิต (น่วม)

  61. 61. พระครูมเหทร (มหิธร) (กลิ่น) - พระครูปุโรหิตาจารย์

  62. 62. พระยามนูเนติบรรหาร (นิ่ม) - พระครูมหิธร

  63. 63. พระยามนูสารสาตร (ยัง) - พระครูปุโรหิตาจารย์

  64. 64. พระศรีสังกร (เผือก) – พระเกษมราชสุภาวดี

  65. 65. ขุนหลวงพระไกรศรี (จัน) - ขุนหลวงพระยาไกรศรี

  66. 66. พระธรรมเจดีย์ (อุ่น) วัดพระเชตุพน

  67. 67. วัดเครือวัลย์ เป็นวัดที่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์) สร้างในรัชกาลที่ ๓ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง

  68. 68. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์

  69. 69. พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๒ เมื่อสิ้นพระชนม์นั้น พระชนมายุ ๘๑ ปี

  70. 70. ซินยอวิยันนา กงสุลเยเนอราลโปรตุเกส

  71. 71. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคต ณ วัน ๕ ๑๕ ๑๑ ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑

  72. 72. พระพิบูลย์พัฒนากร (?)

  73. 73. เรื่องพระญวนทำกงเต๊กนี้ สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพตรัสว่าไว้ในตำราพิธีพระญวนว่า “ในรัชกาลที่ ๕ ทำพิธีกงเต๊ก ในงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นครั้งแรก แต่นั้นก็มาทำในงานพระศพสมงด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๒๓ และงานพระศพอื่น ซึ่งเป็นงานใหญ่เป็นประเพณีสืบมา

  74. 74. พระยามหาเทพ (แย้ม บุณยรัตพันธุ์) - พระยาสีหราชฤทธิไกร

  75. 75. ที่เหนือท่าเตียน โปรดให้สร้างตึก ๔ หลัง หลังได้เป็นที่กรมท่ารับกงสุลต่างประเทศ และต่อมาใช้เป็นศาลต่างประเทศ (จากประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๒๕)

  76. 76. สูง ๒ ศอก ๑ คืบ ๓ นิ้ว

  77. 77. ช้างพลายด่างดำพงค์ถนิม ลูบ้านตกที่เมืองพร้าว ขึ้นเมืองเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ พระเจ้านครเชียงใหม่นำถวาย สมโภชขึ้นระวาง ๔ ๑๐ ค่ำ ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒ พระราชทานนามว่า พระเศวตวรวรรณ ฯ” (คัดจากทำเนียบนาม ภาค ๑)

  78. 78. พระเมรุในงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันถวายพระเพลิง เป็นวัน ๖ ๔ ปีมะเส็ง จ.ศ. ๑๒๓๑ – วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๑๒

  79. 79. ๕ ๖ ค่ำ (ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒) – วันที่ ๔ พฤศภาคม พ.ศ. ๒๔๑๓ เรื่องวัดทรงสร้างราชบพิธนี้ ดูเรื่องราวที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๒ ข้อ ก. หน้า ๑๕๓

  80. 80. ๑ ๑๔ ๗ ค่ำปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒ – วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๓

  81. 81. เรื่องนี้จดหมายเหตุโหรฉบับจมื่นกงศิลป บันทึกไว้ว่า “ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒ ณ วัน ๑ ๖ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จเรือพระที่นั่งศรีทางคลองขุดพระภาษี ไปลงเรือกลไฟสองปล่องปากคลองกระทุ่มล้ม ใช้จักรไปถึงปากคลองเจดีย์บูชา เพลาบ่าย ๔ โมงเศษ ในวัน ๘ ค่ำ แรมปากคลองคืน ๑.
    ณ วัน ๒ ๖ ค่ำ รุ่ง เสด็จถึงพระปฐมเจดีย์ เพลาเช้า ๔ โมงเศษ
    ณ วัน ๔ ๑๑ ๖ ค่ำ รุ่งแล้ว ๖ บาท ทรงยกยอดพระปฐม ฟ้าร้องทิศทักษิณบ่ายโมง กลับทางปากคลอง
    ณ วัน ๕ ๑๒ ๖ ค่ำ รุ่ง ถึงวัง เพลาบ่าย ๓ โมงเศษ”

  82. 82. เรื่องเพิ่มเติมข้อสัญญาว่าด้วยทะเลสาบนี้ ปรากฏตามสำเนาประกาศเมื่อทรงตั้งพระยาราชวรานุกูล (รอด กัลยาณมิตร) เป็นเจ้าพระยาพลเทพ ฉะเพาะเรื่องนี้มีความว่า “ได้รับราชการเป็นข้าหลวงใหญ่ไปทำหนังสือสัญญาเพิ่มเติมว่าด้วยทะเลสาปในพระราชอาณาจักรฝ่ายเขมรที่เมืองไซ่ง่อนได้ราชการสำเร็จมา”
    ส่วนสัญญานั้น คาดว่าคงเป็นสัญญาเขตแดนเมืองพระตะบอง ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๘๖๗ (พ.ศ. ๒๔๑๐)

  83. 83. พระยาราชวรานุกูล (รอด กัลยาณมิตร) - เจ้าพระยารัตนบดินทร์

  84. 84. พระราชเสนา (เดช คฤหเดช) - พระยาจ่าแสนยบดี

  85. 85. นายราชาณัตยานุหาร (พร บุนนาค) - เจ้าพระยาภาสกรวงศ์

  86. 86. ทรงตั้งนายสวัสดิ์ เป็นหลวงพินิจราชาวาส เจ้ากรมถือศักดินา ๔๐๐ ทรงตั้งนายพุ่มเป็นขุนบำรุงราชวิหาร ปลัดกรม ถือศักดินา ๓๐๐

  87. 87. พระอินทรเทพ (อ่ำ อัมรานนท์) - พระยาพิไชยสงคราม

  88. 88. เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) - สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์

  89. 89. ๕ ๙ ค่ำ (ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒) - วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๓ เป็นวันเฉลิมพระนามพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าพระองค์น้อย เป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์. สำเนาประกาศดูหนังสือจดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์

  90. 90. ๕ ๙ ค่ำ (ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒) – วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๓
    พระองค์เจ้า ศรีวิไลยลักษณ์ ประสูติในรัชกาลที่ ๔ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เวลานั้นยังทรงพระอิศริยศักดิ์ชั้นหม่อมเจ้า การที่ได้รับพระราชทานพระสุพรรณบัฏนี้ เข้าใจว่า เนื่องในโอกาสที่ทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี ในรัชกาลที่ ๕ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๓ สำเนาประกาศหายังไม่พบ.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ