จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกครั้งหลัง รัชกาลที่ ๕

ปีระกา จ.ศ. ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๑๖

ลุศักราช ๑๒๓๕ กุกกุฎสังวัจฉระ ภัทรบทมาศ กาลปักษ์บัณณรสีดิถี โสรวาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จดำรงถวัลยสมบัติ ณ กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร มหินทรายุธยา ทรงพระเจริญพระชนม์ถ้วน ๒๐ พรรษา เวลาบ่าย ๒ โมง ๑๓ นาที เสด็จขึ้นที่สรงพระมุรธาภิเษกแล้วเสร็จ ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหศวริยพิมานโดยสถานอุตราภิมุข พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีและข้าราชการ พร้อมกันถวายพระพรชัยมงคลในวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการมอบศิริราชสมบัติให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์สมันตพงศ์พิสุทธิ์มหาบุรุษยรัตโนดมเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนครในเวลาที่จะเสด็จออกทรงผนวชเป็นพระภิกษุภาวะในพระพุทธศาสนา ตามจารีตในขัตติยราชตระกูลแต่ในกาลก่อนสืบมา พระราชทานคำมอบศิริราชสมบัติและลาพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี (ดังนี้) ฯ

สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าสยาม ขอประกาศแก่พระราชวงศานุวงศ์ และท่านเสนาบดี และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยให้ทราบทั่วกันว่า สมเด็จพระบรมชนกนาถ คือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระชนม์อยู่นั้น ทรงปรารกอยู่เนืองๆ ว่า จะใคร่ให้พระบรมราโชรสได้รับผนวชในพระพุทธศาสนา ให้ทันเวลาในเมื่อยังดำรงพระชนม์อยู่ ก็ไม่สมดังพระราชประสงค์ เสด็จสวรรคตล่วงลับไป ท่านทั้งปวงพร้อมกันยกเราขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดิน บัดนี้เราได้ดำรงราชสมบัติมาจนเวลานี้ ก็มีชนมายุครบถ้วน ๒๐ ปีบริบูรณ์ ควรจะรับอุปสมบทได้ ขอลาพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีออกผนวชอุปสมบทในพระบรมพุทธศาสนา เพื่อปฏิการฉลองพระเดชพระคุณให้สมดังพระราชประสงค์ในสมเด็จพระบรมชนกนาถ และเป็นส่วนกุศลอนวัชบุญกิริยา ไม่ให้เสื่อมทรามตามบรมราชตระกูลขัติยราชประเพณีมาแต่ก่อน ขอท่านทั้งปวงจงมีจิตต์สโมสรเป็นเอกฉันท์พร้อมยอมอนุญาตให้เราได้ออกผนวชรับอุปสมบทโดยสดวกสบายตามพระราชประสงค์ เทอญ

อนึ่ง ราชกิจใด ๆ ซึ่งเป็นธรรมเนียมในพระบรมมหาราชวังพระเจ้าแผ่นดินได้เคยประพฤติเป็นราชประเพณีมาทุกอย่าง กับทั้งพระราชนิเวศน์ทั่วทั้งบรมมหาราชวัง ขอมอบให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ เป็นประธานในพระบรมวงศ์และราชการในธรรมเนียมทั้งปวง และราชการแผ่นดิน โดยพระราชกฤษฎีกา พระอัยยการ สรรพอาญาสิทธิทั้งปวง ขอมอบให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมันตพงศ์พิสุทธิ์มหาบุรุษยรัตโนดม เป็นประธานในราชการแผ่นดินทั้งสิ้น และราชการอื่น ๆ ตามตำแหน่งท่านเสนาบดีและพนักงานต่าง ๆ เคยได้รับทำมานั้น ขอให้เป็นไปตามตำแหน่งพนักงานนั้นๆ ขอท่านทั้งปวงจงมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกันรักษาแผ่นดินให้เรียบร้อย อย่ามีเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งได้ ให้สมณพราหมณาจารย์ อาณาประชาราษฎรทั้งปวง ได้มีความเย็นใจทั่วกันตามการที่เป็นที่มีมาแต่ก่อนนั้นเทอญ

ครั้น มีพระบรมราชโองการเสร็จแล้ว พระราชทานหนังสือนั้นให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ แล้วท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ อ่านหนังสือคำยอมพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีทั้งปวงให้เสด็จออกทรงอุปสมบท และรับรักษาศิริราชสมบัติไว้มิให้มีเหตุอันตรายได้ ดังนี้...

ครั้นอ่านเสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นไปประทับอยู่ ณ พระที่นั่งใหม่ในที่พระตำหนักเดิม ณ สวนซ้าย ในพระบรมมหาราชวังสี่ราตรี ฯ

ครั้น ศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาค ชไมยสหัสสังวัจฉระ จตุสตาธฤก โสฬสสังวัจฉระ ปัตยุบันกาล กุกกุฎสังวัจฉระ อาสยุชมาส ชุษณปักษ์ จตุตถดฤถี คุรุวาร ปริเฉทกาลอุกฤษฐ์ เวลาย่ำค่ำแล้ว ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระบรมนาถบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จจากพระที่นั่งใหม่ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระราชดำเนินโดยพระบาทไปสู่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายนมัสการพระพุทธรัตนปฏิมากรแล้วเข้าไปทรงขอบรรพชา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระศาสนโสภณ เป็นกรรมวาจา พระสงฆ์คณะธรรมยุตติกนิกายนั่งหัตถบาศ ๘ รูป รวม ๑๐ รูป เมื่อทรงขอบรรพชาแล้ว กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุสมมติพระองค์มาจรดพระกัลบิดถวายก่อน แล้วเจ้าพนักงานกรมภูษามาลาได้ถวายต่อไป แล้วเสด็จเข้าที่สรง เสร็จแล้วมาทรงขอผ้ากาสาวพัตสร์ พระสงฆ์จะได้ทรงถวาย แล้วทรงอุปสมบทกรรมต่อไป ครั้นทรงอุปสมบทแล้ว เสด็จจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามโดยทางข้างใน ด้วยพระภิกษุ ๕ รูป สู่ ณ วัดพระพุทธรัตนสถานในพระบรมมหาราชวัง แล้วพระภิกษุ ๕ รูปเป็นหัตถบาศ มาสวดญัตติจตุตถกรรมอุปสมบทในพระอุโบสถวัดพระพุทธรัตนสถานอีกครั้งหนึ่ง แล้วเสด็จไปประทับที่กุฏิในพระบรมมหาราชวังด้วยพระสงฆ์ ๕ รูปเป็นคณะหนึ่ง ครบ ๗ ราตรี ฯ

ครั้น ณ วัน ๕ ๑๑ ๑๐ ค่ำ ปีระกาเบ็ญจศก พระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี พร้อมกันไปเฝ้า ณ วัดพระพุทธรัตนสถาน กราบทูลอัญเชิญให้ทรงปริวัตรลาผนวชดำรงราชสมบัติสืบต่อไป ฯ

พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านคำกราบทูลดังนี้ ...

ครั้นอ่านคำกราบทูลแล้ว ทรงรับคำซึ่งทูลเชิญเสด็จนั้นแล้ว ทรงพระผนวชอยู่อีก ๗ ราตรี รวมเป็น ๑๕ ราตรี ฯ

ครั้น ณ วัน ๖ ๑๑ ค่ำ เวลา ๒ ทุ่มกับ ๕๘ นาที เป็นมหามงคลฤกษ์ เสด็จสู่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระราชาคณะผู้ใหญ่ประชุมพร้อมกัน เสด็จไปทรงประกาศสงฆ์ทรงปริวัตรลาพระผนวช แล้วเสด็จสู่ที่สรง ประโคมดุริยางคดนตรี ครั้นสรงเสร็จแล้วเสด็จมาประทับในพระอุโบสถ จึ่งพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน ฯ

พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านคำกราบทูลเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบพระบรมราชวงศ์ ดำรงพิภพกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุธยาสืบไป เป็นคำกราบทูลดั่งนี้ ...๑๐

ครั้นทรงรับครองศิริราชสมบัติ พระราชาคณะผู้ใหญ่ซึ่งประชุมอยู่ ณ ที่นั้น กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์เป็นประธาน ก็ถวายชัยมงคลพร้อมกัน แล้วจึงทรงประกาศปฏิญญาพระองค์แก่พระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีว่า ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว จะทรงรักษาราชประเพณีซึ่งมีมาแต่ก่อน และรักษาความยุติธรรมเที่ยงตรง ผู้ใดมีความผิดก็จะทำตามที่ผิด ผู้ใดมีความชอบก็จะยกย่องตามสมควร และจะทรงทำนุบำรุงแผ่นดินให้มีความเจริญให้สมณพราหมณาจารย์ทั้งปวงอยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน ขอให้พระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย มีความสามัคคีรสพร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในยุติธรรมเที่ยงตรง ช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดินให้มีความเจริญยิ่งขึ้นไปเทอญฯ

ครั้นเมื่อทรงปฏิญญาอย่างนี้แล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ถวายสัตยานุสัตย์ ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาตามประเพณีมาแต่ก่อน ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน แล้วเสด็จมาประทับอยู่ในพระที่นั่งใหม่ที่พระตำหนักเดิมณสวนซ้ายในพระบรมมหาราชวังฯ

ข้าพระพุทธเจ้า พระโหราธิบดี เจ้ากรมโหรหน้า ๑ ขุนโชติพรหมา ปลัดกรม ๑ หลวงโลกทีป เจ้ากรมโหรหลัง ๑ ขุนเทพพยากรณ์ ปลัดกรม ๑ โหรมีชื่อพร้อมกันคำนวณพระฤกษมงคลบรมราชาภิเษกทูลเกล้า ฯ ถวายกำหนด ฯ

ศุภมัสดุ พุทธศาสนกาลเป็นอดีตภาค ๒๔๑๖ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๕ ปัตยุบันกาล กุกกุฏสังวัจฉระ กติกมาศ ชุษณปักษ์ ปัญจมีดฤถีโสรวาร ปริเฉทกาลกำหนด๑๑ เวลาบ่าย ๔ โมง ๓๐ นาที เป็นมหาอุดมพิชัยมงคล ขุนโชติพรหมาได้จารึกดวงพระชนมพรรษา ลงในแผ่นทองกว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๐ นิ้ว หนัก ๒ ตำลึง นายราชสาส์น นายเวรกรมพระอาลักษณ์ได้จารึกพระนามลงในแผ่นทองกว้าง ๗ นิ้ว ยาว ๑๔ นิ้ว หนัก ๒ ตำลึง พระมหาราชครูจุณเจิมพันด้วยไหมเบ็ญจพรรณ แล้วบรรจุไว้ในกล่องทองคำจำหลักลายกุดั่น แล้วเชิญลงในหีบถมยาดำตะทอง ถุงเข้มขาบนอก ตีตราประจำเล็บ เชิญขึ้นประดิษฐานไว้บนพานทองสองชั้นสำรับใหญ่ปิดคลุมปักเลื่อม ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยสมโภชเวียนเทียน มีบายศรีทอง ๑ บายศรีเงิน ๑ บายศรีแก้ว ๑ บายศรีตอง ๒ (รวม) ๕ สำรับ ศีรษะสุกร ๒ เครื่องกระยาบวชพร้อม สรรพด้วยแตรสังข์ มโหรีพิณพาทย์ กลองแขก ฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ทักษิณาวัตร อุตราวัตร สมโภชเสร็จเชิญประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ฯ

ครั้นศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศาสนกาลเปนอดีตภาค ชไมยสหัสสสังวัจฉระ จตุสตาธฤก โสพสสังวัจฉระ ปัตยุบันกาล กุกกุฏสังวัจฉระ กติกมาศ กาฬปักษ์ อัฐมีดิถี พุธวาร๑๒ เวลาบ่าย พระราชาคณะ ๒๐ รูปจะได้สวดพระปริตพุทธมนต์ ตั้งน้ำวงด้ายในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ครั้นกติกมาศ นวมีดิถี คุรุวาร ปริเฉทกาลกำหนด เวลาเช้า ๓ โมงพระสงฆ์ได้รับพระราชทานฉันในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๓๕ รูป พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๕๐ รูป ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๔๒ นาที ทรงเทียนชนวน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ จุดเทียนชัย แล้วทรงถวายไตรแพรบาตรฝาเชิงประดับมุกตราแผ่นดิน พัดด้ามงาทั้งแท่งปักลายตราแผ่นดิน ย่ามแพรหักทองขวาง แล้วพระสงฆ์สวดภาณวารต่อไป ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมง พระราชาคณะจะได้สวดพระพุทธมนต์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๓๐ รูป ในพระมหามณเฑียร ๕ รูป ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๕๐ รูป ทรงพระภูษาพื้นขาว ฉลองพระองค์สระบับขาว ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเครื่องนมัสการทรงศีลแล้ว๑๓ พระมหาราชครูพิธีถวายใบมะม่วง ๒๕ ใบได้แก่ภยันตราย ใบทอง ๓๒ ใบได้แก่อุปัทวันตราย ใบตะขบ ๙๖ ใบได้แก่โรคันตราย ทรงรับมาฟาดแล้วส่งให้พระมหาราชครูรับมาทำสาตรปุณยาชุบโหมเพลิง แล้วเสด็จเข้าในพระมหามณเฑียร ทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว ทรงพระมหามงคลฟังพระราชาคณะ ๕ รูปสวดพระพุทธมนต์ ๓ วัน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณทั้ง ๓ เวลา

ครั้นกติกมาศ กาฬปักษ์ พารสมีดิถี โสรวาร๑๔ เวลาใกล้รุ่ง ทรงพระภูษาขาวตามเดิมเหมือนทรงฟังสวดเสด็จมาพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีลแล้ว ครั้นเวลารุ่งแล้ว ๑๘ นาที พระลักขณาสถิตราษีพิจิก เกาะนวางค์ ๔ ตรียางค์ ๓ เสวยอนุราธฤกษ์ ๑๗ พระอาทิตย์สถิตราษีพิจิก พระจันทรสถิตราษีกันย์ เสวยฤกษ์หัสต ๑๓ พระอังคารสถิตราษีมังกร พระพุธสถิตราษีพิจิก พระพฤหัศบดีสถิตราษีกันย์ พระศุกรสถิตราษีดุล พระเสาร์สถิตราษีมังกร พระราหูสถิตราษีเมษ บริบูรณ์ด้วยนักษัตรฤกษ์ เป็นมหาอุดมวิชัยมงคลบรมราชาภิเษก ต้องอย่างขัติยราชประเพณีมาแต่ก่อน พระโหราธิบดี พระมหาราชครูพิธี กราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จสู่ที่สรง เจ้าพนักงานชาวพระภูษามาลาถวายพระภูษาถอด พระเมธาธิบดีเชิญพระไชย พระสิทธิไชย๑๕เชิญพระพิฆเนศวร พระมหาราชครู พระครูอัษฎาจารย์โปรยข้าวตอก หลวงราชมุนี หลวงศิวาจารย์ เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตรนำเสด็จพระราชดำเนินเบื้องมุขประเทศไปสู่พระมณฑปพระกระยาสนานที่ชาลาพระมหามณเฑียรด้านตวันออก เสด็จสถิตเหนืออุทุมพรราชอาศน์ แปรพักตรสู่ทิศทักษิณ พระยาราชโกษา๑๖ถวายเครื่องพระกระยาสนาน หลวงราชวงศาไขสหัสธาราซึ่งเจือด้วยน้ำทั้ง ๕ ในมัชฌิมประเทศ และน้ำ ๔ สระ สรงสหัสธาราแล้ว กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ถวายพระเต้าสัมฤทธิ์ สมเด็จพระวันรัต๑๗ถวายพระเต้า แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ถวายพระเต้าใหญ่น้อยทั้งปวงต่อไปเป็นลำดับ สรงน้ำพระเต้าเสร็จแล้วพระมหาราชครูถวายพระเต้าเบ็ญจครรภพระมหาสังข์ทักขิณาวัตร พระสิทธิไชยบดีถวายพระมหาสังข์ทอง พระครูอัษฎาจารย์ถวายพระมหาสังข์เงิน หลวงราชมุนีถวายพระมหาสังข์นาก หลวงศิวาจารย์ถวายพระมหาสังข์งาเจริญ หลวงเทพาจารย์ถวายพระครอบ ทรงรับต่อพระหัตถ์ ขุนรักษนารายณ์ ขุนราชธาดา เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตรสององค์ ขุนหมื่นพราหมณ์มีชื่อเป่าสังข์อุตราวัตร ๖ องค์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยางคดนตรี มโหรทึกแตรสังข์ บัณเฑาะว์ ครั้นสรงเสร็จแล้วพระยาราชโกษาถวายพระภูษาผลัดพื้นแดง ฉลองพระองค์สระบับแดง ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งไพศาลทักษิณ สถิตเหนืออุทุมพรราชอาศน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น ที่ตั่งอัฐทิศล้อม ผันพระพักตรไปทิศบูรพาเป็นปฐม ฯ

จึ่งราชบัณฑิตทูลถวายที่พระราชอาณาเขตต์ ด้วยคำมคธดังนี้ ฯ

ยคฺเฆ เทว เทโว อมฺหากํ วจโนกาสํ ททาตุ อิมสฺมึ โข เอตรหิ อธุนา อราชกีภูเต สฺยามรฏฺเฐ เย เต มนุสฺสา อิมมฺหา ปรมราชาสนโต ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปุรตฺถิมายานฺทิสาย ทกฺขิณาย ทิสาย ทกฺขิณายา นุทิสาย ปจฺฉิมาย ทิสาย ปจฺฉิมายานุทิสาย อุตฺตราย ทิสาย อุตฺตรายานุทิสาย นานานาเมสุ ยถาฐิเตสุ คามนิคมชนปเทสุ นิวาสิโน วาสญฺจาริโน วา สนฺติฯ เตสํ อนิวาเรยยํ เยภุยฺยานุมตึ คเหตฺวา อธุนามหามงฺคลาภิเสเกน อภิสิตฺตสฺส มหาชนาภิปตฺถิตสฺส เทวสฺส เตสํ ยถาวุตฺตมนุสฺสานํ นิวาสนสญฺจารภูมิภตํ สวตฺถุกํ สสพฺพนิสฺสิตํ ปุรตฺถิมทิสิกปฐวีตลํ ปุรตฺถิมานุทิสิกปฐวีตลํ ทกฺขิณทิสิกปฐวีตลํ ทกฺขิณานุทิสิกปฐวีตลํ ปจฺฉิมทิสิกปฐวีตลํ ปจฺฉิมานุทิสิกปฐวีตลํ อุตฺตรทิสิกปฐวีตลํ อุตฺตรานุทิสิกปฐวีตลํ ตนฺนิวาสิกสญฺจารกมนุสฺสานํ ราชานํ วินา อตฺตโน ชีวิตสฺสาปิ ปติฏฺฐํ อลภนฺตานํ เยภุยฺยา นุมติยา อิมินา คณฺฐานิเตน พุทฺธาทิวตฺถุคุณปริภาวิเตน ปริตฺโตทเกน โอโณเชม นิยฺยาททาม ฯ สมฺปฏิจฺฉตุ เทโว เตสุ มนุสฺเสสฺ อนฺกมฺปํ อุปาทาย ตตฺถ สวตฺถุกสฺมั สสพฺพนิสฺสิเต ปุรตฺถิมทิสิก ปฐวีตเล ปุรตฺถิมานุทิสิกปฐวีตเล ทกขิณทิสิกปฐวีตเล ทกฺขิณานุทิสิกปฐวีตเล ปฺจฉิมปฐวีตเล ปจฺฉิมานุทิสิกปฐวีตเล อุตฺตรทิสิกปฐวีตเล อุตฺตรทิสิกปฐวีตเล อุตตรานุทิสิกปฐวีตเล ยํ ยํ เทโว อากงฺขติ ตํ ตํ กโรนฺโต อชฺฌาวสตุ สพฺพทา สุขี อโรโค นิรุปทฺทโว พุทฺธาทิวตฺถุสฺมึ อติสยเขตฺตภูเต สิทฺธานํ ปุญฺานํ เตชสา ฯ แล้วถวายน้ำอภิเษกรินลงสักน้อยในพระเต้าเบ็ญจครรภที่ทรงรับนั้น แล้วผู้ถวายน้ำว่าคำนี้ไปพลาง ฯ

โสภณมตฺถุ กลฺยาณมตฺถุ สิทฺธิรตฺถุ ชยตุ เทโว ปุรตฺถิมทิสิกํ ปุรตฺถิมานุทิสิกํ ทกฺขิณทิสิกํ ทกฺขิณานุทิสิกํ ปจฺฉิมทิสิกํ ปจฺฉิมานุทิสิกํ อุตตรทิสิกํ อุตตรานุทิสิกํ สฺยามรฏฺฐาทิปฐวึ อชฺฌาวสตุ เทโว ธมฺเมน สเมน ฯ

เมื่อนั้น จึงมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมรับ ดังนี้ ฯ

สาธุ สาธุ สามตฺถิยาหํ ตุมฺหากํ วจนํ อนุกริสฺสามิ เย เต สวตฺถุกา สสพฺพนิสฺสิตา ปุรตฺถิมทิสิกา ปุรตฺถิมานุทิสิกา ทกฺขิณทิสิกา ทกฺขิณานุทิสิกา ปจฺฉิมทิสิกา ปจฺฉิมานฺทิสิกา อุตฺตรทิสิกา อุตฺตรานุทิสิกา คามนิคมชนปทา เต สพฺเพ ยถาสเกน สณฺฐาเนน ติฏฺฐนฺตุ เย เต มม วิชิเต ปุรตฺถิมทิสิกปฐวีตเล ปุรตฺถิมานุทิสิกปฐวีตเล ทกฺขิณานุทิสิกปฐวีตเล ปจฺฉิมทิสิกปฐวีตเล ปจฺฉิมานุทิสิกปฐวีตเล อุตตรทิสิกปฐวีตเล อุตตรานุทิสิกปฐวีตเล นิวาสิโนวา สญจาริโน วา สตฺตา สพฺเพ เต อเวรา อนีฆา อพฺยาปชฺฌา สุขี อตตฺานํ ปริหรนฺตุ สุขิตตฺตา จ เขมิโน ฯ

เจ้าพนักงานจึ่งรับพระบรมราชโองการว่า ดังนี้ เอวํ เทว ฯ

แล้วพราหมณ์ถวายน้ำสังข์ทักขิณาวัตร น้ำกลศ ทรงรับแล้วผันพระองค์ไปตามลำดับทิศ โดยทักขิณาวัตรครบทั้ง ๘ ทิศ แล้วพระมหาราชครูประคองพระองค์เชิญเสด็จพระราชดำเนินโดยทางลาดพระบาท ประคองพระองค์ขึ้นพระที่นั่งภัทรบิฐมีพระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น และเขียนที่แผ่นทองเป็นรูปราชสีห์อันมีมหันตเดช ผันพระพักตร์สู่บุรพทิศ พระมหาราชครูอ่านเทวสรรเสริญไกรลาศแล้วกราบทูลถวายศิริราชสมบัติ ด้วยคำมคธว่า ฯ

ยคฺเฆ โภ ภวํ มม วจโนกาสํ ททาตุ เอตรเหทํ สฺยามรฏฺฐิกํ สิริรชฺชํ มุทฺธาวสิตฺเตน รฺา อราชิกํ เตน มยเจว อฺเ จ อิมสฺมึ รฏฺเฐ ปธานภูตา เสนาปตฺยามจจมนฺติอาทโย อฺมํ มนฺตยิตฺวา ภวนฺตเมวิมสฺส รชฺชสฺส อจฺจานุรูป วิทิตฺวา เอกฉนฺทา เยว หุตฺวา โภโตวิมํ สฺพฺพํ สฺยามรฏฺฐิกํ รชฺชํ โอโนชยาม นิยฺยา เทม ฯ สาธุ ภวํ อเมฺหสุ อนุกมฺปมุปาทาย ตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพาย สฺยามาทิรฏฐิกาย สสฺสมณพราหมณิยา สนาครเนคมชน ปทิกาย ปชาย ปรมุตฺตมปติฏฺฐา หุตฺวา สทาปิจ สุขิโต อโรโค นิรุปทฺทโว หุตฺวา อิธ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรตุ ธมฺเมน สเมน อสาหเสน ฯ

ทรงรับว่า เอวํ พฺราหฺมณ ฯ

แล้วกราบทูลเป็นคำไทยต่อไป โดยคำแปลภาษามคธ ว่าดังนี้ ฯ

ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้า ฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานบรมราชวโรกาสแก่ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยครั้งนี้ ศิริราชสมบัติทั่วทั้งสยามราชวราณาจักรนี้ ไม่มีพระบรมราชาซึ่งได้มุรธาภิเษกจะครอบครองเป็นเจ้าเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายและท่านเสนาบดีมุขอมาตยราชมนตรีที่เปนประธานในราชการนี้ ปฤกษาพร้อมกันทราบความประจักษ์ว่า พระองค์เป็นผู้สมควรยิ่งนัก ซึ่งจะเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปกครองพระบรมวงศานุวงศ์ สมณพราหมณาจารย์และประชาราษฎร ให้ได้ความเกษมสันต์ร่มเย็นเป็นสุขทั่วกันได้ จึงมีฉันทความลงใจเป็นอันเดียวกัน มอบถวายศิริรัตนราไชศวรรย์ทั่วทั้งสยามราษฎาณาจักรนี้แด่พระองค์ ขอได้ทรงพระการุญภาพแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงรับแล้วจงได้เป็นที่พึ่งอย่างยิ่งแก่พระบรมราชวงศานุวงศ์ และข้าทูลลอองธุลีพระบาท อีกสมณพราหมณาจารย์และอาณาประชาราษฎรทั้งชาวพระนครและชาวนิคมคามชนบทประเทศราชใหญ่น้อยทั้งปวง และขอให้พระองค์ทรงเจริญศิริทฤฆายุสุขสวัสดิ์ อย่าได้มีพระโรคภยุปัทวันตราย กอบด้วยความเกษมสำราญพระวรกายพระราชหฤทัย ดำรงในศิริรัตนราไชยมไหศวริยาธิปัตย์ โดยราชธรรมจริยานุวัตรสม่ำเสมอ ไม่เป็นสาหัสกิริยา ขอเดชะ ฯ

พระสิทธิไชย กราบบังคมทูลถวายนพปดลมหาเศวตฉัตร ด้วยคำมคธดังนี้ ฯ

ชยตุ ภวํ มหาราชา (๓ ที) ฯ

ยโต ภวํ มหาราชา สฺยามรฏฺฐิกํ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ สมฺปฏิจฺฉิ เตนาหํ สพฺเพสํ อนุมตึ คเหตฺวา พหิมหาราชุตฺตมกาญจนปลฺลงฺเก อุสฺสิตํ สิริรชฺชสฺส อฺปลกฺขณภูตํ ฆนโสวณฺณาลงฺการํ นวปตลํ มหาเสตฉตฺตาติฉตฺตํ โภโต รฺโ โอโนชยามิ นิยฺยทยามิ สาธุ ภวํ มหาราชา ตํ สมฺปฏิจฺฉิตวา ธาเรตุ โปราณราชปเวณึ อวิชหนฺโต ฯ สทาปิจ ภวํ มหาราชา โหตุ อโรโค นิรุปทฺทโว สพฺพมิมํ รฏฺฐํ สสามนฺตชนปทํ วิชินิตฺวา อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรตุ ธมฺเมน สเมน อสาหเสน ฯ

แล้วกราบบังคมทูลเป็นคำไทยตามเนื้อความในภาษามคธดังนี้ ฯ

ขอเดชะ ฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เมื่อพระองค์ทรงรับเวนศิริราชสมบัติบรมอิศริยยศสยามรัษฎาธิบดินทรดังนี้แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะได้ถือเอาความลงใจตามซึ่งท่านทั้งหลายทั้งปวงได้ยอมพร้อมกันนั้น ขอพระราชทานมอบถวายนพปดลมหาเศวตฉัตราดิฉัตรอันอลงกฎด้วยสุพรรณวิกัติ ล้วนทองคำธรรมชาติเป็นเครื่องหมายเฉลิมลักษณแก่ศิริราชสมบัติ ซึ่งกางกั้นบนรัตนมหาราชบัลลังก์กาญจนวิจิตรอยู่ ณ ภายนอกนั้น ขอพระองค์ได้ทรงรับดำรงไว้เพื่อจะไม่ละให้ผิดโบราณราชประเพณี และขอให้พระองค์ทรงพระเจริญศรีทฤฆายุสุขสวัสดิ อย่าได้มีพระโรคภยุปัทวันตราย กอบด้วยความเกษมสำราญ พระวรกายพระราชหฤทัย จงมีชัยชะนะครองสยามราษฎาณาจักรทั้งสิ้นนี้ กับทั้งที่ชนบทสามันตประเทศราชโดยรอบทั่วไป ดำรงในศิริรัตนราไชยมไหศวริยาธิปัตย์โดยราชธรรมจริยานุวัตรสม่ำเสมอ ไม่เป็นสาหัสกิริยา ขอเดชะ ฯ

แล้วพระมหาราชครูถวายพระสุพรรณบัฏ พระสังวาลพราหมณ์ พระสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ พระสังวาลพระนพ ทรงรับมาสอดพระองค์แล้ว ถวายพระมหามงกฎ ทรงรับมาสวมแล้ว ถวายพระแสงขรรค์ ทรงรับมาวางเบื้องซ้าย ธารพระกรวางเบื้องขวา พระแส้จามรี ฯ

พระสิทธิไชย ถวายพระมหาเศวตฉัตร พระมหาราชครูสอดฉลองพระบาทถวาย แล้วถวายพระแสงอัษฎาวุธและเครื่องราชูปโภคบริภัณฑ์ทั้งปวง ทั้งนี้ทรงรับแล้วส่งพระราชทานให้เจ้าพนักงานเชิญไว้ แล้วพระมหาราชครู พระสิทธิไชย ถวายพรชัย เสร็จแล้วจึ่งมีพระบรมรราชโองการเป็นปฐม ด้วยคำมคธว่าดังนี้ ๆ

อิทานาหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชามุทธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิ ธมฺมิกราชเวณิยา อนุชานามิ ยนฺตํ สฺยามวิชิเต อปรปริคฺคหิตํ ติณกฏฺโฐทกํ สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพ สฺยามรฏฺฐิกา ยถาสุขํ ปริภุฺชนฺ ตุฯ

จึ่งพระมหาราชครูผู้ใหญ่ รับพระบรมราชโองการเป็นปฐมด้วยคำมคธว่าดังนี้

สมฺปฏิจฺฉามหํ โภโต รโ อิมํ ปฐมํ ธมฺมิกํ ปรมราช อ อุ ม การํ วรปณฺฑรสุรสีหนาทสาทิสํ มม สิรสา ฯ

แล้วจึ่งมีพระบรมราชโองการเป็นคำไทย ตามเนื้อความภาษามคธ ดังนี้ ฯ

ครั้งนี้ท่านทั้งปวงพร้อมใจกันยอมให้เราเป็นเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษก เป็นใหญ่ในสยามราษฎ์วราณาจักรนี้แล้ว เราอนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี พรรณพฤกษชลธีไนสยามราษฎ์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มีเจ้าของหวงแหนนั้น ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ประชาราษฎรทั้งปวง จะปรารถนาใช้สอย เทอญ ฯ

พระมหาราชครูรับพระบรมราชโองการเป็นปฐมว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรมราชโองการ (มาน) พระบัณฑูรสุรสิงหนาทปฐมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้า ฯ ขอเดชะ

แล้วทรงโปรยดอกพิกุลทองเงิน ทรงหลั่งน้ำทักขิโณทก ทรงพระอธิษฐานตามพระอัธยาศัย แล้วพราหมณ์เป่ามหาสังข์ทักษิณาวัตร ประโคมดนตรีแตรสังข์มโหรทึก ทหารปืนใหญ่ยิงสลุต ๒๑ นัด ครั้นสุดเสียงประโคมแล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานทรงปฏิบัติพระสงฆ์ในพระที่นั่งองค์ตะวันตก ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วถวายไทยธรรม แล้ว (พระสงฆ์ถวาย) อติเรกเป็นฤกษ์ ถวายพระพรลากลับไป ฯ

ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๓๐ นาที สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องราชวิภูสนาภรณ์ ทรงพระมหามงกุฎ พระแสงขรรค์ เสด็จออกพระที่นั่งอนรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือบรมอาศน์มีพระมหาเศวตฉัตร จึ่งพระบรมราชวงศานุวงศ์ อัครมหาเสนาบดีอมาตยมุขมนตรี ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือนกราบถวายบังคมเฝ้าโดยลำดับ เจ้าพนักงานประโคมมโหรทึกแตรสังข์กลองชะนะ ครั้นสุดเสียงประโคม จึ่งพระยาศรีสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ อ่านคำประกาศและคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ว่าฯ

สรวมชีพ ข้าพระพุทธเจ้า ผู้รับสากลานุมัติอัธยาศัยแห่งท่านผู้เป็นใหญ่ทั้งหลาย คือ อัครมหาเสนาบดีและอมาตยมุขมนตรี ข้าทูลลอองธุลีพระบาทถ้วนหน้าบรรดามาพร้อมกันในสถานที่นี้ ขอถวายอัญชลีบังคมนอบน้อบศิโรตมางค์ แด่พระบาทสุบาทางค์บงกชมาศ แห่งสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก เป็นพระองค์เอกอักรมหาราชาธิราช ทรงพระบรมยศวโรภาสสถิตในภายใต้พระมหาเศวตฉัตร เหนือพระบรมรัตนราชบัลลังก์ มีพระปรมาภิไธยตั้งประดิษฐานในแผ่นพระสุพรรณบัฏ โดยอักษรลักษณแสดงอรรถว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรคม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราหณี จักรกรีบรมนาถ มหามกุฎราชรามวรางกูร สุจริตมูลสุสาธิต อัครอุกฤษฐไพบูลย์ บุรพาดุลยกฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนต บาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณ อดุลพิเสส สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิฐศักดิสมญาพินิตประชานาถ เปรมกมลขัติยราชประยูร มูลมูขมาตยาภิรมย์ บรมกฤษฎาภินิหาร บริบูรณ์คุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันตมหันตวรฤทธิเดช สรรพวิเสสศิรินทรมหาชน นิกรสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตรศิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิสิต สรรพทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร มเหศวรมหินทรมหาราชาธิราช วโรดมบรมนาถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ อุกฤษฐศักดิอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัยอโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จถวัลยราชพระบรมมหาราชวังกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อันตั้งอยู่ในสยามราษฎาณาจักร และเป็นบรมราชาธิราชในมลาวประเทศและมลาย๔ประเทศทฤฆายูศิริสวัสดิ ฯ

และบัดนี้ ข้าพระพุทธเข้า เจ้าพระยาภูธราภัย ที่สมุหนายก เจ้าพระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ ที่สมุหพระกลาโหม เจ้าพระยาภาณุวงศ์ มหาโกษาธิบดี เจ้าพนักงานกรมดิฐการและ ๑๒ พระคลัง เจ้าพระยายมราช เจ้าพนักงานกรมพระนครบาล เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี เจ้าพนักงานกรมวัง พระยาประชาชีพ เจ้าพนักงานกรมนา ขอรับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสบรมราชานุญาตแด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อจะได้กราบทูลพระกรุณามอบถวายสรรพสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นเครื่องประดับพระบรมราชอิศริยยศและราชสมบัติทั้งปวง ซึ่งเนื่องอยู่ฉะเพาะเจ้าพนักงานต่างๆ ตามธรรมเนียมแต่ก่อนมา แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ควรมิควรสุดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ขอเดชะ ฯ

เมื่อนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระบรมราชานุญาต ดังนี้ ฯ

ว่าบรรดาเสนาบดีมุขมนตรีหม่อมาตย์ซึ่งมีบรรดาศักดิ์ จักได้เข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในที่เฉพาะพระพักตร์ทั้งปวงตั้งแต่วันนี้ไป จงได้โอกาสเพื่อจะกราบทูลเหตุการณ์ใด ๆ สมควรอัธยาศัย ในเวลาอันควร อย่าให้ป่วยการเนิ่นช้า ด้วยจะหาผู้กราบทูลแทนตัวเลย จงมีความสะดวกใจในที่จะกราบทูลพระกรุณา ด้วยวาจาของตนๆ เทอญ ฯ

จึ่งพระยาศรีสุนทรโวหาร เจ้ากรมพระอาลักษณ์ กราบทูลรับสั่งว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ

จึ่งท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ที่สมุหนายก กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานทูลถวายพระยาช้างพระที่นั่งต้น พระยาม้าพระที่นั่งต้น กับเมืองเอก โท ตรี จัตวา ทั้งไพร่พลฝ่ายพลเรือนและมลาวประเทศซึ่งเป็นเมืองประเทศราชขึ้นกรุงเทพมหานคร แต่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

เจ้าพระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหน่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระมหาพิชัยราชรถ เรือพระที่นั่งต้น เรือกระบวนใหญ่น้อย และเครื่องสรรพยุทธทั้งปวง กับเมือง เอก โท ตรี จัตวา ปากใต้ฝ่ายตวันตก กับไพร่พลฝ่ายทหาร แลมลายูประเทศ ซึ่งเป็นเมืองประเทศราช ขึ้นกรุงเทพมหานคร แต่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์๑๘กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระที่นั่งมณเฑียรปราสาทราชนิเวศนมหาสถาน พระราเชนทรราชยาน ทั้งเครื่องสูงเฉลิมพระเกียรติยศ แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

ท่านเจ้าพระยายมราช๑๙กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวาย กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุธยาบรมราชธานี แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

ท่านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายเครื่องพัทธยากรราชสมบัติทั้ง ๑๒ พระคลัง แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ

พระยาประชาชีพบริบาล กราบทูลว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายธัญญาหารแดนสถานลานนาทั่วพระราชอาณาเขตต์ประเทศตำบลใหญ่น้อยทั้งปวง แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะฯ

แล้วจึ่งมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ตรัสปฏิสันฐานแก่เจ้าพระยาและพระยาทั้งปวง ว่าท่านทั้งปวงบรรดาซึ่งมีตำแหน่งราชการได้บังคับบัญชาหัวเมือง เอก โท ตรี จัตวา ปากใต้ฝ่ายเหนือ และได้รับราชกิจในตำแหน่งใหญ่น้อยทั้งปวง จงได้รับตำแหน่งราชการรักษาพนักงานตาม ซึ่งได้รับราชการมาแต่ก่อนนั้นให้เรียบร้อยปกติจะได้ทำนุบำรุงพระบรมพุทธศาสนา และบำรุงแผ่นดินให้สมณพราหมณาจารย์ประชาราษฎรทั้งปวงอยู่เย็นเป็นสุขตลอดพระราชอาณาเขตต์ ฯ

จึ่งท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ซึ่งเป็นใหญ่รับพระบรมราชโองการว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ขอรับพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้าใส่กระหม่อม ขอเดชะ ฯ

แล้วผู้แทนคอเวอนแมนต์เมืองต่างประเทศ ซึ่งมีทางพระราชไมตรี อันตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เข้ามาอ่านแอดเรศถวายพระพรว่าดังนี้...๒๐

แล้วมีพระบรมราชโองการ ทรงพระราชปฏิสัณฐารตอบตามสมควร แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงจากพระบรมราชบัลลังก์ ซึ่งมีพระมหาเศวตฉัตร ประทับบนพระแท่นถม จึ่งมีพระบรมราชโองการดำรัสดังนี้...๒๑

จึ่งหลวงสารประเสริฐ๒๒อ่านคำประกาศพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีทั้งปวง ว่าดังนี้ ...๒๓

ครั้นอ่านคำประกาศเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการว่า ...๒๔ แล้วจึ่งพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศ ชื่อจุลจอมเกล้าที่ ๑ (แก่) ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นปฐม แล้วจึ่งได้พระราชทานต่อไปเป็นลำดับ ครั้นพระราชทานเสร็จแล้ว จึ่งมีพระบรมราชโองการพระราชทานพรแด่ท่านผู้ที่ได้รับเครื่องราชอิศริยยศ แล้วเสด็จพระราชดำเนินประทับในพระฉากข้างเฉลียงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมง ๑๖ นาที พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณแล้วมาประทับพระที่นั่งภัทรบิฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการฝ่ายในเฝ้าโดยลำดับ

จึ่งท้าววรจรรย์กราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลถวายพระสนม ๑๒ พระกำนัลสรรพพนักงานฝ่ายใน แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม แล้วทรงโปรยดอกพิกุลทอง เงิน เสด็จขึ้นพระมหามณเฑียร มีนางชำระพระบาท ๒ นาง เชิญเครื่องราชบริโภคตามประเพณี แล้วมีนางเชื้อพระวงศ์ ๖ นางอุ้มวิฬาร์ ๑ นางเชิญศิลาบด ๑ นางเชิญโต๊ะเงินรองฟักเขียว ๑ นางเชิญพานทองข้าวเปลือก ๑ นางเชิญพานทองถั่ว ๑ นางเชิญพานทองงา ๑ ครั้นเสด็จถึงในที่จุดเทียนนมัสการ เสด็จขึ้นบนแท่นที่พระบรรทม พระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายในถวายดอกหมากทำด้วยทองคำหนัก ๕ ตำลึงหางช้างเผือกผู้ ทรงรับแล้ววางไว้ข้างที่

ท้าวทรงกันดาลถวายกุญแจทองคำ แล้วทรงเอนพระองค์ลงเหนือแท่นที่โดยทักษิณปรัศว์ พระบรมวงศ์ฝ่ายในผู้ทรงพระชนมายุถวายพระพรก่อนแล้ว พระวงศานุวงศ์ทั้งนั้นถวายพระพรต่อภายหลัง แล้วให้ประโคมดุริยางคดนตรี ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว เสด็จพระราชดำเนินโดยทางข้างใน ทรงโปรยเงินไปตามทาง ไปจนถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเครื่องนมัสการถวายบังคมพระรูปพระเจ้าแผ่นดินทั้ง ๔ พระองค์ แล้วเสด็จเฝ้ากรมพระสุดารัตนราชประยูรถวายดอกไม้ธูปเทียนเป็น (การ) เคารพ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับขึ้นพระมหามณเฑียร

ครั้นเพลาบ่าย ตั้งบายศรีแก้ว ๑ บายศรีทอง ๑ บายศรีเงิน ๑ บายศรีตอง ๒ สำรับ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ข้างหน้าข้างใน ฝ่ายทหารพลเรือนพร้อมกันรับแว่นเวียนเทียนรอบพระมหามณเฑียร ตามจารีตโบราณขัติยราชประเพณี ฯ

ครั้นเวลาค่ำ เสด็จพระราชดำเนินออกพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยรับพระราชทานเลี้ยงพร้อมกัน แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกพลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ที่ท้องสนามชัย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทอดพระเนตรดอกไม้เพลิงและการแต่งพระนครต่าง ๆ จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น ฯ

ในวัน ๑๒ ค่ำนี้ วังพระบรมวงศานุวงศ์ และบ้านข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย และบ้านเรือนราษฎร ทั่วทั้งพระนคร มีจุดไฟและมีการเล่น เป็นที่ชื่นชมยินดีทั่วกัน ฯ๒๕

ครั้นเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว มีการสมโภชพระรูป๒๖พระเจ้าแผ่นดินและสมโภชพระนครต่อไปอีก ๓ เวลา

ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๒ ๑๓ ๑๒ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยถวายดอกไม้ธูปเทียน เฉลิมพระราชมณเฑียรตามประเพณี และได้พระราชทานเหรียญเงินเป็นที่ระลึกในการพระบรมราชาภิเษกแก่ข้าราชการผู้ซึ่งไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยยศจุลจอมเกล้า ครั้นเวลาบ่ายพระราชาคณะเปรียญฐานานุกรมสวดพระพุทธมนต์สมโภชพระรูปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเท่าพระชนม์

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๗๔ รูป

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๕๘ รูป

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๖๕ รูป

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๖๕ รูป

รวมพระสงฆ์ ๒๖๒ รูป ทรงถวายไตรยผ้าเนื้อดี ผ้ากราบปัก เครื่องบริขารตามสมควร พระสงฆ์สวดตามรอบกำแพงพระราชวังทรงถวายสบงจีวร ผ้ากราบตีพิมพ์ บาตรฝาไม้ลายประดับมุกด์ ฯ

ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๓ ๑๔ ๑๒ ค่ำ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จทรงปรนิบัติพระสงฆ์แล้ว ข้าราชการฝ่ายในถวายธูปเทียน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระราชทานกล่องเงินกาไหล่ทองถมยา แก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการฝ่ายในทั้งปวง ครั้นเวลาบ่ายสวดมนต์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ฯ

ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๔ ๑๕ ๑๒ ค่ำ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ครั้นเลี้ยงพระสงฆ์แล้วข้าราชการในพระราชวังบวรถวายดอกไม้ธูปเทียน พระราชทานเหรียญเงินเป็นที่ระลึกในการพระบรมราชาภิเษก ฯ

ครั้น ณ วัน ๕ ๑ ค่ำ เวลาเช้าเลี้ยงพระสงฆ์ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและรอบกำแพงพระราชวังพร้อมกัน ฯ

ในวัน ๑๓-๑๔-๑๕ ค่ำ มีโขน หุ่น ลคร งิ้ว ไม้ลอยญวนหก การเล่นสมโภชพระราชวังต่าง ๆ สามวัน ฯ

ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๑ ๑ ค่ำ๒๗ เวลาเช้า ๔ โมง เสด็จด้วยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารคเลียบพระนคร ออกประตูวิเศษชัยศรี ประทับ ณ วัดพระเชตุพน ออกจากวัดพระเชตุพน ประทักษิณรอบพระราชวัง เข้าประตูวิเศษชัยศรีตามเดิม ทหารปืนใหญ่ยิงสลุต ๒๑ นัด เดินกระบวนประทักษิณรอบพระราชวัง ฯ

ครั้น ณ วัน ๕ ๑ ค่ำ๒๘ เวลาเช้า ๓ โมง ๕๔ นาที เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค ทหารปืนใหญ่ยิงสลุต ๒๑ นัด ประทักษิณรอบพระนครเข้าคลองบางลำภูประทับ ณ วัดบวรนิเวศ แล้วออกจากวัดบวรนิเวศไปตามคลองรอบพระนคร ประทับ ณ วัดอรุณราชวราราม ออกจากวัดอรุณราชวรารามมาประทับท่าราชวรดิตถ์ ฯ

เสร็จการพระบรมราชาภิเษก ฯ

(คัดจากวารสารศิลปากร ปีที่ ๒ เล่ม ๑-๒)

  1. 1. คัดจากสมุดไทยดำเส้นดินสอขาว เลขที่ ร. ๕. ๓๑/๖

  2. 2. วัน ๗ ๑๕ ๑๐ ปีระกา จ.ศ. ๑๒๓๕ (ถ้าเป็นวันแรม ๑๕ ค่ำ ก็เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษา และทรงมอบศิริราชสมบัติให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการ

  3. 3. คำกราบบังคมทูลของท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ - ดูที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๕ หน้า ๑๗๔

  4. 4. วัน ๕ ๑๑ ปีระกา พงศ. ๒๔๑๖ – วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นวันทรงพระผนวช

  5. 5. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ

  6. 6. สมเด็จพระสังฆราช (ปุสสเทโว สา) วัดราชประดิษฐ์

  7. 7. กุฏิที่ประทับนี้ ภายหลังโปรดให้รื้อไปสร้างเสริมไว้ที่วัดเบญจมบพิตร มีนามว่าพระที่นั่งทรงผนวช ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

  8. 8. คำกราบทูล ไม่มีสำเนาอยู่ในจดหมายเหตุฉบับนี้

  9. 9. ๖ ๑๑ ค่ำ (ปีระกา จ.ศ. ๑๒๓๕) – วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นวันทรงลาพระผนวช

  10. 10. คำกราบทูล ไม่มีสำเนาอยู่ในจดหมายเหตุฉบับนี้

  11. 11. วัน ๗ ๑๒ ปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ - วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นวันจารึกพระสุพรรณปัฏ

  12. 12. วัน ๔ ๑๒ ปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ - วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖

  13. 13. ประกาศเทวดาในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ ซึ่งพระราชาคณะเป็นผู้ประกาศในระหว่างนี้นั้นมีอยู่ในประกาศพระราชพิธี เล่ม ๒ (ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๕๙) หน้า ๔๖

  14. 14. ๗ ๑๒ ๑๒ (ปีระกา จ.ศ. ๑๒๓๕) (ถ้าเป็นวันแรม ๑๒ ค่ำ ก็เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ และเป็นวันทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งหลัง)

  15. 15. พระสิทธิไชย [บดี] (อ่อน)

  16. 16. พระยาราชโกษา (จัน วัชโรทัย)

  17. 17. สมเด็จพระวันรัต (สมบุญ)

  18. 18. เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ (มั่ง สนธิรัตน)

  19. 19. เจ้าพระยายมราช (เฉย ยมาภัย)

  20. 20. ความตอนที่ว่างไม่มีสำเนาอยู่ในจดหมายเหตุฉะบับนี้

  21. 21. ความตอนที่ว่างไม่มีสำเนาอยู่ในจดหมายเหตุฉะบับนี้

  22. 22. หลวงสารประเสริฐ (น้อย อาจารยกูร) พระยาศรีสุนทรโวหาร

  23. 23. ความตอนที่ว่างไม่มีสำเนาอยู่ในจดหมายเหตุฉะบับนี้

  24. 24. พระบรมราชโองการ ดูที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๖ หน้า ๑๗๕ และเรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ครั้งแรกนี้ พึงดูเรื่องราวในหนังสือตำนานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า

  25. 25. ในวัน ๑ ๑๒ ๑๒ ค่ำ วันทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งหลังนี้ มีพระบรมราชโองการประกาศเลิกธรรมเนียมหมอบคลาน และประกาศเรื่องการแต่งกายเข้าเฝ้า ดูเรื่องราวที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๗ หน้า ๑๗๗ และ ๘ หน้า ๑๘๘

  26. 26. เรื่องพระรูปนี้ ดูเรื่องราวที่ภาคผนวก เอกสารหมายเลข ๒ ข้อ ข. หน้า ๑๕๓

  27. 27. ๑ ๑ ค่ำ (ปีระกา จ.ศ. ๑๒๓๕) – วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นวันเสด็จเลียบพระนครทางสถลมารค

  28. 28. ๕ ๑ ค่ำ (ปีระกา จ.ศ. ๑๒๓๕) – วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นวันเสด็จเลียบพระนครทางชลมารค

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ