คำนำ

จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ในรัชกาลที่ ๕ ที่พิมพ์ในเล่มนี้ เริ่มแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ จนถึงปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ รวมเป็นเหตุการณ์ในระยะเวลา ๖ ปี ก็เหตุการณ์ที่มีการบันทึกไว้ ๖ ปีนี้ นับได้ว่าเป็นหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ได้อย่างดี เพราะรายการมีมากมายพร้อมด้วยวันเดือนปี และยังไม่เคยพบเห็นในที่อื่น แต่เป็นเหตุการณ์ที่มีข้อความย่อๆ อ่านแล้วบางเรื่องไม่รู้เหตุผลต้นปลายว่ามีอย่างไร ฉะนั้นเรื่องบางเรื่องและก็โดยมากต้องอาศัยพระนิพนธ์สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพมาช่วยขยายเรื่องราวให้ทราบละเอียดละออขึ้น.

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพตรัสเล่าไว้ในหนังสือความทรงจำ ตอน ๑ ว่า “เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยเมื่อเริ่มรัชกาลที่ ๕ ธรรมดาเวลาเปลี่ยนรัชกาลมักเกิดความหวาดหวั่นในเหล่าประชาชน ด้วยเกรงว่าจะเกิดการแย่งชิงราชสมบัติหรือเกิดโจรผู้ร้ายกำเริบเป็นนิสัยติดมาแต่โบราณ แม้คราวนี้ก็มีความหวาดหวั่นกันแพร่หลาย และมีเหตุชวนให้หวาดหวั่นด้วย เบื้องต้นแต่พระเจ้าแผ่นดินทรงพระเยาว์ต้องมีผู้อื่นว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์ คนทั้งหลายเกรงว่าเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จะชิงราชสมบัติ เหมือนเช่นพระเจ้าปราสาททองในเรื่องพงศาวดารดังกล่าวมาแล้ว นอกจากนั้นยังมีเหตุร้ายเกิดเกี่ยวเนื่องกันมา แต่เวลาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกำลังประชวรถึง ๔ เรื่อง คือเรื่องกงสุลอังกฤษตั้งวิวาทหาว่า รัฐบาลไทยไม่ประพฤติตามหนังสือสัญญา ถึงลดธง (ตัดทางพระราชไมตรี) และเรียกเรือรบ ๑ (ดูหน้า ๑๖,๑๔๖) ชาวตลาดตื่นด้วยเรื่องเกิด “อัฐ” (สำหรับซื้อของ) ปลอมแพร่หลาย ถึงกับจะปิดตลาดไม่ขายของเรื่อง ๑ (ดูหน้า ๒๐,๑๔๗) เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมเรื่อง ๑ (ดูหน้า ๒๖,๑๔๙) และจีนตั้วเฮีย (อั้งยี่) จะกำเริบเรื่อง ๑ (ดูหน้า ๒๘,๑๕๑)”

เมื่อทราบวิกฤติการณ์ที่ปรากฏตามหลักฐานเหล่านี้ จะมองเห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น อย่างระทึกใจทีเดียว โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จะทรงพระราชวิตกเพียงไร ข้อนี้จะเห็นได้จากพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี ร.ศ. ๑๑๒ ซึ่งมีข้อความตอน ๑ ว่า “เมื่อพ่อได้ราชสมบัติในเวลาอายุเพียง ๑๕ ปีเท่านั้น เหมือนตะเกียงริบหรี่จวนจะดับ แต่อาศัยด้วยปฏิบัติอธิษฐานน้ำใจในความสัตย์ธรรมมิได้วู่วาม และมิได้อาฆาตปองร้ายต่อผู้ใด ตั้งใจประพฤติตามแบบอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในต้นพระบรมราชวงศ์ ซึ่งได้ทรงประพฤติมา และอาศัยความอุตสาหะความพิจารณาเนืองนิจ จึงได้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบมาจนถึงเพียงนี้”

ด้วยเหตุผลดังได้ยกมากล่าวนี้ จึงเห็นว่าจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ ๕ นี้เป็นเอกสารให้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้อย่างดี มีสารัตถะที่ควรพิมพ์เผยแพร่ เพื่อเป็นบทเรียนต่อไป ก็และเรื่องนี้นายยิ้ม ปัณฑยางกูร เป็นผู้เสนอคณะกรรมการให้จัดพิมพ์ขึ้น เมื่อที่ประชุมอนุมัติ จึงได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นดำเนินงาน ๕ ท่าน คือ นายรอง ศยามานนท์ นายตรี อมาตยกุล พลตรี ดำเนิร เลขะกุล นายเฉลียว จันทรทรัพย์ และนายยิ้ม ปัณฑยางกูร อนุกรรมการคณะนี้ ได้มอบให้นายยิ้ม ปัณฑยางกูร เป็นผู้ตรวจทานต้นฉบับ ทำเชิงอรรถและสารบาญค้นเรื่อง ตลอดจนหารูปมาพิมพ์ไว้ด้วย เมื่อเสร็จแล้วได้นำมาเสนอคณะอนุกรรมการตรวจสอบแก้ไข เมื่อเห็นเรียบร้อยแล้ว จึงขออนุมัติให้ข้าพเจ้าสั่งพิมพ์ และก็ได้พิมพ์ตามที่เห็นอยู่นี้

(นายสุกิจ นิมมานเหมินท์)

ประธานคณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์

สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี

ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ