- คำนำ
- จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกครั้งแรก รัชกาลที่ ๕
- จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ในรัชกาลที่ ๕ ตอนแรกเสวยราชย์
- จดหมายเหตุเสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์แลเมืองเบตาเวีย ครั้งแรกในรัชกาลที่ ๕
- หนังสือกำหนดการรับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามที่เมืองเบตาเวีย
- จดหมายเหตุของพระวรภัณฑ์พลากร
- ระยะทางเสด็จประพาสอินเดีย
- จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกครั้งหลัง รัชกาลที่ ๕
- ภาคผนวก ๑. (ก) เรื่อง กงสุลอังกฤษลดธง
- ภาคผนวก ๑. (ข) เรื่องอัฐปลอม
- ภาคผนวก ๑. (ค) เรื่อง เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม
- ภาคผนวก ๑. (ฆ) เรื่อง พวกจีนตั้วเฮีย
- ภาคผนวก ๒. (ก) เรื่อง สร้างวัดราชบพิธ
- ภาคผนวก ๒. (ข) เรื่อง สร้างพระรูป ๔ รัชกาล
- ภาคผนวก ๓. เรื่อง เสด็จไปต่างประเทศครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๑๔-๒๔๑๕
- ภาคผนวก ๔. เรื่อง นักเรียนไทยไปศึกษา ณ ต่างประเทศ
- ภาคผนวก ๕. คำกราบบังคมทูลของท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
- ภาคผนวก ๖. (พระบรมราชโองการ)
- ภาคผนวก ๗. เรื่องเลิกธรรมเนียมหมอบคลาน
- ภาคผนวก ๘. เรื่องการแต่งกายเข้าเฝ้า
จดหมายเหตุบรมราชาภิเษกครั้งแรก รัชกาลที่ ๕
ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐ พ.ศ. ๒๔๑๑
ศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศักราชอดีตกาล ชไมยสหัสสสังวัจฉระ จัตุสตาธฤก เอกาทศสังวัจฉระปัตยุบันกาล มังกระสังวัจฉระ อัสยุชมาศ ศุกปักษ บรรณ (ร) สิยดฤถี คุรุวาร ปริเฉทกาลอุกฤษฐ๑ เวลา ๔ ทุ่มทุติยบาท กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ พระวงศานุวงศ์ ข้าทูลลออง ฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อย ปรึกษาพร้อมกัน กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์๒ พระศาสนโสภณ๓ พระอมรโมลี๔ พระราชาคณะคามวาสี อรัญวาสี กับพระครูฐานานุกรม เปรียญทั้งปวง ฝ่ายข้างพุทธจักร และฝ่ายข้างพระราชอาณาจักร กรมหลวงเทเวศรวัชรินทร์ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท กรมหมื่นถาวรวรยศ กรมหมื่นวรศักดาพิศาล กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ เจ้าฟ้ากรมขุนบำราบปรปักษ กรมหมื่นภูมินทรภักดี กรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติ กรมหมื่นภูบดีราชหฤทัย กรมหมื่นภูวไนยนฤเบนทราธิบาล กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ กรมหมื่นเจริญผลพูนสวัสดิ์ กรมหมื่นอนันตการฤทธิ กรมหมื่นสิทธิสุขุมการ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์๕ ที่สมุหพระกลาโหม ท่านเจ้าพระยาภูธราภัย๖ ที่สมุหนายก พระยามหาอำมาตย์๗ พระยาราชภักดี๘ พระยาศรีพิพัฒน์๙ พระยาเพ็ชรพิไชย๑๐ พระยาสีหราชเดโช๑๑ พระยาสีหราชฤทธิไกร๑๒ พระยาราชวรานุกูล๑๓ พระยาอภัยรณฤทธิ๑๔ พระยาอนุชิตชาญไชย๑๕ พระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์๑๖ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ๑๗ พระยาศรีเสาวราช๑๘ ท่านเจ้าพระยามุขมนตรี๑๙ พระยามณเฑียรบาล๒๐ พระยาเสนาภูเบศร๒๑ พระยาศิริไอศวรรย์๒๒ พระยาสุรินทรราชเสนี๒๓ พระวงศานุวงศ์ ผู้น้อยที่รังไม่ได้ตั้งกรม กับข้าทูลลออง ฯ และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน ทั้งพุทธจักร และพระราชอาณาจักรประชุมในพระที่นั่งอนันตสมาคมปรึกษาพร้อมกันว่า พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตรพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสู่สวรรคตแล้ว และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ กรมขุนพินิตประชานาถ ทรงกอบด้วยพระวัยวุฒิปรีชาญาณสุรภาพ และทรงพระสติปัญญาพระเมตตามหาปรักกมะอันประเสริฐ สามารถเป็นบรมศาสนูปถัมภกพระพุทธศาสนา สมควรที่ดำรงราชสมบัติปกป้องพระมหานคร ขอบขัณฑเสมา สมณพราหมณาประชาราษฎร ให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ด้วยพระบุญฤทธิมหาบารมี อันส่ำสมมาหาผู้จะเสมอมิได้ จึ่งกราบทูลอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ กรมขุนพินิตประชานาถ ขึ้นพานพิภพมไหศวรรยาธิปัตย์ ถวัลยราชประเพณีสืบศรีสุริยสันตติวงศ์ ดำรงพิภพมณฑลสกลกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทรมหินทราโยธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราศรีมหานคร บวรราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อันอำพลด้วยสามนตประเทศนานามหาไพบูลยพิศาลราชเจ้าสีมาอาณาเขตมณฑลทั้งปวง โดยบุรพประเพณีมหากษัตราธิราชเจ้าสืบๆ มา ฯ
ข้าพระพุทธเจ้า พระโหราธิบดี๒๔ เจ้ากรมโหรหน้า ๑ ขุนโชตพรหมา๒๕ ปลัดกรม ๑ หลวงโลกทีป๒๖ เจ้ากรมโหรหลัง ๑ ขุนเทพพยากรณ์๒๗ ปลัดกรม ๑ โหรมีชื่อคำนวณพระฤกษ์มังคลมหาราชาภิเษกทูลเกล้าถวายฯ
ศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศักราชอดีตกาล ชไมยสหัสสสังวัจฉระ จัตุสตาธฤก เอกาทศสังวัจฉระปัตยุบันกาล มังกระสังวัจฉระ กติกมาศศุกปักษ เตรัสมิยตฤถี พุธวาร ปริเฉทกาลอุกฤษฐ๒๘ เวลาบ่ายแล้ว ๓๐ นาที พระลักขนาสถิตราษีมังกร เสวยพระฤกษบุพาสาฬห ๒๐ เกาะนวางค์ ๕ ตรียางค์ ๗ พระจันทร์สถิตราษีมิน เสวยฤกษบุพภัท ๒๕ พระอาทิตย์สถิตราษีดุล พระอังคารสถิตราษีกรกฎ พระพุธสถิตราษีดุล พระพฤหัศบดีสถิตราษีมิน พระศุกรสถิตราษีสิงห์ พระเสารสถิตราษีพิจิก พระราหูสถิตราษีกรกฎ เป็นพระมหาชัยมงคลอุดมฤกษ ขุนโชตพรหมาได้จารึกพระชันษา นายราชสาส์น๒๙ได้จารึกพระนามลงในแผ่นพระสุพรรณบัฏ ทองคำเนื้อแปดเศษสอง ดวงพระชันษากว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๐ นิ้ว หนัก ๒ ตำลึง ดวงพระนามกว้าง ๗ นิ้ว ยาว ๑๔ นิ้ว หนัก ๒ ตำลึง พระมหาราชครู๓๐จุนเจิมแล้ว พันด้วยไหมเบ็ญ(จ)พรรณ บรรจุไว้ในกล่องทองคำจำหลักลายกุดั่น แล้วเชิญลงไว้ในหีบถมยาดำตะทองมีถุงเข้มขาบนอกตีตราประจำเล็บ เชิญขึ้นไว้บนพานทองสองชั้นสำรับใหญ่ปิดคลุมปักเลื่อม ข้าทูลลอองฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมกันสมโภชเวียนเทียน มีบายศรีแก้ว ๑ บายศรีทอง ๑ บายศรีเงิน « บายศรีตอง ๒ สำรับ ศึรษะสุกร ๒ ศีรษะ เครื่องกระยาบวชพร้อม สรรพด้วยแตรสังข์มโหรี ปี่พาทย์กลองแขกฆ้องชัย พระมหาราชครูเป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตรอุตราวัตร สมโภชเสร็จแล้วเชิญประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ฯ
ครั้นศิริศยุภมัศดุ พระพุทธศักราชอดีตกาล ชไมยสหัสสสังวัจฉระ จัตุสตาธฤก เอการสสังวัจฉระปัตยุบันกาล มังกระสังวัจฉระกติกมาศ กาฬปักษ นวมิยดฤถี รวิวาร ปริเฉทกาลอุกฤษฐ๓๑ เวลาบ่าย ๓ โมงกาลกำหนด พระราชาคณะจะได้สวดพระพุทธมนต์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๕๐ รูป ในพระมหามณเฑียร ๕ รูป ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๓๐ รูป ทรงพระภูษาพื้นขาว ฉลองพระองค์ครุยขาวกรองทอง รัตพระองค์ประดับเพ็ชรเสด็จเข้าไปในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทรงศีลแล้วถวายเทียนฉนวร (ชะนวน) แก่กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ออกมา ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยจุดเทียนชัย แล้วพระมหาราชครูถวายใบมะม่วง ๒๕ ได้แก่ภยันตราย ใบทอง ๓๒ ได้แก่อุปัทวันตราย ใบตะขบ ๙๖ ได้แก่โรคันตราย ทรงรับมาฟาดพระองค์แล้วส่งให้แก่พระมหาราชครู ๆ รับมากระทำสาตรปุนยาชุบโหมเพลิง แล้วเสด็จเข้าในพระมหามณเฑียร ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงสวมพระมหามงคลฟังพระราชาคณะ ๕ รูปสวดพระพุทธมนต์ ๓ วัน
ครั้นกติกมาศ กาฬปักษ พารัสมิยดฤถี พุธวาร๓๒ เวลาใกล้รุ่งทรงพระภูษาขาวเขียนทอง ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง รัตพระองค์ประดับเพ็ชรเหมือนอย่างฟังสวด เสด็จเข้าไปประทับอยู่ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนนมัสการ ครั้นเวลารุ่งแล้วกับ ๕๔ นาที พระลักขณาสถิตราษีพิจิก เกาะนวางค์ ๔ ตรียางค์ ๓ เสวยอนุราธ ๑๗ พระอาทิตย์สถิตราษีดุล พระจันทร์สถิตราษีกันย์ เสวยฤกษ์หัสต ๑๓ พระอังคารสถิตราษีกรกฎ พระพุธสถิตราษีดุล พระพฤหัสบดีสถิตราษีมิน พระศุกรสถิตราษีกันย์ พระเสาร์สถิตราษีพิจิก พระราหูสถิตราษีกรกฎ บริบูรณ์ด้วยนักษัตรฤกษ เป็นมหาชัยมงคลบรมราชาภิเษก ต้องอย่างขัตติยราชประเพณีมาแต่ก่อน พระโหราธิบดี พระมหาราชครูจึ่งทูลอัญเชิญเสด็จสู่ที่สรง เจ้าพนักงานชาวพระภูษามาลาถวายพระภูษาถอด แล้วพระเมธาธิบดี๓๓เชิญพระไชย หลวงอัฐยา๓๔เชิญพระพุทธขิเนศ๓๕ พระมหาราชครู พระครูอัษฎาจารย์๓๖ โปรยข้าวตอก หลวงราชมุนี๓๗หลวงศรีวาจารย์๓๘ เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตรนำเสด็จ เบื้องมุขประเทศไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน เสด็จสถิตเหนืออุทุมพรราชอาศน์ ผันพระพักตร์สู่ทิศพายัพ จึ่งพระราชโกษา๓๙ถวายเครื่องพระกระยาสนาน หลวงราชวงศา๔๐ไขสหัสธารา สรงสหัสธาราแล้ว จึ่งกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ถวายพระเต้าสัมฤทธิ์ ๑ กรมหลวงเทเวศรวัชรินทร ถวายพระเต้าทอง ๑ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ถวายพระเต้านาก ๑ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ถวายพระเต้าเงิน ๑ แล้วพระวงศานุวงศ์ และท่านเสนาบดี ถวายพระเต้าใหญ่น้อยทั้งปวงต่อไปตามลำดับ พระมหาราชครูถวายพระเต้าเบ็ญจครรภ สรงน้ำพระเต้าเสร็จแล้วพระมหาราชครูถวายพระมหาสังข์ทักขิณาวัตร ๑ พระครูอัษฎาจารย์ถวายพระมหาสังข์ทอง ๑ หลวงอัฐยาถวายพระมหาสังข์เงิน ๑ หลวงราชมุนีถวายพระมหาสังข์นาก ๑ หลวงศรีวาจารย์ถวายพระมหาสังข์งา ๑ หลวงเทพาจารย์๔๑ถวายพระครอบ ๑ ทรงรับต่อพระหัตถ์ ขุนรักษ์นารายณ์๔๒ ขุนราชธาดา๔๓ เป่าพระมหาสังข์ทักขิณาวัตร ๒ องค์ ขุนหมื่นพราหมณ์มีชื่อเป่าสังข์อุตราวัตร ๒ องค์ เจ้าพนักงานประโคมดุริยางคดนตรีมโหรทึกแตรสังข์บัณเฑาะว์ ครั้นสรงเสร็จแล้วพระราชโกษาถวายพระภูษา ทรงผลัดลายพื้นเขียวเขียนทอง ทรงฉลองพระองค์ครุยทอง เสด็จกลับมาสถิตเหนืออุทุมพรราชอาศน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น ที่ตั้งอัฐทิศล้อม ผันพระพักตร์ไปทิศพายัพเป็นปฐม จึ่งราชบัณฑิตถวายน้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์ถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัตร น้ำกลศ ทรงรับมาสะสรงพระพักตรแล้วเสวยหน่อยหนึ่ง แล้วผันพระองค์ไปตามลำดับทิศโดยทักขิณาวัตร ทรงรับน้ำพระพุทธมนต์น้ำสังข์ทั้ง ๘ ทิศ และพระมหาราชครูประคองพระองค์เชิญเสด็จ ฯ โดยทางลาดพระบาทมาขึ้นพระที่นั่งภัทรบิฐ มีพระบวรเศวตฉัตร ๗ ชั้น เสด็จนั่งเหนือแผ่นทองซึ่งเขียนเป็นรูปราชสีห์อันมีมหันตเดช ผันพระพักตร์สู่บูรพทิศ พระมหาราชครูอ่านเวทสรรเสริญไกรลาศแล้วถวายพระสังวาล ๓ องค์ และพระสุพรรณบัฏเบ็ญจราชกกุธภัณฑ์ แล้วถวายพระแสงอัษฎาวุธและเครื่องราชูปโภค ประกอบไปด้วยวิศณุเวทอิศวรมนต์ ทรงรับพระสังวาลและพระมหาพิชัยมงกุฎมาสอดทรง พระแสงขรรค์วางเบื้องขวา ธารพระกรวางเบื้องซ้าย เครื่องนอกนี้ทรงรับแล้วส่งพระราชทานพนักงาน พระราชโกษารับต่อพระหัตถ์ส่งให้พนักงาน แต่ฉลองพระบาทพระมหาราชครูรับมาสอดถวายแล้วถวายพรชัย เสร็จแล้ว
พระมหาราชครูพิธีกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ขอเดชะฝ่าลอองฯ ปกเกล้าฯ ศิริราชสมบัติอันหาพระมหากษัตริย์จะครอบครองมิได้ ข้าพระพุทธเจ้ากับเสนาบดีมนตรีมุขทั้งปวงขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ กรมขุนพินิตประชานาถ เป็นที่พึ่งแก่สมณพราหมณาจารย์อาณาประชาราษฎรสืบไป ขอเดชะฯ
หลวงอัฐยากราบบังคมทูลว่า ขอเดชะฝ่าลออง ฯ ปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายพระบรมมหาเศวตฉัตร เป็นที่ศิริราชสมบัติสำหรับบรมกษัตราธิราชเจ้าสืบมา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ กรมขุนพินิตประชานาถ ขอเดชะฯ
เสร็จแล้ว จึงมีพระราชโองการดำรัสสั่ง แก่พระมหาราชครูผู้ใหญ่ว่า พรรณพฤกษชลธีและสิ่งของในแผ่นดินทั่วอาณาเขตต์พระนครซึ่งทาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด จึงพระมหาราชครูผู้ใหญ่ซึ่งมีตระกูลรับพระราชโองการเป็นฤกษ์ก่อนว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้า ฯ ขอเดชะ แล้วทรงโปรยดอกพิกุลทอง เงิน ทรงหลั่งน้ำทักขิโณทกด้วยพระคาถาตามเคยทรงสังเกตนั้น ทรงอธิษฐานตามพระราชอัธยาศัย แล้วพราหมณ์เป่ามหาสังข์ประโคมดนตรีมโหรทึก สุดเสียงประโคมแล้ว เสด็จเข้าไปทรงถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์ในพระมหามณเฑียร กรมหมื่นบวรรังษี ฯ ถวายอดิเรก พระสงฆ์ราชาคณะถวายสัพพพุทธา ฯ ภวตุสัพ ฯ แล้วถวายพระพรลา จึ่งพระครูราชพิธีพระหมอเฒ่า๔๔ขึ้นไปบนพระมหามณเฑียร ประพรมน้ำกลศน้ำสังข์รอบพระมหามณเฑียรทั้งในนอก อวยชัยถวายพรแล้วทรงผลัดพระภูษารัตพระองค์กรองฉลองพระองค์ครุยสี ทรง พระแสงดาบใจเพชร แล้วทรงฉลองพระบาทเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์ ๆ รับไทยธรรมแล้วถวายพระพรลา จึ่งทรงพระมหาชฎาเสด็จขึ้นสู่พระที่นั่งเศวตฉัตร พระวงศานุวงศ์ที่มีกรมและยังไม่ได้ตั้งกรม ข้าทูลลอองฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือนเข้าเฝ้าพร้อมกัน จึ่งพระศรีสุนทรโวหาร๔๕ที่พระอาลักษณ์กราบทูลขอพระราชทานพระราชวโรกาส ให้ข้าทูลลอองธุลีพระบาททั้งปวงกราบทูลถวายสิ่งของและเครื่องที่เฉพาะพนักงานทั้งปวง จึงมีพระราชโองการว่า แต่นี้ไปท่านทั้งปวงจงมีโอกาสที่จะกราบทูลได้ อย่าต้องหาผู้กราบทูลแทนตัวเลย จึงพระอาลักษณ์รับพระราชโองการว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรสรสิงหนาทใส่เกล้า ฯ
ท่านเจ้าพระยาภูธราภัย ที่สมุหนายกกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายพระยาช้างต้นพระที่นั่ง พระยาม้าต้นพระที่นั่ง กับเมือง เอก โท ตรี จัตวา ทั้งพลฝ่ายพลเรือนแด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว๔๖ ขอเดชะ ฯ
พระยาเทพอรชุน๔๗ ราชปลัดทูลฉลอง (สมุหพระกลาโหม) กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย พระมหาพิชัยราชรถ เรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัยไกรสรมุข เรือกระบวนใหญ่น้อย และเครื่องสรรพยุทธ์ทั้งปวง กับเมือง เอก โท ตรี จัตวา ไพร่พลฝ่ายทหารแด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ
พระยามหาอมาตยาธิบดี ผู้ว่าที่เจ้าพระ (ยา) ธรมาธิกร กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายพระที่นั่งมณเฑียรปราสาทราชนิเวศมหาสถาน พระราเชนทรราชยาน ทั้งเครื่องสูงเฉลิมพระเกียรติยศ แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ
ท่านเจ้าพระยายมราช๔๘ กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร มหินทรายุธยามหาสถาน แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ
พระยาประชาชีพ๔๙ ราชปลัด (ทูลฉลอง เจ้าพระยาพลเทพ) กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายธัญญาหารแดนสถานลานนาทั่วพระราชอาณาเขตต์ประเทศตำบลใหญ่น้อยทั้งปวง แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะฯ
พระยาพิพัฒโกษา๕๐ กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายเครื่องพัทยากรราชสมบัติทั้ง ๑๒ พระคลังแด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ
แล้วจึ่งมีพระราชโองการตรัสปฏิสันถารแก่เจ้าพระยาและพระยาทั้งปวงว่า สิ่งของทั้งนี้จงจัดแจงทำนุบำรุงไว้ให้ดี จะได้ป้องกันรักษาแผ่นดินและจะได้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาสืบไป แล้วท่านอัครมหาเสนาบดี๕๑รับพระราชโองการกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้า ฯ แล้วเสด็จกลับขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณเสด็จเหนือพระภัทรบิฐ ฯ
ท้าววรจันทร์๕๒ กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายพระสนม ๑๒ พระกำนัน แด่พระบาทสมเด็จบรมนาถบรมบพิตร พระจุฬาลงกรณเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอเดชะ ฯ
ทรงพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัยเสร็จแล้ว พระวงศานุวงศ์ฝ่ายในถวายธูปเทียน ครั้นได้พระฤกษ์เสด็จเข้าสู่พระมหามณเทียร
ทรงโปรยดอกพิกุลทองเงิน มีนางชำระพระบาท ๒ นางเชิญเครื่องราชบริโภคตามสมควร แล้วมีนางเชื้อพระวงศ์ ๖ อุ้มวิลา ๑ นางเชิญสินลา (ศิลา) บด ๑ นางเชิญพานผลฟักเขียว ๑ นางเชิญพานทองข้าวเปลือก ๑ นางเชิญพานทองถั่ว ๑ นางเชิญพานทองงา ๑ ครั้นเสด็จถึงในที่จุดเทียนนมัสการแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นที่บรรทม พระองค์เจ้าปุก๕๓ (พระวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายใน) ถวายดอกหมากทำด้วยทองคำหนัก ๕ ตำลึง พระองค์เจ้ายี่สุ่น๕๔ถวายหางช้างเผือกผู้ ทรงรับแล้ววางไว้ข้างที่ แล้วท้าวทรงกันดาล๕๕ถวายกุญแจ แล้วทรงเอนพระองค์ลงบรรทมเหนือพระแท่นที่ โดยทักษิณปรัศว์เบื้องขวาเป็นพระฤกษ์ก่อน แล้วพระวงศานุวงศ์ฝ่ายในผู้ทรงพระชนมายุถวายพระพรก่อน แล้วพระวงศานุวงศ์ทั้งนั้นถวายพระพรต่อภายหลัง ให้ประโคมดุริยางคดนตรี ครั้นสุดเสียงประโคมแล้วเสด็จโดยทางข้างใน ทรงโปรยเงินไปพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จขึ้นไปทรงจุดเทียนนมัสการถวายบังคมพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับไปสู่พระมหามณเฑียร ครั้นเวลาบ่ายจะได้บายศรีแก้ว ทอง เงิน ตอง พระวงศานุวงศ์ ข้าทูลลออง ฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อย ข้างหน้าข้างใน และฝ่ายทหารพลเรือนพร้อมกันรับแว่นเวียนเทียนเฉลิมพระมหามณเฑียรตามจารีตโบราณขัตติยราชาธิราชสืบมา เพื่อทรงพระเจริญพระราชศิริสวัสดิพิพัฒนมงคล เมทนิดลสกลศัตรูกษัย ขอเดชะ ฯ
และพระสงฆ์ที่สวดในห้องพระบรรทม ๕ รูป สวดที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๕๐ รูป ฉันที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๒ วัน วัน ๔ ๑๒ฯ ๑๒ ค่ำ ฉันบนพระที่นั่งองค์ตวันตก พระสงฆ์ที่สวด ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๓๐ รูป ฉันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทั้ง ๓ วัน
(หมดฉบับเท่านี้)
(คัดจากสมุดไทยดำเส้นรงและเส้นดินสอขาว เลขที่ ร.๕./๓๐/๒ นำลงในวารสารศิลปากร ปีที่ ๑ เล่ม ๔ หน้า ๔๒)
อนึ่ง เรื่องงานบรมราชาภิเษกครั้งแรกนี้ พึงดูรายการละเอียดในหนังสือพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๕
-
1. วัน ๕ ๑๕ฯ ๑๑ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ – วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ↩
-
2. กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ - สมเด็จ ฯ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ↩
-
3. พระศาสนโสภณ (ปุสสเทโว สา) - สมเด็จพระสังฆราช ↩
-
4. พระอมรโมลี (นพ) วัดบุปผาราม ↩
-
5. เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) - สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ↩
-
6. เจ้าพระยาภูธราภัย (นุช บุณยรัตพันธุ์) ↩
-
7. พระยามหาอำมาตย์ (มั่ง สนธิรัตน) – เจ้าพระยาธรรมา ฯ ↩
-
8. พระยาราชภักดี (ช้าง เทพหัศดิน) ↩
-
9. พระยาศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค) - เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ ↩
-
10. พระยาเพ็ชรพิไชย (หนู เกตุทัต) ↩
-
11. พระยาสีหราชเดโช (พิณ) ↩
-
12. พระยาสีหราชฤทธิไกร (บัว รัตโนบล) ↩
-
13. พระยาราชวรานุกูล (รอด กัลยาณมิตร) - เจ้าพระยารัตนบดินทร์ ↩
-
14. พระยาอภัยรณฤทธิ์ (เฉย ยมาภัย) - เจ้าพระยายมราช ↩
-
15. พระยาอนุชิตชาญไชย (อุ่น ภูมิรัตน) ↩
-
16. พระยาสุรวงศวัยวัฒน์ (วร บุนนาค) - เจ้าพระยาสุรวงศ์วัยวัฒน์ ↩
-
17. พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (เพ็ง เพ็ญกุล) - เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ↩
-
18. พระยาศรีเสาวราช (ศรีสรราชภักดี) (ภู่ จาติกรัตน) - พระยาสุรเสนา ↩
-
19. เจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ สิงหเสนี) ↩
-
20. พระยามณเฑียรบาล (บัว สโรบล) ↩
-
21. พระยาเสนาภูเบศร์ (กรับ บุณยรัตพันธุ์) - พระยากลาโหมราชเสนา ↩
-
22. พระยาศิริไอศวรรย์ (เจ๊สัว ฟัก) ↩
-
23. พระยาสุรินทรราชเสนี (คง สโรบล) - พระยามณเฑียรบาล ↩
-
24. พระโหราธิบดี (ชุ่ม) ↩
-
25. ขุนโชตพรหมา (?) ↩
-
26. หลวงโลกทีป (เถื่อน) - พระโหราธิบดี ↩
-
27. ขุนเทพพยากรณ์ (?) ↩
-
28. ๔ ๑๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันจารึกพระสุพรรณบัฏ ↩
-
29. นายราชสาสน์ (?) ↩
-
30. พระมหาราชครู [พิธี] (พุ่ม คุรุกุล) ↩
-
31. วัน ๑ ๙ฯ ๑๒ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ - วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ ↩
-
32. วัน ๔ ๑๒ฯ ๑๒ (ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๓๐) - วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นวันทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก ↩
-
33. พระเมธาธิบดี (?) ↩
-
34. หลวงอัฐยา [อัฎยา ปรีชาธิบดี] (อ่อน) - พระสิทธิไชยบดี ↩
-
35. พระพิฆเนศ ↩
-
36. พระครูอัษฎาจารย์ (?) ↩
-
37. หลวงราชมุนี (อาจ คุรุกุล) - พระมหาราชครูพิธี ↩
-
38. หลวงศรีวาจารย์ (ชู) - พระครูอัษฎาจารย์ ↩
-
39. พระราชโกษา (จัน วัชโรทัย) - พระยาในนามเดิม ↩
-
40. หลวงราชวงษา (จีน บุนนาค) - พระยาอุไทยธรรม ↩
-
41. หลวงเทพาจารย์ (?) ↩
-
42. ขุนรักษ์นารายณ์ (?) ↩
-
43. ขุนราชธาดา (?) ↩
-
44. พระครูราชพิธีพระหมอเฒ่า คืยหลวงอัฎยา (ทัวหน้าพราหมณ์พฤฒิบาศว่าที่พระหมอเฒ่า) จากพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๕ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ หน้า ๑๓๓ ↩
-
45. พระศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ์) - พระยาในนามเดิม ↩
-
46. เมื่อบรมราชภิเษกครั้งหลัง แก้สร้อยพระนามบางแห่ง และลงท้ายพระนามว่า “พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” (จากพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๕ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ น่า ๑๐๕) ↩
-
47. พระยาเทพอรชุน (แสง?) ↩
-
48. เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี) ↩
-
49. พระยาประชาชีพ [บริบาล] (เทพา สุรคุปต์) ↩
-
50. พระยาพิพัฒน์โกษา (เสพ สุรนันทน์) - พระยาอภัยพิพิธ ↩
-
51. อัครมหาเสนาบดี คือ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม เจ้าพระยาภูธราภัย (นุช บุณยรัตพันธุ์) สมุหนายก ↩
-
52. ท้าววรจันทร์ (มาลัย) - ท้าววรคณานันท์ ↩
-
53. พระองค์เจ้าหญิงปุก พระเจ้าลูกเธอ ในรัชกาลที่ ๒ ↩
-
54. พระองค์เจ้าหญิงยี่สุ่น พระเจ้าลูกเธอ ในรัชกาลที่ ๒ ↩
-
55. ท้าวทรงกันดาล (ศรี) ↩