จดหมายเหตุของพระวรภัณฑ์พลากร

ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๒๓๒ พ.ศ. ๒๔๑๓

ณ วัน ๑ ๑๕ ๔ ค่ำ เวลา ๑๑ ทุ่มเศษ เรือราญรุกไพรีใช้จักรออกจากด่านเมืองสมุทปราการ ไป ๒ วันถึงหน้าเมืองชุมพร

ณ วัน ๓ ๔ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ลูกสูบในเครื่องจักรชำรุด ใช้จักรไปไม่ได้ กัปตันแลต้นหนในเรือนั้นจึงใช้ใบกลับมา

ณ วัน ๕ ๔ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษถึงสันดอน แล้วก็ทอดสมออยู่ที่สันดอน พระสุนทรานุกิจปรีชา จางวาง จัดเรือกลไฟเล็กไปรับพระยาสมุทบุรานุรักษ์ แลจมื่นทิพเสนา ปลัดกรมพระตำรวจในขวา จมื่นราชามาตย์ ปลัดกรมพระตำรวจในซ้าย มาลงในเรือสยามูปสดัมภ์แล้ว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษที่เรือสยามูปสดัมภ์เห็นเรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธใช้จักรออกจากปากน้ำเจ้าพระยามาถึงที่สันดอน พนักงานในเรือสยามูก็ชักธงช้างขึ้นเสาหน้า เสากลาง เสาท้าย แลธงต่างสีขึ้นรับเสด็จ พร้อมแล้ว เรือพระที่นั่งใช้จักรออกไปถึงเรือสยามูซึ่งทอดอยู่ที่สันดอน ขุนนางแลทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์รับเสด็จยืนคำนับอยู่ในเรือสยาม พนักงานพิณพาทย์แตรก็ทำเพลงคำนับรับเสด็จเป็นธรรมเนียมยุโรป ลูกเรือขึ้นยืนเพลาร้องคำนับรับเสด็จ ๗ ครั้งแล้ว เรือพระที่นั่งใช้จักรออกไปก่อนเรือสยามูครึ่งชั่วโมง เวลาย่ำค่ำแล้วเรือสยามูจึงใช้จักรออกจากที่สันดอนตามเรือพระที่นั่งไป ในเวลาวันนั้นคลื่นลมเรียบราบ เรือเดินสะดวกจนรุ่งสว่าง

ณ วัน ๗ ๔ ค่ำ เวลา ๒ ทุ่ม ถึงหน้าเมืองสงขลา เห็นแสงเพลิงโคมสว่างอยู่บนยอดเขาเวียนเป็นทักษิณรอบพระเจดีย์ประมาณ ๗๐ โคม แลกองเพลิงรายเป็นแถวที่หน้าเมืองสงขลาประมาณ ๑๐๐ กอง เป็นของเจ้าเมืองกรมการเมืองสงขลาจัดไว้รับเสด็จ ที่เรือสยามูจึงจุดดอกไม้มะตาดเป็นสัญญาชูขึ้นแล้ว เรือเจ้าพระยาซึ่งทอดรับเสด็จอยู่ริมเรือพระที่นั่ง ก็จุดดอกไม้กรวดพุ่งขึ้นไปบนอากาศให้เห็นเป็นสัญญาแก่กันทั้งสองฝ่าย แล้วก็ใช้จักรเลยออกไป เวลา ๒ ทุ่มกับ ๑๕ นาที ถึงท้ายเกาะหนู แล้วก็ทอดสมออยู่ที่ท้ายเกาะหนู เวลายามหนึ่ง พระสุนทรานุกิจปรีชากับพระยาสมุทบุรานุรักษ์ ขุนรณรามฤทธิ์ต้นหนที่ ๒ ลงเรือโบตไปสืบราชการที่เรือพระที่นั่ง เวลายามเศษเรือกลไฟเจ้าพระยาใช้จักรออกจากที่จอดหน้าเมืองสงขลา เข้ามาณกรุงเทพมหานคร เวลา ๔ ทุ่ม พระสุนทรานุกิจปรีชา พระยาสมุทบุรานุรักษ์ ขุนรณรามฤทธิ์ กลับมาเรือ ใช้จักรแต่สันดอน ระยะทางเรือเดิน ๒ วัน ๒ ชั่วโมงกับ ๑๕ นาที ถึงที่ทอดหน้าเมืองสงขลา

ครั้น ณ วัน ๑ ๔ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ กับพระยาสุนทรานุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ลงเรือโบต ๑๒ พายมาที่เรือสยามู มิสเตอร์ต๊าเก้อ ต้นหนที่หนึ่ง มิสเตอร์นูแมนต์ กงสุลอังกฤษที่สอง มิสเตอร์จันดเล ล่าม พระสุนทรานุกิจปรีชา พระยาสมุทบุรานุรักษ์ ยืนคำนับเป็นธรรมเนียมยุโรป เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ทักทายปราศรัยแก่พวกที่ไปในเรือสยามูแต่โดยความดี แล้วก็ลงเรือโบตไป กรมการเมืองสงขลาจัดเสบียงแลฟืนมาส่งลงบรรทุกเสร็จแล้ว ทอดอยู่ที่หน้าเมืองสงขา ๑๑ ชั่วโมงกับ ๔๕ นาที เวลาเช้า ๒ โมง ใช้จักรออกจากที่ทอดหน้าเมืองสงขลาไป ได้ใช้ใบบ้าง คลื่นลมมีบ้างเล็กน้อยไม่สู้แรงนัก แต่เรือนั้นแคลงอยู่บ้าง

ณ วัน ๓ ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงถึงเกาะนาค ใช้จักรแต่เกาะหนูหน้าเมืองสงขลา ระยะทาง ๒ วัน ๓ ชั่วโมงถึงเกาะนาค แล้วใช้จักรเลยไป เวลายามหนึ่งถึงศิลาขาวปากช่องเมืองสิงคโปร์ ที่ศิลาขาวนั้นมีเรือนไฟเป็นโคมเวียนอยู่เสมอมิได้หยุด โคมนั้นเป็นสีต่างๆ เป็นที่สำคัญของเรือกำปั่นชาวลูกค้าอื่นๆ ที่ไปมาในเมืองสิงคโปร์ ใช้จักรแต่เกาะนาค ระยะทาง ๑๐ ชั่วโมง ๓๕ นาที ถึงศิลาขาว เวลายามเศษเข้าปากช่องเมืองสิงคโปร์ เวลา ๘ ทุ่มถึงที่ทอดตรงท่ายอนสตันเปียหน้าเมืองสิงคโปร์ ใช้จักรแต่ศิลาขาว ระยะทาง ๔ ชั่วโมง ๒๕ นาที ถึงที่ทอดหน้าเมืองสิงคโปร์ ใช้จักรแต่สันดอน ระยะทาง ๔ วัน ๒๐ ชั่วโมงกับ ๑๕ นาที ถึงเมืองสิงคโปร์ เวลาตี ๑๑ ทุ่ม หลวงพิเศษพจนการมาที่เรือสยามู แจ้งกับพระสุนทรานุกิจปรีชาว่า คอเวอนเมนต์ที่เมืองสิงคโปร์จัดเรือยอชกลไฟเล็กชื่อปรูโต กับเลปเตแนนเป็นเจ้าท่า กับพระยาอัสดงคตทิศรักษา กงสุลฝ่ายสยาม แลหลวงพิเศษพจนการในกรมท่าซึ่งออกไปคอยรับเสด็จอยู่ที่เมืองสิงคโปร์ ลงเรือกลไฟออกไปรับเสด็จที่ปากช่องเมืองสิงคโปร์

ณ วัน ๔ ๑๐ ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ ที่เรือสยามูชักธงอังกฤษขึ้นเสากลาง แล้วยิงสลุตคำนับธงแผ่นดินอังกฤษ ๒๑ นัด ที่บนป้อมขักธงช้างขึ้นถึงปลายเสาแล้วยิงสลุตตอบ ๒๑ นัด เวลาเช้า ๕ โมง ๑๐ นาที เรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธถึงที่ทอดตรงท่ายอนสตันเปียหน้าเมืองสิงคโปร์ ที่เรือสยามูชักธงช้างขึ้นหน้าเสา เสากลาง เสาท้าย แลธงต่างสีขึ้นพร้อมแล้ว ลูกเรือยืนขึ้นเพลาพร้อมกันร้องคำนับรับเสด็จเป็นธรรมเนียมยุโรป ๓ ครั้ง พนักงานพิณพาทย์แตรก็ทำเพลงคำนับอย่างธรรมเนียมยุโรป แลยิงสลุตคำนับรับเสด็จ ๒๑ นัดแล้ว ที่เรือยงยศอโยชฌยายิงสลุตคำนับ ๒๑ นัด

ณ วัน ๕ ๑๑ ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินจากเรือพระที่นั่งขึ้นไปประทับแรมอยู่ที่ตึกใหญ่ของคอเวอนเมนต์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเกาวเนอผู้ครองเมืองสิงคโปร์ เรือสยามูทอดอยู่ที่หน้าเมืองสิงคโปร์ ๗ วัน ๑๗ ชั่วโมงกับ ๒๗ นาที

ปีมะแม จ.ศ. ๑๒๓๓ พ.ศ. ๒๔๑๔

ณ วัน ๔ ๕ ค่ำ ปีมะแมยังเป็นโทศก เวลาเช้า ๓ โมง ๒๗ นาที ใช้จักรออกจากที่ทอดตรงท่ายอนสตันเปียหน้าเมืองสิงคโปร์ เวลาเที่ยงแล้ว ๓๕ นาที ออกจากปากช่องเมืองสิงคโปร์ เวลาบ่ายโมงเข้าช่องเรียว มีเรือนไฟอยู่ข้างฝั่งตะวันตก ๒ แห่ง เวลานั้นอากาศมัวคลุ้ม ฝนตกประปรายแต่เช้าโมง ๑ จนเวลาบ่าย ๓ โมง ฝนหายอากาศสว่างมีแสงแดด เวลาบ่าย ๔ โมงออกจากช่องเรียว แต่คลื่นลมนั้นเรียบเป็นปกติจนออกจากช่อง ที่ปากช่องนั้นมีเรือนไฟอยู่บนยอดเขาข้างฝั่งตะวันตก เป็นเขตของเมืองเรี่ยวซึ่งขึ้นกับวิลันดา เวลา ๒ ทุ่มเศษมีคลื่นลมจัด เวลา ๕ ทุ่มเศษฝนตกมาก จนเวลา ๒ ยามเศษฝนหาย คลื่นลมเรียบราบจนรุ่งสว่าง

ณ วัน ๕ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ ถึงเกาะเล็กเรียงกันสามเกาะ ชื่อเกาะย่องหยี เวลาเช้า ๔ โมงฝนตกมากอยู่ครึ่งชั่วโมงฝนหาย เวลาเที่ยงเข้าช่องเกาะบังกา เป็นเกาะใหญ่ข้างซ้ายเรือไป เกาะใหญ่เกาะหนึ่งชื่อเกาะสุมาตราอยู่ข้างขวา เมื่อเข้าช่องเกาะนั้นฝนตกมาก จนเวลาบ่ายโมงฝนหาย เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง เรือเดินใกล้ฝั่งเกาะบังกา ที่แหลมเกาะนั้นมีเรือนไฟสูงประมาณ ๓๐ วา เรือนไฟนั้นคล้ายกับเรือนไฟที่ศิลาขาวปากช่องเมืองสิงคโปร์ ริมเรือนไฟมีตึกเล็ก ๆ ล้อมอยู่สามด้าน ที่แหลมเกาะบังกาตรงเรือนไฟออกไปนั้นมีโสโครกเป็นก้อนศิลาดำอยู่ใต้น้ำบ้าง เสมอน้ำบ้าง รายเป็นทิวออกไปคล้ายกับถนนประมาณ ๕๐๐ เส้น เวลาบ่าย ๓ โมงถึงเมืองบันโตะอยู่กลางเกาะบังกา มีบ้านเรือนแลตึกรายอยู่หลายหลัง เมืองนี้ขึ้นกับวิลันดา มีเรือกำปั่นทอดอยู่หน้าเมือง ๗ ลำ เป็นเรือรบกลไฟจักรท้าย ๒ จักรข้าง ๒ เรือกำปั่นใบ ๓ ลำ เรือเดินพ้นเมืองบันโตะไป ๔๕ นาทีฝนตกมาก เวลาบ่าย ๔ โมงฝนหายคลื่นลมเรียบ เวลาย่ำค่ำแล้วมีลมจัดพัดกล้า อากาศก็มืดมัวมาก มิสเตอร์กาลวันผู้นำร่องซึ่งไปแต่เมืองสิงคโปร์ แจ้งกับพระสุนทรานุกิจปรีชาว่าทางนี้มีโสโครกมาก เป็นเวลากลางคืนแลไม่เห็นสิ่งใดเป็นที่สำคัญ ครั้นจะใช้จักรไปกลัวจะโดนโสโครก จะต้องทอดสมออยู่ในช่องนี้ ต่อรุ่งขึ้นจึงจะไปได้ พระสุนทรานุกิจปรีชาตอบว่า ตามใจผู้นำร่องเถิด เวลาทุ่ม ๑ กับ ๓๕ นาที ผู้นำร่องจึงให้ทอดสมออยู่ในช่องเกาะบังกา น้ำลึก ๑๕ วา ๒ ศอก เรือทอดอยู่ในช่องนั้น ๑๐ ชั่วโมงกับ ๒๕ นาที

ณ วัน ๖ ๕ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งแล้ว ใช้จักรออกจากที่ทอดไป เวลาเช้า ๔ โมงออกจากช่องเกาะบังกาข้างใต้ เห็นเรือรบกลไฟจักรข้างของวิลันดาทอดอยู่ที่ปากช่องเกาะบังกา เรือสยามูใช้จักรเข้าไปใกล้ตรงกัน ห่างประมาณ ๑๐ เส้น พอแลเห็นธงถนัด ที่เรือรบวิลันดาชักธงสัญญาขึ้นว่าจะขอเจรจาด้วย พนักงานที่เรือสยามูก็ชักธงสัญญาขึ้นรับบ้าง แล้วเรือสยามูก็หยุดรอจักร ออฟิเซอในเรือรบวิลันดาจึงลงเรือโบตกรรเชียงมาที่เรือสยามูแล้วแจ้งว่า แอดมิราลแม่ทัพใหญ่ในเมืองเบตาเวียมีคำสั่งให้ลงเรือรบกลไฟชื่อเรือโบเนียวมาคอยรับเสด็จที่ปากช่องเกาะบังกา ออฟิเซอกับมิสเตอร์ริส แลพระสุนทรานุกิจปรีชา หลวงพิเศษพจนการ เจรจากันอยู่ครึ่งชั่วโมงต่างคนต่างคำนับกัน แล้วออฟิเซอก็กลับไป เวลาเช้า ๕ โมงครึ่งถึงเกาะเล็ก ๒ เกาะ ตรงปากช่องเกาะบังกาออกไป เห็นเรือกลไฟแล่นอยู่ในหว่างเกาะลำหนึ่ง เป็นเรือเมล์ของวิลันดา เวลาทุ่มเศษเห็นเรือกลไฟลำหนึ่งแล่นมาทางซ้ายห่างกันประมาณ ๑๐๐ เส้น เห็นแสงเพลิงสว่างรายกันอยู่ในเรือนั้นประมาณ ๑๑ ดวง ๑๒ ดวง แลมีโคมเขียวโคมแดงด้วย ที่เรือสยามูจึงจุดดอกไม้มะตาดชูขึ้นเป็นสำคัญ แต่เรือลำนั้นหาได้จุดดอกไม้เพลิงให้เป็นสำคัญไม่ เวลา ๕ ทุ่มมีคลื่นลมพัดแรงเรือแคลงมาก ฝนตกหนัก จนเวลา ๒ ยามฝนซาลงเป็นแต่ตกประปราย เวลา ๗ ทุ่มฝนตกมากอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ตกประปรายไปจนเวลา ๓ ยามฝนหาย

ณ วัน ๗ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงหนึ่ง เห็นเกาะเล็กรายเป็นแถวที่อ่าวเมืองเบตาเวีย เรียกกันว่าเกาะพัน คือ มีเกาะถึง ๑,๐๐๐ เกาะ เวลาเช้า ๔ โมงเศษเข้าช่องเกาะรายหน้าเมืองเบตาเวีย เวลาเช้า ๕ โมง ๑๐ นาทีถึงที่ทอดปากช่องเมืองเบตาเวีย แล้วกีทอดอยู่ที่ปากช่องนั้น ใช้จักรแต่ที่ทอดหน้าเมืองสิงคโปร์ ระยะทาง ๒ วัน ๑๕ ชั่วโมงกับ ๑๘ นาที ถึงที่ทอดหน้าเมืองเบตาเวีย เมื่อเรือทอดที่แล้วออฟิเซอในเรือรบวิลันดา ๕ นายมาที่เรือสยามู แลพูดจาทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนียม แล้วถามว่าพระเจ้าแผ่นดินสยามจะเสด็จออกไปถึงเมืองเบตาเวียวันใด มิสเตอร์ริส แลหลวงพิเศษพจนการ จึงตอบว่า ณ วัน ๑ ๕ ค่ำ เวลาบ่ายเรือพระที่นั่งจะถึงที่ทอดหน้าเมืองเบตาเวียเป็นแน่ แล้วพวกออฟิเซอก็ต่างคนต่างคำนับกันแล้วก็ลากลับไป เวลาเช้า ๕ โมงครึ่ง ที่เรือสยามูชักธงชาติวิลันดาขึ้นเสากลาง แลยิงสลุตธงเมืองเบตาเวีย ๒๑ นัด แล้วที่ป้อมเมืองเบตาเวียชักธงช้างขึ้นถึงปลายเสาแล้ว ยิงสลุตตอบ ๒๑ นัด แล้วที่เรือสยามูชักธงวิลันดาขึ้นเสาหน้า ยิงสลุตเรือรบแอดมิราลอีก ๑๗ นัด แล้วเรือรบแอดมิราลชักธงช้างขึ้นเสาหน้า ยิงสลุตตอบ ๑๗ นัด

ณ วัน ๑ ๕ ค่ำ เวลาเที่ยงแล้ว ที่เรือสยามูพากันส่องกล้องดูเห็นแน่ชัดว่าเรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธมาแล้ว เวลาบ่ายโมง ๑ พนักงานในเรือสยามูชักธงขึ้นพร้อมตามเคยแล้ว ก็ใช้จักรแต่ที่ทอดออกไปรับเสด็จ เวลาบ่ายโมงครึ่งถึงเรือพระที่นั่ง ลูกเรือขึ้นยืนเพลาร้องคำนับขึ้นพร้อมแล้ว พนักงานพิณพาทย์แตรก็ประโคมเพลงคำนับรับเสด็จด้วยความยินดีแล้ว เรือพระที่นั่งก็ใช้จักรผ่านหน้าเรือรบซึ่งทอดอยู่ที่ปากช่องเมืองเบตาเวีย เข้าไปใกล้จะถึงที่ทอด เรือรบวิลันดา ๙ ลำ แลบรรดาเรือลูกค้าพากันชักธงช้างแลธงต่างสีขึ้นพร้อมกันแล้ว ลูกเรือขึ้นยืนเพลาร้องคำนับทุกลำ ๆ ละ ๓ ครั้งบ้าง ๗ ครั้งบ้าง เรือพระที่นั่งถึงปากช่องเมืองเบตาเวียแล้วทอดสมออยู่ที่ปากช่องนั้น พวกเรือรบวิลันดากีพากันยิงสลุตคำนับ ๕ ลำๆ ละ ๒๑ นัด แล้วเรือสยามูจึงยิงสลุตตอบ ๒๑ นัด

ณ วัน ๒ ๕ ค่ำ เวลาเช้าครึ่งโมง คอเวอนเมนต์จัดเรือกลไฟเล็กจักรข้าง แลผูกดอกไม้กิ่งไม้ทำประตูป่า แลมีธงสีต่าง ๆ ผูกห้อยเป็นคูหาตลอดทั่วทั้งลำ ใช้จักรออกมารับเสด็จที่เรือพระที่นั่ง เวลาเช้าโมง ๑ เสด็จจากเรือพระที่นั่ง ลงประทับในเรือกลไฟเล็กที่จัดออกมารับ เรือลำทรงนั้นชักธงพระเกี้ยวยอดเป็นสำคัญ พนักงานในเรือพระที่นั่งจึงลดธงพระเกี้ยวยอดลงจากเสากลาง แล้วชักธงข้างแทนขึ้นไว้ แต่ธงบริวารนั้นคงอยู่ตามเดิม พวกพิณพาทย์แตรก็ทำเพลงคำนับแล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนซึ่งมีเครื่องยศพร้อม ก็พากันตามเสด็จไปในลำทรงด้วย แล้วเรือลำทรงใช้จักรออกจากเรือพระที่นั่ง ลูกเรือในลำพระที่นั่งขึ้นยืนเพลาร้องคำนับ ๓ ครั้ง ที่เรือสยามูจึงชักธงช้างแลธงต่างสีขึ้นเสาพร้อมแล้ว ลูกเรือขึ้นยืนเพลาร้องคำนับ ๓ ครั้ง แลยิง

สลุตคำนับ ๒๑ นัด ตามบรรดาเรือรบวิลันดาชักธงช้างแลธงต่างสีขึ้นเสาพร้อมแล้ว ลูกเรือก็ขึ้นยืนเพลาร้องคำนับทั้ง ๙ ลำ แลยิงสลุตคำนับลำละ ๒๑ นัด แต่บรรดาเรือลูกค้า ๕ ลำก็ฬากันชักธงช้างแลธงต่างสีขึ้นเสาทุกลำ แลร้องคำนับด้วยความยินดี เรือกลไฟลำทรงใช้จักรเข้าไปในช่องลำน้ำเมืองเบตาเวีย แล้วคอเวอนเมนต์จัดเรือกลไฟเล็กออกมารับข้าราชการซึ่งแต่งครึ่งยศ กับสิ่งของลงบรรทุกเรือเสร็จแล้ว ก็ใช้จักรเข้าไปตามช่องลำน้ำเมืองเบตาเวีย ที่ช่องลำน้ำเมืองเบตาเวียนั้น ก่อด้วยศิลาแลอิฐบ้างตลอดเข้าไปจนถึงท่าขึ้น เรือยงยศใช้จักรไปแต่เมืองสิงคโปร์ ถึงที่ทอดปากช่องเมืองเบตาเวียเวลาเช้า ๕ โมงเศษ เรือยงยศทอดสมอแล้วชักธงวิลันดาขึ้นเสากลาง แล้วยิงสลุตคำนับธงวิลันดาที่บนป้อมเมืองเบตาเวีย ที่ป้อมจึงชักธงช้างขึ้นถึงปลายเสาแล้ว ยิงสลุตตอบเรือยงยศ ๒๑ นัด การรับรองที่เมืองเบตาเวียครั้งนี้ ผู้ครองแผ่นดินกับคอเวอนเมนต์ จัดการรับรองแข็งแรงเป็นธรรมเนียมดีกว่าที่เมืองสิงคโปร์

ณ วัน ๕ ๑๐ ๕ ค่ำ ปีมะเมียยังเป็นโทศก เวลาบ่าย ๒ โมง กัปตันต๊าเก้อ เป็นกัปตันเรือสยามูป่วยเป็นโรคลงแดงถึงแก่กรรม เมื่อเอาศพไปฝังนั้นมีทหารวิลันดาแห่ศพไปฝังไว้ที่เมืองเบตาเวีย ทหารแห่ ๒๐๐ คน อยู่ที่เมืองเบตาเวีย ๕ วัน ๑๘ ชั่วโมง

ณ วัน ๗ ๑๒ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมง ๑ ทหารทรงเครื่องยศ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ แลขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนที่ตามเสด็จออกไป แล้วเสด็จกลับจากที่ประทับตึกใหญ่ ทรงรถลงมาตามทางสถลมารค มีทหารม้าถือกระบี่แห่เป็นกระบวนข้างหน้าแลทหารเดินเท้าถือปืน แลมีทหารแขกแต่งตัวอย่างแขกยะวา ถือหอกซัดยืนแถวรายรับตลอดมาจนถึงท่าน้ำ รวมทั้งทหารวิลันดา ทหารแขกประมาณ ๘๐๐ คน รถทรงถึงท่าแล้วเสด็จทรงเรือกลไฟเล็กซึ่งผู้ครองแผ่นดินแลคอเวอนเมนต์จัดไว้รับ ประดับไปด้วยเครื่องแต่งเหมือนเมื่อวันเสด็จขึ้น ที่ป้อมชักธงช้างขึ้นถึงปลายเสาแล้วยิงสลุตคำนับ ๒๑ นัด เรือสยามูยิงสลุต ๒๑ นัด บรรดาเรือรบวิลันดาพากันยิงสลุตคำนับลำละ ๒๑ นัดทุกลำแล้ว ที่เรือสยามูยิงสลุตตอบ ๒๑ นัด ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยและเจ้าพนักงานฝ่ายสยามลงเรือพร้อมแล้ว ผู้ครองแผ่นดินเมืองเบตาเวียกับภรรยาก็ได้ตามเสด็จลงมาส่งจนถึงเรือพระที่นั่งพิทยัมรณยุทธ เวลาเช้า ๕ โมงครึ่ง เรือพระที่นั่งใช้จักรออกจากที่ทอดหน้าเมืองเบตาเวียก่อนแล้ว เวลา ๕ โมงเช้าเรือสยามูจึงใช้จักรออกจากที่ทอดหน้าเมืองเบตาเวีย ไปตามเรือพระที่นั่งจนรุ่งสว่าง คลื่นลมเรียบราบ เรือไม่แคลง

ณ วัน ๑ ๑๓ ๕ ค่ำ ปีมะเมียยังเป็นโทศก เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ถึงแหลมอ่าวเมืองสำปาลัง เวลาบ่าย ๔ โมงถึงที่ทอดหน้าเมืองสำปาลังแล้ว เรือสยามูชักธงชาติวิลันดาขึ้นเสากลาง แลชักธงต่างสีขึ้นพร้อม ยิงสลุตธงวิลันดา ๒๑ นัด ที่บนป้อมชักธงช้างขึ้นปลายเสา แล้วยิงสลุตตอบ ๒๑ นัด ที่เขตแดนเมืองสำปาลังนั้นมีภูเขาใหญ่ ริมชายทะเลยาวตลอดถึงเมืองสำปาลัง ยาวประมาณ ๑,๐๐๐ เส้น ทั้งสูงทั้งใหญ่กว่าเขาในเขตแดนเมืองสำปาลัง ที่กลางภูเขานั้นสูงเป็นที่สุดเหลือที่จะประมาณ แลมีเมฆพัดอยู่ข้างล่างกลางภูเขา มีฝนตกออกจากเขานั้นเสมอ ตรงหน้าเมืองสำปาลังออกมามีเกาะในน้ำ ๒ เกาะ เกาะใหญ่ ๑ เล็ก ๑ เวลาบ่าย ๔ โมงครึ่ง กัปตันเรือรบกับพวกออฟิเซอเมืองสำปาลัง ลงเรือกลไฟเล็กมาที่เรือสยามู แลทักทายปราศรัยกันกับขุนนางฝ่ายสยาม ต่างคนต่างคำนับกันแล้วก็ลากลับไป เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ มาที่เรือสยาม สั่งว่าเวลาพรุ่งนี้ให้เตรียมคอยยิงสลุต เมื่อเวลาเสด็จจากเรือพระที่นั่งขึ้นเมืองสำปาลังให้เรียบร้อย แล้วเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ก็กลับไป

ณ วัน ๒ ๑๔ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมง ๑ เรสิเดนต์ผู้ว่าราชการเมืองสำปาลังกับคอเวอนเมนต์ จัดเรือกลไฟเล็กออกมารับ แล้วเสด็จลงทรงเรือกลไฟที่จัดมารับ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศี พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี แลขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนตามเสด็จไปในลำทรง เมื่อเรือกลไฟเล็กลำทรงออกจากเรือพระที่นั่ง เรือสยามูชักธงพระเกี้ยวยอดแลธงต่างสีขึ้นพร้อมแล้ว ยิงสลุตคำนับ ๒๑ นัด พนักงานพิณพาทย์แตรก็ทำเพลงคำนับ ลูกเรือก็ขึ้นยืนเพลาร้องคำนับตามธรรมเนียม บรรดาเรือรบวิลันดาก็ชักธงข้างขึ้นเสากลางแลธงต่างสีขึ้นพร้อมแล้วยิงสลุตลำละ ๒๑ นัด แลมีลูกเรือยืนเพลาร้องคำนับอย่างธรรมเนียมยุโรปทั้ง ๕ ลำ เรือยงยศซึ่งเป็นเรือรบข้างฝ่ายสยามชักธงวิลันดาขึ้นถึงปลายเสา แล้วยิงสลุตตอบ ๒๑ นัด เรือลำทรงถึงประทับท่าขึ้นที่ป้อมยิงสลุตคำนับ ๒๑ นัดแล้ว เรือยงยศก็ยิงสลุตตอบอีก ๒๑ นัด ที่ท่าขึ้นนั้นทำเป็นประตูเหมือนอย่างนอก เสด็จประทับแรมอยู่ที่เมืองสำปาลัง ๓ วัน กับ ๑๘ ชั่วโมง ๒๕ นาที

ณ วัน ๕ ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมง เสด็จพระราชดำเนินกลับจากที่ประทับตึกใหญ่เมืองสำปาลังพร้อมด้วยข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย เสด็จทรงรถลงมาตามทางสถลมารค ถึงท่าแล้วเสด็จทรงเรือโบตกรรเชียงของเรือสยามูจัดไว้รับ แล้วเรือกลไฟเล็กที่เมืองสำปาลังชักจูงออกมาจากช่องเมืองสำปาลัง ถึงเรือพระที่นั่งเวลาเช้า ๒ โมงครึ่ง ที่ป้อมเมืองสำปาลังยิงสลุตคำนับ ๒๑ นัดแล้ว เรือรบวิลันดายิงสลุต ๓ ลำๆ ละ ๒๑ นัด ที่เรือสยามูชักธงพระเกี้ยวยอดขึ้นเสากลาง แลธงต่างสีขึ้นพร้อมทุกเสาแล้ว ยิงสลุตรับเสด็จ ๒๑ นัด พอเรือลำทรงมาตรงเรือสยามู ลูกเรือขึ้นยืนเพลาร้องคำนับ ๙ ครั้ง แล้วพนักงานลดธงพระเกี้ยวยอดลงจากเสากลาง แล้วชักธงวิลันดาขึ้นเสากลาง ยิงสลุตตอบเรือรบแลที่ป้อมเมืองสำปาลังอีก ๒๑ นัด

เวลาเช้า ๔ โมง ๒๕ นาที เรือสยามูใช้จักรออกจากที่ทอดหน้าเมืองสำปาลังก่อนเรือพระที่นั่งกลับมาตามระยะทางเก่า เรือเดินห่างฝั่งหน่อยหนึ่ง เมื่อเรือออกจากที่นั้น พนักงานพิณพาทย์แตรได้ทำเพลงคำนับรับพระเจ้าอยู่หัวตามธรรมเนียม เวลาย่ำค่ำออกจากแหลมอ่าวเมืองสำปาลังเวลาทุ่ม ๑ ใช้ใบบ้าง จนเวลา ๒ ยามลมไม่กินใบ ลูกเรือขึ้นริบใบไว้แล้วใช้จักรมาจนรุ่งสว่าง คลื่นลมเป็นปกติ จน ณ วัน ๖ ๕ ค่ำเวลาบ่าย ๔ โมง มีลมจัดพัดเฉียงหน้าเรือเรียกว่าลมสำเภา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษลมซา คลื่นเรียบราบเรือเดินเป็นปกติจนรุ่งสว่าง

ณ วัน ๗ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษเข้าช่องเกาะสุมาตรา เวลาทุ่มเศษออกจากซ่องสุมาตรา คลื่นลมมีบ้างเล็กน้อย แต่อากาศมืดมัวคลุ้มฝน เวลา ๒ ทุ่มถึงหน้าเมืองบันโตะ เห็นแสงโคมที่เรือนไฟใหญ่สว่างอยู่ที่แหลมเกาะบังกา เวลา ๕ ทุ่มเศษลมจัดฝนตกเม็ดใหญ่ เวลา ๗ ทุ่มฝนหาย ใช้จักรมาจนรุ่งสว่าง

ณ วัน ๑ ๕ ค่ำ เรลาบ่าย ๕ โมง มีลมว่าวพัดมาได้ใช้ใบบ้าง เวลา ๔ ทุ่มเศษเข้าช่องเรียว เวลา ๘ ทุ่มออกจากช่องเรียว เวลา ๓ ยามเศษถึงปากช่องเมืองสิงคโปร์

ณ วัน ๒ ๕ ค่ำ เวลาเช้าย่ำรุ่ง ๑๐ นาที ถึงที่ทอดตรงท่ายอน-สตันเปียหน้าเมืองสิงคโปร์ เวลาเช้า ๒ โมง เรือรบอังกฤษซึ่งทอดอยู่หน้าเมืองสิงคโปร์ ชักธงช้างขึ้นเสากลางแลธงต่างสีขึ้นพร้อมแล้วยิงสลุตคำนับเรือพระที่นั่ง แล้วเรือสยามูชักธงอังกฤษขึ้นเสากลางแลธงต่างสีขึ้นพร้อมแล้ว ยิงสลุตตอบเรือรบอังกฤษ ๒๑ นัด เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนรถ ไปประทับที่บ้านเกาวเนอ แล้วเสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่ตึกพระยาอัสดงคตทิศรักษา เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เรือรบฝรั่งเศสมาถึงที่ทอดหน้าเมืองสิงคโปร์แล้ว ยิงสลุตคำนับเรือพระที่นั่ง ๒๑ นัด เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับทอดพระเนตรละครฝรั่งที่เตาน์ฮอล ครั้นทรงทอดพระเนตรละครฝรั่งแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่ตึกเกาวเนอ เวลาย่ำรุ่งแล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนรถกลับลงมาประทับ ณ เรือพระที่นั่ง เมื่อเวลาเสด็จขึ้นนั้นที่ป้อมใหญ่เมืองสิงคโปร์ยิงสลุต ๒๑ นัด

ณ วัน ๓ ๕ ค่ำ เวลาเช้าโมง ๑ พระสุนทรานุกิจปรีชาไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในเรือพระที่นั่ง จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งว่า ให้พระสุนทรานุกิจปรีชาขึ้นเยี่ยมเยียนเจ้าเมืองตรังกานูที่เมืองตรังกานูด้วย แล้วพระสุนทรานุกิจปรีชาก็กลับมาเรือสยาม ๆ ทอดอยู่ที่หน้าเมืองสิงคโปร์ ๑ วันกับ ๑ ชั่วโมง ๒๐ นาที เวลาเช้าโมงครึ่งเรือสยามูใช้จักรออกจากที่ทอดหน้าเมืองสิงคโปร์ เมื่อเรือออกจากที่ทอดนั้น ที่เรือยงยศชักธงแผ่นดินฝรั่งเศสขึ้นกลางเสา แล้วยิงสลุต ๒๑ นัดตอบเรือรบฝรั่งเศส แล้วเรือพระที่นั่งใช้จักรออกมาทีหลัง เวลาเช้า ๕ โมง ๓๘ นาที เรือสยามูออกจากปากช่องเมืองสิงคโปร์ เวลาเช้า ๕ โมง กับ ๑๕ นาที ถึงเรือนไฟใหญ่ที่ศิลายาว เรือนไฟนั้นถือปูนขาวสูงประมาณ ๒๐ วา ต่อเกาะเรือนไฟออกไปนั้น มีเกาะศิลาขาว ๒ เกาะ ส่องกล้องดูที่ศิลานั้นสีขาวเหมือนปูนขาว เรือเดินใกล้ฝั่งตะวันตก เวลาย่ำค่ำแล้วถึงเกาะหมาก มีคลื่นลมจัดพัดกล้าเรือแคลง รุ่งสว่างขึ้นคลื่นลมซาลงหน่อยหนึ่ง

ณ วัน ๔ ๕ ค่ำ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ มีลมดีได้ใช้ใบมาจนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษลมพัดทวนหน้าเรือต้องริบใบ เวลา ๔ ทุ่มเศษถึงเกาะเล็ก เกาะนั้นภาษามลายูเรียกว่า เกาะตังกุรัส เวลานั้นอากาศมืดมัวคลุ้มฝน มิสเตอร์กาลวันผู้นำร่องว่ามืดนัก จวนจะถึงหน้าเมืองตรังกานู ขอให้ทอดสมออยู่ที่ริมเกาะตังกุรัสก่อน แล้วต้นหนที่สองจึงสั่งให้ทอดอยู่ที่ริมเกาะตังกุรัสจนเวลาย่ำรุ่งแล้ว

ณ วัน ๕ ๕ ค่ำ ใช้จักรออกจากเกาะตังกุรัสมาเวลาเช้า ๓ โมงกับ ๙ นาที ถึงที่ทอดหน้าเมืองตรังกานูเวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสุนทรานุกิจปรีชา ๑ หลวงพิเศษพจนการ ๑ ขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ ๑ แลขุนรณรามฤทธิ์ ต้นหนที่สอง ๑ มิศซิบแมนต์พนักงานตรวจคนในเรือ ๑ แต่งตัวเต็มยศ แลหมื่นเนตรศรแมนแต่งตัวอย่างนายทหารมาริน ๑ พันตุ้มแต่งตัวอย่างทหารมาริน ๑ กับทหารมารินแต่งตัวตามยศของทหารมาริน ๑ โหล กับคนพิณพาทย์แตร นาย ๑ เลว ๑๗ รวม ๑๘ คน แต่งตัวเต็มยศพร้อมแล้ว ขุนรณรามฤทธิ์ ๑ มิศซิบแมนต์ แลพวกแตรกับทหารมารินลงเรือโบตกรรเชียงลำใหญ่ ๒ ลำล่วงขึ้นไปคอยรับอยู่ที่ด่านเมืองตรังกานูก่อน แล้วพระสุนทรานุกิจปรีชา ๑ หลวงพิเศษพจนการ ๑ ขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ ๑ มิสเตอร์นิวแมนต์ กงสุลอังกฤษที่สองแต่งเป็นไปรเวต ๑ ลงเรือโบตกรรเชียงลำเดียวกัน ขึ้นไปเยี่ยมเยียนเจ้าเมืองตรังกานูตามกระแสพระบรมราชโองการซึ่งโปรดเกล้า ฯ ดำรัสสั่งที่เมืองสิงคโปร์แล้ว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พวกข้าหลวงกลับมาถึงเรือสยามูพร้อมกันแล้ว พระสุนทรานุกิจปรีชา หลวงพิเศษพจนการแจ้งว่า เมื่อพวกข้าหลวงขึ้นไปถึงท่านั้น พระยาตรังกานูจัดให้ศรีตวันกรมการลงมารับที่ท่าขึ้น แล้วพาไปที่บ้านพระยาตรังกานูๆ ให้เชิญเข้าไปในห้องนอนของพระยาตรังกานู พร้อมด้วยรายามุดาแลบุตรหลานพระยาตรังกานู ๆ ให้จัดโต๊ะเลี้ยงพวกข้าหลวงที่ขึ้นไปเป็นธรรมเนียมแขก แล้วปราศรัยกันด้วยการอันสมควรแล้วก็ลากลับมา พระยาตรังกานูจัดให้ตวนกูบุตรตวนกูไซ ตวนกูจิมุดา หลานพระยาตรังกานูตามลงมาส่งถึงเรือสยามู ขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ ได้จัดพระราชสาทิศฉายาลักษณ์ทรงเครื่องทหาร ๕ พระรูป ให้ตวนกูบูชา ๑ ตวนกูไซ ๑ ตวนกูจิมุดา ๑ กับฝากขึ้นไปให้พระยาตรังกานู ๑ รายามุดา ๑ เรือสยามูทอดอยู่หน้าเมืองตรังกานู ๙ ชั่วโมง เวลาย่ำค่ำแล้วใช้จักรออกจากที่จอดหน้าเมืองตรังกานู มีลมดีได้ใช้ใบบ้าง ไม่ได้ใช้ใบบ้าง คลื่นลมเป็นปกติดีจน ณ วัน ๑ ๑๒ ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงถึงเกาะสีชัง เวลาเช้า ๕ โมงถึงสันดอน มีเรือรบกลไฟฝรั่งเศสลำ ๑ เรือราญรุกไพรี ๑ เรือยงยศอโยชฌยา ๑ แลเรือกำปั่นใหญ่น้อยของลูกค้ากรุงเทพฯ บ้าง ของลูกค้าต่างประเทศบ้าง ทอดอยู่ที่สันดอนรวม ๑๖ ลำ เวลานั้นเรือสยามูใช้จักรเข้าปากน้ำเจ้าพระยาไม่ได้ ด้วยเมื่อเวลาเรือมาถึงสันดอนนั้นเป็นคราวน้ำลด พระสุนทรานุกิจปรีชา สั่งต้นหนให้ทอดสมอรอน้ำอยู่ที่สันดอนแล้ว พระสุนทรานุกิจปรีชา หลวงพิเศษพจนการ ขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ ขุนศิลปานุกิจการ มิสเตอร์นิวแมนต์กงสุลอังกฤษ ลงเรือโบตกรรเชียงไปขึ้นเรือยงยศล่วงเข้ามา ณ กรุงเทพ ฯ ก่อน ครั้นเวลา ๓ ยามต้นหนที่สองสั่งอินยิเนียให้ติดไฟได้สตีมดีแล้ว เวลา ๑๐ ทุ่มใช้จักรแต่สันดอนเข้าปากน้ำเจ้าพระยา เวลาตี ๑๑ ทุ่มกับ ๕๐ นาที ถึงหน้าเมืองสมุทปราการ อินยิเนียสตอบให้จักรหยุดชั่วนาทีหนึ่ง ส่งผู้นำร่องฝ่ายสยามขึ้นที่ด่านแล้วก็ใช้จักรมาถึงปากคลองผดุงกรุงเกษม เป็นคราวน้ำพึ่งจะไหลกลับลงเรือกำปั่นของลูกค้าทั้งหลาย ซึ่งทอดอยู่ตามลำน้ำนั้นหันขวางอยู่หว่างกลางลำน้ำทั้งสิ้น ต้นหนที่สองจึงสั่งนายท้ายให้เดินเรือเลียบฝั่งตะวันออก ถึงปากคลองโอ่งอ่าง มีเรือฉลอมของจีนลูกค้าทั้งหลายทอดขวางอยู่หลายลำ ช่องทางเรือเดินน้อยนัก ต้นหนจึงสั่งอินยิเนียให้สโลจักร เรือเดินช้าลงไม่เต็มกำลัง เรือเดินหลีกมาทางช่องเล็กฝั่งตะวันออกถึงหน้าวัดราชบุรณะ มีเรือลูกค้าจีนทอดขวางช่องอยู่หลายลำ จะหลีกไปทางใดก็ไม่ได้ เรือสยามูโดนเรือจีนซึ่งทอดขวางช่องอยู่นั้นแตกหักกลางล่ม ๒ ลำ แต่ลำหนึ่งนั้นที่หัวเรือแตกชำรุดหลายแห่ง เรือไม่ล่ม เวลาเช้า ๒ โมง ๔๐ นาที ถึงที่ทอดกลางลำน้ำหน้าคลังสินค้ากรุงเทพ ฯ บรรดาขุนนางแลมหาดเล็กทหารรักษาพระองค์ซึ่งไปในเรือสยามูนั้น พระสุนทรานุกิจปรีชาได้เอาใจใส่เป็นธุระจัดการเลี้ยงดู แลจัดที่ให้อยู่เป็นที่สมควร แลสั่งบ๋อยให้ตั้งโต๊ะเลี้ยงเป็นธรรมเนียมยุโรปวันละ ๓ เวลาเสมอทุกวัน บรรดาข้าราชการแลคนอื่นๆ ซึ่งไปในเรือสยามูนั้นมีความสุขสบายทั่วทุกคนจนวันกลับถึงกรุงเทพมหานคร

  1. ๑. พระวรภัณฑ์พลากร (ทิม ชาตะปัทมะ)

  2. ๒. หลวงพิเศษพจนการ (หวาด บุนนาถ) - พระยาอรรคราชนาถภักดี

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ