- อธิบาย
- กลอนสุภาพ ของกรมพระนราธิปประพันธพงศ์
- โคลงและฉันท์ ของ “เอกชน”
- โคลงของนายชิณ รายะเลข
- ฉันท์ของกรมพระนราธิปประพันธพงศ
- ลิลิตคำหลวง ของกรมพระนราธิปประพันธพงศ
- อปฺปมตฺตาโหนฺตุ
- โคลงกระทู้ ได้รางวัลในการประกวดสำนวน
- บทดอกสร้อย ได้รางวัลในการประกวดสำนวน
- กลอนสุภาพ ของขุนสารัตถ์ธุรธำรง
- กลอนกาพย์ ของ “เอกชน” กล่าวเรื่องสวรรคต
- แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องสวรรคต
- แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องถวายบังคมพระบรมศพ
- ฉันท์ “ของเอกชน”
- แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องงารพระบรมศพและงารพระเมรุ
- ฉันท์บูชาพระคุณ ของคณะหนังสือพิมพ์ไทย
- ฉันท์บูชาพระคุณ ของคณะหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์
- ฉันท์บูชาพระคุณ ของคณะหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์ (๒)
แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องสวรรคต
๏ จะสาธกยกขึ้นกล่าว | ในเรื่องราวคราวโศกศัลย์ |
ให้ท่านทั้งหลายหมายสำคัญ | รูปจะรำพรรณข้อคดี |
๏ วันที่สิบหกตุลาคม | องค์พระบรมราชจักรี |
พระจุลจอมเกล้าของเรานี้ | เริ่มประชวรมีพระอาการ |
๏ เสด็จประทับอยู่วังดุสิต | โรคกำเริบฤทธิ์เหลือประมาณ |
พระโอสถก็ย้ายหลายขนาน | แต่พระอาการไม่บันเทา |
๏ รุ่งขึ้นวันที่ยี่สิบสอง | รูปจะสนองไปตามสำเนา |
เดือนตุลาคมร้อยยี่สิบเก้า | พระโรคนั้นเล่าก็ทรุดลง |
๏ ถึงสองยามสี่สิบห้า | ตามนาฬิกากำหนดตรง |
พระอาการถึงปลดปลง | สุดที่พระองค์จะทนทาน |
๏ เสด็จสู่สวรรคต | พากันกำสรดด้วยสงสาร |
เพราะเคยพึ่งโพธิสมภาร | ได้สุขสำราญสิ้นทุกคน |
๏ รุ่งขึ้นวันที่ยี่สิบสาม | รูปจะแจ้งความตามอนุสนธิ์ |
เหล่าไพร่ฟ้าประชาชน | พอทราบเหตุผลก็โศกา |
๏ โอ้โอ๋พระทูลกระหม่อม | เคยอยู่ถนอมชาวประชา |
ได้เปนสุขทุกถ้วนหน้า | เพราะพระบารมีไท |
๏ โอ้ตั้งแต่นี้จะลี้ลับ | ไหนเลยจะกลับมากรุงไกร |
ชาวประชาในราไช | ที่ไหนจะได้เห็นพระองค์ |
๏ แต่เสดจไปเมืองฝรั่ง | ยังได้กลับหลังมาธำรง |
ประชาราษฎร์พระญาติวงศ์ | อิกทั้งพระสงฆ์ได้สุขสำราญ |
๏ เสด็จครั้งนี้มิได้กลับ | จะเลยลับพ้นสงสาร |
ไปสู่สวรรค์ชั้นวิมาน | จนถึงนิพพานเมืองมณี |
๏ โอ้คิดขึ้นมาก็น่าสงสาร | เมื่อพระอาการหนักเต็มที |
ทรงคิดเมตตาชาวธานี | จะต้องโกนเกศีเมื่อท่านนิพพาน |
๏ เพราะธรรมเนียมนั้นมีมา | ย่อมแจ้งกิจจาแต่ครั้งโบราณ |
ถ้าทูลกระหม่อมเจ้าจอมศฤงคาร | เข้าสู่นิพพานเวลาใด |
๏ ราษฎรทุกถ้วนหน้า | ที่เปนข้าพระทรงไชย |
ต้องโกนเกศาไม่ว่าใคร | ผู้ดีไพร่ก็เหมือนกัน |
๏ ท่านทรงเมตตาประชาราษฎร์ | ให้ออกประกาศทั่วเขตคัน |
แม้นพระองค์ทรงดับขันธ์ | เรื่องโกนผมนั้นไม่ต้องทำ |
๏ ให้ไว้ทุกข์กันอย่างใหม่ | นุ่งห่มใช้แต่เครื่องดำ |
พระคุณจอมไกรใหญ่ยิ่งล้ำ | สุดที่จะนำสิ่งเปรียบปาน |
๏ ครั้นเวลาจวนค่ำลง | จึงโสรจสรงสระสนาน |
พอจัดเสร็จสำเร็จการ | เชิญสู่สถานพระโกษฐ์ทอง |
๏ แล้วเชิญขึ้นสู่ราชยาน | พร้อมด้วยทหารเปนหมวดกอง |
ออกเดิรนำหน้าใต้ฝ่าลออง | มาตามท้องถนนราชดำเนิร |
๏ สะโลมาศออกคลาดเคลื่อน | ดูกล่นเกลื่อนไม่ขัดเขิน |
มีข้อบังคับกำกับให้เดิร | มิให้ก้าวเกินกำหนดไป |
๏ ถัดลงมาทหารแตร | เป่ากันแซ่ฟังเสียงใส |
เขาเป่าคล่องดูว่องไว | เปนเพลงอาไลยใต้ฝ่าลออง |
๏ ถัดลงมาทหารปืนใหญ่ | วางจังหวะไว้เปนช่องช่อง |
มีแตรนำประจำกอง | เสียงกึกก้องไปตามมรรคา |
๏ ถึงเป่าบรรเล็งเปนเพลงฝรั่ง | เมื่อใครได้ฟังแสนเสียวโลมา |
ให้อึดอัดอั้นตันอุรา | แล้วต่างโศกาน้ำตานอง |
๏ ทหารราบถัดลงมา | ดูหน้าตาก็เศร้าหมอง |
แลเห็นได้เพราะไฟนั้นส่อง | พร้อมหมดทุกกองต้องถือเทียน |
๏ สพายปืนเอาปากบอกลง | เรียงแถวเดิรตรงไม่หันเหียน |
ถึงจะเหนื่อยยากก็พากเพียร | เพราะความจำเนียรกตัญญู |
๏ ครั้นถึงทหารมหาดเล็ก | ทั้งหนุ่มเด็กน่าเอ็นดู |
เดิรเรียบเรียงเคียงเปนคู่ | ช่างน่าดูเสียนี่กระไร |
๏ ถัดมาถึงพระโกษฐ์ทอง | ดูผุดผ่องงามสดใส |
พระศพทูลเกล้าเจ้ากรุงไกร | สถิตอยู่ในพระโกษฐ์ทอง |
๏ อาตมาเมื่อได้เห็น | ไม่วายเว้นความเศร้าหมอง |
ให้คิดอาไลยใต้ฝ่าลออง | น้ำตาตกนองด้วยความเสียดาย |
๏ รูปต้องย่นเรื่องชั้นเครื่องประดับ | ยังซ้อนซับอิกมากมาย |
จะสาธกยกอธิบาย | ดูมากมายอนันตัง |
๏ มโหรธึกประสานเสียง | เดิรเรียบเรียงมาเบื้องหลัง |
สำเนียงแซ่ล้วนแตรสังข์ | เป่าประดังขึ้นพร้อมกัน |
๏ ถัดลงมาทหารเรือ | ใส่หมวกเสื้อดูขึงขัง |
เรียงแถวรายอยู่ภายหลัง | พอกลองตีตังก็ออกเดิร |
๏ เปนท่องแถวไปตามกัน | ในหว่างขอบคันราชดำเนิร |
ดูเปนขนัดไม่ขัดเงิน | รีบพากันเชิญพระศพไป |
๏ ถึงประตูวังวิเศษไชยศรี | แสงอัคคีก็ส่องใส |
เชิญศพพระองค์ผู้ทรงไชย | เสด็จเข้าในพระราชวัง |
๏ ถึงพระที่นั่งดุสิต | เชิญขึ้นสถิตบนที่ตั้ง |
เสียงประโคมครึกโครมฟัง | สนั่นดังเสนาะดี |
๏ รูปขอยับยั้งเรื่องตั้งพระศพ | จะกล่าวทบถึงชาวกรุงศรี |
ที่คิดอาไลยใต้ฝ่าธุลี | พากันอึงมี่ไปคอยดู |
๏ เห็นพระโกษฐ์พระจอมไกร | เสียงร้องไห้สนั่นหู |
ด้วยความถือมั่นกตัญญู | มิได้อดสูแก่เพื่อนกัน |
๏ อย่าว่าแต่เหล่าปสกสีกา | ถึงอาตมาก็เหลือกลั้น |
ให้คิดถึงองค์พระทรงธรรม์ | แล้วโศกศัลย์ไม่วายเลย |
รูปต้องของดบทนิพนธ์ | ตามอนุสนธิ์ที่รูปเฉลย |
จะเล่าต่อไปก็ไม่สะเบย | ผู้ฟังจะเลยพากันรำคาญ |
๏ ควรจะรำลึกนึกถึงพระองค์ | แล้วทำบุญส่งทั้งศีลทั้งทาน |
จนตราบเท่าเข้าพระนิพพาน | สมกับที่ท่านกตัญญุตา |
๏ เพราะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์ | ชาวเราทุกคนเปนสุขหรรษา |
เหล่าศัตรูหมู่พาลา | ไม่อาจจะมาทำอันตราย ฯ |
----------------------------