แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องสวรรคต

๏ จะสาธกยกขึ้นกล่าว ในเรื่องราวคราวโศกศัลย์
ให้ท่านทั้งหลายหมายสำคัญ รูปจะรำพรรณข้อคดี
๏ วันที่สิบหกตุลาคม องค์พระบรมราชจักรี
พระจุลจอมเกล้าของเรานี้ เริ่มประชวรมีพระอาการ
๏ เสด็จประทับอยู่วังดุสิต โรคกำเริบฤทธิ์เหลือประมาณ
พระโอสถก็ย้ายหลายขนาน แต่พระอาการไม่บันเทา
๏ รุ่งขึ้นวันที่ยี่สิบสอง รูปจะสนองไปตามสำเนา
เดือนตุลาคมร้อยยี่สิบเก้า พระโรคนั้นเล่าก็ทรุดลง
๏ ถึงสองยามสี่สิบห้า ตามนาฬิกากำหนดตรง
พระอาการถึงปลดปลง สุดที่พระองค์จะทนทาน
๏ เสด็จสู่สวรรคต พากันกำสรดด้วยสงสาร
เพราะเคยพึ่งโพธิสมภาร ได้สุขสำราญสิ้นทุกคน
๏ รุ่งขึ้นวันที่ยี่สิบสาม รูปจะแจ้งความตามอนุสนธิ์
เหล่าไพร่ฟ้าประชาชน พอทราบเหตุผลก็โศกา
๏ โอ้โอ๋พระทูลกระหม่อม เคยอยู่ถนอมชาวประชา
ได้เปนสุขทุกถ้วนหน้า เพราะพระบารมีไท
๏ โอ้ตั้งแต่นี้จะลี้ลับ ไหนเลยจะกลับมากรุงไกร
ชาวประชาในราไช ที่ไหนจะได้เห็นพระองค์
๏ แต่เสดจไปเมืองฝรั่ง ยังได้กลับหลังมาธำรง
ประชาราษฎร์พระญาติวงศ์ อิกทั้งพระสงฆ์ได้สุขสำราญ
๏ เสด็จครั้งนี้มิได้กลับ จะเลยลับพ้นสงสาร
ไปสู่สวรรค์ชั้นวิมาน จนถึงนิพพานเมืองมณี
๏ โอ้คิดขึ้นมาก็น่าสงสาร เมื่อพระอาการหนักเต็มที
ทรงคิดเมตตาชาวธานี จะต้องโกนเกศีเมื่อท่านนิพพาน
๏ เพราะธรรมเนียมนั้นมีมา ย่อมแจ้งกิจจาแต่ครั้งโบราณ
ถ้าทูลกระหม่อมเจ้าจอมศฤงคาร เข้าสู่นิพพานเวลาใด
๏ ราษฎรทุกถ้วนหน้า ที่เปนข้าพระทรงไชย
ต้องโกนเกศาไม่ว่าใคร ผู้ดีไพร่ก็เหมือนกัน
๏ ท่านทรงเมตตาประชาราษฎร์ ให้ออกประกาศทั่วเขตคัน
แม้นพระองค์ทรงดับขันธ์ เรื่องโกนผมนั้นไม่ต้องทำ
๏ ให้ไว้ทุกข์กันอย่างใหม่ นุ่งห่มใช้แต่เครื่องดำ
พระคุณจอมไกรใหญ่ยิ่งล้ำ สุดที่จะนำสิ่งเปรียบปาน
๏ ครั้นเวลาจวนค่ำลง จึงโสรจสรงสระสนาน
พอจัดเสร็จสำเร็จการ เชิญสู่สถานพระโกษฐ์ทอง
๏ แล้วเชิญขึ้นสู่ราชยาน พร้อมด้วยทหารเปนหมวดกอง
ออกเดิรนำหน้าใต้ฝ่าลออง มาตามท้องถนนราชดำเนิร
๏ สะโลมาศออกคลาดเคลื่อน ดูกล่นเกลื่อนไม่ขัดเขิน
มีข้อบังคับกำกับให้เดิร มิให้ก้าวเกินกำหนดไป
๏ ถัดลงมาทหารแตร เป่ากันแซ่ฟังเสียงใส
เขาเป่าคล่องดูว่องไว เปนเพลงอาไลยใต้ฝ่าลออง
๏ ถัดลงมาทหารปืนใหญ่ วางจังหวะไว้เปนช่องช่อง
มีแตรนำประจำกอง เสียงกึกก้องไปตามมรรคา
๏ ถึงเป่าบรรเล็งเปนเพลงฝรั่ง เมื่อใครได้ฟังแสนเสียวโลมา
ให้อึดอัดอั้นตันอุรา แล้วต่างโศกาน้ำตานอง
๏ ทหารราบถัดลงมา ดูหน้าตาก็เศร้าหมอง
แลเห็นได้เพราะไฟนั้นส่อง พร้อมหมดทุกกองต้องถือเทียน
๏ สพายปืนเอาปากบอกลง เรียงแถวเดิรตรงไม่หันเหียน
ถึงจะเหนื่อยยากก็พากเพียร เพราะความจำเนียรกตัญญู
๏ ครั้นถึงทหารมหาดเล็ก ทั้งหนุ่มเด็กน่าเอ็นดู
เดิรเรียบเรียงเคียงเปนคู่ ช่างน่าดูเสียนี่กระไร
๏ ถัดมาถึงพระโกษฐ์ทอง ดูผุดผ่องงามสดใส
พระศพทูลเกล้าเจ้ากรุงไกร สถิตอยู่ในพระโกษฐ์ทอง
๏ อาตมาเมื่อได้เห็น ไม่วายเว้นความเศร้าหมอง
ให้คิดอาไลยใต้ฝ่าลออง น้ำตาตกนองด้วยความเสียดาย
๏ รูปต้องย่นเรื่องชั้นเครื่องประดับ ยังซ้อนซับอิกมากมาย
จะสาธกยกอธิบาย ดูมากมายอนันตัง
๏ มโหรธึกประสานเสียง เดิรเรียบเรียงมาเบื้องหลัง
สำเนียงแซ่ล้วนแตรสังข์ เป่าประดังขึ้นพร้อมกัน
๏ ถัดลงมาทหารเรือ ใส่หมวกเสื้อดูขึงขัง
เรียงแถวรายอยู่ภายหลัง พอกลองตีตังก็ออกเดิร
๏ เปนท่องแถวไปตามกัน ในหว่างขอบคันราชดำเนิร
ดูเปนขนัดไม่ขัดเงิน รีบพากันเชิญพระศพไป
๏ ถึงประตูวังวิเศษไชยศรี แสงอัคคีก็ส่องใส
เชิญศพพระองค์ผู้ทรงไชย เสด็จเข้าในพระราชวัง
๏ ถึงพระที่นั่งดุสิต เชิญขึ้นสถิตบนที่ตั้ง
เสียงประโคมครึกโครมฟัง สนั่นดังเสนาะดี
๏ รูปขอยับยั้งเรื่องตั้งพระศพ จะกล่าวทบถึงชาวกรุงศรี
ที่คิดอาไลยใต้ฝ่าธุลี พากันอึงมี่ไปคอยดู
๏ เห็นพระโกษฐ์พระจอมไกร เสียงร้องไห้สนั่นหู
ด้วยความถือมั่นกตัญญู มิได้อดสูแก่เพื่อนกัน
๏ อย่าว่าแต่เหล่าปสกสีกา ถึงอาตมาก็เหลือกลั้น
ให้คิดถึงองค์พระทรงธรรม์ แล้วโศกศัลย์ไม่วายเลย
รูปต้องของดบทนิพนธ์ ตามอนุสนธิ์ที่รูปเฉลย
จะเล่าต่อไปก็ไม่สะเบย ผู้ฟังจะเลยพากันรำคาญ
๏ ควรจะรำลึกนึกถึงพระองค์ แล้วทำบุญส่งทั้งศีลทั้งทาน
จนตราบเท่าเข้าพระนิพพาน สมกับที่ท่านกตัญญุตา
๏ เพราะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์ ชาวเราทุกคนเปนสุขหรรษา
เหล่าศัตรูหมู่พาลา ไม่อาจจะมาทำอันตราย ฯ

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ