๏ จะกล่าวเนื่องเรื่องบรมศพ |
พระจอมภพเจ้าสุธา |
พระเมรุทำล้ำโสภา |
ที่สนามหญ้าทุ่งพระเมรุ |
๏ ทองอร่ามงามอุไร |
ดังเทพไทนิมิตให้เห็น |
สูงเทียมเท่าเขาพระสุเมรุ |
แลดูเด่นในอัมพร |
๏ งามวิจิตร์ประดิษฐ์ช่างทำ |
ดังจะประจำไม่รื้อถอน |
ดูแววไวไปทุกตอน |
เสมือนอมรสรรค์ลงมา |
๏ มีฉัตร์เงินแลฉัตร์ทอง |
ดูผุดผ่องด้วยเลขา |
มีหงส์ทองผ่องโสภา |
ปักเรียงมารอบพระเมรุ |
๏ มีพระที่นั่งทรงธรรม |
มีปรำรอบบริเวณ |
หลังคาแดงดังแสงสุริเยนทร์ |
ช่อฟ้าเปนสีสุวรรณ |
๏ มีทั้งส้างอยู่สี่ทิศ |
งามวิจิตร์ด้วยช่างสรรค์ |
มีช่อฟ้าทุกหน้าบัน |
สุดที่ฉันจะพรรณา |
๏ ถ้ากล่าวไปให้เลอียด |
จะยาวเหยียดมากนักหนา |
พระเมรุท้าวเจ้าสุธา |
ย่อมโสภารู้อยู่ด้วยกัน |
๏ เมื่อจัดทำสำเร็จแล้ว |
งามผ่องแผ้วทุกสิ่งสรรค์ |
พระทูลเกล้าเข้าเขตคัน |
กำหนดวันบำเพ็ญทาน |
๏ วันที่สิบสามเดือนมินา |
พอเวลารุ่งแสงฉาน |
เชิญโกษฐ์ทองผ่องโอฬาร |
ประดิษฐานเบญจาทอง |
๏ ในท่ามกลางพระที่นั่งดุสิต |
งามวิจิตร์ไม่มีสอง |
ประดับเครื่องดูเรืองรอง |
ด้วยเงินทองอันโสภา |
๏ ในกำหนดสามวันนี้ |
โปรดให้มีเทศนา |
ครบห้ากัณฑ์ทุกวันมา |
ทรงอุส่าห์บำเพ็ญทาน |
๏ แล้วประกาศให้ราษฎร |
ในนครทุกสถาน |
ใครจะทำบำเพ็ญทาน |
เพื่อเปนการสนองพระคุณ |
๏ ชาวกรุงศรีมีทุกชาติ |
ทราบประกาศนเรนทร์สูร |
ให้ยินดีที่การบุญ |
หวังแทนคุณสดัปกรณ์ |
๏ ในทิมคดหน้าที่นั่งดุสิต |
ที่สถิตสโมสร |
ดูแน่นหนาประชากร |
ทั้งลาวมอญแลเจ๊กไทย |
๏ บ้างก็มีเทศนา |
โดยศรัทธาจิตต์เลื่อมใส |
บ้างสดัปกรณ์เปนตอนไป |
มโนในกตัญญู |
๏ ล้วนพระสงฆ์ทรงสิกขา |
มาติกาสนั่นหู |
เปนแพนกแยกเปนหมู่ |
ตามแต่ผู้มีศรัทธา |
๏ วันที่สิบหกแรมสองค่ำ |
จัดประจำซึ่งโยธา |
เปนหมู่หมวดตั้งตรวจตรา |
ตามมรรคาทั่วทุกกอง |
๏ ทหารม้าแลปืนใหญ่ |
เรียงกันไปเปนช่องช่อง |
มีแตรนำประจำกอง |
เรียงแถวรองกันลงมา |
๏ ทหารราบทหารเรือ |
ดูล้นเหลือมากนักหนา |
แน่นเนืองนองท้องมรรคา |
ทหารรักษาพระองค์ก็มี |
๏ มโหรธึกก็กึกก้อง |
ทั้งปี่กลองแน่นวิถี |
จัดพร้อมถ้วนกระบวรดี |
พอได้ที่บ่ายสองโมง |
๏ เชิญพระโกษฐ์ขึ้นราชยาน |
ดูตระหง่านงามโอ่โถง |
แซ่สำเนียงเสียงดังโด่ง |
ปืนยิงโป้งระดมประดา |
๏ ออกประตูพระราชวัง |
พร้อมสะพรั่งงามแสนสง่า |
กระบวรเลื่อนออกเคลื่อนคลา |
ตามมหาราชหนทาง |
๏ พระทูลกระหม่อมพร้อมพระวงศ์ |
ทุกพระองค์ดูหมองหมาง |
เสด็จตามหลามหนทาง |
ดังแบบอย่างแต่ก่อนมา |
๏ สมเด็จกรมพระวชิรญาณ |
เปนผู้ทรงอ่านอภิธรรมา |
นำพระศพท้าวเจ้าสุธา |
เลี้ยวมรรคาพระเชตุพน |
๏ หยุดประทับที่พลับพลา |
ทำไว้ท่าข้างสถล |
หน้าวัดพระเชตุพน |
พระจอมสกลจึงตรัสบัญชา |
๏ โปรดให้ยกพระโกษฐ์สุวรรณ์ |
ขึ้นรถอันงามเลขา |
จัดกระบวรล้วนเทวา |
ชักรถมาดูโอฬาร |
๏ ตามถนนมหาราช |
ดูเกลื่อนกลาดล้วนทหาร |
ไม่มีใครใจชื่นบาน |
ด้วยสงสารพระร่มโพธิ์ |
๏ ชาวกรุงไกรไทยมอญลาว |
นุ่งผ้าขาวดูอักโข |
ล้นหลามมาหน้าวัดโพธิ์ |
ที่หน้าสโมสรก็มี |
๏ เมื่อพระโกษฐ์ไปถึงไหน |
ไม่ว่าใครไพร่ผู้ดี |
ให้กำสดสลดศรี |
เสียงแต่โศกีตามมรรคา |
๏ บ้างจุดธูปเทียนจำเนียรน้อม |
ทั้งดอกไม้หอมรจนา |
ตามสองข้างทางมรรคา |
น้อมวันทากันทุกคน |
๏ กระบวนเดิรเชิญพระโกษฐ์ |
เสียงอุโฆษตามสถล |
ถึงเมรุทองผ่องโสภณ |
หยุดพหลลงทันที |
๏ จึงอัญเชิญพระบรมศพ |
พระจอมภพเจ้ากรุงศรี |
ขึ้นยานุมาศสอาดดี |
นำสู่ที่พระเมรุทอง |
๏ กรมพระยาวชิรญาณ |
ก็ทรงอ่านอภิธรรมสนอง |
ออกนำหน้าพระโกษฐ์ทอง |
เข้าสู่ท้องพระเมรุพลัน |
๏ แล้วเวียนไปได้สามรอบ |
ตามรบอบโบราณบรรพ์ |
พนักงารจัดการกัน |
เชิญพระโกษฐ์จันทน์เข้าพระเมรุ |
๏ แล้วจึงรูดพระวิสูตร์ป้อง |
ปิดทุกช่องบริเวณ |
พระสุริฉายพอบ่ายเบน |
กำหนดเกณฑ์ห้าโมงตรง |
๏ พระจอมพงศ์ก็ทรงธรรม |
กัณฑ์หนึ่งประจำเสร็จพระประสงค์ |
ถวายไตรพระไทยปลง |
อุทิศส่งผลทาน |
๏ พระห้าสิบสดัปกรณ์ |
การถาวรเปนแก่นสาร |
พระทูลเกล้าเจ้าศฤงการ |
ถวายทานทุกกองไป |
๏ แล้วเสด็จขึ้นพระเมรุทอง |
พระพักตร์หมองไม่ผ่องใส |
จุดธูปเทียนพลันด้วยทันใด |
บูชาไทยพระจุลจอม |
๏ แล้วน้อมพระกายถวายพระเพลิง |
อัคคีเริงทรงกลิ่นหอม |
เสด็จกลับพลับพลาพร้อม |
ข้าเฝ้าน้อมคำนับไท |
๏ พระราชวงศ์จำนงจำเนียร |
จุดธูปเทียนโดยเลื่อมใส |
ทุกพระองค์ตรงขึ้นไป |
เอาเพลิงใส่พระโกษฐ์พลัน |
๏ แล้วบรรดาข้าราชการ |
แน่นขนานดังจัดสรรค์ |
พระสงฆ์เถราถานานั้น |
ตลอดชั้นจนพระยา |
๏ ราชทูตต่างประเทศ |
จนถึงเขตชั้นเลขา |
จุดเทียนธูปพร้อมบุบผา |
น้อมวันทาโดยเบ็ญจางค์ |
พวกดนตรีตีทุกสิ่ง |
ปืนใหญ่ยิงดังโผงผาง |
ทหารคำนับรับทุกทาง |
ตามแบบอย่างแต่ก่อนกาล |
๏ พระทูลเกล้าเจ้าสากล |
บำเพ็ญผลอันไพศาล |
พอสำเร็จเสร็จทำทาน |
เสด็จผ่านกลับวังใน |
๏ พนักงารภูษามาลา |
อยู่รักษากันไสว |
พระวิสูตร์ปิดทุกทิศไป |
ระวังระไวซึ่งพระเพลิง |
๏ ฝ่ายว่าประชาชน |
ออกเกลื่อนกล่นคอยจนเหลิง |
หมายว่าจะได้ถวายพระเพลิง |
โดยในเชิงที่ภักดี |
๏ คอยแต่บ่ายไปจนรุ่ง |
เพราะจิตต์มุ่งกัตเวที |
ถ้าแม้นไม่ได้ถวายอัคคี |
จะอยู่อย่างนี้ไม่กลับไป |
๏ สู้ทนอดซึ่งเข้าปลา |
แลดูหน้าไม่ผ่องใส |
พอเห็นแจ้งซึ่งแสงไฟ |
เสียงร้องไห้ไปตามกัน |
๏ เพราะเคยเห็นพระจอมพงศ์ |
อยู่ดำรงมไหศวรรย์ |
พระคุณยิ่งทุกสิ่งอัน |
จะนับวันไม่เห็นพระองค์ |
๏ ขอสมมุติยุติไว้ |
ฉันนี้เหนื่อยใจคอเปนผง |
ขืนว่าไปไม่หยุดลง |
เสียงฉันคงไปไม่นาน |
๏ แม้นจะว่าให้ถ้วนถี่ |
ตามเรื่องมีมาบรรหาร |
ยังมากมายหลายสถาน |
เปนต้นการบำเพ็ญบุญ |
๏ แล้วก็เก็บพระอัฐิ |
ทรงพระดำริห์มิให้สูญ |
พระอังคารอันมองมูล |
เสร็จทำบุญแห่เข้าวัง |
๏ ทำทานเสร็จเจ็ดทิวาวาร |
พระอังคารพระไทยหวัง |
แห่ออกนอกพระราชวัง |
ไปสู่ยังวัดเบญจมะพลัน |
๏ เรื่องตอนนี้มีทุกสิ่ง |
เปนเรื่องจริงไม่แกล้งสรรค์ |
ต้องแบ่งผ่อนเปนตอนกัน |
เพราะเรื่องนั้นมากเหลือใจ ฯ |
๏ จะแจ้งข้อต่อกันเนื่อง |
ไปถึงเรื่องพระศพไท |
ที่ถวายพระเพลิงไว้ |
สถิตอยู่ในห้องพระเมรุ |
๏ กล่าวข้อไขให้ถ้วนถี่ |
เพื่อผู้ที่ไม่ได้เห็น |
จะแจ้งอรรถให้ชัดเจน |
ผู้ที่ไม่เห็นได้แจ้งใจ |
๏ วันที่สิบเจ็ดเดือนมินา |
พอเวลาปัจจุสสมัย |
พนักงารการเจนใจ |
จึงดับไฟด้วยพระสุคนธ์ |
๏ ครั้นเวลาหนึ่งโมงเช้า |
พระทูลเกล้าจอมพหล |
พร้อมเสนามาตย์สามนต์ |
สู่มณฑลพระเมรุทอง |
๏ พระจอมวังรับสั่งตรัส |
ให้เร่งรัดซึ่งสิ่งของ |
เครื่องสามหาบตามทำนอง |
พร้อมสิ่งของดูมองมูล |
๏ โปรดให้ข้าราชการ |
ที่เปนวงศ์วารราชประยูร |
กับชั้นที่เปนราชนิกูล |
ข้าเฝ้าทูลลอองธุลี |
๏ โปรดให้เดิรสามหาบกัน |
ที่จัดสรรค์ไว้เก้าที่ |
สามรอบครบบรรจบดี |
หยุดอยู่ที่อัฒจันทร์ |
๏ พระจอมพงศ์ทรงทอดไตร |
ดูผ่องใสแพรทั้งนั้น |
พระสงฆ์ถ้วนล้วนจัดสรรค์ |
เก้ารูปนั้นรับประเดียง |
๏ แล้วเก็บพระอัฐิพลัน |
สรงสุคันธ์ให้เกลาเกลี้ยง |
พระบรมวงศามาพร้อมเพรียง |
เฝ้าอยู่เพียงฐานพระเมรุ |
๏ ได้รับแจกพระอัฐิ |
เมื่อดำริห์จะได้เห็น |
โดยจงรักไม่พักเว้น |
หมายไว้เปนที่บูชา |
๏ แล้วพระองค์ทรงจัดสรรค์ |
ใส่โกษฐ์สุวรรณอันเลขา |
ดูผุดผาดสอาดตา |
ประดับประดาด้วยเพ็ชร์พลอย |
๏ จำหลักเปนลายกุดั่น |
แสงเพ็ชร์นั้นดังหิงห้อย |
ดูใสสดแทบหยดย้อย |
ล้วนเพ็ชร์พลอยงามวิลัย |
๏ แล้วรวมพระอังคารนั้น |
ลงผอบสุวรรณบรรจุใส่ |
เอาพานทองรองรับไว้ |
กระบวรไสวตั้งริ้วเรียง |
๏ เครื่องพระราชอิศริยยศ |
มีพร้อมหมดเปนคู่เคียง |
เหล่าแตรวงก็ส่งเสียง |
แซ่สำเนียงด้วยดนตรี |
๏ นายทหารทั้งบกเรือ |
ดูล้นเหลือแน่นวิถี |
เดิรสี่สายหมายพอดี |
พอได้ที่ให้เคลื่อนคลา |
๏ พระทูลเกล้าเจ้าอยู่หัว |
อยู่พร้อมทั่วพระวงศา |
เสด็จตามหลามมรรคา |
เข้าพระบรมมหาราชวัง |
๏ แล้วเชิญพระอัฐิไท |
เข้าสู่ในพระที่นั่ง |
ดุสิตปราสาทราชบัลลังก์ |
ล้วนเครื่องตั้งดูวับแวว |
๏ ส่วนผอบพระอังคาร |
ประดิษฐานในวัดพระแก้ว |
ในปรางค์ปราสาทโอภาสแผ้ว |
แลล้วนแล้วด้วยเงินทอง |
๏ พระจอมพงศ์ทรงบำเพ็ญ |
บุญเพื่อเปนอุปการสนอง |
ทรงเลื่อมใสพระทัยปอง |
ดูมูลมองด้วยไทยทาน |
๏ แล้วเชิญโกษฐ์พระอัฐิไท |
อธิราชในอดีตกาล |
ห้าสิบห้าถ้วนประมวญประมาณ |
ประดิษฐานตามที่อันควร |
๏ เครื่องตั้งประดับสำหรับพระยศ |
มีพร้อมหมดตามกระบวร |
เครื่องดนตรีมีครบถ้วน |
ประโคมควรแก่เวลา |
๏ พระสงฆ์เจริญพระมนต์ทุกวัน |
มีทั้งพระธรรมเทศนา |
พระจอมพงศ์พระทรงอุส่าห์ |
เสด็จมาบำเพ็ญทาน |
๏ ทรงถวายซึ่งเครื่องกระยา |
รสโอชาทั้งคาวหวาน |
พระฉันเสร็จสำเร็จการ |
จอมศฤงคารทรงทอดผ้าไตร |
๏ พระสงฆ์สดัปกรณ์พลัน |
เปนนิรันตร์โดยเลื่อมใส |
ทุกทุกพระโกษฐ์ทรงโปรดให้ |
ข้างหน้าข้างในบำเพ็ญบุญ |
๏ พระญาติวงศ์ทรงอุส่าห์ |
โดยศรัทธาไม่เสื่อมสูญ |
พระไทปองสนองคุณ |
บำเพ็ญบุญโดยรำพึง |
๏ จอมนิเวศน์เสด็จโดย |
ประทานโปรยเหรียญสลึง |
ทั้งชายหญิงชิงกันอึง |
ทำบุญถึงเจ็ดทิวา |
๏ ในเจ็ดวันนั้นเล่าไซร้ |
ทรงโปรดให้ชาวประชา |
ที่ถือมั่นกตัญญุตา |
ไปวันทาพระอัฐิไท |
๏ ถึงวันที่สี่เมษายน |
เปนเดือนต้นขึ้นปีใหม่ |
บ่ายสามโมงทรงโปรดให้ |
จัดตั้งไว้ซึ่งริ้วกระบวร |
๏ ทหารราบทหารม้า |
จัดไว้ท่ามีครบถ้วน |
เปนขนัดจัดกระบวร |
เวลาควรบ่ายสี่โมงตรง |
๏ เชิญผอบพระอังคาร |
สู่ราชยานงามสูงส่ง |
ออกจากวังดังจำนง |
กระบวรตรงเปนแถวไป |
๏ แล้วเชิญผอบพระอังคาร |
ประดิษฐานบนรถไชย |
ม้าแปดเคียงเรียงไสว |
เทียมพิไชยราชรถทรง |
๏ พระจอมพงศ์ทรงอาชา |
พร้อมบรรดาพระญาติวงศ์ |
เหล่าขนัดจัตุรงค์ |
เรียงแถวตรงเปนกองไป |
๏ กระบวรเลื่อนออกเคลื่อนคลาศ |
ไปตามถนนราชดำเนิรใน |
เปนกองกองมองไสว |
เลี้ยวขึ้นไปราชดำเนิรกลาง |
๏ ไปทางราชดำเนิรนอก |
แล้วเลี้ยวออกเบญมาศทาง |
ถึงดวงตวันอันกว้างขวาง |
ดำเนิรทางถนนฮกพลัน |
๏ พอถึงซึ่งวัดเบญจมะ |
จึงเชิญพระอังคารนั้น |
เข้าสู่โบสถ์โปรดจัดสรรค์ |
เปนต้นชั้นสดัปกรณ์ |
๏ ครั้นสำเร็จเสร็จทำบุญ |
นเรนทร์สุรจอมนิกร |
ปราถนาให้ถาวร |
ในชั้นตอนพระอังคาร |
๏ บรรจุในหีบศิลา |
กระทรวงโยธาปิดประสาน |
ผนึกฝาไม่ช้าการ |
จอมศฤงคารจึงตรัสบัญชา |
๏ ให้เจาะฐานพระชินราชไซ้ |
บรรจุไว้ซึ่งหีบศิลา |
ผนึกสนิทปิดแน่นหนา |
แล้วจอมสุธากลับคืนวัง |
๏ นี่และนะปสกสีกา |
อย่านินทาว่าลับหลัง |
ว่าตัวฉันดันทุลัง |
จนเกินฟังน่ารำคาญ |
๏ เขาร้องขอก็ต้องว่า |
เก็บเรื่องมาไขบรรหาร |
กล่าวย่อย่อพอรู้การ |
ยังเนิ่นนานอิกยืดยาว |
๏ แม้นจะว่าให้ถ้วนถี่ |
ท่านทั้งนี้คงนั่งหาว |
กล่าวพอแจ้งแห่งเรื่องราว |
เปนมูลเค้าข้อใจความ |
๏ นี่แหละท่านทั้งหลาย |
เรื่องความตายไม่ต้องถาม |
จงมานะพยายาม |
ทำบุญตามกำลังตน |
๏ การทำบุญไม่สูญเปล่า |
บุญของเราคงเกิดผล |
เปนขุมทรัพย์สำหรับตน |
เมื่อใกล้อับจนเปนสัจจริง |
๏ จะยกตัวอย่างอ้างให้รู้ |
จงตรองดูทั้งชายหญิง |
พระเจ้ากรุงศรีเปนที่ยิ่ง |
ต้องละทิ้งไปแต่องค์ |
๏ ความบรรไลยไม่เลือกหน้า |
ท้าวพระยาแลพระสงฆ์ |
ความจริงที่ยิ่งที่ยง |
เปนมั่นคงคือความตาย |
๏ ฉันจะเยื้อนช่วยเตือนตัก |
ให้ประจักษ์ทั้งหญิงชาย |
พระทูลเกล้าเราทั้งหลาย |
เสร็จผันผายเข้านิพพาน |
๏ เมื่อพระองค์ทรงพระชนม์ |
พระคุณล้นแผ่ไพศาล |
เราอาศรัยใต้โพธิสมภาร |
ได้สุขสำราญสิริวิไลย |
๏ ควรที่เราท่านจะหมั่นทำบุญ |
สนองพระคุณโดยความเลื่อมใส |
แล้วอุทิศผลทานมัย |
ถวายไทพระจุมพล นั้นแหล่ ฯ |