- อธิบาย
- กลอนสุภาพ ของกรมพระนราธิปประพันธพงศ์
- โคลงและฉันท์ ของ “เอกชน”
- โคลงของนายชิณ รายะเลข
- ฉันท์ของกรมพระนราธิปประพันธพงศ
- ลิลิตคำหลวง ของกรมพระนราธิปประพันธพงศ
- อปฺปมตฺตาโหนฺตุ
- โคลงกระทู้ ได้รางวัลในการประกวดสำนวน
- บทดอกสร้อย ได้รางวัลในการประกวดสำนวน
- กลอนสุภาพ ของขุนสารัตถ์ธุรธำรง
- กลอนกาพย์ ของ “เอกชน” กล่าวเรื่องสวรรคต
- แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องสวรรคต
- แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องถวายบังคมพระบรมศพ
- ฉันท์ “ของเอกชน”
- แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องงารพระบรมศพและงารพระเมรุ
- ฉันท์บูชาพระคุณ ของคณะหนังสือพิมพ์ไทย
- ฉันท์บูชาพระคุณ ของคณะหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์
- ฉันท์บูชาพระคุณ ของคณะหนังสือพิมพ์สยามราษฎร์ (๒)
แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องงารพระบรมศพและงารพระเมรุ
แหล่ที่ ๑
๏ จะกล่าวเนื่องเรื่องบรมศพ | พระจอมภพเจ้าสุธา |
พระเมรุทำล้ำโสภา | ที่สนามหญ้าทุ่งพระเมรุ |
๏ ทองอร่ามงามอุไร | ดังเทพไทนิมิตให้เห็น |
สูงเทียมเท่าเขาพระสุเมรุ | แลดูเด่นในอัมพร |
๏ งามวิจิตร์ประดิษฐ์ช่างทำ | ดังจะประจำไม่รื้อถอน |
ดูแววไวไปทุกตอน | เสมือนอมรสรรค์ลงมา |
๏ มีฉัตร์เงินแลฉัตร์ทอง | ดูผุดผ่องด้วยเลขา |
มีหงส์ทองผ่องโสภา | ปักเรียงมารอบพระเมรุ |
๏ มีพระที่นั่งทรงธรรม | มีปรำรอบบริเวณ |
หลังคาแดงดังแสงสุริเยนทร์ | ช่อฟ้าเปนสีสุวรรณ |
๏ มีทั้งส้างอยู่สี่ทิศ | งามวิจิตร์ด้วยช่างสรรค์ |
มีช่อฟ้าทุกหน้าบัน | สุดที่ฉันจะพรรณา |
๏ ถ้ากล่าวไปให้เลอียด | จะยาวเหยียดมากนักหนา |
พระเมรุท้าวเจ้าสุธา | ย่อมโสภารู้อยู่ด้วยกัน |
๏ เมื่อจัดทำสำเร็จแล้ว | งามผ่องแผ้วทุกสิ่งสรรค์ |
พระทูลเกล้าเข้าเขตคัน | กำหนดวันบำเพ็ญทาน |
๏ วันที่สิบสามเดือนมินา | พอเวลารุ่งแสงฉาน |
เชิญโกษฐ์ทองผ่องโอฬาร | ประดิษฐานเบญจาทอง |
๏ ในท่ามกลางพระที่นั่งดุสิต | งามวิจิตร์ไม่มีสอง |
ประดับเครื่องดูเรืองรอง | ด้วยเงินทองอันโสภา |
๏ ในกำหนดสามวันนี้ | โปรดให้มีเทศนา |
ครบห้ากัณฑ์ทุกวันมา | ทรงอุส่าห์บำเพ็ญทาน |
๏ แล้วประกาศให้ราษฎร | ในนครทุกสถาน |
ใครจะทำบำเพ็ญทาน | เพื่อเปนการสนองพระคุณ |
๏ ชาวกรุงศรีมีทุกชาติ | ทราบประกาศนเรนทร์สูร |
ให้ยินดีที่การบุญ | หวังแทนคุณสดัปกรณ์ |
๏ ในทิมคดหน้าที่นั่งดุสิต | ที่สถิตสโมสร |
ดูแน่นหนาประชากร | ทั้งลาวมอญแลเจ๊กไทย |
๏ บ้างก็มีเทศนา | โดยศรัทธาจิตต์เลื่อมใส |
บ้างสดัปกรณ์เปนตอนไป | มโนในกตัญญู |
๏ ล้วนพระสงฆ์ทรงสิกขา | มาติกาสนั่นหู |
เปนแพนกแยกเปนหมู่ | ตามแต่ผู้มีศรัทธา |
๏ วันที่สิบหกแรมสองค่ำ | จัดประจำซึ่งโยธา |
เปนหมู่หมวดตั้งตรวจตรา | ตามมรรคาทั่วทุกกอง |
๏ ทหารม้าแลปืนใหญ่ | เรียงกันไปเปนช่องช่อง |
มีแตรนำประจำกอง | เรียงแถวรองกันลงมา |
๏ ทหารราบทหารเรือ | ดูล้นเหลือมากนักหนา |
แน่นเนืองนองท้องมรรคา | ทหารรักษาพระองค์ก็มี |
๏ มโหรธึกก็กึกก้อง | ทั้งปี่กลองแน่นวิถี |
จัดพร้อมถ้วนกระบวรดี | พอได้ที่บ่ายสองโมง |
๏ เชิญพระโกษฐ์ขึ้นราชยาน | ดูตระหง่านงามโอ่โถง |
แซ่สำเนียงเสียงดังโด่ง | ปืนยิงโป้งระดมประดา |
๏ ออกประตูพระราชวัง | พร้อมสะพรั่งงามแสนสง่า |
กระบวรเลื่อนออกเคลื่อนคลา | ตามมหาราชหนทาง |
๏ พระทูลกระหม่อมพร้อมพระวงศ์ | ทุกพระองค์ดูหมองหมาง |
เสด็จตามหลามหนทาง | ดังแบบอย่างแต่ก่อนมา |
๏ สมเด็จกรมพระวชิรญาณ | เปนผู้ทรงอ่านอภิธรรมา |
นำพระศพท้าวเจ้าสุธา | เลี้ยวมรรคาพระเชตุพน |
๏ หยุดประทับที่พลับพลา | ทำไว้ท่าข้างสถล |
หน้าวัดพระเชตุพน | พระจอมสกลจึงตรัสบัญชา |
๏ โปรดให้ยกพระโกษฐ์สุวรรณ์ | ขึ้นรถอันงามเลขา |
จัดกระบวรล้วนเทวา | ชักรถมาดูโอฬาร |
๏ ตามถนนมหาราช | ดูเกลื่อนกลาดล้วนทหาร |
ไม่มีใครใจชื่นบาน | ด้วยสงสารพระร่มโพธิ์ |
๏ ชาวกรุงไกรไทยมอญลาว | นุ่งผ้าขาวดูอักโข |
ล้นหลามมาหน้าวัดโพธิ์ | ที่หน้าสโมสรก็มี |
๏ เมื่อพระโกษฐ์ไปถึงไหน | ไม่ว่าใครไพร่ผู้ดี |
ให้กำสดสลดศรี | เสียงแต่โศกีตามมรรคา |
๏ บ้างจุดธูปเทียนจำเนียรน้อม | ทั้งดอกไม้หอมรจนา |
ตามสองข้างทางมรรคา | น้อมวันทากันทุกคน |
๏ กระบวนเดิรเชิญพระโกษฐ์ | เสียงอุโฆษตามสถล |
ถึงเมรุทองผ่องโสภณ | หยุดพหลลงทันที |
๏ จึงอัญเชิญพระบรมศพ | พระจอมภพเจ้ากรุงศรี |
ขึ้นยานุมาศสอาดดี | นำสู่ที่พระเมรุทอง |
๏ กรมพระยาวชิรญาณ | ก็ทรงอ่านอภิธรรมสนอง |
ออกนำหน้าพระโกษฐ์ทอง | เข้าสู่ท้องพระเมรุพลัน |
๏ แล้วเวียนไปได้สามรอบ | ตามรบอบโบราณบรรพ์ |
พนักงารจัดการกัน | เชิญพระโกษฐ์จันทน์เข้าพระเมรุ |
๏ แล้วจึงรูดพระวิสูตร์ป้อง | ปิดทุกช่องบริเวณ |
พระสุริฉายพอบ่ายเบน | กำหนดเกณฑ์ห้าโมงตรง |
๏ พระจอมพงศ์ก็ทรงธรรม | กัณฑ์หนึ่งประจำเสร็จพระประสงค์ |
ถวายไตรพระไทยปลง | อุทิศส่งผลทาน |
๏ พระห้าสิบสดัปกรณ์ | การถาวรเปนแก่นสาร |
พระทูลเกล้าเจ้าศฤงการ | ถวายทานทุกกองไป |
๏ แล้วเสด็จขึ้นพระเมรุทอง | พระพักตร์หมองไม่ผ่องใส |
จุดธูปเทียนพลันด้วยทันใด | บูชาไทยพระจุลจอม |
๏ แล้วน้อมพระกายถวายพระเพลิง | อัคคีเริงทรงกลิ่นหอม |
เสด็จกลับพลับพลาพร้อม | ข้าเฝ้าน้อมคำนับไท |
๏ พระราชวงศ์จำนงจำเนียร | จุดธูปเทียนโดยเลื่อมใส |
ทุกพระองค์ตรงขึ้นไป | เอาเพลิงใส่พระโกษฐ์พลัน |
๏ แล้วบรรดาข้าราชการ | แน่นขนานดังจัดสรรค์ |
พระสงฆ์เถราถานานั้น | ตลอดชั้นจนพระยา |
๏ ราชทูตต่างประเทศ | จนถึงเขตชั้นเลขา |
จุดเทียนธูปพร้อมบุบผา | น้อมวันทาโดยเบ็ญจางค์ |
พวกดนตรีตีทุกสิ่ง | ปืนใหญ่ยิงดังโผงผาง |
ทหารคำนับรับทุกทาง | ตามแบบอย่างแต่ก่อนกาล |
๏ พระทูลเกล้าเจ้าสากล | บำเพ็ญผลอันไพศาล |
พอสำเร็จเสร็จทำทาน | เสด็จผ่านกลับวังใน |
๏ พนักงารภูษามาลา | อยู่รักษากันไสว |
พระวิสูตร์ปิดทุกทิศไป | ระวังระไวซึ่งพระเพลิง |
๏ ฝ่ายว่าประชาชน | ออกเกลื่อนกล่นคอยจนเหลิง |
หมายว่าจะได้ถวายพระเพลิง | โดยในเชิงที่ภักดี |
๏ คอยแต่บ่ายไปจนรุ่ง | เพราะจิตต์มุ่งกัตเวที |
ถ้าแม้นไม่ได้ถวายอัคคี | จะอยู่อย่างนี้ไม่กลับไป |
๏ สู้ทนอดซึ่งเข้าปลา | แลดูหน้าไม่ผ่องใส |
พอเห็นแจ้งซึ่งแสงไฟ | เสียงร้องไห้ไปตามกัน |
๏ เพราะเคยเห็นพระจอมพงศ์ | อยู่ดำรงมไหศวรรย์ |
พระคุณยิ่งทุกสิ่งอัน | จะนับวันไม่เห็นพระองค์ |
๏ ขอสมมุติยุติไว้ | ฉันนี้เหนื่อยใจคอเปนผง |
ขืนว่าไปไม่หยุดลง | เสียงฉันคงไปไม่นาน |
๏ แม้นจะว่าให้ถ้วนถี่ | ตามเรื่องมีมาบรรหาร |
ยังมากมายหลายสถาน | เปนต้นการบำเพ็ญบุญ |
๏ แล้วก็เก็บพระอัฐิ | ทรงพระดำริห์มิให้สูญ |
พระอังคารอันมองมูล | เสร็จทำบุญแห่เข้าวัง |
๏ ทำทานเสร็จเจ็ดทิวาวาร | พระอังคารพระไทยหวัง |
แห่ออกนอกพระราชวัง | ไปสู่ยังวัดเบญจมะพลัน |
๏ เรื่องตอนนี้มีทุกสิ่ง | เปนเรื่องจริงไม่แกล้งสรรค์ |
ต้องแบ่งผ่อนเปนตอนกัน | เพราะเรื่องนั้นมากเหลือใจ ฯ |
แหล่ที่ ๒
๏ จะแจ้งข้อต่อกันเนื่อง | ไปถึงเรื่องพระศพไท |
ที่ถวายพระเพลิงไว้ | สถิตอยู่ในห้องพระเมรุ |
๏ กล่าวข้อไขให้ถ้วนถี่ | เพื่อผู้ที่ไม่ได้เห็น |
จะแจ้งอรรถให้ชัดเจน | ผู้ที่ไม่เห็นได้แจ้งใจ |
๏ วันที่สิบเจ็ดเดือนมินา | พอเวลาปัจจุสสมัย |
พนักงารการเจนใจ | จึงดับไฟด้วยพระสุคนธ์ |
๏ ครั้นเวลาหนึ่งโมงเช้า | พระทูลเกล้าจอมพหล |
พร้อมเสนามาตย์สามนต์ | สู่มณฑลพระเมรุทอง |
๏ พระจอมวังรับสั่งตรัส | ให้เร่งรัดซึ่งสิ่งของ |
เครื่องสามหาบตามทำนอง | พร้อมสิ่งของดูมองมูล |
๏ โปรดให้ข้าราชการ | ที่เปนวงศ์วารราชประยูร |
กับชั้นที่เปนราชนิกูล | ข้าเฝ้าทูลลอองธุลี |
๏ โปรดให้เดิรสามหาบกัน | ที่จัดสรรค์ไว้เก้าที่ |
สามรอบครบบรรจบดี | หยุดอยู่ที่อัฒจันทร์ |
๏ พระจอมพงศ์ทรงทอดไตร | ดูผ่องใสแพรทั้งนั้น |
พระสงฆ์ถ้วนล้วนจัดสรรค์ | เก้ารูปนั้นรับประเดียง |
๏ แล้วเก็บพระอัฐิพลัน | สรงสุคันธ์ให้เกลาเกลี้ยง |
พระบรมวงศามาพร้อมเพรียง | เฝ้าอยู่เพียงฐานพระเมรุ |
๏ ได้รับแจกพระอัฐิ | เมื่อดำริห์จะได้เห็น |
โดยจงรักไม่พักเว้น | หมายไว้เปนที่บูชา |
๏ แล้วพระองค์ทรงจัดสรรค์ | ใส่โกษฐ์สุวรรณอันเลขา |
ดูผุดผาดสอาดตา | ประดับประดาด้วยเพ็ชร์พลอย |
๏ จำหลักเปนลายกุดั่น | แสงเพ็ชร์นั้นดังหิงห้อย |
ดูใสสดแทบหยดย้อย | ล้วนเพ็ชร์พลอยงามวิลัย |
๏ แล้วรวมพระอังคารนั้น | ลงผอบสุวรรณบรรจุใส่ |
เอาพานทองรองรับไว้ | กระบวรไสวตั้งริ้วเรียง |
๏ เครื่องพระราชอิศริยยศ | มีพร้อมหมดเปนคู่เคียง |
เหล่าแตรวงก็ส่งเสียง | แซ่สำเนียงด้วยดนตรี |
๏ นายทหารทั้งบกเรือ | ดูล้นเหลือแน่นวิถี |
เดิรสี่สายหมายพอดี | พอได้ที่ให้เคลื่อนคลา |
๏ พระทูลเกล้าเจ้าอยู่หัว | อยู่พร้อมทั่วพระวงศา |
เสด็จตามหลามมรรคา | เข้าพระบรมมหาราชวัง |
๏ แล้วเชิญพระอัฐิไท | เข้าสู่ในพระที่นั่ง |
ดุสิตปราสาทราชบัลลังก์ | ล้วนเครื่องตั้งดูวับแวว |
๏ ส่วนผอบพระอังคาร | ประดิษฐานในวัดพระแก้ว |
ในปรางค์ปราสาทโอภาสแผ้ว | แลล้วนแล้วด้วยเงินทอง |
๏ พระจอมพงศ์ทรงบำเพ็ญ | บุญเพื่อเปนอุปการสนอง |
ทรงเลื่อมใสพระทัยปอง | ดูมูลมองด้วยไทยทาน |
๏ แล้วเชิญโกษฐ์พระอัฐิไท | อธิราชในอดีตกาล |
ห้าสิบห้าถ้วนประมวญประมาณ | ประดิษฐานตามที่อันควร |
๏ เครื่องตั้งประดับสำหรับพระยศ | มีพร้อมหมดตามกระบวร |
เครื่องดนตรีมีครบถ้วน | ประโคมควรแก่เวลา |
๏ พระสงฆ์เจริญพระมนต์ทุกวัน | มีทั้งพระธรรมเทศนา |
พระจอมพงศ์พระทรงอุส่าห์ | เสด็จมาบำเพ็ญทาน |
๏ ทรงถวายซึ่งเครื่องกระยา | รสโอชาทั้งคาวหวาน |
พระฉันเสร็จสำเร็จการ | จอมศฤงคารทรงทอดผ้าไตร |
๏ พระสงฆ์สดัปกรณ์พลัน | เปนนิรันตร์โดยเลื่อมใส |
ทุกทุกพระโกษฐ์ทรงโปรดให้ | ข้างหน้าข้างในบำเพ็ญบุญ |
๏ พระญาติวงศ์ทรงอุส่าห์ | โดยศรัทธาไม่เสื่อมสูญ |
พระไทปองสนองคุณ | บำเพ็ญบุญโดยรำพึง |
๏ จอมนิเวศน์เสด็จโดย | ประทานโปรยเหรียญสลึง |
ทั้งชายหญิงชิงกันอึง | ทำบุญถึงเจ็ดทิวา |
๏ ในเจ็ดวันนั้นเล่าไซร้ | ทรงโปรดให้ชาวประชา |
ที่ถือมั่นกตัญญุตา | ไปวันทาพระอัฐิไท |
๏ ถึงวันที่สี่เมษายน | เปนเดือนต้นขึ้นปีใหม่ |
บ่ายสามโมงทรงโปรดให้ | จัดตั้งไว้ซึ่งริ้วกระบวร |
๏ ทหารราบทหารม้า | จัดไว้ท่ามีครบถ้วน |
เปนขนัดจัดกระบวร | เวลาควรบ่ายสี่โมงตรง |
๏ เชิญผอบพระอังคาร | สู่ราชยานงามสูงส่ง |
ออกจากวังดังจำนง | กระบวรตรงเปนแถวไป |
๏ แล้วเชิญผอบพระอังคาร | ประดิษฐานบนรถไชย |
ม้าแปดเคียงเรียงไสว | เทียมพิไชยราชรถทรง |
๏ พระจอมพงศ์ทรงอาชา | พร้อมบรรดาพระญาติวงศ์ |
เหล่าขนัดจัตุรงค์ | เรียงแถวตรงเปนกองไป |
๏ กระบวรเลื่อนออกเคลื่อนคลาศ | ไปตามถนนราชดำเนิรใน |
เปนกองกองมองไสว | เลี้ยวขึ้นไปราชดำเนิรกลาง |
๏ ไปทางราชดำเนิรนอก | แล้วเลี้ยวออกเบญมาศทาง |
ถึงดวงตวันอันกว้างขวาง | ดำเนิรทางถนนฮกพลัน |
๏ พอถึงซึ่งวัดเบญจมะ | จึงเชิญพระอังคารนั้น |
เข้าสู่โบสถ์โปรดจัดสรรค์ | เปนต้นชั้นสดัปกรณ์ |
๏ ครั้นสำเร็จเสร็จทำบุญ | นเรนทร์สุรจอมนิกร |
ปราถนาให้ถาวร | ในชั้นตอนพระอังคาร |
๏ บรรจุในหีบศิลา | กระทรวงโยธาปิดประสาน |
ผนึกฝาไม่ช้าการ | จอมศฤงคารจึงตรัสบัญชา |
๏ ให้เจาะฐานพระชินราชไซ้ | บรรจุไว้ซึ่งหีบศิลา |
ผนึกสนิทปิดแน่นหนา | แล้วจอมสุธากลับคืนวัง |
๏ นี่และนะปสกสีกา | อย่านินทาว่าลับหลัง |
ว่าตัวฉันดันทุลัง | จนเกินฟังน่ารำคาญ |
๏ เขาร้องขอก็ต้องว่า | เก็บเรื่องมาไขบรรหาร |
กล่าวย่อย่อพอรู้การ | ยังเนิ่นนานอิกยืดยาว |
๏ แม้นจะว่าให้ถ้วนถี่ | ท่านทั้งนี้คงนั่งหาว |
กล่าวพอแจ้งแห่งเรื่องราว | เปนมูลเค้าข้อใจความ |
๏ นี่แหละท่านทั้งหลาย | เรื่องความตายไม่ต้องถาม |
จงมานะพยายาม | ทำบุญตามกำลังตน |
๏ การทำบุญไม่สูญเปล่า | บุญของเราคงเกิดผล |
เปนขุมทรัพย์สำหรับตน | เมื่อใกล้อับจนเปนสัจจริง |
๏ จะยกตัวอย่างอ้างให้รู้ | จงตรองดูทั้งชายหญิง |
พระเจ้ากรุงศรีเปนที่ยิ่ง | ต้องละทิ้งไปแต่องค์ |
๏ ความบรรไลยไม่เลือกหน้า | ท้าวพระยาแลพระสงฆ์ |
ความจริงที่ยิ่งที่ยง | เปนมั่นคงคือความตาย |
๏ ฉันจะเยื้อนช่วยเตือนตัก | ให้ประจักษ์ทั้งหญิงชาย |
พระทูลเกล้าเราทั้งหลาย | เสร็จผันผายเข้านิพพาน |
๏ เมื่อพระองค์ทรงพระชนม์ | พระคุณล้นแผ่ไพศาล |
เราอาศรัยใต้โพธิสมภาร | ได้สุขสำราญสิริวิไลย |
๏ ควรที่เราท่านจะหมั่นทำบุญ | สนองพระคุณโดยความเลื่อมใส |
แล้วอุทิศผลทานมัย | ถวายไทพระจุมพล นั้นแหล่ ฯ |
----------------------------