แหล่เทศน์มหาพน กล่าวเรื่องงารพระบรมศพและงารพระเมรุ

แหล่ที่ ๑

๏ จะกล่าวเนื่องเรื่องบรมศพ พระจอมภพเจ้าสุธา
พระเมรุทำล้ำโสภา ที่สนามหญ้าทุ่งพระเมรุ
๏ ทองอร่ามงามอุไร ดังเทพไทนิมิตให้เห็น
สูงเทียมเท่าเขาพระสุเมรุ แลดูเด่นในอัมพร
๏ งามวิจิตร์ประดิษฐ์ช่างทำ ดังจะประจำไม่รื้อถอน
ดูแววไวไปทุกตอน เสมือนอมรสรรค์ลงมา
๏ มีฉัตร์เงินแลฉัตร์ทอง ดูผุดผ่องด้วยเลขา
มีหงส์ทองผ่องโสภา ปักเรียงมารอบพระเมรุ
๏ มีพระที่นั่งทรงธรรม มีปรำรอบบริเวณ
หลังคาแดงดังแสงสุริเยนทร์ ช่อฟ้าเปนสีสุวรรณ
๏ มีทั้งส้างอยู่สี่ทิศ งามวิจิตร์ด้วยช่างสรรค์
มีช่อฟ้าทุกหน้าบัน สุดที่ฉันจะพรรณา
๏ ถ้ากล่าวไปให้เลอียด จะยาวเหยียดมากนักหนา
พระเมรุท้าวเจ้าสุธา ย่อมโสภารู้อยู่ด้วยกัน
๏ เมื่อจัดทำสำเร็จแล้ว งามผ่องแผ้วทุกสิ่งสรรค์
พระทูลเกล้าเข้าเขตคัน กำหนดวันบำเพ็ญทาน
๏ วันที่สิบสามเดือนมินา พอเวลารุ่งแสงฉาน
เชิญโกษฐ์ทองผ่องโอฬาร ประดิษฐานเบญจาทอง
๏ ในท่ามกลางพระที่นั่งดุสิต งามวิจิตร์ไม่มีสอง
ประดับเครื่องดูเรืองรอง ด้วยเงินทองอันโสภา
๏ ในกำหนดสามวันนี้ โปรดให้มีเทศนา
ครบห้ากัณฑ์ทุกวันมา ทรงอุส่าห์บำเพ็ญทาน
๏ แล้วประกาศให้ราษฎร ในนครทุกสถาน
ใครจะทำบำเพ็ญทาน เพื่อเปนการสนองพระคุณ
๏ ชาวกรุงศรีมีทุกชาติ ทราบประกาศนเรนทร์สูร
ให้ยินดีที่การบุญ หวังแทนคุณสดัปกรณ์
๏ ในทิมคดหน้าที่นั่งดุสิต ที่สถิตสโมสร
ดูแน่นหนาประชากร ทั้งลาวมอญแลเจ๊กไทย
๏ บ้างก็มีเทศนา โดยศรัทธาจิตต์เลื่อมใส
บ้างสดัปกรณ์เปนตอนไป มโนในกตัญญู
๏ ล้วนพระสงฆ์ทรงสิกขา มาติกาสนั่นหู
เปนแพนกแยกเปนหมู่ ตามแต่ผู้มีศรัทธา
๏ วันที่สิบหกแรมสองค่ำ จัดประจำซึ่งโยธา
เปนหมู่หมวดตั้งตรวจตรา ตามมรรคาทั่วทุกกอง
๏ ทหารม้าแลปืนใหญ่ เรียงกันไปเปนช่องช่อง
มีแตรนำประจำกอง เรียงแถวรองกันลงมา
๏ ทหารราบทหารเรือ ดูล้นเหลือมากนักหนา
แน่นเนืองนองท้องมรรคา ทหารรักษาพระองค์ก็มี
๏ มโหรธึกก็กึกก้อง ทั้งปี่กลองแน่นวิถี
จัดพร้อมถ้วนกระบวรดี พอได้ที่บ่ายสองโมง
๏ เชิญพระโกษฐ์ขึ้นราชยาน ดูตระหง่านงามโอ่โถง
แซ่สำเนียงเสียงดังโด่ง ปืนยิงโป้งระดมประดา
๏ ออกประตูพระราชวัง พร้อมสะพรั่งงามแสนสง่า
กระบวรเลื่อนออกเคลื่อนคลา ตามมหาราชหนทาง
๏ พระทูลกระหม่อมพร้อมพระวงศ์ ทุกพระองค์ดูหมองหมาง
เสด็จตามหลามหนทาง ดังแบบอย่างแต่ก่อนมา
๏ สมเด็จกรมพระวชิรญาณ เปนผู้ทรงอ่านอภิธรรมา
นำพระศพท้าวเจ้าสุธา เลี้ยวมรรคาพระเชตุพน
๏ หยุดประทับที่พลับพลา ทำไว้ท่าข้างสถล
หน้าวัดพระเชตุพน พระจอมสกลจึงตรัสบัญชา
๏ โปรดให้ยกพระโกษฐ์สุวรรณ์ ขึ้นรถอันงามเลขา
จัดกระบวรล้วนเทวา ชักรถมาดูโอฬาร
๏ ตามถนนมหาราช ดูเกลื่อนกลาดล้วนทหาร
ไม่มีใครใจชื่นบาน ด้วยสงสารพระร่มโพธิ์
๏ ชาวกรุงไกรไทยมอญลาว นุ่งผ้าขาวดูอักโข
ล้นหลามมาหน้าวัดโพธิ์ ที่หน้าสโมสรก็มี
๏ เมื่อพระโกษฐ์ไปถึงไหน ไม่ว่าใครไพร่ผู้ดี
ให้กำสดสลดศรี เสียงแต่โศกีตามมรรคา
๏ บ้างจุดธูปเทียนจำเนียรน้อม ทั้งดอกไม้หอมรจนา
ตามสองข้างทางมรรคา น้อมวันทากันทุกคน
๏ กระบวนเดิรเชิญพระโกษฐ์ เสียงอุโฆษตามสถล
ถึงเมรุทองผ่องโสภณ หยุดพหลลงทันที
๏ จึงอัญเชิญพระบรมศพ พระจอมภพเจ้ากรุงศรี
ขึ้นยานุมาศสอาดดี นำสู่ที่พระเมรุทอง
๏ กรมพระยาวชิรญาณ ก็ทรงอ่านอภิธรรมสนอง
ออกนำหน้าพระโกษฐ์ทอง เข้าสู่ท้องพระเมรุพลัน
๏ แล้วเวียนไปได้สามรอบ ตามรบอบโบราณบรรพ์
พนักงารจัดการกัน เชิญพระโกษฐ์จันทน์เข้าพระเมรุ
๏ แล้วจึงรูดพระวิสูตร์ป้อง ปิดทุกช่องบริเวณ
พระสุริฉายพอบ่ายเบน กำหนดเกณฑ์ห้าโมงตรง
๏ พระจอมพงศ์ก็ทรงธรรม กัณฑ์หนึ่งประจำเสร็จพระประสงค์
ถวายไตรพระไทยปลง อุทิศส่งผลทาน
๏ พระห้าสิบสดัปกรณ์ การถาวรเปนแก่นสาร
พระทูลเกล้าเจ้าศฤงการ ถวายทานทุกกองไป
๏ แล้วเสด็จขึ้นพระเมรุทอง พระพักตร์หมองไม่ผ่องใส
จุดธูปเทียนพลันด้วยทันใด บูชาไทยพระจุลจอม
๏ แล้วน้อมพระกายถวายพระเพลิง อัคคีเริงทรงกลิ่นหอม
เสด็จกลับพลับพลาพร้อม ข้าเฝ้าน้อมคำนับไท
๏ พระราชวงศ์จำนงจำเนียร จุดธูปเทียนโดยเลื่อมใส
ทุกพระองค์ตรงขึ้นไป เอาเพลิงใส่พระโกษฐ์พลัน
๏ แล้วบรรดาข้าราชการ แน่นขนานดังจัดสรรค์
พระสงฆ์เถราถานานั้น ตลอดชั้นจนพระยา
๏ ราชทูตต่างประเทศ จนถึงเขตชั้นเลขา
จุดเทียนธูปพร้อมบุบผา น้อมวันทาโดยเบ็ญจางค์
พวกดนตรีตีทุกสิ่ง ปืนใหญ่ยิงดังโผงผาง
ทหารคำนับรับทุกทาง ตามแบบอย่างแต่ก่อนกาล
๏ พระทูลเกล้าเจ้าสากล บำเพ็ญผลอันไพศาล
พอสำเร็จเสร็จทำทาน เสด็จผ่านกลับวังใน
๏ พนักงารภูษามาลา อยู่รักษากันไสว
พระวิสูตร์ปิดทุกทิศไป ระวังระไวซึ่งพระเพลิง
๏ ฝ่ายว่าประชาชน ออกเกลื่อนกล่นคอยจนเหลิง
หมายว่าจะได้ถวายพระเพลิง โดยในเชิงที่ภักดี
๏ คอยแต่บ่ายไปจนรุ่ง เพราะจิตต์มุ่งกัตเวที
ถ้าแม้นไม่ได้ถวายอัคคี จะอยู่อย่างนี้ไม่กลับไป
๏ สู้ทนอดซึ่งเข้าปลา แลดูหน้าไม่ผ่องใส
พอเห็นแจ้งซึ่งแสงไฟ เสียงร้องไห้ไปตามกัน
๏ เพราะเคยเห็นพระจอมพงศ์ อยู่ดำรงมไหศวรรย์
พระคุณยิ่งทุกสิ่งอัน จะนับวันไม่เห็นพระองค์
๏ ขอสมมุติยุติไว้ ฉันนี้เหนื่อยใจคอเปนผง
ขืนว่าไปไม่หยุดลง เสียงฉันคงไปไม่นาน
๏ แม้นจะว่าให้ถ้วนถี่ ตามเรื่องมีมาบรรหาร
ยังมากมายหลายสถาน เปนต้นการบำเพ็ญบุญ
๏ แล้วก็เก็บพระอัฐิ ทรงพระดำริห์มิให้สูญ
พระอังคารอันมองมูล เสร็จทำบุญแห่เข้าวัง
๏ ทำทานเสร็จเจ็ดทิวาวาร พระอังคารพระไทยหวัง
แห่ออกนอกพระราชวัง ไปสู่ยังวัดเบญจมะพลัน
๏ เรื่องตอนนี้มีทุกสิ่ง เปนเรื่องจริงไม่แกล้งสรรค์
ต้องแบ่งผ่อนเปนตอนกัน เพราะเรื่องนั้นมากเหลือใจ ฯ

แหล่ที่ ๒

๏ จะแจ้งข้อต่อกันเนื่อง ไปถึงเรื่องพระศพไท
ที่ถวายพระเพลิงไว้ สถิตอยู่ในห้องพระเมรุ
๏ กล่าวข้อไขให้ถ้วนถี่ เพื่อผู้ที่ไม่ได้เห็น
จะแจ้งอรรถให้ชัดเจน ผู้ที่ไม่เห็นได้แจ้งใจ
๏ วันที่สิบเจ็ดเดือนมินา พอเวลาปัจจุสสมัย
พนักงารการเจนใจ จึงดับไฟด้วยพระสุคนธ์
๏ ครั้นเวลาหนึ่งโมงเช้า พระทูลเกล้าจอมพหล
พร้อมเสนามาตย์สามนต์ สู่มณฑลพระเมรุทอง
๏ พระจอมวังรับสั่งตรัส ให้เร่งรัดซึ่งสิ่งของ
เครื่องสามหาบตามทำนอง พร้อมสิ่งของดูมองมูล
๏ โปรดให้ข้าราชการ ที่เปนวงศ์วารราชประยูร
กับชั้นที่เปนราชนิกูล ข้าเฝ้าทูลลอองธุลี
๏ โปรดให้เดิรสามหาบกัน ที่จัดสรรค์ไว้เก้าที่
สามรอบครบบรรจบดี หยุดอยู่ที่อัฒจันทร์
๏ พระจอมพงศ์ทรงทอดไตร ดูผ่องใสแพรทั้งนั้น
พระสงฆ์ถ้วนล้วนจัดสรรค์ เก้ารูปนั้นรับประเดียง
๏ แล้วเก็บพระอัฐิพลัน สรงสุคันธ์ให้เกลาเกลี้ยง
พระบรมวงศามาพร้อมเพรียง เฝ้าอยู่เพียงฐานพระเมรุ
๏ ได้รับแจกพระอัฐิ เมื่อดำริห์จะได้เห็น
โดยจงรักไม่พักเว้น หมายไว้เปนที่บูชา
๏ แล้วพระองค์ทรงจัดสรรค์ ใส่โกษฐ์สุวรรณอันเลขา
ดูผุดผาดสอาดตา ประดับประดาด้วยเพ็ชร์พลอย
๏ จำหลักเปนลายกุดั่น แสงเพ็ชร์นั้นดังหิงห้อย
ดูใสสดแทบหยดย้อย ล้วนเพ็ชร์พลอยงามวิลัย
๏ แล้วรวมพระอังคารนั้น ลงผอบสุวรรณบรรจุใส่
เอาพานทองรองรับไว้ กระบวรไสวตั้งริ้วเรียง
๏ เครื่องพระราชอิศริยยศ มีพร้อมหมดเปนคู่เคียง
เหล่าแตรวงก็ส่งเสียง แซ่สำเนียงด้วยดนตรี
๏ นายทหารทั้งบกเรือ ดูล้นเหลือแน่นวิถี
เดิรสี่สายหมายพอดี พอได้ที่ให้เคลื่อนคลา
๏ พระทูลเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่พร้อมทั่วพระวงศา
เสด็จตามหลามมรรคา เข้าพระบรมมหาราชวัง
๏ แล้วเชิญพระอัฐิไท เข้าสู่ในพระที่นั่ง
ดุสิตปราสาทราชบัลลังก์ ล้วนเครื่องตั้งดูวับแวว
๏ ส่วนผอบพระอังคาร ประดิษฐานในวัดพระแก้ว
ในปรางค์ปราสาทโอภาสแผ้ว แลล้วนแล้วด้วยเงินทอง
๏ พระจอมพงศ์ทรงบำเพ็ญ บุญเพื่อเปนอุปการสนอง
ทรงเลื่อมใสพระทัยปอง ดูมูลมองด้วยไทยทาน
๏ แล้วเชิญโกษฐ์พระอัฐิไท อธิราชในอดีตกาล
ห้าสิบห้าถ้วนประมวญประมาณ ประดิษฐานตามที่อันควร
๏ เครื่องตั้งประดับสำหรับพระยศ มีพร้อมหมดตามกระบวร
เครื่องดนตรีมีครบถ้วน ประโคมควรแก่เวลา
๏ พระสงฆ์เจริญพระมนต์ทุกวัน มีทั้งพระธรรมเทศนา
พระจอมพงศ์พระทรงอุส่าห์ เสด็จมาบำเพ็ญทาน
๏ ทรงถวายซึ่งเครื่องกระยา รสโอชาทั้งคาวหวาน
พระฉันเสร็จสำเร็จการ จอมศฤงคารทรงทอดผ้าไตร
๏ พระสงฆ์สดัปกรณ์พลัน เปนนิรันตร์โดยเลื่อมใส
ทุกทุกพระโกษฐ์ทรงโปรดให้ ข้างหน้าข้างในบำเพ็ญบุญ
๏ พระญาติวงศ์ทรงอุส่าห์ โดยศรัทธาไม่เสื่อมสูญ
พระไทปองสนองคุณ บำเพ็ญบุญโดยรำพึง
๏ จอมนิเวศน์เสด็จโดย ประทานโปรยเหรียญสลึง
ทั้งชายหญิงชิงกันอึง ทำบุญถึงเจ็ดทิวา
๏ ในเจ็ดวันนั้นเล่าไซร้ ทรงโปรดให้ชาวประชา
ที่ถือมั่นกตัญญุตา ไปวันทาพระอัฐิไท
๏ ถึงวันที่สี่เมษายน เปนเดือนต้นขึ้นปีใหม่
บ่ายสามโมงทรงโปรดให้ จัดตั้งไว้ซึ่งริ้วกระบวร
๏ ทหารราบทหารม้า จัดไว้ท่ามีครบถ้วน
เปนขนัดจัดกระบวร เวลาควรบ่ายสี่โมงตรง
๏ เชิญผอบพระอังคาร สู่ราชยานงามสูงส่ง
ออกจากวังดังจำนง กระบวรตรงเปนแถวไป
๏ แล้วเชิญผอบพระอังคาร ประดิษฐานบนรถไชย
ม้าแปดเคียงเรียงไสว เทียมพิไชยราชรถทรง
๏ พระจอมพงศ์ทรงอาชา พร้อมบรรดาพระญาติวงศ์
เหล่าขนัดจัตุรงค์ เรียงแถวตรงเปนกองไป
๏ กระบวรเลื่อนออกเคลื่อนคลาศ ไปตามถนนราชดำเนิรใน
เปนกองกองมองไสว เลี้ยวขึ้นไปราชดำเนิรกลาง
๏ ไปทางราชดำเนิรนอก แล้วเลี้ยวออกเบญมาศทาง
ถึงดวงตวันอันกว้างขวาง ดำเนิรทางถนนฮกพลัน
๏ พอถึงซึ่งวัดเบญจมะ จึงเชิญพระอังคารนั้น
เข้าสู่โบสถ์โปรดจัดสรรค์ เปนต้นชั้นสดัปกรณ์
๏ ครั้นสำเร็จเสร็จทำบุญ นเรนทร์สุรจอมนิกร
ปราถนาให้ถาวร ในชั้นตอนพระอังคาร
๏ บรรจุในหีบศิลา กระทรวงโยธาปิดประสาน
ผนึกฝาไม่ช้าการ จอมศฤงคารจึงตรัสบัญชา
๏ ให้เจาะฐานพระชินราชไซ้ บรรจุไว้ซึ่งหีบศิลา
ผนึกสนิทปิดแน่นหนา แล้วจอมสุธากลับคืนวัง
๏ นี่และนะปสกสีกา อย่านินทาว่าลับหลัง
ว่าตัวฉันดันทุลัง จนเกินฟังน่ารำคาญ
๏ เขาร้องขอก็ต้องว่า เก็บเรื่องมาไขบรรหาร
กล่าวย่อย่อพอรู้การ ยังเนิ่นนานอิกยืดยาว
๏ แม้นจะว่าให้ถ้วนถี่ ท่านทั้งนี้คงนั่งหาว
กล่าวพอแจ้งแห่งเรื่องราว เปนมูลเค้าข้อใจความ
๏ นี่แหละท่านทั้งหลาย เรื่องความตายไม่ต้องถาม
จงมานะพยายาม ทำบุญตามกำลังตน
๏ การทำบุญไม่สูญเปล่า บุญของเราคงเกิดผล
เปนขุมทรัพย์สำหรับตน เมื่อใกล้อับจนเปนสัจจริง
๏ จะยกตัวอย่างอ้างให้รู้ จงตรองดูทั้งชายหญิง
พระเจ้ากรุงศรีเปนที่ยิ่ง ต้องละทิ้งไปแต่องค์
๏ ความบรรไลยไม่เลือกหน้า ท้าวพระยาแลพระสงฆ์
ความจริงที่ยิ่งที่ยง เปนมั่นคงคือความตาย
๏ ฉันจะเยื้อนช่วยเตือนตัก ให้ประจักษ์ทั้งหญิงชาย
พระทูลเกล้าเราทั้งหลาย เสร็จผันผายเข้านิพพาน
๏ เมื่อพระองค์ทรงพระชนม์ พระคุณล้นแผ่ไพศาล
เราอาศรัยใต้โพธิสมภาร ได้สุขสำราญสิริวิไลย
๏ ควรที่เราท่านจะหมั่นทำบุญ สนองพระคุณโดยความเลื่อมใส
แล้วอุทิศผลทานมัย ถวายไทพระจุมพล นั้นแหล่ ฯ

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ