กลอนกาพย์ ของ “เอกชน” กล่าวเรื่องสวรรคต

๏ สรวมชีพบังคมบาท บรมนาถพระทรงธรรม์
เจษฎ์จอมมไหศวรรย์ สยามเขตประเทศไทย
๏ ซึ่งเสด็จเฉลิมฉัตร์ ผดุงรัฐเจริญใน
มงคลมหาสมัย มหุดดมนิยมวาร
๏ พระองค์ก็ดังองค์ ภุชพงศ์พระอวตาร
แบ่งภาคมาสังหาร อสุรร้ายมลายสูญ
๏ ให้เทพยเปนต้น ณสากลพิภพพูล
เพิ่มสุขพระอนุกูล ประกอบด้วยพระการุญ
๏ แท้เนื่องเรื่องทราบมา ปรำปรามิน่าหนุน
นำคิดจับจิตต์จุน เจือให้เกิดประสาทสรรพ์
๏ ซาบชุ่มกมลชื่น บมีอื่นจะเทียมทัน
ครั้งจอมนรินทร์ปัญ จมรัชชธำรง
๏ เสด็จมาสู่หล้านี้ สิควรที่จะพิศวง
เดชคุณอดุลย์ทรง สฤษฏิ์ไว้แก่ชาวเรา
๏ เทียบทัดวัตถุหนัก ยิ่งใหญ่นักก็ยังเบา
ดินทั้งอุทกเขา ก็บเทียบบเทียมทัน
๏ เหตุมากวรมหา กรุณาทิคุณอนันต์
ควรเทอดพระคุณสรรพ์ สถิตไว้ระหว่างเศียร
๏ บัดนี้จะกล่าวพจน์ ยอพระยศแลพระเกียรติ์
หวังไว้ให้จำเนียร ระลึกแจ้งลุจิรกาล
๏ ปีบรมสมภพ ฉลูสบณภุมมวาร
แรมตติยะประมาณ ทศมะมาสอุดมดล
๏ ตรงกันกับวันวี สติมะมีมิควรฉงน
เดือนนามกันยายน ร. ศกเจ็ดสิบสองไข
๏ คือวันพระองค์มา อุบัติภาคะภพใน
ฤกษยามบวรไฉน จะมิน่ามหัศจรรย์
๏ เนื่องทรงเจริญมา พระเสาะสารส่ำสรรพ์
นานาพิชาอัน อุดมเอกพระเชี่ยวชาญ
๏ ควรรู้พระรู้รอบ พระรอบคอบกมลมาน
พระฉลาดพระอาจหาญ พระยิ่งด้วยพระปัญญา-
๏ กาลดลพระชนม์โส ฬสโอ้พระชนกา-
ธิเบศร์เสด็จลา ละเสวยศิวาลัย
๏ พระองค์ถวัลยรัช เถลิงฉัตรเฉลิมชัย
ป้องปกพศกไอ- ศุริยสิ้นเกษตร์สยาม
๏ ผ่านกรุงผดุงชาติ นิกรราษฎร์นิคมคาม
เขตทั่วไผทตาม อดีตภาคประเพณี
๏ เนื่องกาละเอกา ทศวาระอันมี
มาสพฤศจิกปี ร. ศกแปดสิบเจ็ดดล
๏ โดยแท้เมื่อไท้ได้ เสวยไอศวรรย์อนนต์
พระองค์ก็ทรงชน มระหว่างปฐมวัย
๏ กษัตริย์อดีตกาล บุราณนานเสมือนไฉน
ซึ่งทรงพระชนม์ใน ฉนำฉนี้ปรีชาชาญ
๏ เชี่ยวศิลปาคม อุดมยิ่งวิจารณ์ญาณ
สามารถแลอาจหาญ ก็ยากหาบห่อนเห็น
๏ นับแต่พระองค์ได้ ครองมไหศวรรย์เปน
ปิ่นภูมิชอุ่มเยน ศิรเกล้าพศกสยาม
๏ ทรงเปลี่ยนและแปลงดัด ผดุงรัฐนิคมคาม
ควรชอบประกอบตาม สมัยโลกนิยมชม
๏ รวบเริ่มผเดิมสรร พะสิ่งอันประสงค์สม
สัมฤทธิปรารมภ์ ประเทศเอกราชเรา
๏ ขนบธรรมเนียมอัน บุราณสรรพะหนักเบา
ควรบ่งพระองค์เอา เปนเยี่ยงยืนมิคืนคลาย
๏ ข้อใดผิไม่ควร จะเปนส่วนคเนหมาย
ดำริห์ปริยาย ให้เปนแบบฉบับไป
๏ สิ่งนั้นทรงบั่นทอน และลดหย่อนเพื่อเบาใจ
แก่ราษฎรใน ประเทศเนื่องพระองค์ครอง
๏ โทษใดเดือดร้อนราษฎร์ ก็ประกาศและเปลี่ยนปอง
ปลดเลิกและเพิกผอง ประทุษฐ์หายเหือดร้ายแรง
๏ กฎหมายคดีศาล วโรงการให้ดัดแปลง
โดยโลกนิยมแถลง มิอาจล่วงติท้วงติง
๏ ระเบียบสิ่งเรียบร้อย พระก็คอยจะอ้างอิง
เหตุให้ชนเห็นจริง ประดุจดั่งพระองค์แสดง
๏ แม้การประดับร่าง ขนบอย่างบุราณแปลง
โอ่อ่าสง่าแผลง พิลาสยลกว่าหนหลัง
๏ กิจการณบ้านเมือง ก็เมลืองพระทรัพย์ดัง
หลั่งไหลมาเองยัง มิหย่อนย่อพยายาม
๏ แท้ราชธนหาก สละมากก็หมายความ
พิพัฒน์ลุรัฎฐ์งาม พระหทัยมิท้อถอย
๏ ส่วนทรงผดุงพุท ธสาสน์สุดจะเลิดลอย
เพียงไรพระใฝ่คอย ทำนุนิตย์ณกิจปวง
๏ อาวาสพยาบาล สภาคารโรงเรียนหลวง
กรมส่ำและกระทรวง ทะบวงสถานอุฬารงาม
๏ ตึกรามทั้งร้านห้าง ดูสำอางสอาดหลาม
แลลิ่วสล้างตาม ถนนพิศพิไลตา
๏ โรงเลื่อยและโรงสี ก็มากมีเสมอมา
หุ้นบริษัทพา ณิชกรรมธนาคาร
๏ สารพัดถนัดมี อเนกที่เที่ยวสำราญ
ปลุกปลื้มหทัยบาน เพราะแปลงเปลี่ยนระเมียรงาม
๏ ทางไกลก็เหมือนใกล้ เพราะรถไอรถไฟหลาม
ควรคิดสฤษฎิ์ตาม ขนบไหนก็ทำลง
๏ ที่รกก็ราบเปน ถนนเห็นน่าพิสวง
เพราะเหตุพระองค์ทรง พระปรีชาจะหาไหน
๏ โทรศัพท์ก็สรรค์เษก โทรเลขก็ดั่งใจ
ปานทิพยโสตใน บุราณกาลบมีเหมือน
๏ ในเขตมหานคร ประชากรกระฉ่อนเตือน
นึกเทพสภาเยือน สพรั่งบนถนนหลวง
๏ วางพลตระเวนราย ตลอดสายสถลปวง
ไฟฟ้าสง่าดวง ประจำรัตติกาลควร
๏ ป้องกันนิกรพาล มิให้รานรังแกกวน
แก่ราษฎรมวญ เพราะสว่างกระจ่างแสง
๏ ถนนลาดสอาดสอ้าง มิรกร้างอาศรัยแรง
ค่าจ้างผดุงแปลง พนักงารบำรุงเสมอ
๏ พฤกษ์ปลูกประจำราย ตลอดสายถนนเลอ
แลลิ่วละลานเออ ฉอุ่มอ่าสง่างาม
๏ เพ่งผ่านสพานผอง ที่ข้ามคลองตลอดตาม
ถนนหลวงทั้งปวงนาม ประจำพึงตลึงหลง
๏ เหล็กหินชลอหล่อ ประหลาทหนอช่างบรรจง
เหมือนทำด้วยไม้งง ณกมลฉงนฉงาย
๏ ฝ่ายสถลตระการหลาก ชลมารคก็เรียงราย
สองฟากตลิ่งหลาย ตลอดเหลือนับเรือแพ
๏ ฝั่งเนื่องนทีเขต นคเรศก็จอแจ
บ้างขึ้นบ้างล่องแล มิขาดแนวณแถวชล
๏ นามเรือต่างต่างมาก เปนอันยากยุบลยล
แล่นหลีกอยู่สับสน พิศสพรั่งสพริบเพรา
๏ แพตั้งสินค้าขาย ประจำรายตำแหน่งเนา
สุดพรรณนาเกลา ณกลอนกาพย์ให้ทราบพอ
๏ พระองค์จำนงจิตต์ สุขุมคิดจะใคร่ชลอ
สินค้าเพื่อเพียบพนอ เพราะเนื่องกับประเทศผอง
๏ ให้รุ่งเจริญพา ณิชการะมูลมอง
เห็นหัตถกรรมของ วิเทศอันอุดมผล
๏ ทรงหยั่งวิจารณ์ญาณ สมานจิตต์ประชาชน
ต่างชาติ์ภาษาจน จะทรงทำได้เพียงใด
๏ บำรุงให้เปนสุข นีรทุกข์นีรภัย
เท่ากับพศกใน สยามรัฎฐ์มิแปรผัน
๏ เพื่อหวังสุคุณสาร จิรกาลมิเร็ววัน
ให้ทั่วให้ถึงกัน เพราะทรงกอปร์พระการุญ
๏ ทรงเห็นประโยชน์เนิ่น ความเจริญจะเปนทุน
บังเกิดเพราะเทิดคุณ ผดุงราชไมตรี
๏ กับต่างประเทศอัน อุดมสรรพ์ประเสริฐศรี
ด้วยวิทยาปรี ชะชอบกับสมัยกาล
๏ เหตุนี้พระองค์จึง สละซึ่งพระสำราญ
ปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ ในพระองค์มิอาลัย
๏ สู้ยากพระกายหน่าย พระสุขคลายเสด็จไป
สู่แดนยุโรปไกล ทวีปต่างประเทศสถาน
๏ เมื่อคราฉนำร้อย สิบหกสร้อยนิยมกาล
ข้ามโอฆะกันดาร มหาสมุทร์ชเลไกล
๏ ฝ่าคลื่นและฝืนลม ระทมตรมพระกายไป
เพื่อหวังประโยชน์ใน ประเทศนั้นและนำมา
๏ เปนคุณแก่บ้านเมือง ให้ประเทืองเถลิงหา
เหตุศีวิไลซ์พา พยุงล้วนแต่ส่วนดี
๏ มีพระหทัยอ่อน จะเชิดช้อนพระไมตรี
กับต่างประเทศมี อนุสนธิเนื่องกัน
๏ ในสิ่งสมควรอ่อน พระองค์หย่อนมิตึงขัน
ควรเดิรเจริญนันท์ มนัสน้อมประนอมใจ
๏ พระองค์เสด็จแดน ณแว่นแคว้นกษัตริย์ใด
ชอบอัธยาศรัย บมิหน่ายพระทัยเธอ
๏ ทั่วทุกประเทศจัด ประดิษฐ์รัฐดิเรกเลอ
ต้อนรับแลบำเรอ บำรุงโดยประพาสแดน
๏ ควรเจริญสง่าศรี และเปนที่ประเทิงแสน
เสวยสุขมิขาดแคลน ขณะคราวเสด็จดล
๏ ใช่แต่จะทรงปัน พระสัมพันธมิตรผล
ทั้งราชกิจยล ตลอดทุกประเทศไป
๏ ทรงทอดพระเนตรการ อันไพศาลณด้าวใด
ทราบชัดพระหฤทัย ก็ทรงจำเปนตำรา
๏ เพื่อจักเปนแบบอย่าง ระหว่างกิจซึ่งทรงหา
ใคร่เพื่อจะนำมา เปนฉบับประกอบตาม
๏ ไทยเราจะเทียมเทียบ เสมอเปรียบมิเสื่อมทราม
คู่หล้าสง่างาม เจริญทันประเทศเขา
๏ หลายมาสเสด็จกลับ แต่นั้นนับถิ่นไทยเรา
ปางก่อนถึงหย่อนเยาว์ จะย่างสู่สมรรถเสมอ
๏ สมดังมโนมาด มิแคล้วคลาศวิจารณ์เออ
ไทยเราเพราะใครเผลอ พินิจควรหรือคนไทย
๏ เปลี่ยนโน่นกระทำนี่ ให้ทวีเจริญใจ
ควรแท้นิทัศน์นัย ประดิษฐ์แปลกเสมอกาล
๏ ทั่วทั้งสยามรัฐ สารพัดจะสำราญ
ถึงไกลและช้านาน ประดุจใกล้และเร็ววัน
๏ นาเนกประการส่ำ สุดถ้อยคำจะรำพรรณ
รวบรวมสรุปสรรพ์ อดิเรกอุดมสม
๏ นับว่าเจริญได้ ประเทศไทยนิยมชม
ควรที่จะปรารมภ์ พระคุณูปการผอง
๏ พระปิ่นดิลกปัญ จมนั้นถนัดครอง
เขตรัฐสยามผยอง ภิยโยด้วยประการใด
๏ เห็นได้สดวกดาย มิบรรยายก็แจ้งใจ
ปรากฎกระจ่างนัยน์ มนุษย์จักมะลักเห็น
๏ นี้ฝ่ายอาณาจักร์ พระพิทักษ์ผดุงเย็น
เกล้าชาวสยามเปน สุขด้วยพระการุญ
๏ พระทรงธำรงนิตย์ ณทศพิธอดุลย์คุณ
คือราชธรรมสุน ทรเลิศประเสริฐสม
๏ ไพบูลย์มิบกพร่อง และถูกต้องคตินิยม
เยี่ยงปราชโญดม อนุมัติพิพัฒน์ผล
๏ พระญาติ์พระวงศ์ผอง พระก็ปองเปนกังวล
บำรุงผดุงจน ตลอดทั่วพระองค์คง
๏ ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน หฤทัยพระจำนง
ใคร่ให้เสวยมง คลสุขเกษมสานติ์
๏ หมู่มุขอมาตย์ปวง ทุกกระทรวงทบวงการ
ผู้ใดเชาว์ไวชาญ วิทยานานามี
๏ รู้รอบประกอบกิจ สุจริตเจริญศรี
เที่ยงสัตย์สุขุมปรี ชาฉลาดแลอาจหาญ
๏ พระองค์เอาภารเพื่อ ผดุงเอื้ออิกเจือจาน
ด้วยราชบำนาญ ยศศักดิ์เผล็ดบำเหน็จหนุน
๏ ควรน้อมศิโรตม์ก้ม หัตถ์ประนมบังคมคุณ
เปนที่พิเศษสุน ทรนับคุณากร
๏ นั่นแหละจะเปนศรี สวัสดีสุภาภรณ์
แก่เราผู้ราษฎร นิจกาลมิแปรผัน
๏ ฝ่ายพุทธจักร์เล่า พระผ่านเผ้าผู้ทรงธรรม์
ไท้มีพระคุณอนันต์ ทนุมุ่งพยุงเสมอ
๏ บำรุงพระอาราม วิหารงามสง่าเลอ
หลายหลากพระหากเปรอ มิปล่อยทิ้งให้เสื่อมสูญ
๏ ปวงบรรพชิตฝ่าย ทุกนิกายก็เพิ่มพูล
รับภาระเปนธูร พระอาวาสเสนาสน์หลวง
๏ หมู่สงฆบรรดา ภิกษุสามเณรปวง
ได้สุขสบายทรวง บมิสบลำเค็ญเข็ญ
๏ อุปถัมภ์พระพุทธวัจน์ ปริยัติธรรมเปน
ส่วนเหตุพิเศษเห็น ประโยชน์มีนั้นมากมาย
๏ พระเกรงจะกลายทราม พระก็ตามขยับขยาย
เผยเปิดให้เลิศหลาย และจัดสอบพิชาสรรค์
๏ กำหนดมคธพากย์ ภาษาหลากแถลงธรรม์
รวมเก้าประโยคสัณห์ อนุสนธิสำแดง
๏ ภิกษุและสามเณร ต่างจัดเจนพระธรรมแถลง
บาลีก็แจ้งแจง และแปลสอบพิชาชาญ
๏ สงฆ์ใดพิเศษรู้ เถระผู้พิจารณ์ญาณ
สามารถและอาจหาญ อัตถธรรมคุโณดม
๏ ทรงโปรดพระราชทาน ยศศักดิ์ฐานนิยมชม
ต่ำสูงสรุปสม พิเศษโดยลำดับไป
๏ พัดแฉกประกอบรา ชทินนามะขานไข
มีนิตยภัตร์ใน ระหว่างมาสพระราชทาน
๏ ถานานุกรมจัด ก็รับพัดปัจจัยทาน
เปรียญเชี่ยวฉลาดชาญ ณเชิงอัตถธรรมดี
๏ พัดปักตระการงาม ยลอร่ามสง่าศรี
ตามชั้นประโยคมี นิตยภัตร์อุดมสม
๏ ทรงตั้งสมณศักดิ์ นี้เหตุจักให้ชื่นชม
ในธรรมวโรดม จะได้สืบพระสาสน์นาน
๏ ก็แตกก็ฉานใน วรไตรปิฎกธาร
เพราะเหตุพระองค์สมาน พุทโธวาทให้โศภน
๏ ทรงเปนประธานส่ำ พุทธสาสนิกชน
สำแดงแสวงผล พิบากสิ่งที่ชอบธรรม
๏ เปนส่วนกุศลวัตร์ ปฏิบัติบำเพ็ญนำ
สรรพ์สุจริตกรรม ดำเนิรสู่นิสัยตน
๏ ถ้าหากพระองค์ทรง สละปลงมิกังวล
พุทธสาสน์ก็หมองมล จะรุ่งเรืองแต่ไหนมา
๏ อาณาประชาราษฎร์ ย่อมจะขาดประพฤติหา
ซึ่งธัมมสัมมา ปฏิบัติ์ก็ทรุดลง
๏ นี้โดยพระองค์นำ ประพฤติ์ธรรมประเสริฐทรง
พระราชศรัทธาคง สถิตไว้สถาวร
๏ เปนที่ปิโยดม นิยมชมและอนุสร
ของเหล่าประชากร สมณพราหมณาจารย์
๏ ทั่วทั้งสยามเขต และวิเทศต่างสาธุการ
บรมโพธิสมภาร อิกพระอัธยาศัย
๏ เปนที่เฉลิมเนตร์ อันพิเศษประเทิงหทัย
ครั้งสองเสด็จไป ยุโรปอิกสมัยกาล
๏ ศกร้อยยี่สิบหก นิยมยกลิขิตขาน
เพื่อใคร่จะสำราญ พระกายส่วนพระองค์เอง
๏ นานาประเทศกษัตริย์ เอกรัฐก็ยำเยง
กษัตริย์บุราณเพรง เจริญราชไมตรีเคย
๏ มีอยู่ก็คราวหนึ่ง จะนำซึ่งนิเทศเฉลย
อ้างเหตุภิปรายเปรย อยุธยาสมัยกาล
๏ สมเด็จนารายณ์ราช ธประภาษวโรงการ
บัญชาให้นายปาน ราชทูตจรัลไป
๏ สู่ถิ่นนครเขต ฝรั่งเศสเจริญไม-
ตรีกับวิเทศใน บุราณกาลก็คราวเดียว
๏ นอกนั้นบห่อนมี กษัตริย์ที่ทรงเปรื่องเปรียว
เสด็จไปมิเคยเฉลียว คนึงดั่งพระองค์เลย
๏ นับแต่พระองค์ครอง สยามผองภิรมย์เชย
ชื่นชอบกมลเฉลย บรรลุสี่สิบสามปี
๏ คำนวณคเนมาก กษัตริย์ภาคบุราณมี
ทุกทุกพระองค์จี- รกาลก็บมีปาน
๏ ทั้งความทวีวัฒน์ ผดุงรัฐก็เอาฬาร
กว่าในอดีตกาล ฉนั้นนั่นมิใช่หรือ
๏ ไทยเราก็เทียมสู้ เจริญสู่วิลัยลือ
เอื้อมเอาจะถึงมือ และหมายตรงประสงค์พลัน
๏ โอ้โอ๋ผเอิญเคราะห์ ช่างฉเพาะฉกาจครัน
มัจจุราชเหี้ยมหุนหัน ขณะนี้มิควรหนอ
๏ เบียนบ่งพระทรงฤทธิ์ บขุกคิดเพียงผ่อนรอ
พระชนม์ให้ดลพอ สมควรจะเสวยสวรรค์
๏ สุดคำจะพร่ำเอ่ย กระไรเลยพระโรคฉกรรจ์
วักกะพิการอัน เอื้อมประสบพระทรงชัย
๏ โดยด่วนประชวรกาล ก็เจ็ดวารมิทันไร
โอ้เหลือจะอาลัย สลดล้ำร่ำพรรณนา
๏ แพทย์ผู้รอบรู้ถนัด มิเต็มหัตถ์เพื่อคัดหา
เครื่องห้ามพระอาพา ธโอสถประกอบถวาย
๏ พระชนมายุน้อยนับ มิสมกับพระพลกาย
เพียงห้าสิบแปดหมาย คณนาฉนำตาม
๏ ในวันคำรบยี่ สิบสองมีบรรยายความ
มาสไขสมัยนาม ตุลาคมนิยมขาน
๏ ร. ศกนับตกร้อย ยี่สิบสร้อยอิกเก้ากาล
ตรงร่วมกับแรมวาร สี่ค่ำนั้นคือวันเสาร์
๏ โสณะฉนำมาส สิบเอ็ดราษฎร์เหลือคาดเดา
โดยข่าวถึงชาวเรา รุ่งรู้ว่าณราตรี
๏ สองยามย่ำนาฬิกา สี่สิบห้าเศษนาฑี
เคราะห์ก่อมิรอรี ระรานปิ่นไผทไทย
๏ เอกองค์พระทรงยศ สวรรคตละครรไล
จากโลกมนุษย์ไป สถิตสถานพิมานแมน
๏ วาบอกพศกสยาม เมื่อทราบความตลอดแดน
ดาลโศกกำสรดแสน ระทดสุดจะกำศรวญ
๏ ส่ำราษฎร์อนาถโอ้ วิปโยคเยือกครวญ
เหตุยังมิบังควร อุบัติมาประจักษ์มี
๏ ดินฟ้าอากาศพิศ พินิจผิดดูเผือดสี
เช่นช่วยประชาชี ประชุมทั่วคำนึงถึง
๏ แต่นี้ผิจิตต์จัก สวามิภักดิ์และรำพึง
ร้อนรุ่มระรุมรึง อุระร่าวสักเพียงไร
๏ บ่ห่อนประสบเห็น พระผู้เปนบิดรไทย
องค์เดียวเสด็จไป คำนึงเหตุคระโหยหวน
๏ ใช่แต่สยามชน จะเศร้ากมลและครุ่นครวญ
แม้ทวยวิเทศมวญ ก็รันทดทั่วทุกแดน
๏ มากเหลือจะอาลัย รำลึกในพระองค์แสน
เสด็จเวิ้งวิมานแมน สมมตทรงเกษมสานติ์
๏ ส่วนเราเหล่าราษฎร์โอ้ หมายพึ่งโพธิสมภาร
เนิ่นนับกัปปาวสาน ก็สุดใคร่พระคืนครอง
๏ มีหวังเพียงบังคม พระบรมโกษฐ์ทอง
บูชิตอุทิศสนอง และเทิดทักษิณาทาน
๏ เพื่อได้ฉลองพระเดช พระคุณเจตนาการ
เปนสิ่งพลีสาร ถวายส่วนกุศลมัย
๏ บัดนี้ประจวบการ มโหฬารถเกิงไกร
เกริกชาวนิกรไทย จะกระทำบำเพ็ญผล
๏ งารถวายพระเพลิงเสถียร เถลิงเกียรติ์พระจอมพล
เมรุมาสพิลาสยล สมัยนี้ถนัดตา
๏ ชาวเราสยามราษฎร์ จะแคล้วคลาศมิอาจหา
เห็นโกษฐ์พระเบญจมา ธิปนาถอนาถหนอ
๏ แม้เสด็จสวรรคต ก็ปรากฎพระคุณพอ
เพียบเพียงเรียบเรียงชลอ เฉลยนั่นมิฟั่นเฟือน
๏ เท่ากับทรงยับยั้ง พระชีพยังยั่งยืนเตือน
จิตต์นึกลำลึกเหมือน พระองค์คงดำรงชนม์
๏ เอกองค์ทรงธรรมผู้ ผดุงภูมิมณฑล
เปนสุขเกษมสกล เกษตร์ภพสยามผอง
๏ นั้นฤๅคือพระบาท มกุฎราชธำรงครอง
เทียมทัดฉัตร์แก้วของ นิกรข้าพระบาทแทน
๏ ปิ่นปกชนกนาถ อภิชาติมิขาดแคลน
รื่นร่มเริงรมย์แสน อุดมโดยสวัสดี
๏ แน่เขตประเทศไทย จะวิลัยเฉลิมศรี
เกียรติศักดิ์สิจักทวี พิพัฒน์เลิศประเสริฐสม
๏ ขอจุ่งพระจอมฉัฏ ฐกษัตริย์สุโรดม
ทรงวายพระทุกข์ระทม ภยูบัทว์พิบัติกษัย
๏ ส่ำอันตรายสา รพัดกาละใดไกล
กลายปราศพินาศไป มิข้องเบื้องพระบทมาลย์
๏ สรวมทรงพระชนม์เจริญ จำเนียรเนิ่นเกษมปาน
เทเวศร์เสวยสถาน สถิตทิพพิมานบน
๏ ปวงเปนริปูปอง ริลำพองรำพึงผล
อันเนื่องอนัตถ์ดล ณพินาศมิคงนาน
๏ ดั่งข้าพระพุทธเจ้า กวีเหล่านิพนธ์สาร
นามครบณนพทวาร ถวายพากย์พระพรเทอญ ฯ

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ