เราได้ใช้วันคืนที่กามากูระด้วยความผาสุก เฉพาะอย่างยิ่งในคืนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย.

ท่านทั้งหลายพิจารณาจากการสนทนาของเราในสวนที่โฮเต็ลไกฮินคืนนั้น ท่านได้เห็นแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติได้ก้าวมาไกลถึงแค่ไหนแล้ว. ท่านย่อมจะเห็นว่าความสัมพันธ์ของเรามีความแน่นแฟ้นรัดรึงใจเพียงใด. ท่านอาจคาดหมายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ความคาดหมายของท่านจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าจะถูกก็แต่บางส่วนเท่านั้น เพราะว่าแม้แต่ตัวข้าพเจ้าเอง ซึ่งได้ใช้ชีวิตแสดงบทบาทสำคัญร่วมกับหม่อมราชวงศ์กีรติในเรื่องนี้ ก็ยังได้คาดหมายอวสานของเรื่องราวอันประหลาด แต่ทว่าเป็นความจริงนี้ ผิดพลาดไปอย่างสำคัญ. เป็นความคาดผิดที่ได้สั่นสะเทือนใจข้าพเจ้าตลอดมาตราบกระทั่งปัจจุบันกาล. ขอให้ข้าพเจ้าดำเนินเรื่องต่อไป.

กลับจากกามากูระแล้ว บุปผาแห่งความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติก็เบิกบานเต็มที่. เราทั้งสองต่างรู้สึกเหมือนหนึ่งว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นเวลานับปี เราพากันลืมเสียสนิทว่า มิตรภาพของเราได้ถือกำเนิดและเติบโตเจริญวัยขึ้นเพียงชั่วฤดูร้อนฤดูเดียวเท่านั้น. เราไม่เคยคาดคิดว่า ดวงตาของฤดูออทัมน์จะได้ทันมีโอกาสทัศนามิตรภาพพฤกษ์ของเราออกดอกงามสะพรั่งไปทั้งต้น. ตำแหน่งของข้าพเจ้าในชั้นต้น ซึ่งเป็นแต่เพียงผู้นำทางท่านเจ้าคุณและภรรยาของท่าน ในการไปกิจธุระหรือไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ก็ได้เปลี่ยนแปรไปอย่างรวดเร็ว. ข้าพเจ้าได้กลายไปเป็นส่วนหนึ่งแห่งความต้องการในชีวิตประจำวันของหม่อมราชวงศ์กีรติ และอาจเป็นส่วนสำคัญที่สุดในความต้องการทั้งหลายแหล่ของเธอด้วย. ข้าพเจ้ามิได้หมายจะโอ่อวด ข้าพเจ้าเพียงแต่จะกล่าวความตามที่เป็นจริงเท่านั้น.

ในส่วนตัวข้าพเจ้าเล่า ข้าพเจ้าย่อมสำนึกตระหนักแน่ยิ่งขึ้นว่า ความพอใจของข้าพเจ้าได้เปลี่ยนแปรไปอย่างที่ตัวเองก็ไม่อาจจะเข้าใจได้. ในชั้นต้นข้าพเจ้าก็เพียงแต่พอใจในการที่ได้รับใช้ทำประโยชน์ให้แก่ท่านเจ้าคุณ โดยฐานที่ข้าพเจ้าได้รู้จักนับถือท่านมาแต่ก่อน ต่อมาความพอใจนั้นก็ได้กลายเป็นความต้องการของข้าพเจ้า ที่จะได้รับโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาของท่านมากที่สุดที่จะมากได้. ในตอนหลัง ๆ ข้าพเจ้าต้องยอมสารภาพว่า การที่ข้าพเจ้าได้สละเวลาไปคลุกคลีอยู่กับท่านและภรรยาของท่าน เป็นส่วนมากนั้นมิใช่เพราะเห็นแก่ตัวท่าน หากเพราะเห็นแก่ตัวข้าพเจ้าเอง. แต่ก็แน่ละ ท่านเจ้าคุณคงจะไม่ทราบ.

ภายหลังที่กลับจากกามากูระ ความต้องการของข้าพเจ้าได้ไปไกลจนถึงกับได้ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า เมื่อเวลาที่หม่อมราชวงศ์กีรติจะต้องจากประเทศญี่ปุ่นคืนสู่เมืองไทยได้มาถึง ข้าพเจ้าจะเผชิญกับเวลานั้นได้อย่างไร ข้าพเจ้าจะเผชิญกับความเป็นอยู่ที่ปราศจากหม่อมราชวงศ์กีรติได้อย่างไร ข้าพเจ้าแน่ใจแล้วว่า ข้าพเจ้าจะทนดูการจากไปของเธอที่สถานีโตเกียวไม่ได้ เพราะรถไฟจะพาดวงหน้าและมือน้อย ๆ ของเธอ ที่โบกลาข้าพเจ้าลับตาไปอย่างรวดเร็ว. ข้าพเจ้าได้กะการไว้แล้วว่า ข้าพเจ้าจะต้องอยู่กับเธอจนกระทั่งนาทีสุดท้าย. ข้าพเจ้าจะเดินทางออกจากโตเกียวไปพร้อมกับเธอ ไปคอยจับเรือที่เมืองโกเบ ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับเธออีกนับตั้ง ๑๐ ชั่วโมงขึ้นไป และข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสสุดท้าย คือจะได้มีโอกาสโบกมือลาให้แก่เธอเป็นเวลานานที่ท่าเรือ. เรือเดินทะเลลำใหญ่จะค่อย ๆ พาเธอห่างข้าพเจ้าไปช้า ๆ มิใช่ด้วยอาการฮวบฮาบรุนแรงดุจรถไฟ ซึ่งข้าพเจ้าคงจะรู้สึกเหมือนหนึ่งว่า ได้กระชากเอาตัวเธอไปจากความต้องการของข้าพเจ้าอย่างหฤโหดทารุณ และข้าพเจ้าคงแทบจะล้มฟุบลง ณ ที่สถานีนั่นเอง. ข้าพเจ้าเชื่อว่าหม่อมราชวงศ์กีรติก็คงปรารถนาที่จะให้การล่ำลาจากไปได้ใช้เวลาเนิ่นนานที่สุดเหมือนกัน.

บัดนี้ หม่อมราชวงศ์กีรติคนแรก ผู้เคร่งขรึมและดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ แม้ว่าจะอ่อนโยนและหวาน ซึ่งข้าพเจ้าได้พบที่สถานีโตเกียวนั้นได้เลือนหายไปจากความรู้สึกของข้าพเจ้าแล้ว. ข้าพเจ้าจะจดจำภาพแรกของเธอได้ก็แต่ในเวลาที่ได้คำนึงนึกถึง. ภาพของหม่อมราชวงศ์กีรติที่สิงอยู่ในความรู้สึกของข้าพเจ้าเป็นเนืองนิตย์นั้น เป็นภาพของสตรีสาวที่แสดงตนเป็นเพื่อนรักสนิทของข้าพเจ้า เป็นเพื่อนที่มีความฉลาดหลักแหลมและปรานีต่อข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เป็นเพื่อนสตรีที่น่ารัก น่าเอ็นดูที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักมา เป็นผู้ให้ความชุ่มชื่นอเนกประการแก่ชีวิตอันเปล่าเปลี่ยวของข้าพเจ้า จนเมื่อนึกถึงว่าเธอจะต้องจากข้าพเจ้าไปในไม่ช้า และข้าพเจ้าจะต้องอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไปอีกนานปีโดยปราศจากเธอแล้ว ก็แทบเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้.

ความลี้ลับในเรื่องราวความเป็นไปของหม่อมราชวงศ์กีรติ ก็ได้เปิดเผยแก่ข้าพเจ้าจนแทบหมดสิ้นแล้ว และถ้ามีอะไรอีกที่ข้าพเจ้าประสงค์จะทราบ ข้าพเจ้าก็อาจจะทราบได้โดยสะดวก. บัดนี้ระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติ ไม่มีอะไรที่ข้าพเจ้าจะถามเธอไม่ได้ และไม่มีอะไรที่เธอจะไม่ตอบข้าพเจ้า.

เหตุการณ์ได้ดำเนินต่อมา จนกระทั่งถึงวันที่เราได้ไปใช้เวลาร่วมกันแต่ลำพังที่มิตาเกะ. ก่อนหน้าที่วันนั้นจะมาถึงหลายวัน ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าว่าดูเหมือนจิตใจของข้าพเจ้าจะได้ลอบหนีไปจากตัวข้าพเจ้า ท่องเที่ยวไปในโลกอีกโลกหนึ่งอยู่เนือง ๆ. เป็นโลกใหม่ที่ได้ปรากฏขึ้นในความคิดคำนึงของข้าพเจ้าเป็นครั้งแรกในชีวิต เต็มไปด้วยความงดงาม มีสง่าราศี และสุดแสนสราญเริงรมย์. ความแปลกใหม่ที่ซาบซึ้งตรึงใจในโลกแห่งความคิดคำนึงนั้น ได้เหนี่ยวรั้งจิตใจของข้าพเจ้าให้เพลินชม เพลินสำราญ จนแทบว่าจะลืมความเป็นไปแต่หนหลังของตนเองเสียสิ้น. ในชั้นแรกข้าพเจ้าได้พยายามจะป้องกันมิให้จิตใจของข้าพเจ้าได้ท่องเที่ยวไปในโลก ซึ่งข้าพเจ้ามิคุ้นเคยมาแต่ก่อน. ข้าพเจ้าหวาดเกรงว่า จะประสบสิ่งที่น่าตระหนกตกใจหลบซ่อนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในโลกใหม่อันเป็นที่น่าพิสมัยนั้น แต่ต่อมาข้าพเจ้าก็ถอนความพยายาม ด้วยบอกแก่ตนเองว่า เป็นการเหลือวิสัยที่จะป้องกัน. ข้าพเจ้าไม่สามารถจะต่อต้านกับความยียวนใจในโลกใหม่นั้นได้ ข้าพเจ้าจำต้องปล่อยให้จิตใจกำจัดหนุ่มของข้าพเจ้าท่องเที่ยวไปโดยอิสระ.

ในที่สุด วันซึ่งข้าพเจ้าได้ย่างเหยียบเข้าไปสู่โลกนั้นด้วยตนเองก็ได้มาถึง วันที่ชีวิตอันแท้จริงของข้าพเจ้าได้สัมผัสกับความเป็นอยู่ของโลกนั้น ข้าพเจ้าได้ป่ายปีนขึ้นไปจนบรรลุถึงยอดเอเวอเรสต์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติ. ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าได้ป่ายปีนขึ้นมาได้อย่างไรจนถึงยอดที่สูงที่สุดนี้. ข้าพเจ้าไม่ทราบจนกระทั่งว่า ข้าพเจ้าได้ตั้งใจจะป่ายปีนขึ้นมาหรือไม่ ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจเลย. เหตุการณ์ที่ประกอบด้วยความรู้สึกรุนแรงและร้อนเป็นไฟนี้ ได้เกิดขึ้นที่มิตาเกะ ในท่ามกลางกระแสลมหนาวอ่อน ๆ แห่งฤดูออทัมน์ และท่ามกลางความแวดล้อมด้วยภูมิภาพธรรมชาติที่สดงาม ท่านคงจำชื่อมิตาเกะได้ ท่านคงจำภาพที่ข้าพเจ้าได้พรรณนาถึงนั้นได้ ภาพที่ดูเป็นธรรมดาสามัญ ไม่มีสิ่งที่น่าสะดุดตาสะดุดใจอะไรเลย แต่บัดนี้ท่านกำลังจะได้ประสบชีวิตจริง ๆ ข้างหลังภาพนั้น.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ