“นพพร-กีรติ”
• เรื่อง “นพพร กีรติ” เป็นบทพิเศษของเรื่อง “ข้างหลังภาพ” เป็นจดหมาย ๒ ฉบับ ระหว่างนพพร กับ กีรติ ที่ “ศรีบูรพา” ประพันธ์ขึ้นใหม่ ซึ่งจัดพิมพ์เป็นครั้งแรกในหนังสือ “ผาสุก” โดยสำนักพิมพ์อุดม เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๘๖
• ตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองใน “พิมพ์ไทยรายเดือน” ฉบับเดือน มิถุนายน ๒๕๕๒
• จัดพิมพ์เป็นครั้งที่สาม โดยสำนักพิมพ์สยาม ในหนังสือชื่อ มณีพรรณราย - รวมเรื่องสั้น ๑๒ นักประพันธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๖
• ตีพิมพ์ในนิตยสาร “โลกหนังสือ” ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ นับเป็นครั้งที่สี่
• จัดพิมพ์ครั้งที่ ๕ ในหนังสือเรื่อง “ศรีบูรพากับบทประพันธ์ ๔ เรื่อง” โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้าเมื่อเดือน มีนาคม ๒๕๒๘.
• จัดพิมพ์เป็นภาคผนวก ในเรื่อง ข้างหลังภาพ โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙. เป็นครั้งที่ ๖
----------------------------
โตเกียว
คุณหญิงที่รักของผม
ผมคอยจดหมายของคุณหญิง ด้วยความรู้สึกของคนเจ็บหนักเฝ้าคอยหมอ คุณหญิงเชื่อไหมว่ากลับจากมหาวิทยาลัยมาถึงบ้านในตอนบ่ายทุกวัน ผมเป็นต้องตรวจดูจดหมายที่ตู้รับจดหมายทุกครั้ง วันหนึ่งขณะนั่งถอดรองเท้าอยู่หน้าประตู ด้วยความเศร้าเหงาใจเป็นที่สุดนั้น โนบูโกะลูกสาวเจ้าบ้านได้วิ่งมาหา แล้วส่งซองจดหมายให้ผม พินิจลายมือหน้าซอง และถนัดแน่ว่าเป็นลายมือของใครแล้ว ผมสลัดรองเท้าออกไปจากเท้าโดยเร็วพลันและโดยไม่รู้สึกตัว จนแม่หนูโนบูโกะตะลึง แล้วผมก็วิ่งถลาเข้าไปในห้องของผม ปิดประตู ฉีกจดหมายด้วยมืออันสั่น และนอนอ่านจดหมายนั้นแต่ลำพัง ถ้าในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกกันว่าสวรรค์ชั้นดุสิตจริง ในเวลาที่อ่านจดหมายของคุณหญิง ผมก็ อยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตกับพระอินทร์ พระพรหม หรือพระนารายณ์ก็ตาม.
ผมดีใจแท้ที่ได้ทราบว่าการพรรณนาถึงความรู้สึกของผม ที่มีต่อคุณหญิงในจดหมายสองฉบับแรกนั้นทำให้ผม “กลายเป็นชายหนุ่มที่ฉันจะต้องระมัดระวังในการติดต่อด้วย เธอไม่เป็นนพพรยอดยุวมิตรของฉันเสียแล้ว ความน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเด็ก ๆ ของเธอเกือบสูญหายไปหมดแล้ว ดูเธอเป็นชายใหญ่ที่น่ากลัวพอใช้” ตามที่คุณหญิงได้เขียนมาในจดหมาย และผมยิ่งดีใจหนักขึ้นเมื่อได้ฟังคุณหญิงบ่นมาว่า คุณหญิงแทบจำนพพรคนที่คุณหญิงแรกพบไม่ได้.
ผมอยากให้เจ้าหนูนพพรมันตายไปเสียที ผมอยากเป็นชายหนุ่มใหญ่คนที่คุณหญิงได้รู้จักในจดหมายที่ผมได้เขียนไปถึงเพื่อว่าคุณหญิงจะได้ไม่รู้สึกขบขันในความรักของเขา ไม่เล็งแลเห็นความรักของเขาไปในทางเหลวไหลไร้สติ.
ในจดหมายของคุณหญิง แม้ว่าจะล้วนแล้วไปด้วยคำเตือน คำขอ คำวอนให้ผมกลับคืนไปสู่ความเป็นเด็กเล็กแห่งมหาวิทยาลัยริคเคียว แต่ก็เต็มไปด้วยความกรุณาปรานีอย่างลึกซึ้ง และก็ในความกรุณาปรานีขนาดนั้น คุณหญิงจะให้ผมสิ้นหวังหรือว่าจะไม่มีความรักอันหวานฉ่ำระคนปนปรุงมาด้วย?
การที่จะให้ผมกลับไปที่หนังสือ และความใฝ่ฝันถึงชีวิตแห่งการงานอันเต็มไปด้วยเกียรติคุณอันรุ่งเรืองยิ่งนั้น ผมอาจที่จะรับคำขอนั้นด้วยความเต็มใจได้ แต่ที่คุณหญิงกล่าวว่า นพพรมีอนาคตงดงามน่าใฝ่ฝันยิ่งกว่าสตรีผู้นั้น ซึ่งเป็นแต่หลงเข้ามาในเส้นทางดำเนินชีวิตของเขาเพียงชั่วครู่ยามเดียวนั้น ผมจำต้องขอปฏิเสธอย่างรุนแรง.
ผมไม่คิดว่าจะมีความใฝ่ฝันใดในชีวิตของผมจะงดงามยิ่งไปกว่าความใฝ่ฝันถึงสตรีที่ผมลุ่มรักด้วยความรัก ซึ่งผมขอท้าทายไม่เลือกว่า ความรักของโรเมโอ หรือของใคร มาตรว่าผมยังเยาว์วัยอยู่ก็ตามที แต่ผมมีเลือดเนื้อพอที่จะรักสตรีซึ่งแสนที่จะน่ารักนั้นได้ ทั้งที่มีเจ้าของครอบครองอยู่แล้ว ผมไม่อาจจะช่วงชิงร่างกายของคุณหญิงจากเจ้าคุณอธิการบดีนั้นแน่นอน แต่ผมจะขอเป็นเจ้าของครอบครองดวงใจของคุณหญิงไว้อย่างเงียบ ๆ จะมิได้เจียวหรือ ถ้าเพียงแต่คุณหญิงจะออกปากยกให้สักคำเดียว.
คุณหญิงเชื่อไหมว่า หลังจากที่คุณหญิงจากโกเบไปได้สัปดาห์เดียว ผมได้เดินทางไปใช้เวลาในวันอาทิตย์ที่เขามิตาเกะอีกครั้งหนึ่ง ผมไปที่นั่นแต่ลำพัง ไปชมแดนดินถิ่นกำเนิดรักของเรา หรืออย่างน้อยก็ของผม ผมได้เดินทางไปถึงต้นทางน้ำตก กระแสน้ำในลำธารกว้างใหญ่ยังคงไหลกระโชกกระชากไปบนก้อนหิน แล้วต่อไปก็ไหลแรงบ้างรวยรินบ้าง ผมเลาะลัดลงไปยืนอยู่บนก้อนหิน ซึ่งเท้าอวบงามของคุณหญิงได้เคยเหยียบลงที่นั่น คุณหญิงคงไม่ลืมดอกไม้ป่าสีม่วงที่ผมเก็บเสียบให้ที่เรือนผมของคุณหญิง และดอกไม้ป่าสีแดงที่คุณหญิงเก็บมาเสียบให้ที่รังดุมเสื้อของผม ณ ที่นั้นในกาลครั้งหนึ่ง เราพักผ่อนสำราญอยู่ด้วยกัน มีอิสระดังอาดัมและอีฟ ครั้นแล้วผมก็เดินทางต่อไปตามไหล่เขาจนขึ้นไปสู่ยอดเนินสูง แล้วผมก็หยุดยั้งอยู่ใต้ร่มไม้ซีดาร์ซึ่งแผ่กิ่งก้านแลสล้าง.
ผมพักผ่อนอยู่บนเขาลูกนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามชั่วโมง เพื่อจะสูดประทิ่นกลิ่นกายของคุณหญิง เพื่อจะสูดกลิ่นความรักของผมที่ได้ระเบิดออกมาบนเนินสูงนั้น เพื่อจะชื่นชมอนุสรณ์แห่งเหตุการณ์อันได้ประทับตรึงตราอยู่ในชีวิตของเรา ดูเหมือนว่ารอยเท้าและรอยร่องของคุณหญิงยังคงปรากฏอยู่ในที่ทุกแห่ง ซึ่งคุณหญิงได้เคยทอดเท้าและทอดร่างลงไป.
“นพพร, เธออย่ามองฉันด้วยแววตาเช่นนั้นซิ” เสียงสั่นน้อย ๆ ของคุณหญิงยังแว่วกังวานอยู่ในโสตของผม และในบัดดลนั้นผมก็รู้สึกเสมือนคนสิ้นสติ ประคองกอดคุณหญิงไว้แนบแน่น และจุมพิตด้วยสุดแสนเสน่หา.
“นพพร, เธอไม่รู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไป” เสียงของคุณหญิงยังคงสั่นสะเทือนอยู่.
“ผมรู้ว่า ผมรักคุณหญิง.”
“เป็นการสมควรหรือที่เธอจะแสดงความรักต่อฉันโดยวิธีเช่นนี้”
“ผมไม่ทราบว่า เป็นการสมควรหรือไม่ แต่ความรักมีอำนาจเหนือผม ความรักรัดรึงใจผมอย่างที่สุด ทำให้ผมหมดสติ”
แล้วคุณหญิงมองดูผมด้วยแววตาโศก พลางพูดว่า “เธอแสดงความรักของเธอในเวลาที่ไร้สติ? เธอไม่รู้หรือว่า ไม่มีการกระทำอะไรที่เราจะต้องเสียใจในภายหลัง เท่าการที่เราได้กระทำไปในเวลาที่ไร้สติ”
แล้วผมก็จำนนต่อเทศนาอันหวานฉ่ำยืดยาวของคุณหญิง แต่เหตุข้อนั้นไม่มาบั่นทอนบรรเทาความรักของผม ความรักที่ดื่มด่ำอยู่ในดวงใจ ความรักที่ผสมกลมกลืนอยู่ในสายเลือด ความรักเช่นนั้นย่อมท้าทายศีลธรรมจรรยาที่มนุษย์ได้สร้างสรรค์ขึ้น ความรักเช่นนั้นย่อมสถิตอยู่เหนือเหตุผล ความรักดำเนินไปในวิถีทางตามความบังคับของกฎธรรมชาติ.
ผมจำนนต่อเหตุผลของคุณหญิงก็จริง แต่ผมหาอาจบังคับความรักของผมให้คุกเข่าต่อเหตุผล และกฎเกณฑ์แห่งศีลธรรมจรรยาที่คุณหญิงยกขึ้นมากล่าวอ้างได้ไม่.
ผมยังจดจำภาพที่คุณหญิงได้ผลักดันผมโดยละม่อมออกห่างจากทรวงอกของคุณหญิง และภาพที่คุณหญิงยืนพิงต้นซีดาร์หายใจหอบระทวยอยู่ และมองดูผมด้วยสายตาซึ่งผมอ่านไม่ออกจนกระทั่งบัดนี้ ว่ามีความรู้สึกอะไรปรากฏอยู่ในดวงตานั้นบ้าง.
ผมได้ใช้เวลาในวันนั้นสูดกลิ่นเหตุการณ์ความสัมพันธ์ของเรา ด้วยความรู้สึกชื่นฉ่ำในทิพยรสจนผมเพลียไปด้วยเหตุนั้น ครั้นแล้วผมก็ทอดกายลงนอนพักอยู่ใต้ร่มซีตาร์ บนพื้นที่เดียวกับที่คุณหญิงได้เคยทอดร่างลงพักผ่อนมาแล้วครั้งหนึ่ง ไอดิน ณ ที่นั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นกายของสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งผมมีความรักภักดีอย่างแสนสุด.
ครั้นแล้ว ความรำลึกรำพึงของผมได้ย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ที่หาดกามากูระ ไปสู่เหตุการณ์เมื่อเราไปลอยเรือกรรเชียงอยู่ในสวนสาธารณะแต่ลำพังในราตรีเดือนหงาย ซึ่งคุณหญิงงามเฉิดฉายดังดอกคริสแซนติมัมที่มีชีวิตวิญญาณ ความรำลึกรำพึงของผมดำเนินต่อไปถึงเหตุการณ์ที่โอซากาโฮเต็ล ซึ่งผมยังมีเวลาจะอยู่ใกล้ชิดคุณหญิงเพียง ๖-๗ ชั่วโมงเท่านั้น.
“คุณหญิงรักผมไหม?” ผมถามเมื่อคุณหญิงเข้ามาเยี่ยมผมในห้องนอน.
“ฉันเป็นเพื่อนตายของเธอ” ตอบพลางคุณหญิงดึงผ้าไหมที่พันอยู่กับคอส่งให้ผม “โปรดรับสิ่งนี้ไว้เป็นที่ระลึกต่างตัวฉัน”
แล้วคุณหญิงยื่นมือมาให้ผมสัมผัส ผมก้มลงพิศดูมือที่ยื่นมานั้นด้วยความโศกและป่วนใจ จับและบีบแน่นด้วยความพิศวาส ครั้นแล้วผมยกหัตถ์อ่อนละมุนแดงเรื่อด้วยสายเลือดนั้นขึ้นจุมพิต คุณหญิงยืนก้มหน้าสงบ แล้วพูดให้สติผมว่า “โปรดบังคับใจให้ดี”
ตอนที่ผมจะผละจากเรือเดินสมุทรซึ่งจะพาคุณหญิงกลับคืนไปสู่ประเทศไทย และในชั่ววินาทีสุดท้ายที่เรากำลังจะจากกัน ผมได้กระซิบถามเป็นครั้งสุดท้ายว่า “คุณหญิงรักผมไหม?”
“รีบลงไปเสียเถิดนพพร” พูดแล้วคุณหญิงยกมือปิดหน้าชั่วขณะหนึ่ง “รีบไปเสีย ฉันแทบใจจะขาด”
คุณหญิงกัดริมฝีปากล่าง ผมทำเช่นเดียวกัน เรามีน้ำตาคลอตาด้วยกันทั้งสองคน.
“ลาก่อน” ผมกระซิบคำสุดท้าย และเมื่อปล่อยมือคุณหญิง ผมรู้สึกประหนึ่งว่าดวงใจของผมได้ติดไปกับอุ้งมืองามนั้น.
ผมได้ไปใช้เวลารำลึกรำพึงถึงคุณหญิง และเหตุการณ์ความสัมพันธ์อันรัดรึงใจเราอยู่บนเขามิตาเกะตลอดวัน ผมเดินทางกลับบ้านในวันนั้นด้วยความรู้สึกเหมือนว่าคุณหญิงได้ออกเรือจากท่าเมืองโกเบไปเมื่อบ่ายวันวานนี่เอง.
ชั่วแต่เวลาที่ผมอาบน้ำเท่านั้น ที่ผ้าไหมผืนนั้นอยู่ห่างจากลำคอของผม มันอุ่นจิตอุ่นใจ มันรัดรึงใจผมให้จดจ่ออยู่ที่จะระลึกถึงคุณหญิงมิได้เว้นวาย ผมสูดกลิ่นผ้าไหมยังได้สูดกลิ่นกายของคุณหญิงฉะนั้น.
ผมขอกราบมาที่ตักของคุณหญิง ด้วยจะขอรับอภัยที่ได้คร่ำครวญรำพันถึงความรักมาอย่างยืดยาวในจดหมายฉบับนี้ ผมไม่ประสงค์จะละเมิดเสาวนีย์ของคุณหญิงเลย แต่ความรักของผมมันมีความสำนึกภาคภูมิและเย่อหยิ่งเกินกว่าที่ผมจะบังคับกดขี่มันได้ ขอได้โปรดอภัยผม.
ผมขอสารภาพว่า ผมไม่มีหัวคิดที่จะเขียนถึงคุณหญิงด้วยเรื่องอื่น นอกจากจะพร่ำพรรณนาถึงเรื่องความรักแต่อย่างเดียว เพราะว่าความรักท่วมท้นเนืองนองอยู่ในหัวใจผม คุณหญิงรักผมไหม?
ผมรักคุณหญิงไม่จืดจาง
นพพร.
----------------------------
กรุงเทพฯ
ยอดยุวมิตรของฉัน
เมื่อ ๒-๓ วันมานี้ ฉันได้รับจดหมายจากชายหนุ่มใหญ่คนหนึ่งในโตเกียว พรรณนาถึงความเสน่หาอันหนักต่อสตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสตรีที่ฉันเองมีความสมเพชเวทนาอย่างที่สุด ฉันขอว่าเธออย่ารับสมอ้างว่า ชายหนุ่มใหญ่คนนั้นเป็นตัวเธอ เพราะเธอเพิ่งมีอายุได้ ๒๐ ปีเศษ และกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ส่วนชายหนุ่มใหญ่คนนั้นเป็นผู้ที่ไม่มีหัวคิดจะทำอะไรเลย นอกจากจะพร่ำพูดถึงแต่ความเสน่หาอย่างเดียว ชายหนุ่มผู้นั้นไม่มีอะไรที่จะเหมือนกับยอดยุวมิตรของฉันเลย นอกจากจะมีนามว่า นพพร ซึ่งไปตรงกับนามของเธอเข้าเท่านั้น
แต่ถ้าในที่สุด เธอยังขัดขืนเป็นฝ่ายรับว่า ชายหนุ่มใหญ่คนนั้นเป็นคนเดียวกับเธอแล้ว เธอก็เป็นผู้ที่ก่อความพิศวงให้ฉันอย่างยิ่ง เธอทำให้ฉันรู้สึกไปว่า ในชั่วเวลาเดือนสองเดือนที่ฉันได้จากเธอมา เธอได้เติบโตเป็นชายหนุ่มใหญ่จนฉันจำไม่ได้ จนฉันคิดว่า ฉันกับเธอจะต้องตั้งต้นทำความรู้จักกันใหม่ โดยการแนะนำของใครสักคนหนึ่ง
เธอมาทำให้ฉันนึกถึงคำที่เวตาลพูดว่า แม้เทวดาก็ขืนใจคนหัวดื้อไม่ได้ ฉันดูเธอดื้อดึงนัก ในจดหมายฉบับหลังที่สุดนี้ ดูเธอไขหูต่อคำวอนของฉันเสียทุกข้อ เธอลืมที่ฉันสั่งไปหรือว่า ในเวลาที่เขียนถึงฉัน เธอควรจะเข้าไปเขียนในตู้น้ำแข็ง เพื่อว่าในจดหมายของเธอจะไม่เต็มไปด้วยความรู้สึกเร่าร้อนนัก ฉันคิดว่า ในเวลาที่เขียนถึงฉันครั้งหลังที่สุดนี้ เธออยู่ในฤดูเหมันต์ และกำลังจะได้เขียนในกองหิมะอยู่แล้ว แต่ไฉนเธอกลับไปไกลกว่าเก่าอีกเล่า?
ยอดยุวมิตรของฉัน จดหมายของเธอมาทำให้ใจคอของฉันสั่นสะเทือนไปหมด เธอรู้ไหม? ฉันทั้งเศร้า ทั้งสงสารอย่างจับใจ และฉันนึกติตัวเองรุนแรงเพียงใด เธอรู้ไหม? เวรกรรมใดเล่าที่ส่งฉันไปโตเกียว และให้ได้ไปพบกับเธอ ครั้นแล้วเหตุการณ์ที่เศร้าสลดใจยิ่งก็อุบัติขึ้น ความรู้สึกบริสุทธิ์งามของเธอได้ถูกเผาไหม้เกรียมไป โดยความเป็นผู้หญิงของฉัน และโดยที่ฉันเป็นตัวของฉัน จิตใจหนุ่มแข็งแกร่งของเธอได้ตกสู่ความพิการไป ความละเอียดอ่อนแห่งชีวิตไร้เดียงสาของเธอ ถูกบดขยี้อย่างน่าเสียดายยิ่ง ฉันจะต้องชดใช้บาปกรรมอันนี้ไปอีกกี่ปีกี่ชาติกันเล่า จึงจะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันที ถ้าเพียงแต่ฉันไม่ได้ไปโตเกียว และมิได้พบกับเธอเท่านั้นแล้ว เธอก็จะไม่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนแห่งความเสน่หาอันหนักถึงเพียงนี้ เธอก็จะไม่สูญเสียอาณาจักรแห่งความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอให้แก่สิ่งซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างสรรค์ขึ้นเป็นตัวตนของฉัน ถ้าเพียงแต่เธอกับฉันจะไม่ได้พบกันเท่านั้น แล้วเราทั้งสองก็จะไม่ตกสู่ความฝันร้ายถึงปานฉะนี้
แต่ในที่สุดเราก็ได้พบกันแล้ว เธอคงจะกลับเขียนมาเตือนสติฉันในจดหมายฉบับหลัง และก็จะมีประโยชน์อันใด ที่เรามัวมาคร่ำครวญวิงวอนให้สิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ให้กลับกลายไปสู่สภาพดุจที่ไม่เคยเกิดอีก นโปเลียนหรือซีซาร์ก็จะหมุนเข็มนาฬิกาของโลกกลับไปข้างหลังอีกไม่ได้ เธออาจจะเขียนตัดพ้อมาถึงฉันอย่างหัวเสียในฉบับหลัง
มิตรน้อยของฉัน ขอเธอจงมั่นใจเถิดว่า ฉันจะไม่พยายามกระทำและหวังในสิ่งที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดในโลกได้กระทำสำเร็จมาก่อน ฉันจะไม่พยายามหมุนเข็มนาฬิกาของโลกกลับไปข้างหลังเป็นอันขาด เราย่อมจะไม่พยายามทำเช่นนั้นตราบเท่าที่เรายังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่
แต่ก็เป็นความจริงเหมือนกันมิใช่หรือว่า การที่เธอจะคงปล่อยใจให้ผูกพันฝันใฝ่ในตัวฉันสืบต่อไปนั้น ก็เป็นการใฝ่ฝันในสิ่งที่ว่างเปล่าและเป็นไปไม่ได้ดุจเดียวกัน ฉะนั้นแล้ว เธอจะคงยึดถือความผูกพันอันนั้นไว้เพื่อประโยชน์อันใดเล่า นี่แหละเป็นข้อที่ฉันอยากจะขอให้เธอตั้งเป็นข้อถามขึ้นถามแก่ตัวเธอเอง
เธอย่อมทราบดีว่า ฉันมีความรักใคร่เอ็นดูเธอลึกซึ้งปานใด และด้วยความรักใคร่เอ็นดูอันนี้แหละที่จะสั่นสะเทือนใจฉันทุกครั้ง ที่เธอพรรณนาถึงความรู้สึกอันเร่าร้อนของเธอที่มีต่อฉัน ที่จะนำความเจ็บปวดด้วยพิษสงสารมาสู่ความรู้สึกของฉันอย่างเหลือที่จะพรรณนา
ฉันจึงใคร่ขอต่อเธออีกครั้ง ดังที่ได้เคยขอไปแล้วครั้งหนึ่งในจดหมายฉบับก่อน คือขอว่า เธอจงเงยหน้าขึ้นเผชิญกับของจริง ของจริงที่ว่า หน้าที่ของเธอในกาลปัจจุบันนี้มีอยู่อย่างไร และหน้าที่ของฉันมีอยู่อย่างไร ตลอดเวลาที่จะอยู่ต่อไปในโตเกียวนั้น หน้าที่ของเธอมีอยู่อย่างเดียวแต่ว่าจะต้องศึกษาเล่าเรียนจนบรรลุความสำเร็จตามความมุ่งหมายอันสูงของเธอ มิใช่ว่าจะมัวเอาเวลามาใช้ให้เปลืองไปในการรำพึงถึงสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งจะไม่มีคุณค่าสาระอะไรต่ออนาคตอันรุ่งเรืองของเธอเลย ส่วนหน้าที่ของฉันนั้นเล่า ก็มีอยู่ว่าจะต้องภักดีต่อท่านเจ้าคุณสามีด้วยข้อผูกพันแต่เพียงว่า ฉันเป็นภรรยาของท่าน โดยไม่จำต้องคำนึงถึงอุดมคติในทางความรักแต่ประการใด สิ่งทั้งสองนี้เป็นของที่จะต้องแยกออกจากกัน ในเมื่อเรายังครองตัวอยู่ในโลกที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยระเบียบแห่งศีลธรรมจรรยา
ยอดยุวมิตรของฉัน ฉันขอวอนเธออีกครั้งหนึ่ง ขอเธอจงปฏิบัติหน้าที่ของเธอเพื่ออนาคตอันรุ่งเรืองของเธอเอง และขออย่าเรียกร้องให้ฉันต้องละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ของฉันเสียเลย หน้าที่ของแต่ละคนอาจมีได้ตรึงตราอยู่แต่อย่างหนึ่งอย่างเดียวจนชั่วชีวิต ประตูแห่งกาลอนาคตย่อมเปิดอ้าไว้เสมอ สำหรับต้อนรับการเปลี่ยนแปลง และโอกาสอาจจะมีสักครั้งคราวหนึ่งที่ทุกคนจะกระทำตามความคิดความปรารถนาของเขาได้ เธอจงยับยั้งตรึกตรองและบังคับใจไว้ให้ดี
และ ณ บัดนี้ ฉันขอออกกฎหมายแก่เธอ ฉันขอห้ามเป็นเด็ดขาดมิให้เธอกล่าวถึงเหตุการณ์บนเนินเขามิตาเกะอีกเลย ฉันขอสั่งลบคำไม้ซีดาร์ออกจากปทานุกรมพฤกษศาสตร์ของเธอ เธอจะต้องไม่รู้จักพันธุ์ไม้พันธุ์นี้ตลอดไป ตราบเท่าที่ข้อบังคับของฉันยังคงใช้อยู่ ถ้าเธอละเมิดกฎหมายของฉันเมื่อใด เธอก็จะได้รับอาญาของฉันทันที ฉันจะลงโทษเธอโดยทอดทิ้งเธอไว้แต่ลำพัง โดยไม่เขียนถึงเธอมีกำหนดเวลา ๓ เดือน และถ้าเธอยังขืนกระทำความผิดซ้ำอีก เธอจะได้รับโทษเพิ่มเติมในฐานไม่เข็ดหลาบอีกด้วย ฉันขอเรียกร้องให้เธอเคารพต่อบทกฎหมายของฉันอย่างเคร่งครัด
ฉันไม่ขัดข้องที่เธอจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่หาดกามากูระ เหตุการณ์ในราตรีเดือนหงาย ณ สวนสาธารณะที่ตำบลอาโอยามาชิฮัง และเหตุการณ์อื่น ๆ ตลอดจนผ้าพันคอไหมผืนน้อยนั้น แต่เธอก็จะต้องกล่าวถึงแต่โดยสุภาพ และโดยปราศจากความรู้สึกเร่าร้อนรุนแรง
จงคิดถึงฉันเถิดคนดี คิดถึงแต่น้อย ๆ และนานเท่าใดก็ได้
ฉันคิดถึงและเอ็นดูเธอไม่จืดจาง จะคิดถึงและเอ็นดูเธอชั่วนิรันดร ขอลาก่อนมิตรน้อยของฉัน
ด้วยใจจดจ่อในความผาสุกของเธอ
กีรติ