๑๓

เมื่อได้คิดคำนึงไปว่า สุภาพสตรีที่ข้าพเจ้ารักสุดที่รัก และที่ข้าพเจ้าได้คลอเคลียอยู่กับเธอทุกวันคืน ได้จากไปไกล และมิใช่การจากไปอยู่คนละตำบลคนละเมือง ซึ่งข้าพเจ้าอาจขึ้นรถยนต์หรือรถไฟไปพบเธอได้ หากเป็นการจากไปสู่อีกประเทศหนึ่ง และข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะตะเกียกตะกายไปพบเธอได้ก่อนที่เวลา ๕ ปีจะได้ผ่านไป ข้าพเจ้าเศร้าโศกปานใดเมื่อได้คิดคำนึงไปเช่นนั้น เป็นการสุดวิสัยที่จะพรรณนาออกมาได้.

ระหว่างทางที่นั่งรถไฟจากโกเบมาโตเกียว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้รับความชอกช้ำด้วยความคิดคำนึงถึงหม่อมราชวงศ์กีรติอย่างแสนสาหัส ข้าพเจ้าเดินทางมาในเวลากลางคืน และในยามราตรีเช่นนั้น มันชวนให้ข้าพเจ้าคิดถึงเธอเสียนี่กระไร.

มาถึงโตเกียวในเช้ารุ่งขึ้น ข้าพเจ้าตรงไปที่ตำบลอาโอยามาชิฮัง ไปเยี่ยมบ้านของเธอ ความรู้สึกของข้าพเจ้าในเวลานั้น ราวกับว่าไปเยี่ยมสถานฝังศพของบุคคลที่ข้าพเจ้ารักแสนรัก ราวกับว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้ตายจากข้าพเจ้าไป. ประตูหน้าบ้านซึ่งต่ำแค่ราวอกปิดลงกลอน ข้าพเจ้าถอดกลอนออกเปิดประตูเดินไปตามถนนกรวดช้า ๆ ข้าพเจ้าเดินสำรวจตรวจดูตามบริเวณบ้านรอบนอกอย่างเงียบ ๆ รำลึกภาพที่เราได้เคยนั่งเล่นเดินเล่นอยู่ด้วยกัน ที่นี่และที่นั่น. บนบ้านประตูหน้าต่างทุกบ้านปิดสนิท เงียบสงัดปราศจากศัพท์สำเนียงใด.

ข้าพเจ้านั่งลงบนเนินหญ้าภายใต้ซุ้มต้นองุ่น ณ ที่นี้เราทั้งสองเคยมานั่งพักสนทนากันในเวลาค่ำคืนหลายครั้ง ก่อนที่หม่อมราชวงศ์กีรติจะเข้านอน ในราตรีอันผุดผ่องด้วยแสงเดือน ข้าพเจ้ายังจดจำดวงนัยนาที่ทั้งหวานและคมของเธอได้ ความรู้สึกซาบซ่านกระวนกระวายได้เกิดแก่ข้าพเจ้าเนือง ๆ ในเมื่อแลสบเนตรอันทรงมหาเสน่ห์คู่นั้น เจตสิกของข้าพเจ้าจมอยู่ในความคิดคำนึงถึงหม่อมราชวงศ์กีรตินานเท่าใด ก็เหลือที่จะจดจำ อากาศในเช้าวันนั้นครึ้มเยียบเย็นไม่เปลี่ยนแปลง และปราศจากแสงแดด เมื่อข้าพเจ้าพยุงกายลุกขึ้นจากเนินหญ้า และได้ทอดทัศนาไปโดยรอบบริเวณบ้านอีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกมีหยาดน้ำตาคลออยู่ในดวงตา ความเสน่หาอาลัยเกิดแก่ข้าพเจ้าแม้กระทั่งสิ่งที่เป็นเพียงนิวาสสถานของเธอ.

กลับมาถึงบ้านในวันนั้น และรับประทานอาหารค่ำแล้ว แทนที่จะเข้าไปนั่งเล่นในห้องรับแขก รวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ ในครอบครัว อันเป็นกิจวัตรของเรา แล้วก็เปิดวิทยุฟังบ้าง ฟังเพลงจากจานเสียง บ้าง สนทนากันบ้างหรืออ่านหนังสือพิมพ์บ้าง ข้าพเจ้าต้องขอตัวคนเหล่านั้นอยู่ในห้องของข้าพเจ้าแต่ลำพัง ข้าพเจ้าไม่สามารถจะไปร่วมพักผ่อนกับคนเหล่านั้นได้ ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้ารู้สึกแน่ในใจว่า ข้าพเจ้าจะไม่เป็นประโยชน์แก่เขาเลย. ประสาทของข้าพเจ้ามึนชาไปหมด ข้าพเจ้ามีความหมกมุ่นสนใจอยู่แต่ในเรื่อง ๆ เดียว.

ข้าพเจ้าพยายามหาทางที่จะบรรเทาความคิดคำนึงฟุ้งซ่านถึงหม่อมราชวงศ์กีรติ ข้าพเจ้าจำต้องหาทางให้ความคิดคำนึงเหล่านั้นได้พลั่งออกมาเสียบ้าง แทนที่จะปล่อยให้อัดแน่นอยู่ในหัวอกจนเหลือที่จะทนทานได้. แต่ก็ไม่มีใครเลยที่ข้าพเจ้าเห็นสมควรระบายความรู้สึกของข้าพเจ้าให้เขาทราบ ข้าพเจ้ายังมีสติพอที่จะไม่แถลงเล่าแก่ใครคนหนึ่งว่า ข้าพเจ้ากำลังคลั่งรักหม่อมราชวงศ์กีรติ คลั่งรักสตรีผู้เป็นภริยาของบุคคลผู้เป็นมิตรของบิดาข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังมีสัมปชัญญะพอที่จะหยั่งทราบได้ว่า การแถลงเล่าเช่นนั้นจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ตัวและแก่สตรีที่ข้าพเจ้ารัก น้อยนักที่จะได้รับความปลอบโยนเห็นใจ.

ทางออกจึงเหลืออยู่แต่ทางเดียว คือระบายความรู้สึกคลุ้มคลั่งของข้าพเจ้าให้เธอทราบ ข้าพเจ้าจึงลงมือเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ถึงหม่อมราชวงศ์กีรติในค่ำวันนั้น ต่อไปนี้คือจดหมายฉบับแรกนั้น.

คุณหญิงที่รักของผม

ผมแทบจะหมดสติด้วยความคลั่งคิดถึง เมื่อดวงหน้าของคุณหญิงห่างไกลออกไปจนผมไม่สามารถจะแลเห็นความงามในดวงหน้านั้นต่อไปได้. ผมแทบจะล้มฟุบลงไปที่ท่าเรือนั้น เมื่อมือน้อย ๆ หยุดโบกเพราะสุดกำลังที่จะโบกต่อไป. ผมไม่รู้ตัวว่าผมกลับมาโตเกียวได้อย่างไร ผมกลับโตเกียวในคืนวันเดียวกันนั้นด้วยความรู้สึกมึนงงเหมือนคนเมาเหล้าจัด.

ผมไม่สามารถจะผ่านราตรีที่สอง ซึ่งปราศจากคุณหญิงไปได้ ถ้าไม่ลงมือระเบิดความรู้สึกของผมให้ทลายออกมาจากหัวอกเสียบ้าง ผมแทบคลั่งเป็นบ้าด้วยความคิดถึง มันพลั่งอยู่ในหัวอก ผมต้องระเบิดระบายมันออกมา.

ผมว่ายน้ำข้ามทะเลมาหาคุณหญิงไม่ได้ แต่ผมก็ติดตามคุณหญิงมาโดยทางจดหมายนี้แล้ว และขอให้ฟังผมอีกที นี่มันไม่ใช่จดหมายดอกคุณหญิง นี่เป็นคนแท้ทีเดียว เมื่อคุณหญิงไปถึงบ้านในกรุงเทพฯและได้ฉีกซองจดหมายฉบับนี้ และดึงมันออกมา คุณหญิงจงเข้าใจเถิด มันไม่ใช่อื่นไกลเลย มันคือนพพรของคุณหญิง ถ้าคุณหญิงจะกรุณาจูบมันสักครั้งหนึ่ง ผมคงสามารถรู้สึกความหวานซาบซ่านในจูบนั้นได้ แม้ว่าร่างกายของเราจะอยู่ห่างไกลกันนับตั้งหลายพันไมล์ก็ตาม

ขณะที่ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ คุณหญิงคงจะผ่านเมืองโมยu ออกนอกเขตแดนญี่ปุ่นไปแล้ว ผมพยายามจะเห็นคุณหญิงโดยทางมโนภาพ คุณหญิงอาจจะนั่งอยู่ในห้องซาลูน เพราะเพิ่งเสร็จการรับประทานอาหาร แต่ผมเกรงว่าคุณหญิงคงไม่ประสงค์จะอยู่ในหมู่คนมากนัก คุณหญิงคงจะปล่อยให้ท่านเจ้าคุณสนทนากับกัปตันและผู้โดยสารอื่น ๆ ส่วนตัวคุณหญิงเองคงจะขึ้นมาพักอยู่แต่ลำพังเงียบ ๆ บนดาดฟ้าเรือแล้วก็เป็นได้ มโนภาพของผมออกจะทำให้ผมแลเห็นความเคลื่อนไหวของคุณหญิงเป็นไปในประการหลัง.

มีแสงเดือนอ่อน ๆ ในค่ำวันนี้ แต่ว่าในท่ามกลางท้องทะเลก็ไม่มีอะไรที่จะทอดทัศนา นอกจากระลอกคลื่นและดวงดาวบนท้องฟ้า โลกในกลางทะเลก็มีแต่ฟ้ากับน้ำเท่านั้น คุณหญิงจะขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้าเรือเพื่ออะไรเล่า เพื่อที่จะคิดถึงผมอย่างเงียบ ๆ โดยปราศจากความรบกวนของคนอื่น หรือเพื่อที่จะคิดถึงบ้านในกรุงเทพฯ หรือเพื่อที่จะอาบแสงเดือนอ่อนและตากลมเย็น

โอ. ผมเขลาไปถนัด ! มโนภาพของผมมันช่างลำเอียงมาข้างความต้องการของผมมากเกินไป มันจะชวนให้ผมมองเห็นท่าที่อิริยาบถของคุณหญิงแต่ในทางยียวนป่วนใจ แต่แท้จริงมันออกจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณหญิงจะมายืนตากลมอยู่บนดาดฟ้าเรือในราตรีเช่นนี้ และในขณะที่คุณหญิงยังอยู่ไม่ห่างไกลจากเกาะญี่ปุ่นเท่าใดนัก คุณหญิงคงจะหนาวเกินจะทนได้ และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณหญิงจะมายืนทนหนาวอยู่เดียวดายเช่นนั้น.

ถ้าคุณหญิงไม่อยู่ในห้องซาลูน คุณหญิงก็คงจะเดินเล่นอยู่ตามกราบเรือตอนล่าง ในตอนที่ไม่ต้องปะทะกับลมเย็นอย่างรุนแรงเกินไป คุณหญิงอาจมายืนเกาะลูกกรงทางตอนท้ายเรือซึ่งมีที่กำบังลม แล้วมองลงไปในท้องทะเล แล้วก็คิดถึงผมนิดหน่อย หรือมากก็เป็นได้ นพพรของคุณหญิงได้ติดตามไปผุดขึ้นในที่ทุกแห่งที่คุณหญิงได้มองลงไป คุณหญิง มองเห็นผมในพื้นน้ำบ้างไหม ? ผมติดตามมาดุจระลอกคลื่นที่ไล่ตามเรือ ประกายคลื่นนั้นคือประกายตาของผมเอง คุณหญิงมองเห็นผมบ้างไหม ?

ถ้าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดอนุญาตให้ผมเลือกขอพรได้อันหนึ่ง ผมจะขอว่าให้ผมสามารถจำแลงกายเข้าไปอยู่ในหัวใจของคุณหญิง เพื่อผมจะได้ทราบทุกเวลานาที ว่าคุณหญิงคิดคำนึงว่ากระไร คุณหญิงคิดถึงนพพรของคุณหญิงมากน้อยเพียงไร แต่คงไม่มีเป็นแน่มิใช่หรือที่คุณหญิงจะไม่คิดถึงผมเลย.

ผมเพิ่งนึกได้ว่า มีความจริงที่ร้ายกาจอยู่ข้อหนึ่งคือความจริงที่ว่า แม้ผมจะได้เพียรถามทั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว คุณหญิงก็ไม่เคยตอบให้ผมได้ทราบเลยว่า คุณหญิงรักผมหรือไม่ ผมรู้ว่าการนิ่งเช่นนั้น ไม่ใช่เป็นการแสดงว่า คุณหญิงปฏิเสธความรักของผมดอก แต่ผมก็ปรารถนาและกระหายเป็นล้นพ้นที่จะได้ฟังคุณหญิงกล่าวออกมาให้แจ้งชัดแก่ใจ ถ้าคุณหญิงกล่าวความรักแก่ผมสักคำหนึ่ง ผมจะถือว่าเป็นพรอันประเสริฐสุดเท่าที่ผมจะพึงได้รับตลอดชั่วชีวิตของผม คุณหญิงจะกรุณาประสาทพรที่ผมวิงวอนขอมานี้ได้หรือไม่?

คุณหญิงได้รับรองกับผมไว้แล้วว่า จะไม่ลืมคิดถึงผม แต่คุณหญิงก็ควรทราบว่า ผมไม่ประสงค์ให้คุณหญิงคิดถึงผมดุจว่าผมเป็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งที่น่าสงสารหรือน่าเล่นหัวด้วยก็ตาม ผมปรารถนาให้คุณหญิงคิดถึงผมอย่างว่า ผมเป็น--อ้า--ผมจะพูดว่าอะไรดี ผมจะพูดว่า ผมเป็นคนรักที่สุด หรือคนรักคนเดียวของคุณหญิงได้ไหม ?

คุณหญิงอาจกำลังสงสัยว่า ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยอาการเพ้อคลั่งไปบ้างหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ผู้ที่กำลังคิดถึงใครคนหนึ่ง ด้วยความรู้สึกทั้งมวลที่มีอยู่ในจิตใจของเขา แล้วก็พูดออกมาตามความสัตย์จริงใจ ฉะนี้จะว่าเป็นอาการเพ้อคลั่งได้หรือไม่.

ผมไม่อยากจะจบจดหมายนี้ลงเสียโดยเร็ว เพราะว่าในเวลาที่ผมเขียน ผมรู้สึกว่าผมได้นำจิตใจของผมไปอยู่ใกล้ชิดกับจิตใจของคุณหญิงอย่างที่สุด และนั่นมันทำให้ผมค่อยสบายใจขึ้น แม้ถึงว่าในเวลานี้คุณหญิงจะอยู่ห่างไกลจากผมเพียงใดก็ตาม.

แต่ผมก็ไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปอีก เพราะว่ามันก็จะไม่พ้นไปจากการพรรณนาความรู้สึกคิดถึงอันใหญ่หลวง ความคิดถึงที่ไม่มีระยะเวลาเวลาสิ้นสุดลงได้.

ผมจึงควรจะจบจดหมายเสียที แล้วผมก็จะลาไปนอน-โอยาซูมินาไซ. คุณหญิงที่รักของผม. แม้หลับลงได้ก็เป็นบุญหนักหนา และคงจะฝันถึงคุณหญิงในยามหลับไม่ต้องสงสัย.

รักคุณหญิงเหลือเกิน

นพพร”

เมื่อได้เขียนจดหมายจบลงแล้ว ข้าพเจ้ายังได้อ่านทบทวนดูอีกหลายตลบ มิใช่เพื่อจะตรวจสอบดูว่าตัวเองเขียนได้ไพเราะเพราะพริ้งปานใด ข้าพเจ้าไม่มีความจำนงจงใจเลยที่จะเขียนจดหมายถึงหม่อมราชวงศ์กีรติด้วยถือเอาความไพเราะเพราะพริ้งเป็นสำคัญ การที่อ่านซ้ำอีกหลายตลบ ก็เพื่อจะดื่มรสหวานซาบซึ้งในความรู้สึกของตนเอง พอเป็นที่ชุ่มชื่นใจคลายโศก. จำได้ว่าข้าพเจ้าหลับไปได้ไม่ยากนักในคืนวันนั้น เนื่องด้วยความเหนื่อยอ่อนใจเป็นที่สุด ข้าพเจ้าฝันร้อยแปด แต่ก็เป็นภาพนิมิตร้อยแปดอย่างในเรื่อง ๆ เดียว หรือในคน ๆ เดียวนั้นเอง.

ข้าพเจ้าทนความเหงาเศร้าใจไปได้ไม่กี่วัน และเมื่อเหลือที่จะอดกลั้นได้ ข้าพเจ้าก็ได้เขียนจดหมายถึงหม่อมราชวงศ์กีรติอีกฉบับหนึ่ง ในระหว่างที่เธอยังเดินทางรอนแรมอยู่กลางทะเล.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ