๑๕

หลังจากนั้น การติดต่อระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติก็คงดำเนินต่อไปโดยการเขียนจดหมายไปมาถึงกัน. เวลาล่วงไปความคลั่งคิดถึงเธอก็ค่อยบรรเทาลง เนื่องด้วยเหตุหลายประการ ประการแรกก็คือ เมื่อลุ่มรักเธอเท่าใด เมื่อคลั่งคิดถึงเธอเท่าใด มันก็ไม่มีทางบำบัดได้ ในมิช้าความรู้สึกอันตึงเครียดนั้นก็หย่อนคลายลง และเมื่อถึงคราวที่ข้าพเจ้าจะต้องทุ่มเทเวลาในการศึกษาเล่าเรียน ข้าพเจ้าต้องใช้ความเพ่งเล็งอย่างเต็มที่ ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ได้มาเรียกร้องจิตใจของข้าพเจ้า ซึ่งได้ท่องเที่ยวไปในแดนอารมณ์พิศวาสอันเร่าร้อน ให้กลับคืนสู่สถานะเดิม.

เมื่อได้ควบคุมบังคับตนเองได้ครั้งหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่า ข้าพเจ้าได้ควบคุมบังคับได้ตลอดมา ต่อจากจดหมายสองฉบับแรกที่อัดแน่นด้วยการแสดงความลุ่มรักและความคลั่งคิดถึงเธอแล้ว ในจดหมายฉบับต่อมาในระยะเวลาใกล้ ๆ กันนั้น ข้าพเจ้าก็ยังกล่าวพรรณนาถึงความคลั่งคิดถึงเธออยู่ แต่ครั้นแล้วเมื่อได้ตรึกตรองตามคำเตือนของหม่อมราชวงศ์กีรติ ประกอบกับความเหนื่อยอ่อนใจเป็นอย่างที่สุด ระหว่างเวลาแห่งการจากของเราในระยะแรก ความรู้สึกเร่าร้อนของข้าพเจ้าก็ได้รับการบำบัดให้บรรเทาเบาลงไปเอง ฉะนั้นในจดหมายฉบับต่อ ๆ มา จึงมิได้อัดเอาความคลั่งคิดถึงเธอลงไว้ดุจในตอนต้น ๆ และระยะเวลาแห่งการเขียนก็ได้ยืดห่างออกไป จนเมื่อจิตใจของข้าพเจ้ากลับคืนสู่สถานะเดิมแล้ว การเขียนถึงเธอก็เป็นการเขียนที่แทบจะปราศจากความเจ็บปวดใด ๆ และอาจเรียกได้ว่า เป็นการเขียนถึงมิตรที่รักคนหนึ่งเท่านั้น และนั่นก็เป็นการสมตามความปรารถนาของหม่อมราชวงศ์กีรติแล้ว ตามที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้ในเวลานั้น.

ข้าพเจ้าได้กล่าวพรรณนาความรัก และได้วิงวอนขอให้เธอกล่าวตอบข้าพเจ้าสักคำหนึ่งในจดหมายหลายฉบับ แม้ว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้เขียนตอบมาเป็นที่น่าชื่นใจเพียงใด แต่เธอไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องความรักเลย ข้อนี้เป็นเหตุสำคัญอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจไปว่า หม่อมราชวงศ์กีรติต้องการจะให้ข้าพเจ้าลืมเรื่องราวอันดูดดื่มใจของเราเสียจริง ๆ หรืออย่างน้อยก็เหตุการณ์บนเขามิตาเกะนั้น ซึ่งข้าพเจ้าได้ปล่อยให้ความในใจไหลพลั่งออกมาปรากฏแก่เธอและได้ประทับริมฝีปากของข้าพเจ้าลงบนริมฝีปากของเธอจูบนั้นยังร้อนผะผ่าวอยู่ในใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังไม่ลืม แต่ก็กำลังจะเลือนไปด้วยเหตุนานาประการดังกล่าวแล้ว

จนกระทั่งเวลาล่วงไป ๒ ปี การติดต่อระหว่างข้าพเจ้ากับหม่อมราชวงศ์กีรติก็ห่างไปมาก จนแทบจะไม่มีร่องรอยแห่งความหลังเหลืออยู่ในจิตใจของข้าพเจ้า จดหมายที่ข้าพเจ้าเคยเขียนถึงเธอไม่เว้นแต่ละเดือนก็ได้ยืดห่างออกไป และดูเหมือนว่า ในปีที่ ๒ นั้นข้าพเจ้าได้เขียนถึงเธอเพียง ๓ ครั้งเท่านั้น ที่จริงข้าพเจ้าก็มีภาระในการศึกษาเล่าเรียนทับทวีขึ้น และเมื่อจิตใจของข้าพเจ้าปลอดโปร่งจากความคลุ้มคลั่งแล้ว ข้าพเจ้าก็หมกมุ่นใส่ใจอยู่แต่ในการเล่าเรียนและแผนการงานแห่งชีวิตในอนาคต.

ข้าพเจ้าเอง เมื่อระลึกถึงความรู้สึกในเวลานั้นแล้วก็ยังประหลาดใจและตอบแก่ตัวเองไม่ได้ว่า เหตุใดหม่อมราชวงศ์กีรติจึงเสียความสลักสำคัญไปเร็วนัก ข้าพเจ้าผู้คลั่งคิดถึงเธอ และนับเธอว่าเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้า เป็นสตรีที่จะแยกออกไปไม่ได้จากชีวิตของข้าพเจ้า เพราะว่าถ้าแยกไปแล้ว ชีวิตของข้าพเจ้าก็จะไม่เป็นสิ่งสมบูรณ์ ครั้นเวลา ๒ ปีผ่านไป ข้าพเจ้าก็รู้สึกในตัวเธอแต่เพียงว่า เธอเป็นคนหนึ่งในบรรดามิตรอีกหลายคนที่ข้าพเจ้ามีอยู่ในกรุงเทพฯ

ต่อมาอีกประมาณ ๖ เดือน ข้าพเจ้าได้รับข่าวจากหม่อมราชวงศ์กีรติว่า เจ้าคุณอธิการบดีได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วด้วยโรคไตพิการ ข้าพเจ้ามีความเศร้าสลดใจด้วยเธอ ในชั่วขณะที่ได้รับทราบข่าวนั้น และได้รีบเขียนจดหมายแสดงความเศร้าสลดใจมายังเธอฉบับหนึ่ง แล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามปรกติ. ความตายของท่านเจ้าคุณ ไม่ได้มาเป็นเครื่องสะกิดใจให้ข้าพเจ้าคาดคิดไปเลยว่า มันจะเกี่ยวข้องเป็นความสลักสำคัญอย่างยิ่งแก่ชีวิตของหม่อมราชวงศ์กีรติและแก่ชีวิตของข้าพเจ้าด้วย มันควรจะได้ทำให้ข้าพเจ้าเพ่งเล็งถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนระหว่างหม่อมราชวงศ์กีรติกับข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง มันควรจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ก็ไม่ทราบว่าภูตผีปีศาจตนใดมาปกป้องกีดกันไว้มิให้ข้าพเจ้าเพ่งเล็งไปเช่นนั้น มันเป็นสิ่งประหลาดมากที่ภายหลังได้ทราบข่าวการตายของเจ้าคุณอธิการดีแล้ว ข้าพเจ้าได้ปล่อยให้เหตุการณ์ในชีวิตดำเนินไปตามปรกติ ข้าพเจ้าหาเฉลียวใจไม่ว่า เหตุการณ์ที่ไม่สู้จะเป็นการสลักสำคัญสำหรับข้าพเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างที่สุดสำหรับชีวิตของคนอีกคนหนึ่ง อนาถหนอ ชีวิต !

ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนต่อไปอีก ๒ ปีก็บรรลุความสำเร็จ ในระยะเวลาที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษานี้ ข้าพเจ้าได้มีการติดต่อกับครอบครัวของข้าพเจ้าในกรุงเทพฯ มากกว่าทางอื่น บรรดาพี่น้องที่ได้ทราบข่าวว่า ข้าพเจ้าเล่าเรียนเป็นผลดี และกำลังใกล้บรรลุความสำเร็จและใกล้เวลาที่จะได้กลับไปสู่บ้านเกิดเมืองมารดรได้แล้ว ต่างก็ได้มีจดหมายแสดงความชื่นชมโสมนัสมายังข้าพเจ้า และในบรรดาบุคคลเหล่านี้ได้มีสตรีคู่หมั้นของข้าพเจ้ารวมอยู่ด้วย คุณพ่อคงจะแนะนำให้เธอเขียนมาถึงข้าพเจ้าเป็นแน่ เพื่อเป็นเครื่องผูกมัดเตือนใจว่า มีสตรีอยู่พร้อมแล้วที่รอคอยการแต่งงานของข้าพเจ้าในกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าไม่พึงเกี่ยวข้องวุ่นวายกับสตรีอื่นใดในญี่ปุ่นเลย.

แท้ที่จริง ไม่ควรที่จะมีใครต้องมาเป็นห่วงกังวลถึงข้าพเจ้าในเรื่องเช่นนี้ดอก ในเวลานั้นข้าพเจ้ามีความหมกมุ่นสนใจในความเจริญก้าวหน้าของชีวิต ในทางงานการยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด ไม่มีเรื่องราวของสตรีคนใดมาพร่าเวลาของข้าพเจ้า แม้กระทั่งสตรีคู่หมั้นของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าก็ไม่ใส่ใจคิดถึงมาก่อน. ข้าพเจ้าไม่มีเวลาเหลือพอที่จะคิดคำนึงถึงเรื่องเช่นนี้.

ข้าพเจ้าได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วจริง แต่ความเติบโตนั้นมิได้ชักนำให้ข้าพเจ้าเพิ่งคิดไปในทางเลือกคู่ครอง ดูเหมือนยิ่งเติบโตขึ้นข้าพเจ้ายิ่งออกห่างจากสตรีเพศมากขึ้น ความเติบโตเป็นผู้ใหญ่กลับชักนำให้ข้าพเจ้าปลีกตัวจากเหตุการณ์อื่น ๆ ทั้งหมด และเพ่งเล็งอยู่แต่การดำเนินชีวิตในด้านการงานด้านเดียว.

จดหมายจากสตรีคู่หมั้น ได้ปลุกใจอันสงบของข้าพเจ้าให้ตื่นคิดถึงเรื่องการแต่งงานบ้าง แต่ก็มิได้คิดด้วยความตื่นเต้นวุ่นวายอะไรนัก ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าข้าพเจ้าจะรักเธอได้หรือไม่ เพราะว่าเรายังไม่คุ้นเคยสนิทสนมกันพอที่จะปลงใจในความรักได้ แต่การแต่งงานคืออะไรเล่า? ข้าพเจ้ายังไม่รู้แจ่มแจ้งนักในเวลานั้น ข้าพเจ้าคิดเลือน ๆ ไปในเวลานั้นว่า เธอคงจะเป็นสุภาพสตรีที่ดีพอ สมควรที่จะแต่งงานกับข้าพเจ้า มิฉะนั้นไหนเลยคุณพ่อจะเลือกเฟ้นเอามาเป็นคู่ครองของข้าพเจ้า เพราะว่าท่านก็เป็นคนฉลาด. เมื่อกลับเข้าไปกรุงเทพฯ และภายในเวลาอันควร ท่านคงจะจัดแจงให้เราทั้งสองได้แต่งงานกัน ข้าพเจ้าคงจะไม่รังเกียจเธอ แม้ว่าการแต่งงานนั้นจะไม่ได้มีขึ้นด้วยอาศัยความพิศวาสดูดดื่มในกันและกันเป็นมูลฐาน ข้าพเจ้าคงจะค่อยสนิทสนมกับเธอ จนเกิดความเอ็นดู ปรานี และรักใคร่เธอไปเองในไม่ช้า เธอก็จะดูแลบ้านช่องไป ข้าพเจ้าก็จะทำงานไป ฝ่าฟันความยากลำบากไปเพื่อความรุ่งเรืองยิ่งในการประกอบการงาน การแต่งงานก็ดูจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ นี่เป็นความคิดอย่างเลือน ๆ ของข้าพเจ้าในเวลานั้น คิดอย่างไม่จริงจังนัก ข้าพเจ้าได้ตอบจดหมายเธอไปด้วยการแสดงความไมตรีไปเป็นอันดี.

เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว แทนที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองมารดรโดยทันที ข้าพเจ้าได้เข้าฝึกหัดงานในธนาคารแห่งหนึ่ง และในระยะเวลาตอนนั้น ข้าพเจ้าได้มีจดหมายส่งข่าวความเป็นไปมายังหม่อมราชวงศ์กีรติฉบับหนึ่ง ข้าพเจ้าเขียนไปไม่สู้ยืดยาวนัก และมันเป็นความจริงว่า ในตอนหลัง ๆ นี้ข้าพเจ้าไม่ใคร่จะถนัดในการเขียนถึงหม่อมราชวงศ์กีรติอย่างยาว ๆ ดังแต่ก่อน การเขียนจดหมายของข้าพเจ้าดูเป็นงานเป็นการมากกว่า เมื่อหมดใจความที่ประสงค์จะเขียนแล้ว ข้าพเจ้าก็คิดไม่ใคร่ออกว่า จะเขียนอะไรลงไปอีก เวลาช่างเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของคนเราอย่างน่าพิศวงอะไรเช่นนี้!

เพื่อที่จะให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า หม่อมราชวงศ์กีรติคิดในตัวข้าพเจ้าอย่างไร ในเมื่อเวลาได้ล่วงไป ๔ ปีกว่าแล้วนับแต่เธอได้จากข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าขอเสนอจดหมายตอบของเธอในระยะนี้สักฉบับหนึ่ง

นพพร, คนดีของฉัน” เธอขึ้นต้นจดหมายด้วยถ้อยคำเหล่านี้ตลอดมา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย. เธอดำเนินเรื่องต่อไปว่า :

ฉันได้รับจดหมายบอกข่าวความสำเร็จของเธอแล้ว นี่ฉันจะบอกเธออย่างไรเล่า เธอจึงจะเข้าใจถึงความปีติยินดีของฉันโดยครบถ้วน ถ้าเธอมีพี่สาวและพี่สาวของเธอเขาปีติยินดีด้วยความสำเร็จของเธออย่างไร ฉันก็แทบจะไม่ยอมให้เธอนำมาเปรียบเทียบกับความปีติยินดีของฉัน เธอรู้ดีว่า ฉันเอาใจจดจ่ออยู่กับความสำเร็จของเธอเพียงใดตลอดเวลาอันยืดยาวหลายปีที่ไม่ได้พบกันเลย ฉะนั้น ถ้าฉันจะอวดอ้างความปีติยินดีของฉันมากไปสักหน่อย ซึ่งก็ไม่เกินความจริงแล้ว เธอคงจะไม่นึกติเตียนฉันเป็นแน่.

ฉันยินดียิ่งขึ้นไปอีก ที่ได้ทราบว่าเธอจะอยู่ทำงานที่นั่นต่อไปอีกหนึ่งปี แล้วจึงจะกลับเมืองไทย ที่จริงนั่นมันเป็นกำหนดการดั้งเดิมของเธอ ซึ่งฉันเคยได้รับบอกเล่าตั้งแต่ระหว่างเวลาที่ฉันได้ไปอยู่ที่โตเกียวแล้ว และนั่นมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เธอเป็นคนมั่นคงต่อความจำนงจงใจของเธอ เพียงใด เธอย่อมมีความมั่นคงในความจำนงจงใจทุกอย่าง มิใช่แต่เฉพาะในการศึกษาอย่างเดียว ความสำเร็จใด ๆ ที่บุรุษเช่นเธอจะได้รับ แม้จะดูเป็นการเกินวิสัยสำหรับคนอื่น แต่ก็จะไม่เป็นการเกินวิสัยสำหรับเธอเลย นี่เป็นคำยกย่องอันสุจริตจริงใจของฉัน.

อีกหนึ่งปี และกว่าเธอจะเข้ามาเมืองไทยและได้พบกัน เธอก็คงจะไม่ใช่นพพรพ่อหนุ่มน้อยคนที่ฉันรู้จักเสียแล้ว กว่าจะถึงเวลานั้น รวมเวลาที่ฉันจากเธอมาก็เกือบ ๖ ปี จากอายุ ๒๒ ปี เธอจะมีอายุ ๒๘ ปี นพพร ของฉันจะเป็นชายหนุ่มใหญ่เต็มที่ มิใช่หนุ่มน้อยดังแต่ก่อน เธอคงจะแปลกไปมาก แต่แน่ละเป็นความแปลกในข้างเติบโตจำเริญงาม ตรงกันข้ามกับตัวฉันซึ่งเธอก็คงจะเห็นแปลกเช่นเดียวกัน แต่แปลกในข้างเหี่ยวแห้งร่วงโรยลงไป อย่างไรก็ตาม เราคงจะจำกันได้ เพราะว่าเรามีบางสิ่งที่จะจำกันได้ไม่รู้ลืม.

น่าแปลกใจเหมือนกัน ที่การติดต่อระหว่างเราในตอนหลัง ๆ นี้ ห่างเหินไปมาก เมื่อ ๒ ปีที่แล้วฉันจำได้ว่า ฉันได้รับข่าวจากเธอไม่มากไปกว่าปีละ ๓ ครั้ง แต่ที่จริงก็เป็นความประสงค์ของฉันเองที่อยากให้เธอได้มีเวลาเล่าเรียนโดยเต็มที่ ไม่ต้องมัวมาพะวงถึงการเขียนจดหมายไปมาถึงกันอยู่เนือง ๆ และเธอก็ปฏิบัติไปถูกต้องแล้ว.

เวลาเกือบ ๕ ปีก็ยังผ่านไปได้โดยไม่ยากเย็นเข็ญใจอะไรนัก หนึ่งปีย่อมจะผ่านไปโดยรวดเร็วและสะดวกกว่านั้นมาก เดี๋ยวนี้ฉันไม่มีอะไรที่จะแนะนำสั่งสอนเธออีกแล้ว เพราะว่าเธอเป็นผู้บังคับบัญชาของตัวเธอเองได้แล้ว และดูเหมือนว่าจะเป็นได้ดีเสียยิ่งกว่าฉันอีก.

ฉันคอยวันกลับของเธอ. คนดี คอยเพื่อได้รู้ได้เห็นด้วยตัวของฉันเอง ในความเจริญรุ่งเรืองแห่งชีวิตของเธอ ผู้เป็นมิตรน้อยของฉัน.

คิดถึงคนดีของฉันเสมอ

กีรติ

ข้าพเจ้าอ่านจดหมายของเธอด้วยความรู้สึกอย่างปรกติธรรมดา แน่ละ ข้าพเจ้าย่อมรู้สึกมีกตัญญูในตัวเธอดุจว่าเธอเป็นพี่สาวของข้าพเจ้าคนหนึ่ง เธอเป็นผู้ให้คำแนะนำตักเตือน และคำปลุกใจที่มีค่ายิ่งแก่ข้าพเจ้าตลอดมา แต่ทว่าความรู้สึกที่ร้อนเป็นไฟได้มอดไปเสียแล้ว เวลาได้พาเอาความรู้สึกลุ่มรักในตัวเธอไปเสียจากข้าพเจ้า โดยที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกตัวเลย.

ข้าพเจ้าไม่ได้สังเกตเห็นและเฉลียวใจเลยว่า หม่อมราชวงศ์กีรติได้ซ่อนความรู้สึกลึกซึ้งอะไรมาบ้างในจดหมายฉบับนั้น ความประณีตและความลี้ลับในชีวิต เป็นสิ่งเกินปัญญาของข้าพเจ้าในเวลานั้นที่จะเข้าใจได้.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ