๑๔

ประมาณเดือนเศษ นับแต่หม่อมราชวงศ์กีรติได้จากไป ข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายจากเธอฉบับหนึ่ง ข้าพเจ้าคลุ้มคลั่งมาหลายวันก่อนหน้าได้รับจดหมาย กลับจากมหาวิทยาลัยในตอนบ่ายทุกวัน ข้าพเจ้าเป็นต้องตรวจดูจดหมายที่ตู้รับจดหมายทุกครั้ง และเมื่อไม่พบจดหมายที่ได้เฝ้าคอยอยู่ด้วยใจจดใจจ่อ ข้าพเจ้าเป็นต้องสอบถามคนในบ้านเสียอีกครั้งหนึ่งเสมอ ทำดังนี้มาเป็นกิจวัตรหลายวัน จนกระทั่งคนในบ้านออกจะประหลาดใจ และจนกระทั่งถึงวันที่ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากเธอ.

กำลังเศร้าใจว่า ไม่มีข่าวจากหม่อมราชวงศ์กีรติเช่นเคย และขณะที่นั่งลงถอดรองเท้าอยู่หน้าประตูด้วยกิริยาเหงาหงอยเป็นที่สุด โนบูโกะลูกสาวเจ้าบ้านได้วิ่งมาหา แล้วส่งซองจดหมายให้ข้าพเจ้า พินิจลายมือหน้าซอง และถนัดแน่ว่าเป็นลายมือของใครแล้ว ข้าพเจ้าสลัดรองเท้าออกไปจากเท้าโดยรวดเร็ว และโดยไม่รู้สึกตัว จนโนบูโกะตะลึง ความประสงค์ก็เพื่อจะรีบเข้าไปในห้องของข้าพเจ้า ปิดประตูและนอนอ่านจดหมายนั้นแต่ลำพังด้วยความกระหายดีใจเป็นที่สุด ข้าพเจ้าพูดขอบใจโนบูโกะคำเดียว แล้วก็เข้าห้องด้วยหน้าบานไม่ต้องสงสัย จดหมายของหม่อมราชวงศ์กีรติ มีถ้อยความดังต่อไปนี้

นพพรคนดีของฉัน

ฉันถึงบ้านได้ ๕ วันก็ได้รับจดหมายของเธอสองฉบับ เธอเขียนต่างวันกันก็จริง แต่มันมาถึงพร้อมกัน ที่จริงฉันควรจะเขียนถึงเธอ โดยไม่ต้องรอว่าจะมีจดหมายจากเธอมาหรือไม่ เพราะว่าฉันจำเป็นจะต้องรีบเขียนมาขอบใจในความเอื้อเฟื้ออารีอันมีค่ายิ่งของเธอที่มีต่อตัวฉัน ตลอดเวลาที่ได้ไปพักอยู่ในโตเกียว. ฉันจะไม่ชอบใจเธออย่างเดียว ก็ตรงที่เธอมาเอาใจใส่กับฉันมากเกินไป.

ฉันไม่คิดว่าจะได้จดหมายจากเธอเร็วพลันนัก นี่เธอจะติว่าฉันเขียนถึงเธอช้าไปเล่า. หรือเป็นด้วยเธอด่วนเขียนถึงฉันเร็วเกินไป ถ้าฉันเดิน แต่เธอเหาะ มันก็ยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้ไม่ใช่หรือ ฉันหวังว่าเธอจะไม่คิดตำหนิติโทษฉันเลย.

อย่างไรก็ตาม ฉันก็ได้ทำดีตอบแทนเธอแล้ว กล่าวคือ ฉันได้ลงมือเขียนจดหมายฉบับนี้ในวันรุ่งขึ้นจากที่ได้รับของเธอ นพพรคงไม่ใจร้อนเกินไปจนถึงจะว่า ฉันควรจะลงมือเขียนตอบเสียในวันเดียวกันนั้น ถ้าเธอออกจะใจร้อนใจเร็วในระหว่างนี้ ก็โปรดอย่าลืมความจริงข้อหนึ่งว่า ฉันไม่ฟรีเหมือนเธอ ที่บ้านในในกรุงเทพฯ ฉันมีกิจการเบ็ดเตล็ดที่จะทำอยู่ไม่น้อย ซึ่งเธออาจไม่ได้คาดหมายถึง.

ฉันรู้สึกความเร่าร้อนที่เธอแสดงมาในจดหมายราวกับว่า ความหนาวของปลายฤดูออทัมน์ไม่ได้สัมผัสกับจิตใจของเธอเลย ราวกับว่าเธอลอบมาเขียนจดหมายฉบับนั้นในกรุงเทพฯ ถ้าเธอยังไม่คลายความเร่าร้อนลงแล้ว ฉันต้องขอแนะนำเธอให้เข้าไปอยู่ในตู้น้ำแข็งในเวลาเขียนถึงฉัน หรือมิฉะนั้นก็รอไว้เขียนในฤดูหนาวในที่ที่มีหิมะตก.

ฉันพูดเช่นนี้มิใช่เห็นจดหมายของเธอเป็นของขบขัน ฉันเห็นใจและสงสารเธอเป็นอย่างยิ่ง สงสารเธอแทบใจจะขาด แต่ฉันก็รู้ว่าความคลุ้มคลั่งเช่นนั้นมันจะทำให้นพพรของฉันไร้ความสุข ฉันอยากให้เธอเป็นสุขจะด้วยอะไรก็ตาม.

ในระหว่างเดินทาง จิตใจของฉันค่อนข้างเป็นปรกติ ฉันไม่ได้นับชั่วโมงนับวันคอยเวลาถึงบ้านด้วยใจจดใจจ่อ ซึ่งมักเป็นธรรมดาของผู้ที่จากบ้านมาไม่กี่เดือน อีกอย่างหนึ่งก็ไม่มีใครในกรุงเทพฯที่ใจฉันจดจ่อถึง ทุกชั่วโมงทุกวันฉันคิดถึงท่านพ่อและน้อง ๆ แต่ก็มิใช่อย่างใจจดใจจ่อ หากเป็นความคิดถึงอย่างเรียบ ๆ.

แต่ว่าในการจากเธอมานั้น ฉันต้องยอมรับว่าจิตใจของฉันไม่สู้จะเรียบร้อยนัก ฉันรู้ว่าการจากของฉันจะทำให้เธอเหงาเศร้าใจไปหลายวัน ความรู้สึกที่เธอพรรณนามาในจดหมายไม่รู้เกินกว่าความเป็นห่วงกังวลของฉัน ข้อที่ฉันหวังก็มีอยู่ แต่ว่าเธอคงจะสะกดกลั้นลงได้บ้าง แล้วความรู้สึกในตัวฉันอย่างรุนแรงนั้นจะค่อยเลื่อนหายไปในเวลาอันควร แล้วในที่สุดฉันก็จะไม่เป็นอะไรที่สลักสำคัญในชีวิตของเธอ แล้วความผาสุกและความรู้สึกอันบริสุทธิ์งดงามและปราศจากพันธนาการของคนในวัยหนุ่ม ก็จะกลับคืนมาสู่จิตใจของนพพรเช่นเดิม ฉันภาวนาและคอยเวลาที่ว่านี้.

เธอรู้ไหมว่าในการพรรณนาถึงความรู้สึกของเธอในจดหมายสองฉบับนั้น ได้ทำให้เธอกลายเป็นชายหนุ่มที่ฉันจะต้องคอยระมัดระวังในการติดต่อด้วย. เธอไม่เป็นนพพรยอดยุวมิตรของฉันเสียแล้ว ความน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเด็ก ๆ ของเธอเกือบสูญหายไปหมดแล้ว ดูเธอเป็นชายหนุ่มใหญ่ที่น่ากลัวพอใช้ ในจดหมายนั้นฉันแทบจำนพพรคนที่ฉันแรกพบไม่ได้.

ฉันขอวิงวอนเธอ มิตรน้อยของฉัน เธอต้องพยายามเรียกสัมปชัญญะของเธอคืนมา เธอต้องควบคุมอารมณ์ของเธอไว้ให้มั่นคง เธอมีลักษณะแข็งแกร่งพอที่จะทำได้ ถ้าเธอไม่ปล่อยปละละเลยมันเสียทีเดียว. มันเป็นความสลดสังเวชใจเหลือเกินนักที่เธอจะร้องร่ำคร่ำครวญคิดถึงสตรีผู้นั้น ซึ่งเป็นคนอาภัพ เป็นคนที่โชคชะตาได้ทอดทิ้งไม่เหลียวแลมาช้านานแล้ว ทั้งในปัจจุบันนี้เล่าก็ไม่อยู่ในฐานะอันจะเป็นที่ใฝ่ฝันของใคร ๆ ได้เสียแล้ว.

แม้ว่าคนทั้งหลายจะยอมอภัยให้ในความลุ่มรักของเธอในสตรีผู้นั้น แต่เธอก็จะต้องรับรู้ในความเป็นจริงว่า ความคร่ำครวญคิดถึงนั่นเป็นสิ่งไร้สาระต่อตัวเธอโดยแท้ ประโยชน์อะไรที่เธอมาคร่ำครวญใฝ่ฝันในตัวฉัน ในเมื่อความปรารถนาของเธอไม่มีทางที่จะเป็นของจริงขึ้นได้ มหาสมุทรมากีดกั้นฉันไว้จากเธอหรือ ? เธอย่อมรู้ดีว่า การที่ฉันมีท่านเจ้าคุณต่างหาก ที่ได้แยกเธอกับฉันไว้คนละโลก เราไม่มีทางที่จะพบกันได้ เธอเข้าใจดีพอมิใช่หรือ ?

นพพร, เธอจะใฝ่ฝันถึงฉันสืบต่อไปทำไม ? ฉันช่วยเธอไม่ได้ ไม่มีใครในโลกจะช่วยเธอได้. ชีวิตมีทางดำเนินก็จริง แต่เทพยดาฟ้าดินได้กำหนดวิถีทางดำเนินของชีวิตมาก่อนแล้ว ฉันไม่ห้ามและไม่ขอที่เธอจะคิดถึงฉัน แต่ขอให้คิดถึงฉันอย่างเรียบ ๆ อย่างที่เธอจะพึงคิดถึงเพื่อนที่รักของเธอ หรือพี่สาวของเธอ ฉันขอไม่ให้เธอคิดถึงฉันด้วยความคิดถึงที่หักโหมเร่าร้อนรุนแรง ขออย่าคิดถึงด้วยความปรารถนาจะยึดเอาร่างกายและดวงใจของฉันไว้เป็นสมบัติของเธอ เธอรู้แล้วว่าเธอปรารถนาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้.

โปรดกลับคืนไปที่เดิมของเธอ มิตรน้อยที่รัก กลับไปที่หนังสือ และความใฝ่ฝันถึงชีวิตแห่งงานการอันเต็มไปด้วยเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่ง เธอมีอนาคตงดงามน่าใฝ่ฝันยิ่งกว่าสตรีผู้นั้น ซึ่งเป็นแต่หลงเข้ามาในเส้นทางดำเนินชีวิตของเธอเพียงชั่วครู่ยามเดียว ขอให้ฉันมีหวังว่า คำเตือนของฉันจะยับยั้งรั้งใจเธอได้.

ขอเธอจงตั้งหน้าศึกษาเล่าเรียน นั่นเป็นจุดที่หมายอันเดียวของเธอในเวลานี้ ฉันคนหนึ่งที่จะคอยเอาใจจดจ่ออยู่กับความสำเร็จของเธอ เป็นคนหนึ่งและไม่เป็นรองใคร ในความปลาบปลื้มปีติที่จะแสดงออกต้อนรับในอนาคตอันเต็มไปด้วยเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งของเธอ ถ้าหากอายุของฉันจะไม่สั้นเกินไปนัก.

ฉันคอยเวลาที่จะมีข่าวมาถึงฉันว่า อารมณ์ของเธอได้เข้าสู่ความสงบเรียบร้อยดุจเดิม ด้วยใจจดใจจ่อ. ฉันหวังว่า เวลาที่ฉันคาดคอยอยู่นี้จะมาถึงไม่ช้านัก และนับแต่นั้น ฉันก็จะมีความปลอดโปร่งโล่งใจและผาสุก.

แม้ว่าในจดหมายฉบับนี้จะบรรจุล้วนแต่คำขอต่อเธอ แต่ฉันไม่ลืมเป็นอันขาดที่จะบอกกับเธอว่า ฉันต้อนรับความรู้สึกอันมีค่ายิ่งของเธอด้วยความชื่นชอบขอบใจอย่างลึกซึ้ง. ฉันรับไว้ครั้งหนึ่ง และจะจดจำไว้ชั่วกาลอวสาน เธอไม่จำต้องกล่าวซ้ำอีก. จงคิดถึงฉันเถิด, คนดี คิดถึงแต่น้อย ๆ และนานเท่าใดก็ได้.

ฉันเขียนถึงเธอยืดยาวนักแล้ว ฉะนั้นฉันขอเว้นไม่เล่าถึงความเป็นไปและเรื่องราวของคนอื่น ๆ ในจดหมายฉบับนี้ แต่ขอให้ฉันดุเธอสักหน่อยว่า ทำไมไม่เขียนถึงเจ้าคุณท่านบ้าง เธอรู้ไหมว่าเป็นการเลินเล่อเพียงใดที่เธอมัวมาสนใจแต่การเขียนถึงฉันคนเดียว ฉันแทบสะดุ้งเมื่อเจ้าคุณถามว่า เธอเขียนมาถึงฉันว่ากระไรบ้าง ถ้าเธอได้มาอยู่ด้วยในเวลาเช่นนั้น ฉันเชื่อแน่ว่าเธอจะตกใจมากทีเดียว เคราะห์ดีที่ท่านไม่ใช่คนขี้หึง และฉันก็ไม่ใช่คนที่ตื่นตกใจเอาง่าย ๆ.

ขออนุญาตให้ฉันจบเพียงเท่านี้ได้ไหมคนดี เจ้าคุณกำลังเตรียมตัวเข้านอน และฉันไม่อยากจะให้ท่านถามอะไรฉันโดยไม่จำเป็น

ลาก่อนมิตรน้อยของฉัน ฉันคิดถึงและเอ็นดูเธอไม่จืดจาง จะคิดถึงและเอ็นดูเธอชั่วนิรันดร.

ด้วยใจจดจ่อในความผาสุกของเธอ

กีรติ”

จดหมายของหม่อมราชวงศ์กีรติฉบับแรกนี้ ได้มาดับความกระวนกระวายเร่าร้อนใจของข้าพเจ้าลงไปไม่น้อย น้ำคำของเธอทำให้ชุ่มชื่นใจนัก ราวกับว่าข้าพเจ้าได้พบและได้ฟังถ้อยคำเหล่านี้จากปากของเธอเอง. ในชั้นต้น ข้าพเจ้ามองไม่เห็นประโยชน์ในคำตักเตือนของเธอ ข้าพเจ้าไม่เอาใจใส่ โดยถือเสียว่าเป็นแต่คำพูดปลอบโยนอย่างธรรมดาเท่านั้น หม่อมราชวงศ์กีรติคงมิได้ตั้งใจจริงอะไรที่จะให้ข้าพเจ้าเลิกใฝ่ฝันคิดถึงเธอ ด้วยความคิดถึงที่ร้อนเป็นไฟ. แต่ในเวลาต่อ ๆ มาเมื่อได้อ่านจดหมายของเธอทบทวนอีกและได้ตรึกตรองตามไป ข้าพเจ้าก็ออกจะเอนเอียงไปข้างเห็นว่า คำเตือนของเธอเป็นสิ่งน่าคิดอยู่ หม่อมราชวงศ์กีรติอาจมีความตั้งใจจริงจัง ในการที่ได้วิงวอนเตือนมาเช่นนั้นก็เป็นได้.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ