เมื่อสองสัปดาห์ผ่านไป เมื่อความสนิทสนมได้มีขึ้นในระหว่างเราทั้งสอง ข้าพเจ้ามองเห็นหม่อมราชวงศ์กีรติเป็นอีกคนหนึ่ง. เธอมิใช่คนเงียบขรึมนัก. กับข้าพเจ้าในตอนหลัง ๆ ดูเธอเป็นคนพูดเก่งไม่น้อย เป็นคนต้องการความเริงรมย์ตามทำนองของเธอ. เธอพูดได้ทั้งในเรื่องจริงจังและเรื่องที่ไร้แก่นสาร. ในเวลาที่เธอพูดเรื่องจริงจัง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเธอเป็นคนมีความคิดความอ่านสูงกว่าข้าพเจ้ามาก. ข้าพเจ้าประหลาดใจว่า ทำไมเจ้าคุณอธิการบดีจึงคิดเห็นไปว่าภรรยาของท่านยังรู้จักโลกและชีวิตน้อยนัก.

ในเวลาที่เธอได้รับความเบิกบานใจในการสนทนากับข้าพเจ้าสองต่อสอง เธอเคยเปล่งหัวเราะเต็มที่ เสียงหัวเราะของเธอเต็มไปด้วยชีวิตและความบริสุทธิ์ของเด็ก มีกังวานแจ่มใสและซึ้ง กังวานเช่นนี้ย่อมจะระรัวอยู่ในหัวใจของผู้ฟังไปนาน. ในเวลาเช่นนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่า หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นเพื่อนที่สนิทสนมของข้าพเจ้าอย่างที่สุด. ข้าพเจ้ามีความจงรักภักดีต่อเธออย่างที่สุด.

อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งสองสัปดาห์ล่วงไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังไม่สามารถตอบปัญหาในเรื่องราวของหม่อมราชวงศ์กีรติแก่ผู้ที่มาคอยถามข้าพเจ้าได้. ชีวิตก่อนแต่งงานของเธอเป็นอย่างไร และอะไรคือต้นเหตุที่ชักนำให้เธอมาแต่งงานกับเจ้าคุณสามีของเธอนั้น ยังคงเป็นความลี้ลับสำหรับข้าพเจ้าอยู่. ไม่มีใครเลยจะคิดเห็นไปว่า เธอแต่งงานเพราะความรัก. มันไม่ใช่ของแปลกที่ความงามเช่นนี้กับวัย ๕๐ ปีย่อมจะวิวาห์กันได้ก็จริงอยู่ แต่ว่าความงามเช่นนี้กับวัย ๕๐ ปีจะรักกันได้นั้น ก็น่าจะถือว่าเป็นการผิดธรรมดาได้. เพราะว่าการวิวาห์กับความรักเป็นคนละอย่างต่างกัน. ความคิดเห็นของคนโดยมากเอนเอียงไปในทางที่ว่า อานุภาพของพระเจ้าเงินตราคงจะเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ไม่น้อยในการแต่งงานรายนี้ - และเช่นเดียวกับรายอื่น ๆ – หญิงสาวจำต้องเข้าสู่พิธีวิวาห์ในที่สุด ด้วยไม่สามารถต้านทานต่อความข่มขู่บังคับซึ่งอาจมีมาจากทางต่าง ๆ. แต่ว่าในการแต่งงานของหม่อมราชวงศ์กีรติ ก็หามีใครที่จะกล้าลงความเห็นแน่นอนไปในทางนั้นไม่ เพราะว่าเท่าที่จะทราบได้ หม่อมราชวงศ์กีรติก็ดูมีความชื่นชมยินดีในสามีของเธอดีอยู่.

ในสายตาของข้าพเจ้า หม่อมราชวงศ์กีรติได้ใช้วันคืนในโตเกียว ด้วยความเบิกบานบันเทิงเป็นที่ยิ่ง. เมื่อได้มีโอกาสออกไปนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในที่ใด ๆ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเธอมองดูทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความสนใจพินิจพิเคราะห์ และในดวงตาของเธอเล่าก็แวววาวไปด้วยความปีติ. ความสนใจในสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้ ทำให้เธอดูเป็นคนเคร่งขรึมผิดกับวัยของเธอมาก และดังนั้นทำให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับเธอยากที่จะมีความสนิทสนมกับเธอได้.

มีความรู้ใหม่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของเรา ในขณะที่เราออกไปเดินเล่นด้วยกันแต่ลำพังสองคนในเย็นวันหนึ่งของสัปดาห์ที่สาม.

เย็นวันนั้นเจ้าคุณออกไปเล่นกอล์ฟ. ภรรยาของท่านไปจ่ายของที่ถนนยินซ่า เมื่อกลับมา พักผ่อนได้ครู่ใหญ่ เธอก็ชวนข้าพเจ้าออกไปเดินเล่น. ถนนสายที่เรากำลังเดินอยู่นั้นอยู่ห่างจากหลังบ้านเราไปเล็กน้อย เป็นถนนที่สงบและร่มรื่นด้วยเงาของต้นไม้สองข้างทาง บางตอนผ่านไปบนเนินสูงและเบื้องล่างมีไร่ซึ่งแลดูเขียวชอุ่มไปด้วยพรรณผักต่าง ๆ เป็นถนนที่เงียบสงบ นาน ๆ จึงจะมีรถบรรทุกของแล่นผ่านเราไปสักครั้งหนึ่ง. หม่อมราชวงศ์กีรติได้เคยออกมาเดินเล่นบ้างในบางคราวใกล้ ๆ บริเวณบ้าน และได้เคยแสดงความจำนงไว้ว่า จะเดินทางไกลไปบนถนนสายนี้สักวันหนึ่งเพื่อชมภูมิประเทศของละแวกนั้น และในวันนั้นนับเป็นครั้งแรกที่เธอได้ปฏิบัติตามความจำนงของเธอ.

เราได้ใช้เวลานานในการเดินเล่นวันนั้น และในเวลานั้นเรามีความคุ้นเคยสนิทสนมกันพอที่จะไม่ต้องปล่อยให้เวลาล่วงไปเปล่า ๆ โดยต่างคนต่างไม่พูดอะไรเหมือนอย่างที่ได้พบกันในครั้งแรก ๆ. หม่อมราชวงศ์กีรติก็ไม่เป็นคนเคร่งขรึมต่อไปแล้วเมื่อเราอยู่ด้วยกันแต่ลำพัง. เรามีเรื่องสนทนากันมาก เรื่องหนึ่งหมดไปเรื่องใหม่ก็เข้ามาแทนที่ บางเรื่องก็เป็นเรื่องยืดยาว และบางเรื่องก็จบไปด้วยคำพูดเพียงสองสามประโยค.

เด็กชายอายุราว ๑๒ – ๑๓ ขวบสองคนขี่รถจักรยานคันเล็กผ่านเราไป เขามองดูเราทั้งสองแล้วยิ้มอย่างร่าเริง หม่อมราชวงศ์กีรติได้ยิ้มให้เขานิดหน่อย.

“ฉันเบิกบานใจมากวันนี้” เธอพูด สูดลมหายใจแรง ยังมียิ้มละไมอยู่ในหน้านั้น.

“เพราะอะไรครับ?” ข้าพเจ้าสอดถาม “ผมน่ะเกรงว่าคุณหญิงจะเบื่อ เพราะไม่เห็นมีอะไรที่จะน่าชม.”

“ไม่มีอะไรที่จะน่าชม - เธอพูดอะไรอย่างนั้น” พลางเธอชี้มือไปที่ไร่ผักกาดสีเขียวอ่อนซึ่งอยู่ต่ำจากทางเดินของเราทางขวามือ ไกลออกไปข้างหน้า “เธอไม่เห็นหรือว่าสีเขียวสดของใบผักกาดเมื่อต้องแสงแดดอ่อน ก็แลดูคล้ายกำมะหยี่นั่นน่ะ เป็นภาพที่สวยงามน่าดูเพียงไร แล้วก็บรรดาลูกมะเขือสีช็อกโกแลตที่เยาว์วัยเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่า มันเป็นเพื่อนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอดอกหรือ แล้วก็ถัดออกไป ไร่ผักต้นสูง ๆ ใบเล็กเรียว ที่หมุนพลิ้วไปตามกระแสลมนั้น ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเธอร่าเริงไปด้วยดอกหรือ.”

“คุณหญิงพูดราวกับกวี” ข้าพเจ้าหัวเราะ

“เธออย่าขับฉัน เขาว่ากวีเป็นคนคร่ำครึ. ฉันไม่ใช่กวี แต่ถ้าเธอจะหมายว่าฉันเป็นกวีเพราะเหตุอย่างเดียวที่มีความเห็นคร่ำครึฉันก็ยอม” เธอยิ้มอย่างสดชื่นเมื่อมองมาที่ข้าพเจ้า “จริงนะ. นพพร สิ่งเหล่านั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความเบิกบานของฉันจริง ๆ. เธอคงจะได้สังเกตเห็นสีชมพูที่แก้มยุ้ยของเด็กชายสองคนเมื่อตะกี้นี้ แล้วก็ยิ้มอย่างร่าเริงและดวงตาแจ๋วแหวว. อา, เธอจะหาอะไรที่น่าชมไปยิ่งกว่านั้นเล่า.”

“ผมเพิ่งรู้ คุณหญิงเป็นนักปราชญ์” เมื่อพูดประโยคนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าไม่ได้พูดเล่นเลย.

“ฉันจะไม่บรรยายอะไรอีกละ เพราะเธอตั้งกองมายอฉันเสียแล้ว” เธอพูดพลางวางท่าสงบเสงี่ยมและเดินต่อไปเงียบ ๆ.

“ผมพูดด้วยความสัตย์จริง” ข้าพเจ้ารีบแก้.

“นั่นยิ่งทำให้ฉันไม่ยอมพูดใหญ่.”

ข้าพเจ้าอมยิ้ม. เราเดินต่อไปเงียบ ๆ ครู่หนึ่งเธอหันมาพูดว่า

“ถามจริงๆ เถอะ เธอไม่เห็นด้วยกับฉันดอกหรือว่า ในบรรดาสิ่งที่ฉันกล่าวถึงนั้นเพียบพร้อมไปด้วยความน่าชมเพียงใด.”

“ผมไม่ด้านความเห็นของคุณหญิงเลย ผมเห็นด้วยทุกประการ ที่ถามขึ้นก็ด้วยเป็นห่วงแทน เพราะว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงไม่ใคร่สนใจในสิ่งเหล่านี้ แต่คุณหญิงเป็นคนพิเศษ.”

“เธอให้ฉันเป็นกวี เป็นนักปราชญ์ แล้วยังให้เป็นคนพิเศษอีก. เธอดื้อจริง ๆ วันนี้ นพพร. ฉันต้องทำความตกลงใจอย่างเด็ดขาด”

“ในข้อที่จะลงความเห็นว่า ผมเป็นเด็กดื้อน่ะหรือ?”

“จ้ะ, ถูกเหมือนกัน แต่ฉันหมายว่าฉันจะไม่ยอมพรรณนาถึงเรื่องเหล่านั้นอีก.”

ท่าทีที่สงบเสงี่ยมเจือปนอาการกิริยาของเด็กเล็กน้อยนั้น ทำให้ข้าพเจ้าแลเห็นเสน่ห์ และความงามของหม่อมราชวงศ์กีรติอย่างที่ไม่มีคราใดจะเปรียบปาน. ข้าพเจ้าก็ได้แต่เพลินชมและสรรเสริญอยู่แต่ในใจ.

เราเดินมาใกล้หมู่บ้าน และกำลังมาถึงทางแยกซึ่ง ณ ที่นั้นมีกาเฟสถานจำพวกปอน ๆ ตั้งอยู่. ขณะที่เราจะผ่านเลยไป ก็พอมีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาหยุดอยู่ หญิงสาวสองคนก้าวลงมาจากรถ มีดวงหน้าสีชมพูเข้ม ยืนทรงตัวไม่สู้สะดวก ชายสองคนก้าวตามลงมา ไม่ได้สวมเสื้อนอก แต่ได้ถอดออกถือไว้ด้วยความร้อน นัยน์ตาปรือคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งเบิกโต มีเปลวไฟลุกอยู่ในดวงตานั้น ชายสองคนเข้าประคองกอดหญิง แล้วพากันเดินเซไปข้างซ้ายครั้งหนึ่ง เซกลับมาข้างขวาครั้งหนึ่ง เข้าสู่กาเฟสถานลับตาไป.

“เด็กหนุ่ม ๆ อย่างเธอคงจะพอใจภาพเช่นนี้” เธอเริ่มพูดต่อไปเมื่อเราผ่านทางแยก.

ข้าพเจ้าทราบดีว่าเธอมิได้จงใจที่จะหมายความเช่นนั้น เธอเพียงแต่จะแสร้งพูดแดกดันเอาเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็ได้ตอบถ้อยคำของเธออย่างเป็นการปรกติ.

“ตรงกันข้าม ผมรังเกียจมาก”

“ความสนุกอย่างน่าเกลียดเช่นนี้มักจะมีทั่วไปนะ นพพร ไม่ว่าในประเทศใด ๆ. ทำไมเขาจะประพฤติให้เรียบร้อยกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือ. นี่ก็ยังไม่มืดค่ำ และทำไมจะต้องทำกันอย่างนั้นตั้งแต่กลางถนน จะคอยให้ลับตาคนสักหน่อยไม่ได้หรือ. หรือว่านั่นเขานิยมกันว่าเป็นของเก๋.”

“ผมไม่คิดว่าคนทั่วไปจะเห็นเป็นของเก๋ มันคงเป็นความประพฤติเฉพาะคนหนึ่ง ๆ. ผมได้ยินว่าในเมืองไทยเรา ตั้งแต่เปิดโรงเบียร์ฮอลล์กันทั่วพระนครแล้ว ความสนุกเช่นนี้ก็ดูมีกันดกดื่นมิใช่หรือ?”

“ฉันก็ได้ยินว่ามี แต่ฉันไม่เคยเห็น และเดาไม่ได้ว่าจะมีกันถึงขนาดไหน. อย่างที่ผ่านมาเมื่อตะกี้นี้ ฉันก็ออกจะไม่ได้คาดอยู่แล้ว.”

“แต่ความจริงดูเหมือนเป็นของธรรมดาสำหรับกาเฟสถานทั่วไป.”

“นพพรเป็นโคลัมบัสของฉัน เธอทำให้ฉันได้มาพบโลกใหม่.”

“คุณหญิงเสียใจหรือครับ ที่ได้ถูกชักนำให้มาพบกับของโสโครกเช่นนี้.”

“ฉันชอบศิลปะ. ฉันพอใจที่จะพินิจดูกิ้งกือ ไส้เดือน เท่ากับที่จะพินิจดูดวงดาวในท้องฟ้า. ฉันไม่เสียใจเลย. นพพร ฉันกลับขอบใจเธอด้วยซ้ำ แต่เมื่อแยกศิลปะออกไปเสียส่วนหนึ่งแล้ว การที่ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ก็ทำให้กระเทือนใจนิดหน่อย. แต่ในทางศิลปะนั้น ความกระเทือนใจมีประโยชน์มาก.”

“คุณหญิงเป็นศิลปินด้วย และอาจจะเป็นทั้งจิตรศิลปินและวรรณศิลปิน” ข้าพเจ้าร้องด้วยความประหลาดใจ และเป็นความประหลาดใจอันแท้จริง.

“นพพร, เธอโปรดระวังคำพูดสักหน่อย เธอต้องจดจำไว้บ้างว่า เพียงชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอได้ให้ตำแหน่งแก่ฉันถึง ๔ ตำแหน่งแล้ว.”

“ผมรู้สึกว่าผมจะฉลาดขึ้นมาก จะฉลาดอย่างผิดสังเกต ถ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณหญิงต่อไปสักหนึ่งปี.” ข้าพเจ้าไม่ฟังคำห้ามปรามของเธอ ด้วยแน่ใจว่าได้พูดอย่างจริงใจ.

เธอชายตามองดูข้าพเจ้า ประหนึ่งจะสำรวจลงไปให้ซึ้งว่า มีความหมายอะไรอยู่อีกบ้างในคำพูดนั้น.

“เธอดื้ออย่างน่ารัก.” พูดพลางเธอยิ้ม “แต่ว่าเธอต้องการเพียงปีเดียวเท่านั้นแหละหรือ?”

“ผมหมายว่าอย่างน้อยที่สุด” ข้าพเจ้ารีบชี้แจง. “แต่ถ้าให้ผมเลือกอย่างจุใจแล้ว-ก็-ไม่มีกำหนด.”

หม่อมราชวงศ์กีรติหัวเราะ. เสียงหัวเราะนั้นบกพร่องในกังวานแจ่มใสไปบ้าง.

“แต่ฉันจะอยู่ที่นี่เพียง ๘ สัปดาห์เท่านั้น และเวลานี้เรากำลังจะผ่านสัปดาห์ที่สาม.”

“เวลาล่วงไปเร็วเหลือเกิน” ข้าพเจ้าพูดเสียงอ่อย ๆ “ผมอยากเป็นหนุมานเวลานี้.”

“เพื่อเธอจะได้ไปห้ามรถพระอาทิตย์หรือ?”

“แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้นะครับ” ข้าพเจ้าพูดต่อไปอย่างจริงจัง “ผมคิดว่า ถ้าผมชวนให้เจ้าคุณยืดเวลาอยู่ที่นี่ออกไปอีกนิดหน่อย คุณหญิงคงจะไม่ขัดข้อง.”

“ฉันเป็นผู้โคจรตามพระอาทิตย์ ฉันเลือกไม่ได้ สุดแต่พระอาทิตย์” เธอตอบอย่างสนุก “แต่เธออย่าลืมว่า มหาวิทยาลัยของเธอจะเปิดเทอมในไม่ช้า.”

“ผมไม่ลืมเลย แต่ผมอาจที่จะมารับการอบรมความฉลาดจากคุณหญิงนอกเวลามหาวิทยาลัยได้เสมอ.”

ต่อจากนั้นหม่อมราชวงศ์กีรติได้ไต่ถามข้าพเจ้าถึงเรื่องการศึกษาเล่าเรียน และเมื่อพูดถึงเรื่องที่จริงจัง ท่าทางของเธอก็ดูเคร่งขรึม ข้าพเจ้าก็กลายเป็นเด็กเล็กไป มิใช่เพื่อนเล่นเพื่อนหัวของเธอ. เราเดินต่อไป อีกสักครู่ใหญ่ ๆ ก็มาถึงละแวกที่ชุมนุมชนตั้งทำมาค้าขายคับคั่ง และมียวดยานผ่านไปมามิหยุดหย่อน ไม่สะดวกแก่การเดินพักผ่อนหย่อนอารมณ์ เราจึงตกลงเดินทางกลับ และในไม่ช้าเราก็คืนเข้าสู่ถิ่นที่อันสงบเงียบและงดงามไปด้วยภูมิภาพธรรมชาติ.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ