๑๑

ภายหลังที่ได้ลงรถไฟที่สถานีชินยูกุ ตามถนนหนทางสว่างไปด้วยแสงไฟแล้ว ระหว่างทางที่ขึ้นรถยนต์ตรงมาบ้าน หม่อมราชวงศ์กีรติได้กล่าวเตือนข้าพเจ้าว่า “นพพร, ดูเธอเชื่อมซึมไปนี่. เธอต้องระวังกิริยาของเธอไว้ให้ดีเมื่อไปถึงบ้าน และอย่าตกใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าคุณ เรากลับล่าไปหน่อย ถ้ากิริยาของเธอเปลี่ยนแปลงไป ท่านอาจจะคิด.”

“ท่านเจ้าคุณจะคิดว่ากระไร?” ข้าพเจ้าถามด้วยความตกใจนิดหน่อย.

“ท่านจะคิดว่ากระไรบ้าง ฉันก็คะเนไม่ได้ แต่เราอย่าทำอะไรผิดปรกติให้ท่านคิดเลยดีกว่า”

ข้าพเจ้ารับว่าจะพยายาม. เมื่อรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน หม่อมราชวงศ์กีรติได้ก้าวลงจากรถอย่างกระปรี้กระเปร่า ใจข้าพเจ้าเต้นแรงนิดหน่อย.

เธอถามข้าพเจ้าเบา ๆ ว่า “เธอเรียบร้อยหรือนพพร?”

ข้าพเจ้าพยักหน้า พร้อมกับยิ้ม พยายามจะให้เธอเข้าใจว่าข้าพเจ้าเป็นคนใจเย็นพอ. สาวใช้บอกกับเราว่า เจ้าคุณยังไม่กลับจากไปในงาน. ข้าพเจ้าถอนหายใจยาว ตอนนี้แหละที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าข้าพเจ้าใจเย็นจริง ๆ.

คืนนั้นข้าพเจ้าลาจากหม่อมราชวงศ์กีรติมา เป็นเวลาราว ๓ ทุ่ม ข้าพเจ้าไม่ได้ตรงกลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาบ้านทำไม ข้าพเจ้าไม่มีสมาธิพอที่จะดูหนังสือ หรือแม้แต่จะข่มใจให้นอนหลับก็คงจะทำไม่ได้ ในสมองของข้าพเจ้ามันสว่างโพลงไปด้วยความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลับบ้าน. จากบ้านหม่อมราชวงศ์กีรติ ข้าพเจ้าขึ้นรถย้อนกลับเข้ามาในเมืองอีก. โตเกียวสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ลงรถที่หน้าสวนเวียนโน ข้าพเจ้านำตนเข้าไปเดินอยู่ในสวนอันกว้างใหญ่และงดงามนั้น.

ข้าพเจ้าเดินไป โดยไม่ได้ใส่ใจว่าจะชมอะไร และไม่ได้ดูว่ามีใครได้เที่ยวเล่นอยู่ในที่นั้นบ้าง. สุดแต่ว่ามีทางให้เดิน ข้าพเจ้าก็เดินไป คิดคำนึงไป. เมื่อรู้สึกเมื่อย ข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นสนามริมสระน้ำ. ข้าพเจ้าทอดกายเอกเขนกด้วยความเหนื่อยเมื่อยที่ได้เที่ยวมาตลอดทั้งวัน. พยายามรำลึกว่า ข้าพเจ้าได้ทำอะไรไปแก่หม่อมราชวงศ์กีรติในบ่ายวันนี้ที่บนเขามิตาเกะ. ข้าพเจ้าได้ประคองกอดและจุมพิตเธอด้วยสุดแสนเสน่หา ข้าพเจ้าได้พรรณนาความรักของข้าพเจ้าแก่เธอ. ข้าพเจ้าได้ทำไปถึงปานนั้นเจียวหรือ บังอาจบอกความรักและจุมพิตหม่อมราชวงศ์กีรติ ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้าคุณอธิการบดี ผู้เป็นที่นับถืออย่างสูงของข้าพเจ้าเจียวหรือ ข้าพเจ้าได้ทำไปถึงปานนั้นแล้วจริง ๆ!

ข้าพเจ้าเสียใจหรือเป็นสุขที่ได้กระทำไปเช่นนั้น ข้าพเจ้าอึดอัดใจหรือปลอดโปร่งโล่งใจที่ได้พรรณนาความรักออกไปให้หม่อมราชวงศ์กีรติทราบ. ข้าพเจ้าตอบปัญหาเหล่านี้ให้เป็นที่เด็ดขาดออกไปไม่ได้ ข้าพเจ้าปรารถนาคำตอบอยู่เหมือนกัน ข้าพเจ้ารู้แน่แก่ใจอยู่อย่างเดียวว่า ข้าพเจ้ารักหม่อมราชวงศ์กีรติด้วยชีวิตจิตใจ รักอย่างจะกลืนกิน.

ลองตั้งปัญหาถามตัวเองว่า ข้าพเจ้าต้องการหม่อมราชวงศ์กีรติหรือไม่. ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ถ้าปราศจากหม่อมราชวงศ์กีรติแล้ว คงจะว้าเหว่หงอยเหงาและคิดถึงเธอเป็นที่สุด นี่จะเรียกว่าไม่ต้องการเธอได้หรือ? แต่ข้าพเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องต้องการตัวเธอ ในเมื่อเธอมีเจ้าของครอบครองอยู่แล้ว. ฉะนั้นข้าพเจ้าตั้งใจจะเข้ายื้อแย่งช่วงชิงเอาหรือ? ข้าพเจ้าไม่เคยมีความตั้งใจเช่นนั้นเลย ในข้อแรก ข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้ ข้าพเจ้ายังอยู่ในระหว่างศึกษาเล่าเรียน อีกทั้งเจ้าคุณอธิการบดีก็เป็นที่เคารพนับถือของข้าพเจ้า นอกจากนั้นข้าพเจ้าไม่หาญพอที่จะเข้าใจเอาว่า หม่อมราชวงศ์กีรติจะยอมพร่าเกียรติยศของเธอเพื่อเห็นแก่ความรัก ความต้องการของข้าพเจ้า หรืออาจจะรวมทั้งเพื่อเห็นแก่ความรักความต้องการของเธอด้วย.

ฉะนี้แหละ ข้าพเจ้าจึงยังตอบไม่ได้ว่า ข้าพเจ้าเสียใจหรือเป็นสุขที่ได้กระทำไปเช่นนั้น ที่ได้แสดงความรักต่อหม่อมราชวงศ์กีรติอย่างเปิดเผย. ในหัวของข้าพเจ้าพร่าพราวไปด้วยความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ซึ่งเลือนรางไม่แจ่มแจ้ง. ในที่สุดข้าพเจ้าก็ลงความเห็นว่า ไม่เป็นการสมควรที่จะหมกมุ่นครุ่นคิดถึงปัญหาร้อยแปด ในสถานที่อันสงบเงียบเช่นนั้นต่อไป. ออกจากสวนเวียนโน ข้าพเจ้าจับรถยนต์นั่งเรื่อยเปื่อยไปตามถนนที่ยังเกลื่อนกล่นด้วยฝูงชน ผ่านถนนนั้น ออกถนนนี้ โดยไม่มีที่หมายปลายทาง ในที่สุด ข้าพเจ้าให้รถมาหยุดส่งข้าพเจ้า ณ กาเฟสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกาเฟสถานชั้นกลาง ไม่ต่ำช้าจุ้นจ้านจนเกินไป.

ตามจริงข้าพเจ้าไม่คุ้นเคยกับสถานที่เช่นนี้นัก เคยมาเที่ยวที่กาเฟสถานนี้นาน ๆ ครั้งหนึ่งในฐานะของผู้นำทางท่านผู้อื่น. การที่ได้หาญนำตนเองแต่ลำพังเข้าไปในวันนั้น ก็เพราะว่าข้าพเจ้าต้องการความเปลี่ยนแปลง ต้องการความเอิกเกริกเฮฮา เพื่อที่จะบรรเทาความมึนงงในปัญหาร้อยแปดในหัวของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าขึ้นบันไดไปชั้นบน แม่สาวหน้าตาแฉล้มนางหนึ่งวิ่งเหยาะออกมารับ. ข้าพเจ้าประหลาดใจที่หล่อนบอกว่าจำข้าพเจ้าได้ ทั้งที่นานแสนนานข้าพเจ้าจึงได้มาเหยียบสถานที่นี้สักครั้งหนึ่ง หล่อนชี้แจงว่าที่จำได้แม่นก็เพราะว่า ข้าพเจ้าพูดภาษาของหล่อนได้คล่องแคล่วกว่าคนไทยทุกคนที่มาที่นี่ นอกจากนั้นหล่อนว่าหล่อนจดจำความสุภาพเรียบร้อยของข้าพเจ้าได้แม่นยำเช่นเดียวกับภาษาของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าก็กล่าววาจาขอบใจหล่อน.

เมื่อได้ดื่มเบียร์แก้วแรกไปได้ราว ๕ นาที และได้สนทนาหยอกเอินตามสมควรกับแม่สาวคนนั้น ที่ตามมานั่งปรนนิบัติ คอยรินเบียร์และจุดบุหรี่ให้ข้าพเจ้าสูบ ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ค่อยคลายความมึนงง และปรากฏความแจ่มใสขึ้น ความคิดคำนึงก็เอนเอียงไปในทางบันเทิงเริงรมย์ใจ. ความรู้สึกในขณะที่ข้าพเจ้าได้ตระกองกอดและจุมพิตหม่อมราชวงศ์กีรติด้วยสุดแสนเสน่หา ได้มาปรากฏแก่ข้าพเจ้าอีก ข้าพเจ้าจิบเบียร์ไปพลาง และคิดคำนึงไปพลาง อา! ข้าพเจ้าเป็นสุขนี่กระไร เมื่อได้คิดเห็นไปว่า ข้าพเจ้าได้ชนะความรัก ได้ชนะดวงใจของสตรีที่ทรงเสน่ห์ และแสนฉลาดแสนดี ดังเช่นหม่อมราชวงศ์กีรติ. ข้าพเจ้าเพลิดเพลินด้วยความคิดคำนึง และสนทนาหยอกเอินอยู่กับแม่สาวผู้ปรนนิบัติข้าพเจ้า ราวชั่วโมงเศษ ข้าพเจ้าก็จากสถานที่นั้นมา และเดินทางกลับบ้านด้วย ความมึนครั้งนี้มิใช่ด้วยปัญหาร้อยแปด แต่ด้วยเบียร์ซึ่งช่วยให้ข้าพเจ้าเพลิดเพลินไปในความมึนนั้น.

กลับมาถึงบ้านแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังหาได้เข้านอนไม่ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยหนึ่งนาฬิกา ข้าพเจ้าจึงได้ล้มตัวลงนอน มีปัญหาข้อหนึ่งตามรบกวนข้าพเจ้าแม้ได้หลับตาลงแล้ว. ตามที่ข้าพเจ้าได้เข้าใจเอาว่า ข้าพเจ้าได้ชนะความรัก ได้ชนะดวงใจของหม่อมราชวงศ์กีรตินั้น เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วหรือ? หม่อมราชวงศ์กีรติได้บอกข้าพเจ้าดังนั้นหรือ? ข้าพเจ้าระลึกขึ้นได้ในบัดนั้นว่า หม่อมราชวงศ์กีรติยังมิได้ให้ถ้อยคำแก่ข้าพเจ้าเลย. อย่างไรก็ตาม ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้หลับไป ทั้งที่ยังมีความมืดมัวอยู่ในปัญหาบางข้อ.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ