๒๕

ขณะนั้นขุนนางผู้พิพากษาชำระความก็ตัดสินโดยยุติธรรม จูเฮ้าผู้รักษาเมืองทั้งปวงก็ตั้งอยู่ในความสัตย์สุจริต ถ้ามีราชการสิ่งใดขึ้นแล้วก็ทำตามราชการสิ่งนั้นโดยซื่อตรง พวกราษฎรมิได้ฉ้อกระบัดสินและคิดประทุษร้ายแก่กัน พวกราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขทุกตำบลบ้านเมือง ถ้าสิ่งของตกอยู่ตามถนนหนทาง คนที่ไม่ใช่เจ้าของได้เห็นไม่มีผู้ใดที่จะหยิบจะเก็บเอาไป คนที่ชั่วเป็นโจรผู้ร้ายก็ไม่มี ประตูเมืองและประตูราษฎรก็มิได้ปิด เปิดไว้เป็นนิจทั้งกลางวันและกลางคืน ฝนและลมนั้นมีตามฤดู ข้าวปลาอาหารและผลไม้บริบูรณ์มาก มนุษย์ทั้งหลายอายุก็ยืน ต่างคนต่างคิดทำมาหากินตามภูมิลำเนาของตัว ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยตั้งใจทะนุบำรุงราษฎร มีน้ำจิตคิดสามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์ หนึ่งถนนหนทางนั้นมีต้นหญ้าอย่างหนึ่งเป็นที่เสี่ยงทายเรียกว่าหญ้าคุดเตียด ถ้ามนุษย์ผู้ใดพูดจามิได้ซื่อตรงเป็นคนสอพลอ ต้นหญ้านั้นก็เอนมาถูกคนผู้นั้นเป็นที่สังเกตได้ว่าเป็นคนเท็จพูดไม่จริง แล้วหงส์นั้นมาทำรังอยู่อ่อกอกพระตำหนัก ราชสีห์มาเที่ยวอยู่ตามไร่และสวนในบ้านเมืองก็มิได้ทำร้ายแก่ผู้ใด ครั้งนั้นมีแปะแซ่ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดเป็นคำกลางว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองเจริญขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เพราะพระบารมีพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ปกแผ่ไป ราษฎรถึงค่อยวัฒนาขึ้น มนุษย์ทั้งปวงก็ประพฤติตามกันไปทั้งแผ่นดิน คนที่ยังไม่ตายก็ได้เห็นชัดว่าขุนนางทั้งปวงตั้งอยู่ในสุจริตมีเมตตาจิตต่อกัน ครั้งนั้นมนุษย์มีความรื่นเริงรักใคร่กันเหมือนญาติพี่น้องอันสนิท มิได้คิดกระเบียดกระเสียนกันและกันเลย อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้อยากจะใคร่ทราบซึ่งการถือศีลกินเจ พระองค์จึงเสด็จไปที่เขาค่องท่องซัว ครั้นถึงแล้วก็เสด็จพระราชดำเนินไปที่มูนเขาข้างทิศตะวันออก เห็นกวางเซงจือนั่งอยู่ที่ศิลาแผ่นใหญ่ ทอดพระเนตรพิเคราะห์ดูว่าเห็นจะเป็นเหมือนเช่นคำเล่าลือกันว่า ที่ตำบลเขานี้มีผู้วิเศษซึ่งบวชเป็นฤๅษีอยู่ที่เขานี้ ทรงพระดำริดังนั้นแล้วก็ตรัสถามข้อวัตรปฏิบัติแก่กวางเซงจือ ๆ ครั้งเห็นพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้รูปร่างผิดกว่าคนทั้งปวงแล้วนึกว่าเห็นจะเป็นฮ่องเต้ผู้รักษาแผ่นดินเป็นแน่ ครั้นนึกแล้วจึงบอกว่า ลักษณะบุคคลซึ่งประพฤติสุจริตธรรมนั้น ก็ต้องแสวงหาที่เงียบที่สงัด แล้วพึงชำระกายและดวงจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใสสะอาด ให้ปฏิบัติเป็นท่ามกลาง ข้อหนึ่งคือได้เห็นของที่ชั่วที่ไม่ชอบใจ และเห็นที่โกรธที่เป็นเวรกันก็ดี และเห็นที่ชอบที่พึงใจ และเห็นคนที่รักที่สนิทก็ดีให้มีจิตเป็นธรรม เพิกเฉยเสียมิได้ยินดียินร้าย ข้อสองคือได้ยินผู้ที่กล่าวขวัญนินทาและติเตียน และยกย่องสรรเสริญประการใดดี อย่าให้มีความโกรธและความชอบใจ ข้อสามคือรักษาจิตให้บริสุทธิ์อย่างเดียว อย่าให้แปรผันฟุ้งซ่านในสิ่งที่ดีและที่ชั่ว ให้เอาตัวของตัวเป็นตาชั่งตราชู สิ่งใดที่นักปราชญ์ติเตียนว่าเป็นของชั่วมิได้สรรเสริญ ถ้าเกิดขึ้นในกายและจิตแล้ว จงสละละเว้นเสียโดยเร็วอย่าให้ตั้งอยู่นานได้ ธรรมดาสุจริตก็จะเกิดขึ้นในดวงจิตสิ้นทั้งนั้น ถ้าท่านจะรักษาแล้วให้ระงับจิตที่ชั่วซึ่งเป็นทุจริตอย่าให้บังเกิดขึ้นได้ ให้ถือสัตย์อย่างเดียว จิตและกายของท่านก็จะบริสุทธิ์ อายุก็จะยืน และซึ่งตัวข้าพเจ้านี้ตั้งแต่รักษาธรรมวิเศษสุจริตมาอายุก็ได้พันปียังไม่ชรา เมื่อกวางเซงจือผู้วิเศษชี้แจงข้อวัตรปรนนิบัติให้พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ฟังถี่ถ้วนฉะนี้แล้ว พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้มีพระทัยยินดี ทรงสรรเสริญกวางเซงจือว่า ซึ่งท่านชี้แจงข้อปรนนิบัติโดยละเอียดฉะนี้ประเสริฐยิ่งนักหาผู้เสมอมิได้ ควรข้าพเจ้าจะต้องประพฤติตามคำท่าน แล้วเสด็จกลับเข้าในพระราชวัง อุตส่าห์ปรนนิบัติรักษาธรรมวิเศษเหมือนกวางเซงจือสอนทุกประการ แล้วรับสั่งให้ขุนนางไปเอาแร่ทองแดงที่เขาซือซัวมาถลุงหล่อกระถางรูปที่ตำบลเกงซัวกระถางหนึ่ง จะได้เอาไว้เป็นของสำหรับแผ่นดิน ครั้นขุนนางเจ้าพนักงานหล่อกระถางรูปเสร็จแล้ว พระองค์ทอดพระเนตรแลขึ้นไปบนอากาศเป็นแสงสว่าง เห็นมังกรตัวหนึ่งลงมาจากอากาศ มังกรนั้นเข้ามาเฝ้าพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ ทำกิริยาเหมือนจะเชิญพระองค์ให้เสด็จขึ้นทรงบนหลังมังกร

ฝ่ายนางง่วนฮุยฮองเฮาเห็นมังกรนั้น นางไม่ทราบว่าจะเป็นเหตุประการใดก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้เห็นนางง่วนฮุยฮองเฮาตกใจกลัว จึงรับสั่งว่าเจ้าอย่าได้กลัวมังกรเลย มังกรนี้เห็นจะเป็นเทพยดาใช้ให้มารับเรา ตรัสดังนั้นแล้วพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ก็จูงมือนางง่วนฮุยฮองเฮาขึ้นขี่บนหลังมังกรก็พาเสด็จขึ้นบนอากาศหายไป พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้อยู่ในราชสมบัติได้ร้อยยี่สิบปี ก็เป็นเซียนในขณะนั้น

มีคำพังเพยคือมีเป็นคำกลางว่า นักปราชญ์จีนคนหนึ่งมีคำถามว่า ซึ่งกล่าวว่าหงส์มาทำรังอยู่ที่อ่อกอกคือที่พระตำหนัก และราชสีห์มาเที่ยวเล่นตามบ้านเมืองและที่สวนไร่นานั้น จะเป็นความจริงเหมือนคำกล่าวหรือประการใด นักปราชญ์จีนผู้หนึ่งจึงแก้ว่า ซึ่งท่านถามเช่นนี้หาควรไม่ ธรรมดาหงส์และราชสีห์สองสัตว์นี้เป็นพระยาสัตว์ ถ้ากษัตริย์พระองค์ใดมีบุญญาโพธิสมภารวาสนามาก แล้วประพฤติตั้งอยู่ในยุติธรรม สัตว์ทั้งสองนี้ก็มาให้ปรากฏแก่โลก ดุจถวายสวัสดิมงคลแก่พระมหากษัตริย์พระองค์นั้น ใช่ว่าจะมีแต่แผ่นดินพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้องค์เดียวหามิได้ ถึงกษัตริย์พระองค์ใดอื่น ๆ ถ้ามีบุญญาธิการมากเหมือนพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ดังนี้ สัตว์ทั้งสองนี้ก็มาให้ปรากฏแก่มนุษย์เหมือนกัน ท่านอย่าได้มีความสงสัยเลย แล้วนักปราชญ์อีกคนหนึ่งจึงถามว่า ซึ่งกล่าวว่าพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้เสด็จขึ้นทรงบนหลังมังกรเหาะไปเป็นเซียนนั้น คำอันนี้จะจริงหรือไม่จริงประการใด นักปราชญ์จีนคนหนึ่งจึงแก้ว่า ความข้อนี้เราตรึกตรองดูเห็นว่าจริงกับเท็จกึ่งกัน จะว่าจริงหรือก็ว่าได้ ด้วยพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้องค์นี้ ท่านถือศีลกินแจ๋มีบุญญาธิการมาก จึงขึ้นขี่บนหลังมังกรเหาะไปเป็นเซียนได้ อนึ่งถ้าจะว่าไม่จริงก็ว่าได้ ด้วยมนุษย์จะขึ้นขี่บนหลังมังกรเหาะไปเป็นเซียนนั้น เรามิได้เคยพบเคยเห็นและไม่เคยได้ยินได้ฟัง พึ่งมาได้ยินได้ฟังแต่แผ่นดินพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้พระองค์เดียวนั้น และเราเห็นว่าจริงหรือก็ไม่ได้ จะว่าไม่จริงหรือก็ว่าไม่ได้ เหลือวิสัยเราจะพิจารณา สุดแต่สติปัญญาของท่านจะเห็นประการใดก็ตามแต่ใจท่านเถิด สิ้นคำพังเพยของนักปราชญ์แต่เท่านี้

ครั้นพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้เสด็จขึ้นทรงบนหลังมังกรเหาะไปเป็นเซียนแล้วก็ยังหามีฮ่องเต้ไม่ บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงจึงปรึกษากันว่า พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้พระองค์เสด็จขึ้นทรงบนหลังมังกรเหาะไปแล้ว บัดนี้เรายังหามีกษัตริย์ไม่ ซึ่งจะเสวยราชสมบัติเป็นเจ้านายเราสืบต่อไป เราทั้งปวงจะคิดเห็นฉันใด ธรรมดาว่าบ้านเมืองไม่มีกษัตริย์ครอบครองแล้ว ราษฎรก็จะไม่มีความสุขเสียธรรมเนียมประเพณีไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ