๔๙

ฝ่ายพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการพร้อมด้วยขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ตามตำแหน่ง พระองค์จึงตรัสว่าเราให้อู๋ไปขุดคลองช้านานประมาณถึงสิบสามปีแล้วก็ยังไม่ได้ข่าวคราวเลย ไม่ทราบว่าการนั้นจะสำเร็จหรือยังไม่สำเร็จประการใดก็ไม่แจ้ง

ขณะนั้นเกาเอี้ยวขุนนางผู้ใหญ่จึงทูลว่า อู๋ให้ไพร่พลเข้ามาเบิกเสบียงอาหารอยู่เนือง ๆ พวกไพร่แจ้งความแก่ข้าพเจ้าว่า อู๋ไปมาทางหน้าบ้านของอู๋ถึงสามครั้ง บุตรภรรยาของอู๋เรียกให้อู๋แวะเข้าบ้าน อู๋ก็ไม่แวะ แล้วว่าแก่บุตรภรรยาว่า นิสัยเป็นข้าราชการเจ้านายใช้ให้ทำการยังไม่แล้วจะแวะเข้าบ้านนั้นไม่ได้ ผิดธรรมเนียมข้าราชการของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งอู๋มีความกตัญญูซื่อสัตย์ทำราชการแข็งแรงโดยสุจริตดังนี้หายากแก่การไม่ การขุดคลองนั้นคงจะสำเร็จดังราชประสงค์พระองค์อย่าได้ทรงพระวิตกเลย พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังเกาเอี้ยวขุนนางผู้ใหญ่ทูลดังนั้นจึงตรัสว่า ซึ่งอู๋มีใจสามิภักดิ์ซื่อสัตย์สุจริตกระทำการแข็งแรงดังท่านว่านั้นเรามีความยินดีนัก พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ตรัสกับเกาเอี้ยวขุนนางได้เดือนหนึ่ง ฝ่ายอู๋จัดทำการขุดคลองตามหนังสือเทพยดาและแผนที่พระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้เสร็จแล้ว ก็ยกไพร่และทหารเดินทางมาถึงริมเมืองหลวง ก็มีหนังสือบอกส่งเข้าไปให้ขุนนางทูลพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ว่า การปิดน้ำและขุดคลองนั้นข้าพเจ้าได้คิดทำสำเร็จแล้ว พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ดีพระทัย รับสั่งให้ขุนนางไปหาตัวอู๋กลับมาเฝ้า อู๋ก็พาพวกไพร่และทหารกลับเข้ามายังเมืองหลวง แล้วขึ้นเฝ้าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ ๆ จึงตรัสว่า ตั้งแต่เราให้ท่านไปทำการขุดคลองก็ช้านานประมาณถึงสิบสามปีแล้วเราไม่มีความสบายเลย มีแต่ความวิตกตรึกตรองอยู่ในการที่ท่านไปกระทำนั้นเนือง ๆ ท่านไปกระทำการนั้นสำเร็จเรียบร้อยดีหมดแล้วหรือ อู๋จึงทูลว่าข้าพเจ้าไปทำการสำเร็จเรียบร้อยทั้งนี้ ก็เพราะพระบารมีของพระองค์ปกแผ่ไปการนั้นจึงสำเร็จแล้วไปได้โดยสะดวก ตั้งแต่นี้ไปข้าพเจ้าเห็นว่าน้ำนั้นจะมิได้ท่วมให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนเหมือนแต่ก่อนเป็นมั่นคง พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ทรงพระโสมนัสจึงตรัสถามอู๋ต่อไปว่า ท่านออกไปทำการปิดน้ำขุดคลองครั้งท่านกระทำเป็นประการใด ท่านได้ทำแผนที่แบบอย่างไว้ดูบ้างหรือเปล่า อู๋ก็นำแผนที่แบบอย่างของพระเจ้าอึ้งตี่ฮ่องเต้ที่เทพยดานำมาให้นั้นขึ้นคำนับ แล้วถวายให้พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทอดพระเนตร พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ก็ทอดพระเนตรแผนที่นั้นมีชื่อแม่น้ำใหญ่สี่แม่น้ำชื่อกังฮวยท่อหั่น แล้วให้ขุดคลองเก้าคลองเปิดให้น้ำที่ขังอยู่นั้นไหลตกลงในแม่น้ำทั้งสี่นี้ ครั้นพระองค์พิเคราะห์ดูเห็นว่าน้ำก็มิได้ท่วมต่อไป พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรแผนที่แล้วจึงตรัสถามอู๋ต่อไปว่า เมื่อท่านไปกระทำนั้นท่านทำเป็นประการใด อู๋จึงทูลว่าตั้งแต่ข้าพเจ้าลาพระองค์ออกไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าคิดการที่จะขุดคลองและปิดน้ำ พอเวลาค่ำข้าพเจ้านอนหลับก็นิมิตฝันแล้วได้แผนที่อันหนึ่ง เมื่อแรกไปนั้นข้าพเจ้าเดินทางเกาเต๋าแล้วข้าพเจ้าจึงเปิดคลองเก้าคลองเรียกว่าเกาจิวตามหนังสือแผนที่ ให้ไหลลงมาทางแม่น้ำทั้งสี่ คือกังฮวยท่อหั่น แต่เมื่อข้าพเจ้าเดินทางจะไปกระทำการนั้น ถ้าเป็นทางน้ำก็ต้องใช้ด้วยเรือ บางทีก็ตัดไม้มากระทำเป็นพ่วงแพแล้วจึงไปได้ ถ้าเป็นทางบกที่ดอนแล้วก็ต้องใช้ด้วยเกวียนจึงจะไปได้ ซึ่งข้าพเจ้าทำการขุดคลองสำเร็จแล้ว สัตว์ร้ายที่เคยทำร้ายราษฎรนั้นก็แตกตื่นหนีไปหมดสิ้น ตั้งแต่นี้ข้าพเจ้าเห็นว่าราษฎรคงจะมีความสุขเป็นอันมาก ถึงจะทำไร่ทำนาก็ได้บริบูรณ์ พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังอู๋ทูลดังนั้นก็ทรงพระโสมนัส จึงผินพระพักตร์มาตรัสแก่ขุนนางทั้งปวงว่า เกาเอี้ยวนี้สมควรเป็นขุนนางผู้ใหญ่ คาดการณ์ล่วงหน้าไว้นั้นถูกต้องไม่ผิดเลย อู๋ก็ขุดคลองสำเร็จเหมือนคำเกาเอี้ยวว่าไว้ อู๋คนนี้เป็นคนมีคุณแก่แผ่นดินมาก ตั้งแต่เรื่องไคเภ็กที่เราได้รู้มาก็ไม่มีใครเหมือนดังอู๋ ๆ รับอาสาไปทำการขุดคลองครั้งนี้มีความชอบมาก ประการหนึ่งเราทุกวันนี้คิดอยู่ว่า ซึ่งการสมบัติทั้งนี้เราหาบุญไม่แล้ว เราจะยกให้เป็นรางวัลแก่อู๋ผู้มีความชอบ ครั้นเราจะยกสมบัติให้แก่บุตรของเรา ๆ ก็เป็นคนเขลาหาปัญญามิได้ ไม่รู้จักการดีและชั่วให้รอบคอบ ถ้าเราสิ้นบุญแล้วเราจะยกให้อู๋เป็นเจ้าแผ่นดิน เราจะขอเพียงให้อู๋มีเมตตาแก่บุตรแห่งเราเหมือนดังบุตรของอู๋ เราคิดไว้ดังนี้ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด ขุนนางทั้งปวงจึงทูลว่า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์อันประเสริฐ ทรงพระสติปัญญาปรุโปร่งสอดส่องไปทั่วโลก พวกข้าพเจ้าทั้งปวงเป็นคนเขลาหาปัญญามิได้ ขอพระองค์จงจัดแจงดูตามชอบพระทัยเถิด

ฝ่ายอู๋ได้ฟังขุนนางกับพระเจ้าซุนเต้ฮ่องเต้ตรัสดังนั้นแล้ว รู้ตัวว่าพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จะมอบราชสมบัติให้เป็นแน่ มีความกลัวจนตัวสั่น เหงื่อไหลออกมาเปียกเสื้อไม่รู้ว่าจะทูลประการใดได้ แต่คำนับแล้วก้มหน้านิ่งอยู่ที่นั้น

ฝ่ายพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นอู๋มีอาการตกประหม่าโดยความกลัวดังนั้น จึงตรัสแก่อู๋ว่าท่านมีความชอบ เรานี้เห็นดีแล้วเราจึงได้ปรึกษาแก่ขุนนางทั้งปวง ๆ ก็เต็มใจว่าสุดแต่เรา ท่านอย่าได้แคลงใจสงสัยสิ่งใดเลย ถ้าเราสิ้นบุญแล้วท่านจงมีความอุตส่าห์อย่าให้เสียวาจาที่เราสร้างไว้ในการเรื่องนี้ อู๋ได้ฟังพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ตรัสดังนั้นก็ไม่รู้ที่จะทูลประการใด พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงตรัสว่า ท่านจงกลับไปเยี่ยมเยือนบ้านและบุตรภรรยาเสียก่อนเถิด อู๋ได้โอกาสดังนั้นก็ถวายคำนับลากลับมาบ้าน ครั้นได้ปีหนึ่งพระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้จึงตรัสแก่พวกขุนนางทั้งปวงว่า บัดนี้เราได้เป็นกษัตริย์มาช้านานแล้ว บัดนี้บิดามารดาสองท่านก็ชราเป็นอันมาก เราอยากจะให้ท่านมาอยู่ด้วยเรา แต่ก่อนเราให้ไปเชิญท่านก็หลายหนหลายครั้ง ท่านก็ไม่ยอมอยู่ด้วย เพราะท่านยังมีความโกรธเรามากอยู่ เราคิดประการใดจึงจะได้ท่านมาอยู่ด้วย

ขณะนั้นเกาเอี้ยวขุนนางผู้ใหญ่จึงทูลว่า พระราชบิดามารดาของพระองค์ก็ทรงพระชรามากแล้วพระทัยก็หลงใหล ประการหนึ่งพระองค์ก็ได้ให้เงินเดือนและข้าวปลาอาหารกับได้ยกส่วยสาอากรให้แก่ท่านใช้สอย ท่านก็มีความสุขสบายอยู่แล้ว ซึ่งท่านไม่อยากอยู่ด้วยพระองค์ พระองค์จะไปเชิญท่านอีกนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าเหมือนกับไปกวนใจท่าน ขอให้ท่านอยู่ตามสบายพระทัยของท่านก่อนเถิด พระเจ้าซุ่นเต้ฮ่องเต้ได้ทรงฟังเกาเอี้ยวทูลดังนั้นก็เห็นชอบด้วย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ