๕๗

ฝ่ายเปกเหมงฮันฉกนั้นเห็นสมนึกแล้วถือกระบี่ร้องประกาศว่า พระเจ้าเสียงเต้ออกมาเที่ยวเล่น มีอันเป็นขึ้นมาก็สวรรคต บัดนี้เราเห็นว่าโฮ่งี้มีสติปัญญาตั้งอยู่ในยุติธรรมควรจะครองราชสมบัติ แม้นผู้ใดไม่ยอมเราจะตัดศีรษะเสียด้วยกระบี่ที่เราถืออยู่นี้ พวกขุนนางทั้งปวงเคยกลัวอำนาจโฮ่งี้อยู่แต่ก่อนแล้ว ครั้นได้ฟังคำเปกเหมงฮันฉกถือกระบี่ร้องประกาศดังนั้น ก็ยิ่งกลัวอำนาจมากขึ้นก็พากันยอมทั้งสิ้น แล้วโฮ่งี้ก็ขึ้นรถทรงของพระเจ้าเสียงเต้พาพวกขุนนางกลับไปเมืองหลวงไม่ได้แวะเข้าเมืองเสี่ยงคิว

ฝ่ายฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนสี่คนนี้ตงฉินซึ่งเป็นคนสนิทของโฮ่งี้ รู้ความว่าโฮ่งี้ตั้งตัวเป็นกษัตริย์แล้ว ฬ่อบู๊นึกแต่ในใจแล้วพูดกับ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนว่าบ้านเมืองจะเกิดจลาจลขึ้นในครั้งนี้ก็เพราะด้วยคนพาลมีอำนาจขึ้นมาก ไพร่บ้านพลเมืองก็คงจะได้ความร้อนรน ประการหนึ่งแต่ก่อนเราก็ได้ห้ามปรามโฮ่งี้ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว โฮ่งี้ก็หาเชื่อฟังคำของเราไม่ โฮ่งี้เป็นคนละความสัตย์มิได้คิดถึงบุญคุณเจ้านายเลย ซึ่งโฮ่งี้ทำการทั้งนี้หาควรไม่ ด้วยพระเจ้าเสียงเต้มีพระเดชพระคุณชุบเลี้ยงเป็นอันมาก ซึ่งโฮ่งี้เป็นคนกังฉินอกตัญญูนั้นเราจะอยู่ทำราชการด้วยไม่ได้ หน่อยก็จะพาลพาโลเอาผิดแก่เรา จำเราจะต้องพากันหลบหนีโฮ่งี้เสียก่อนจะดีกว่า แล้วภายหลังเราจึงค่อยไปแจ้งความแก่นางเสียงตี่ฮองเฮามเหสีพระเจ้าเสียงเต้ให้ทราบ ฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนสี่คนพูดปรึกษากันดังนั้นแล้ว ก็เห็นดีด้วยกันที่จะคิดหนีไปเสียให้พ้นจากบ้านเมือง ครั้นรุ่งขึ้นเวลาค่ำก็พากันลอบหนีโฮ่งี้ไป แล้วก็แวะเข้าไปแจ้งความแก่นางเสียงตี่ฮองเฮาที่เมืองเสี่ยงคิว นางเสียงตี่ฮองเฮาทราบความแล้วก็ร้องไห้ ขณะนั้นนางเสียงตี่ฮองเฮาทรงครรภ์อยู่แต่เกือบจะคลอดพระราชบุตร ฝ่ายฬ่อบู๊ เต๊กอี่ เล่งอี่ ฮิมคุนนั้น ครั้นแจ้งความแก่นางเสียงตี่ฮองเฮาแล้ว ก็พากันคำนับลานางเสียงตี่ฮองเฮาไปแอบแฝงอยู่ตามบ้านป่าซอกห้วยธารเขา

ฝ่ายนางเสียงตี่ฮองเฮานั้นทราบความแล้วก็คิดกลัวโฮ่งี้จะมาทำร้าย เกลือกจะมีอันตรายขึ้นแก่ตัว จึงชวนคนสนิทหนีไปอยู่ด้วยอีวเย่งเฮาเจ้าเมืองอีวเย่งก๊กซึ่งเป็นบิดาของตัว

ฝ่ายฮูมีขุนนางซึ่งตามพระเจ้าเสียงเต้ไปอยู่ณเมืองเสี่ยงคิวนั้น แจ้งความว่าโฮ่งี้ประทุษร้าย เอายาพิษถวายพระเจ้าเสียงเต้เสวยสิ้นพระชนม์ แล้วตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็พาครอบครัวอพยพไปอยู่เมืองอิวจอกสี

ฝ่ายโฮ่งี้ฮันฉกเปกเหมงกับขุนนางเข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว ฮันฉก เปกเหมงและพวกขุนนางพากันยกโฮ่งี้ขึ้นเป็นกษัตริย์ โฮ่งี้ก็ตั้งทายเยียวบุตรเป็นไถจู๊ แล้วเปลี่ยนชื่อเมืองให้เรียกว่าเมืองอิวย่อง

ขณะนั้นขุนนางเก่า ๆ ก็พากันละราชการหนีไปอยู่ตามหัวเมืองเป็นอันมาก ครั้นอยู่มาเปกเหมงจึงทูลโฮ่งี้ว่า จูเฮ้าเจ้าเมืองจีมก๋วนและเมืองจีมซิมเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเสียงเต้แล้วก็เป็นเมืองใกล้เคียง เกลือกจะคิดเจ็บแค้นยกกองทัพเข้ามาทำอันตรายแก่พระองค์ ขอพระองค์รับสั่งให้กองทัพยกไปกำจัดให้สิ้นศัตรูเสี้ยนหนามเถิด โฮ่งี้กังฉินได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้ไถจู๊ทายเยียวกับฮันฉกคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปกำจัดจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งสอง ไถจู๊ทายเยียวได้ฟังรับสั่งแล้วก็จัดทหารและเครื่องศัสตราวุธพร้อมแล้ว พากันเข้าเฝ้าทูลลายกกองทัพเดินทางไปมิให้จูเฮ้าเจ้าเมืองจีมก๋วนก๊กรู้ตัว ก็เข้าตีได้เมืองจีมก๋วนก๊กโดยง่าย แล้วพากันยกกองทัพไปเมืองจีมซิมก๊กจูเฮ้าเจ้าเมืองจีมซิมก๊กก็พาครอบครัวอพยพไปเมืองอีวเย่งก๊ก

ฝ่ายราษฎรชาวเมืองจีมซิมก๊กก็พากันออกไปแจ้งความแก่ไถจู๊ทายเยียวและฮันฉก ไถจู๊ทายเยียวกับฮันฉกจัดแจงการบ้านเมืองจีมซิมก๊กและเมืองจีมก๋วนก๊กเรียบร้อยแล้ว ก็พากันยกกองทัพกลับเข้าเมืองหลวง แล้วเข้าเฝ้าทูลข้อราชการแก่โฮ่งี้กังฉิน ๆ ก็ยินดีปูนบำเหน็จให้แก่ไถจู๊ทายเยียวและฮันฉกตามสมควร แล้วตั้งฮันฉกให้เป็นไจเสียงขุนนางผู้ใหญ่ผู้สำเร็จราชการ และโฮ่งี้กังฉินนั้นตั้งแต่ได้ราชสมบัติก็ลุ่มหลงด้วยการสตรี มิได้มีใจสอดส่องในราชการบ้านเมือง แล้วนางสนมของพระเจ้าเสียงเต้นั้น โฮ่งี้ก็ให้หามาเป็นภรรยาโฮ่งี้ทั้งสิ้น จูเฮ้าหัวเมืองทั้งปวงนั้นรู้ความว่าโฮ่งี้กระทำการทุจริตต่าง ๆ ก็ไม่รู้ที่จะทำประการใดพากันนิ่งเสีย โฮ่งี้ก็ยิ่งมีใจกำเริบมากขึ้น และฮันฉกนั้นคิดจะชิงราชสมบัติโฮ่งี้อยู่เนือง ๆ จึงคิดอุบายไปพูดจาแก่ราษฎรชาวเมืองว่า บัดนี้มีผู้ทูลยุยงว่าพวกราษฎรพากันนินทาโฮ่งี้ ๆ จะออกมาให้จับพวกราษฎรฆ่าเสีย พวกราษฎรได้ฟังดังนั้นสำคัญว่าจริงก็ร้องไห้ ฮันฉกจึงว่าพวกท่านไม่มีความผิด จะพากันนิ่งตายนั้นหาควรไม่ จงคอยอยู่เวลาพรุ่งนี้ ถ้าโฮ่งี้คนโกงออกมาถึงนี่แล้ว พวกท่านจงพากันจับโฮ่งี้คนโกงฆ่าเสีย แล้วเชิญท่านผู้ที่อยู่ในยุติธรรมขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินคนต่อไป พวกราษฎรได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย แล้วฮันฉกก็กลับเข้าทูลโฮ่งี้ว่า พวกราษฎรพากันสรรเสริญพระองค์บ้าง พากันนินทาพระองค์บ้าง ขอเชิญพระองค์จงเสด็จไปตามถนนนอกกำแพงเมือง ถ้าราษฎรพวกใดไม่อ่อนน้อมต่อพระองค์แล้วก็ให้จับฆ่าเสีย โฮ่งี้ได้ฟังดังนั้นไม่รู้ในกลอุบายหมายว่าจริง ก็สั่งให้เจ้าพนักงานจัดรถเข้ามารับแล้วก็ไปด้วยฮันฉกและทหารรักษาองค์ถึงนอกกำแพงเมือง พวกราษฎรก็พากันถือเครื่องศัสตราวุธกลุ้มกันเข้ามาจะฆ่าฟันโฮ่งี้ ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจกลัว ถามว่าพากันถือเครื่องอาวุธเข้ามานั้นเหตุอันใด ราษฎรจึงพากันตอบว่า ท่านเป็นคนโกงอกตัญญูประทุษร้ายต่อพระเจ้าเสียงเต้ แล้วมิหนำซ้ำจะมาทำร้ายราษฎรซึ่งไม่มีความผิดด้วยเล่า เราจะพากันฆ่าท่านเสียแทนคุณพระเจ้าเสียงเต้ฮ่องเต้ พวกราษฎรว่าดังนั้นแล้วก็พากันเข้ากลุ้มรุมแทงฟัน ทหารรักษาโฮ่งี้ก็สู้รบต้านทานพวกราษฎรไม่ได้พากันหนีไป พวกราษฎรจึงเข้าฟันแทงโฮ่งี้กังฉินตายกายนั้นย่อยยับไป ศพนั้นราษฎรเอาใส่กระทะเคี่ยวน้ำมันประจาน แล้วพากันไปจับตัวไถจู๊ทายเยียวมาให้กินเนื้อโฮ่งี้กังฉิน

ฝ่ายไถจู๊ทายเยียวกินเนื้อโฮ่งี้บิดาไม่ได้ พวกราษฎรพากันฆ่าทายเยียวเสีย และโฮ่งี้นั้นว่าราชสมบัติได้แปดเดือนอายุเท่าใดไม่ปรากฏ ครั้นโฮ่งี้คนโกงตายแล้ว พวกราษฎรและแปะแซ่ดีใจพากันพูดนินทาว่าซึ่งโฮ่งี้คนโกงอยากเป็นฮ่องเต้นั้น เหมือนคนชาวป่าตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บนดอนอยากกินซึ่งเนื้อสัตว์ในทะเลจนน้ำลายไหล ได้ลักเข้ามาเป็นฮ่องเต้หน่อยหนึ่งก็ไม่ยืนยาววันไปได้ ขณะเมื่อโฮ่งี้กังฉินเป็นฮ่องเต้ ขุนนางตงฉินเห็นว่าคนพาลมีมาก ฝ่ายเปกเหมงกับพวกขุนนางนั้น ครั้นโฮ่งี้ตายแล้วก็ปรึกษากันยกฮันฉกขึ้นเป็นกษัตริย์ ฮันฉกนั้นหน้าเหลืองหนวดแดงจมูกงอนปากกว้าง ครั้นฮันฉกได้เป็นกษัตริย์แล้ว ก็ตั้งเปกเหมงเป็นที่ไจเสียง และเปกเหมงนั้นหน้าดำปากกว้างหน้าสี่เหลี่ยมไม่มีหนวด แล้วฮันฉกให้เปลี่ยนชื่อเมืองหลวงเสียใหม่ให้เรียกว่าเมืองตู้ฮู่ แล้วภรรยาโฮ่งี้นั้นฮันฉกเลี้ยงเป็นภรรยาเอก ฮันฉกได้ราชสมบัติแล้วก็เสวยแต่สุรามัวเมาด้วยสตรี แล้วให้หาเปกเหมงเข้าไปกินสุราด้วยเนือง ๆ ใจมิได้เป็นธุระด้วยราชการที่จะรักษาบ้านเมืองและทะนุบำรุงราษฎรเลย พวกจูเฮ้าทั้งหลายรู้ว่าฮันฉกขึ้นครองสมบัติก็พากันเพิกเฉยเสียมิได้เข้ามาทำสัตย์สาบาน ฮันฉกก็มัวแต่เสพสุราหลงด้วยสตรีเพลิดเพลินแต่ในการเล่น มิได้ให้ผู้ใดไปหาตัวพวกจูเฮ้าเจ้าเมืองทั้งปวงเข้ามา

ฝ่ายนางเสียงตี่มเหสีพระเจ้าเสียงเต้ไปอยู่ด้วยอีวเย่งเฮ้าเจ้าเมืองอีวเย่งก๊กผู้บิดา อยู่ได้ครึ่งเดือนนางคลอดพระราชโอรสให้ชื่อว่าเซียวคัง ตั้งแต่ฮันฉกได้ครองราชสมบัติสืบต่อมาจนเซียวคังอายุได้สิบหกปีมีสติปัญญามาก แล้วอีวเย่งเฮ้าตั้งเชียวคังเป็นอื้อเย่งมอกขุนนางในเมืองอีวเย่งก๊ก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ