๕๙

ฝ่ายอี้จือบุตรฮันฉกทูลว่าธรรมดาน้ำไหลท่วมมาก็ต้องทำทำนบกั้นน้ำไว้ให้แน่นหนา ถ้าข้าศึกยกทัพมาก็ต้องออกต้านทานสู้รบให้เห็นฝีมือ พระองค์อย่าได้ทรงวิตกไปเลย ข้าพเจ้าจะรับอาสาออกไปต่อสู้ให้มีชัยชนะแก่ข้าศึกให้จงได้ ฮันฉกได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้เปกเหมงเป็นแม่ทัพคุมทหาร ให้อี้จือเป็นผู้กำกับทัพแล้วให้สุราแก่อี้จือและเปกเหมงคนละสามถ้วย แล้วอี้จือกับเปกเหมงก็คำนับลาจัดทหารหมื่นหนึ่งยกกองทัพออกไปต่อสู้ด้วยข้าศึก และอี้จือนั้นอายุได้ยี่สิบปี หน้าแดงหนวดเหลือง สวมเกราะพื้นแดงสวมหมวกทองคำเหน็บกระบี่ถือทวนขึ้นม้า ๆ นั้นชื่อตู้ยฮ่องเบ๊

ฝ่ายเซียวคังกับพวกจูเฮ้าแจ้งว่าอี้จือกับเปกเหมงยกกองทัพออกมา ก็พากันแต่งตัวถืออาวุธขึ้นม้า นำทหารออกไปหน้าค่ายอี้จือ ๆ ก็นำทหารออกมาแล้วร้องถามว่าเจ้าพากันยกกองทัพมาทั้งนี้จะประสงค์สิ่งอันใดหรือ เซียวคังจึงตอบว่าบิดาเจ้าคิดประทุษร้ายแย่งชิงสมบัติบิดาเรา บัดนี้เราจะมาแก้แค้นบิดาเรา ถ้าเจ้ากับบิดาเจ้ารักตัวกลัวตายแล้ว จงมาสามิภักดิ์แก่เราเสียโดยดี เราเห็นว่าจะไม่มีอันตรายแก่ชีวิต อี้จือได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ทำเป็นหัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งเจ้าว่าบิดาเราชิงเอาราชสมบัติของบิดาเจ้านั้นหาจริงไม่ บิดาเจ้าตายนั้นโฮ่งี้เป็นคนประทุษร้ายต่างหาก ฝ่ายบิดาเราเห็นว่าโฮ่งี้เป็นคนไม่ดีคิดร้ายต่อแผ่นดินจึงได้กำจัดโฮ่งี้เสีย ภายหลังพวกขุนนางเห็นว่าไม่มีผู้ใดเป็นฮ่องเต้แล้วจึงพากันยกบิดาเราขึ้นครองราชสมบัติ ประการหนึ่งเราทราบอยู่ว่าแต่ครั้งแผ่นดินพนโกสีย์ฮ่องเต้ และแผ่นดินเทียนอ่องสีฮ่องเต้ ยี่นอ่องสีฮ่องเต้ ฮอกฮีสีฮ่องเต้ เอี้ยมเต้ สินล่งสีฮ่องเต้ อึ้งตี่ฮ่องเต้ เงี่ยวเต้ฮ่องเต้ ซุ่นเต้ฮ่องเต้ ต่อ ๆ กันลงมาจนทุกวันนี้ซึ่งราชสมบัตินั้นไม่เป็นของผู้ใด ถ้าผู้ใดมีบุญวาสนามากแล้วก็เป็นของผู้นั้น ตั้งแต่ไถโจ๊ว คือแผ่นดินพระเจ้าอู๋เต้ ซึ่งเป็นวงศ์เดิมของเจ้านั้น ก็ยังไม่มีผู้ใดแย่งชิงราชสมบัติ บิดาเราเห็นว่าโฮงี้เป็นคนไม่ดีจึงได้ฆ่าโฮ่งี้เสีย จะว่าผู้ใดชิงราชสมบัติผู้ใดก็ไม่ได้ สมบัตินี้เป็นของกลางอยู่ เซียวคังได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่มิได้ตอบประการใด

ฝ่ายฮูมีจึงตอบว่าเอ็งเป็นเด็กหนุ่มน้อยอายุยังอ่อนนักอย่าพูดหลอกลวงผู้ใหญ่เลย เมื่อครั้งโฮ่งี้คิดประทุษร้ายพระเจ้าเสียงเต้นั้นบิดาเจ้าก็ร่วมคิดกับโฮ่งี้ ๆ ได้ครองราชสมบัติแล้วบิดาเจ้ายังกลับคิดฆ่าโฮ่งี้ชิงเอาราชสมบัติ โกงต่อโกงด้วยกันไม่ใช่หรือ ซึ่งเจ้าอวดอ้างว่าบิดาเจ้าเป็นคนดีนั้นใครเลยจะเห็นจริง เจ้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนไม่อายเขาหรือ เราพากันยกกองทัพมาทั้งนี้หวังจะแก้แค้นแทนพระเจ้าเสียงเต้จับบิดาเจ้าแลตัวเจ้ากับทั้งพวกพ้องของบิดาเจ้าฆ่ากินโลหิตแล่เนื้อเสียให้จงได้ ให้ไอ้พวกกังฉินตายเสียให้หมด แล้วจะคืนราชสมบัติให้แก่เซียวคัง ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเสียงเต้ครอบครองต่อไป บ้านเมืองจะได้อยู่เย็นเป็นสุข เหตุใดบิดาเจ้าหลบตัวเสียไม่ออกมา พวกเจ้าพากันออกมาทั้งนี้ จะเอาคอเข้ามารอคมอาวุธนั้นเจ้าไม่กลัวความตายหรือ ฮูมีว่าดังนั้นแล้วก็บอกให้อีวง่อเฮ้ากับอีวจอกเฮ้าคุมทหารขึ้นขี่ม้าออกไปรบด้วยอี้จือเปกเหมง ๆ ก็ชักม้าขับทหารออกต่อสู้ได้สี่สิบเพลง แล้วอีวเย่งเฮ้ากับเซียวคังก็ขับม้านำทหารออกตีตัดกลางกองทัพอี้จือเปกเหมงไพร่พลแตกกระจัดกระจายไปไม่เป็นหมวดไม่เป็นกองอยู่ได้ อี้จือนั้นก็ชักม้าหนีไปทางทิศตะวันตก อีวง่อเฮ้าขับม้าสะอึกเข้าไปทันฟันด้วยง้าวถูกอี้จือตกม้าตาย

ฝ่ายเปกเหมงนั้นนึกว่าจะชักม้ากลับหนีเข้าเมือง อีวจอกเฮ้าจึงขับม้าถลันเข้าไปกั้นหน้าไว้ แล้วฟันด้วยดาบถูกเปกเหมงขาดเป็นสองท่อนตาย พวกทหารเซียวคังพากันไล่ฆ่าฟันพวกทหารอี้จือเปกเหมงล้มตายเป็นอันมาก ไพร่พลและทหารที่เหลือตายนั้นก็หนีเข้าป่าและซอกห้วยธารเขาไป พวกราษฎรในเมืองหลวงเห็นกองทัพไถจู๊เซียวคังได้ชัยชนะแก่พวกกังฉินก็ดีใจ พากันไปเปิดประตูเมืองรับกองทัพไถจู๊เซียวคัง ๆ กับพวกจูเฮ้าสั่งทหารให้ยกเข้าไปในเมือง แล้วพวกขุนนางเก่า ๆ ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเสียงเต้นั้นพากันมาคำนับเซียวคัง

ฝ่ายฮันฉกรู้ว่าพวกข้าศึกเข้ามาในเมืองได้แล้วก็เสียใจคิดว่าข้าศึกจับเราได้ก็จะทำประจานต่าง ๆ เราฆ่าตัวเราเสียเองจะดีกว่าได้ความอายและความที่อัปยศอดสูนั้นก็จะน้อยลง คิดดังนั้นแล้วฮันฉกก็เอากระบี่เชือดคอตายอยู่ที่เฮ้าเก๋งคือเก๋งข้างใน ขณะนั้นไถจู๊เซียวคังให้ฮูมีคุมทหารเข้าไปจับฮันฉกในพระราชวัง

ฝ่ายฮูมีเข้าไปเห็นฮันฉกเชือดคอตาย ก็ตัดศีรษะฮันฉกมาให้แก่ไถจู๊เซียวคัง ๆ ก็ให้ทหารเอาศีรษะฮันฉกไปเสียบประจานไว้ที่ประตูเมือง แล้วไถจู๊เซียวคังเขียนหนังสือประกาศไว้ตามประตูเมือง มิให้พวกราษฎรแตกตื่นตกใจไป ให้อยู่ด้วยกันตามที่เดิมของตน ฮันฉกกังฉินนั้นครองราชสมบัติได้สามสิบสองปีอายุเท่าใดไม่ปรากฏ แล้วอีวง่อเฮ้า อีวจอกเฮ้า อีวเย่งเฮ้า กับฮูมีและพวกขุนนางทั้งปวงก็ยกไถจู๊เซียวคังขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่าพระเจ้าเซียวคังเต้ ๆ ตั้งฮูมีเป็นที่ใจเสียงขุนนางผู้ใหญ่ผู้สำเร็จราชการ แล้วตั้งหนึงไหงเป็นที่เจียงกุนฝ่ายทหาร แล้วรับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะเลี้ยงพวกจูเฮ้าและพวกขุนนางทแกล้วทหารทั้งปวง พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่พวกขุนนางและนายทัพนายกองทแกล้วทหารตามสมควร แล้วพวกจูเฮ้าทั้งสามเมืองที่มาช่วยกำจัดฮันฉกกังฉิน แล้วยกพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น พระเจ้าเซียวคังเต้ก็ให้เลื่อนที่มียศใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน แล้วรับสั่งกับจูเฮ้าทั้งสามว่า ท่านยกทัพมาครั้งนี้เหน็ดเหนื่อยมาก เชิญท่านกลับไปรักษาเมืองอยู่ตามเดิม พวกจูเฮ้าทั้งสามเมืองทราบแล้ว ได้รับที่ตั้งมียศขึ้นทุกคนมีความยินดีเป็นอันมาก ครั้นเสร็จการในที่รับตำแหน่งที่ตั้งขุนนางจูเฮ้าแล้ว พวกจูเฮ้าทั้งสามพากันเข้าไปคำนับทูลลาพระเจ้าเซียวคังเต้กลับไปรักษาเมืองตามเดิม ครั้นพวกจูเฮ้าออกจากเมืองหลวงไปแล้ว จึงสั่งให้ขุนนางไปจัดแจงเก๋งและวังให้เรียบร้อย ขุนนางก็ไปจัดแจงตกแต่งพร้อมเสร็จ พระเจ้าเซียวคังเต้รับสั่งให้พวกขุนนางออกไปรับพระมารดาและครอบครัวเข้ามาในเมืองหลวง ครั้นอยู่มาพระเจ้าเซียวคังเต้เสด็จออกว่าราชการ พระองคทรงดำริแล้วก็ทรงจัดการ คือที่หนึ่งรับสั่งให้ขุนนางตำแหน่งอาลักษณ์สำหรับสอนหนังสือเด็ก ๆ ที่มีอายุสมควรจะเล่าเรียนก็ให้มาศึกษาเล่าเรียน ที่สองจัดให้ขุนนางเที่ยวตรวจราษฎรให้ประพฤติความสุจริต เป็นการลูกค้า ๆ ขายและการช่างต่าง ๆ ที่สามจัดขุนนางเจ้าพนักงานฝ่ายไร่นา สั่งสอนให้ราษฎรทำไร่ไถนา ที่สี่ให้ขุนนางผู้ตรวจตรารับทุกข์และสุขของราษฎรไม่ให้เบียดเบียนข่มเหงแก่กันและกัน ครั้นจัดการทะนุบำรุงบ้านเมืองดังนี้แล้ว ราษฎรก็ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขกันทั่วขอบขัณฑสีมา.

จบบริบูรณ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ